Visa ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพ Plaid ด้วยมูลค่าถึง 5,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากการเพิ่มทุนรอบล่าสุดในปี 2018 ที่บริษัทมีมูลค่ากิจการราว 2,700 ล้านดอลลาร์

Plaid เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ API สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ใช้งาน เข้ากับแอปบริการทางการเงินต่าง ๆ ตัวอย่างลูกค้าอาทิ Venmo แอปโอนเงินหากัน, Robinhood แอปสำหรับซื้อขายหุ้น, Coinbase บริการซื้อขายเงินคริปโต เป็นต้น โดย Plaid ระบุว่าผู้มีบัญชีธนาคารในอเมริกาถึง 1 ใน 4 ที่ใช้บริการ Plaid เชื่อมต่อสู่บริการแอปฟินเทคต่าง ๆ

รายชื่อนักลงทุนใน Plaid นั้นมีทั้ง Visa, คู่แข่งอย่าง Mastercard, Citi, American Express ไปจนถึง Goldman Sachs

วีซ่าถือเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่ที่อยู่คู่กับวงการ esports มาอย่างช้านาน ซึ่งหลายๆ ประเทศต่างเริ่มขยับตัวเพื่อตอบรับกับอีกหนึ่งกระแสสำคัญของวงการเกมนี้ ล่าสุด เยอรมนีได้แถลงเปิดตัววีซ่าระยะยาวสำหรับนักกีฬา esports อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มใช้งานในเดือนมีนาคม 2020 นี้

วันนี้ บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ คือ Visa, Mastercard, American Express และ Discover ได้ร่วมกันประกาศเปิดตัวระบบจ่ายเงิน Click to Pay ซึ่งพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ในร้านค้าออนไลน์ 3 แห่ง คือ Cinemark, Movember และ Rakuten

Click to Pay เป็นปุ่มสำหรับจ่ายเงินแบบใหม่ซึ่งเป็นความร่วมมือของทั้งสี่บริษัทตามที่ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้ว โดยเป้าหมายของระบบนี้คือการทำให้ระบบชำระเงินเป็นเรื่องที่สะดวก คลิกปุ่มเดียวจบ

ตามความคาดหมายหลัง PayPal ถอนตัวจากโครงการ Libra ก็มีพาร์ทเนอร์รายอื่นประกาศถอนตัวตามมา โดยรอบนี้มาพร้อมกันชุดใหญ่ 4 รายคือ eBay, Stripe, Visa, Mastercard

บริษัททั้ง 4 รายออกแถลงการณ์คล้ายๆ กันว่า ยังสนใจโครงการ Libra อยู่ แต่เลือกจะไปโฟกัสธุรกิจในด้านอื่นแทน

การถอนตัวของ PayPal, Stripe, Visa, Mastercard ทำให้สมาคม Libra Association สูญเสียพาร์ทเนอร์ด้านบริษัทจ่ายเงินไปเกือบทั้งหมด ตอนนี้เหลือเพียงบริษัทรายเล็กที่โฟกัสเฉพาะในบางประเทศอย่าง Mercadopago กับ PayU เท่านั้น

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal (WSJ) อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัว ระบุว่าสถาบันการเงินที่ร่วมกับโครงการ Libra รวมถึง Visa และ Mastercard อาจจะถอนตัวออก หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกแสดงความกังวลกับโครงการนี้อย่างมาก

David Marcus ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Libra ทวีตถึงข่าวนี้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะมีองค์กรใดถอนตัวออกจากโครงการ และสมาชิกชุดแรกของโครงการจะประกาศเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เขายืนยันว่าโครงการยังคงทำงานแก้ไขข้อกังวลต่างๆ และวิจารณ์บทความของ WSJ ที่ระบุว่าไม่มีข้อมูลความปลอดภัยของ Libra และแนวทางการป้องกันการใช้เงิน Libra ในทางที่ผิดว่าไม่จริง

Visa Checkout เป็นบริการจ่ายเงินออนไลน์ลักษณะคล้าย PayPal เปิดให้บริการมาแล้วราว 5 ปี วันนี้ Visa กำลังเตรียมแผนจะหยุดให้บริการ Visa Checkout แล้ว

9to5Google เป็นผู้รายงานข่าวนี้ โดยระบุว่า Visa Checkout กำลังจะหยุดให้บริการในปี 2020 และ Visa Checkout ก็ผูกบริการเข้ากับ Android Pay ในปี 2017 ซึ่งปัจจุบันก็กลายมาเป็น Google Pay แต่ล่าสุดก็พบว่าข้อมูลของ Google Pay ในส่วนของบริการและบัญชีที่รองรับก่อนหน้าที่เขียนไว้ว่ารองรับ Visa Checkout ก็ถอดออกไปแล้ว (แต่ยังใช้ได้)

ในงาน Bangkok FinTech Fair 2019 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย Blognone ได้เข้าสัมภาษณ์ Shashi Verma ซีทีโอและผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าของขนส่งลอนดอน (Transport for London - TfL) หรือหน่วยงานที่ดูแลระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดในลอนดอนมาบรรยายถึงกรณีศึกษาการเดินทางในลอนดอนที่รับจ่ายผ่าน contactless เป็นอีกช่องทางจ่ายเงินที่สะดวกสบาย ไม่ต้องรอคิวหรือซื้อบัตรเดินทาง และ สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย พูดถึงความเป็นไปได้ในประเทศไทย

LINE Pay ประกาศเปิดตัวบัตรเครดิต Visa โดยการใช้งานผ่านแอป LINE ทั้งหมด ตั้งแต่การสมัครผ่าน LINE Pay และเมื่อใช้งานแล้วก็แจ้งเตือนยอดจ่ายผ่าน LINE

ตัวบัตรเป็น Visa Paywave สามารถจ่ายได้ทั้งแบบ contactless, chip+signature, และ chip+PIN ได้ทั่วโลก

เมื่อจ่ายผ่านบัตรจะได้คะแนนสะสมกลับคืน 3% บัตรฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก และฟรีต่อไปเมื่อใช้อย่างน้อยปีละครั้ง หากไม่ใช้เลยมีค่าธรรมเนียม 1,250 เยน

สำหรับช่วงแรกมีบัตรรุ่นโอลิมปิก 2020 ได้เลือกได้ เริ่มรับจองเดือนสิงหาคมนี้

ที่มา - LINE

LINE Pay ประกาศความร่วมมือกับ Visa โดยผู้ใช้ LINE Pay จะสามารถยื่นสมัครบัตรเครดิต Visa ได้จากแอพ LINE โดยตรง และได้บัตรเครดิตดิจิทัลที่เปิดใช้งานจากในแอพได้ (ข้อมูลจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ LINE ประเทศไทย ระบุว่าวิธีจ่ายเงินคือผ่าน QR และยังใช้ได้เฉพาะในญี่ปุ่น-ไต้หวัน)

ในอนาคต ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มบัตร Visa ที่มีอยู่แล้วเพื่อใช้เป็นบัตรดิจิทัลในแอพ LINE ได้ด้วย โดยจะยังได้สิทธิประโยชน์อย่างการสะสมแต้ม หรือการชำระเงินในรูปแบบใหม่ๆ หากเดินทางไปต่างประเทศ

สตาร์ทอัพฟินเทคในซานฟรานซิสโก ร่วมกับ Visa เปิดตัว GetBarter แอพชำระเงินสำหรับคนแอฟริกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าใช้จ่ายส่วนตัวและใช้จ่ายในร้านค้าขนาดเล็กภายในประเทศและข้ามพรมแดน แม้ไม่มีบัตร Visa ก็จ่ายได้โดยใช้บัตร Visa เสมือนจริงในแอพ และรับเงินได้ด้วย

GetBarter ยังช่วยให้ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ถือบัตร Visa แต่ต้องมีบัญชีธนาคาร หรือมีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ก็สามารถสร้างบัตร Visa เสมือนจริงในแอพได้

เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา Visa เปิดตัว Scan to Pay ในไทย จ่ายบัตรเครดิตผ่าน QR เริ่มทยอยใช้งานในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าใหญ่ และล่าสุดจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวชายสี่บะหมี่เกี๊ยวได้แล้ว 378 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล และจ่ายผ่าน virtual credit card ในแอพ SCB Easy ผ่านการสแกน QR Visa ได้แล้วด้วย ช่วยให้ลูกค้าได้แต้มบัตรเครดิต ชิงโชคต่างๆ

หากผู้ใช้ใช้แอพ SCB Easy มาสแกนจ่าย ตัวแอพจะให้เลือกว่าให้ตัดเงินผ่านอะไรระหว่างบัตรเดบิตธรรมดา หรือบัตรเครดิต Visa

Visa ประกาศเปิดการใช้งานชำระเงินด้วย QR Code หรือ Scan to Pay ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีธนาคารพันธมิตรที่สามารถใช้งานได้แล้วในตอนนี้คือ 4 รายคือ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยช่วงเริ่มต้นนี้ใช้งานได้แล้วในห้างเครือเดอะมอลล์กรุ๊ปบางแห่ง เช่น เอมควอเทียร์, สยามพารากอน ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยว, ร้าน Subway, รถแท็กซี่ที่แขวนป้าย Scan to Pay ของ Visa

Visa ประกาศร่วมมือกับ mada ระบบจ่ายเงินแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย (เทียบได้กับ TPN ของประเทศไทย) เพื่อพัฒนาแอพมือถือใหม่ชื่อว่า mada Pay ซึ่งจะเป็นระบบจ่ายเงินบนมือถือรายแรกของซาอุฯ ที่รองรับการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส

แอพ mada Pay รองรับการจ่ายเงินกับผู้ค้าที่เปิดใช้งาน NFC ทั้งในประเทศซาอุฯ และนอกประเทศ โดยตัวแอพจะรองรับบัตร Visa ที่ออกในซาอุ และบัตรสัญลักษณ์ร่วม Visa และ mada

ในด้านความปลอดภัย mada Pay จะใช้โทเคนจากระบบ Visa Token Service หรือ mada Tokenization Platform มาทำธุรกรรมแทนการใช้ข้อมูลบัตรจริงของลูกค้า โดยจะใช้ข้อมูลประเภทของบัตร, สถานที่ทำธุรกรรม และอื่น ๆ มาใช้ในการสร้างโทเคน

Visa ประกาศเริ่มดำเนินการให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านผลิตภัณฑ์ Visa Debit อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว

สืบเนื่องจาก Visa ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เป็นเครือข่ายจัดการธุรกรรมการเงินผ่านบัตรเดบิตเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และด้วยความร่วมมือจาก ITMX ผู้ดูแลระบบการชำระเงินและโอนเงินระหว่างธนาคาร Visa จึงสามารถให้บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Visa Debit ได้

คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการ Visa ประจำประเทศไทย ระบุว่าที่ผ่านมา Visa จัดการแต่เครือข่ายบัตรเครดิต ไม่ได้เข้ามาจัดการการทำธุรกรรมผ่านบัตรเดบิตเลย ซึ่งจากการที่ Visa ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ Visa ได้จัดการและมองเห็นธุรกรรมบนบัตรเดบิตได้ด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้ Visa เข้ามาแก้ปัญหาให้ธนาคาร เช่น ช่วยเข้าไปดูว่ามีอัตราไม่อนุมัติการจ่ายมากเท่าไร เกิดจากอะไร Visa จะเข้าไปแก้ปัญหาช่วยให้เกิดการอนุมัติการจ่ายมากขึ้น

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Visa ประสบปัญหาล่มบางส่วนทั่วยุโรป ทำให้การจ่ายเงินสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ตอนนี้ทาง Visa ก็ได้ส่งจดหมายชี้แจงสาเหตุให้สภาผู้แทนแห่งสหราชอาณาจักรทราบสาเหตุ

Visa ชี้แจงว่าระบบสำรองมีหลายชั้น ทั้งอุปกรณ์สำรองในแต่ละศูนย์ข้อมูล และศูนย์ข้อมูลสำรองที่ความสามารถเพียงพอที่จะประมวลผลทั้งหมดเหมือนระบบหลัก โดยในกรณีนี้ปัญหาเกิดที่คอร์สวิตช์ที่มีสองตัวในแต่ละศูนย์ข้อมูล

หลังจากที่ Visa ล่มทั่วยุโรปจนส่งผลให้ผู้ถือบัตร Visa จำนวนมากไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ล่าสุด Visa ก็ยืนยันแล้วว่าตอนนี้ระบบสามารถใช้งานได้เต็มความจุแล้ว ผู้ใช้บัตร Visa สามารถใช้เพื่อซื้อสินค้าและกด ATM ได้ตามปกติแล้ว

Visa กล่าวในคำแถลงว่าปัญหาดังกล่าวนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ หรือว่าการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด โดยโฆษกยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความล้มเหลวที่ฮาร์ดแวร์ และไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดจากการโจมตี

Visa มีปัญหาประมวลผลการจ่ายเงินไม่ได้ทั่วยุโรปและสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดวิกฤติเล็กๆ เนื่องจากร้านขายของชำ, ปั๊มน้ำมัน, และทางพิเศษที่จ่ายค่าบริการด้วยบัตรเครดิต กลับไม่สามารถใช้งานได้

ร้านค้าบางร้านต้องประกาศงดรับบัตรเครดิตชั่วคราว บางร้านประกาศรับเฉพาะ MasterCard และ Amex

ผู้ให้บริการเกตเวย์อย่าง Paymentsense และธนาคารผู้ออกบัตรอย่าง HSBC พูดตรงกันว่าปัญหากำลังคลี่คลาย โดย Visa เริ่มประมวลผลการจ่ายเงินได้แล้ว แต่ระหว่างนี้ยังมีรายการค้างในระบบอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้ระบบยังคงหนาแน่นต่อไป

รายงานเป็นทางการล่าสุดจากทวิตเตอร์ของ Visa ยุโรป คือประกาศว่ากำลังแก้ปัญหาเมื่อห้าชั่วโมงที่ผ่านมา

ผู้ให้บริการบัตรเครดิต 4 รายใหญ่ในสหรัฐคือ Visa, Mastercard, American Express, Discover ประกาศนโยบายยกเลิก "การเซ็นสลิป" กับการรูดบัตรในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เริ่มมีผลในวันที่ 13 เมษายน (เมื่อวานนี้)

ก่อนหน้านี้ บัตรเครดิตบางรายยกเลิกการเซ็นสลิปมาก่อนแล้ว แต่เฉพาะธุรกรรมที่จำนวนไม่มากนัก (ในบ้านเราก็เริ่มทำบ้างพอสมควรแล้ว) แต่ภายใต้นโยบายใหม่ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะไม่บังคับให้ลูกค้าต้องเซ็นสลิป รวมถึงร้านค้าไม่จำเป็นต้องเก็บสลิปที่เซ็นแล้ว แต่สุดท้ายการตัดสินใจขึ้นกับร้านค้าแต่ละราย ว่าจะยังต้องการลายเซ็นหรือไม่

Coinbase เว็บไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่พบปัญหาการตัดเงินจากบัตรของผู้ใช้ โดยมีผู้ใช้รายงานเข้ามาจำนวนมากว่ามีการตัดเงินบัตรเครดิตด้วยยอดแปลก ๆ แถมยังมีผู้ใช้บางคนรายงานว่าถูกตัดเงินจากบัตรซ้ำสองครั้ง มีบางราย (ซึ่งยังไม่คอนเฟิร์มข้อมูล) บอกว่าตัวเองโดนไป 50 ครั้ง

Coinbase รายงานหลังจากได้รับแจ้งจากผู้ใช้ว่า ปัญหานี้เกิดจากระบบประมวลผลบัตรเครดิตของผู้ใช้เอง ซึ่งทาง Coinbase ได้กล่าวโทษ Visa ว่ามีการชาร์จบัตรลูกค้าซ้ำ

สำนักงานใหญ่ Grab ในสิงคโปร์ประกาศผู้บริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ดูแล GrabPay คนใหม่เป็นผู้หญิงชื่อ Ooi Huey Tyng ซึ่งก่อนหน้านี้เธอรับตำแหน่ง Country Manager ของ Visa ที่ดูแลสิงคโปร์และบรูไนมาก่อน ส่วนก่อนหน้านั้นก็เคยมีประสบการณ์กับธนาคารใหญ่ๆ อย่าง UOB และ Citi ด้วย

ก่อนหน้านี้ Grab เคยระบุว่ามีแผนจะเปิดให้บริการ GrabPay ในมาเลเซียและบริการโอนเงินระหว่างผู้ใช้ (peer-to-peer) ในฟิลิปปินส์ ขณะที่ Ooi ถูกวางตัวให้ดูแล GrabPay ในสิงคโปร์, มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่ง Grab ก็น่าจะตั้งใจดึงเธอมาดูแลบริการใหม่ใน 2 ประเทศนี้โดยเฉพาะ

Bank of America ประกาศเตรียมรองรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้ด้วยลายนิ้วมือในปีหน้า โดยใช้เทคโนโลยี Intel Online Connect ทำให้ไม่ต้องส่งข้อมูลภาพลายนิ้วมือออกจากเครื่องผู้ใช้แต่อย่างใด บริการจะเริ่มให้บริการจริงในปี 2018 โดยตอนนี้ Bank of America มีผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์อยู่ 34 ล้านคน

ทางด้าน Visa เองก็ประกาศรองรับ Intel Online Connect โดยจะใช้ร่วมกับบริการ 3D Secure ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่น 2.0 ที่ EMVco น่าจะออกมาตรฐานได้ภายในปีนี้

บริษัทประมวลผลการจ่ายเงินอย่าง Visa มีศูนย์ข้อมูลเฉพาะในอเมริกาเหนือมาโดยตลอด วันนี้บริษัทก็ประกาศเตรียมขยายศูนย์ข้อมูลทีเดียวอีกสองประเทศ คือ สิงคโปร์ และอังกฤษ

ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์นับเป็นศูนย์ข้อมูลการจ่ายเงินศูนย์แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร โดยก่อนหน้านี้ Visa เคยลงทุนในสิงคโปร์ด้วยการเปิด Visa University และ Singapore Innovation Center สำหรับการศึกษาและการลงทุนนวัตกรรมมาก่อนแล้ว สำหรับศูนย์ข้อมูลในอังกฤษจะเป็นศูนย์ข้อมูลเก่าที่มาปรับปรุงใหม่ มีพื้นที่ใช้สอย 10,000 ตารางเมตรเช่นเดียวกัน

ศูนย์ข้อมูลทั้งสองศูนย์จะเริ่มประมวลผลการจ่ายเงินในปี 2018

VISA, MasterCard, UnionPay ร่วมมือกันเปิดตัว "QR Code มาตรฐาน" สำหรับการจ่ายเงินในประเทศไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่ทั้งสามเครือข่ายทำความตกลงกันเพื่อให้ QR สามารถทำงานร่วมกันได้

คุณฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทยสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผ่านทางหลักการ "Regulatory Sandbox" ที่เปิดทางให้เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถให้บริการได้ง่ายขึ้น

Visa ได้โชว์คอนเซปต์การจ่ายเงินด้วยแว่นตากันแดดในงาน South by Southwest (SXSW) เทศกาลที่จัดขึ้นในรัส Texas และในงานประลองการโต้คลื่น Quiksilver Pro และ Roxy Pro ที่จัดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย

สำหรับแว่นตาที่จะนำมาใช้สำหรับการจ่ายเงิน จะมีชิพสำหรับการจ่ายเงินฝังไว้ด้านในตัวแว่น และถ้าต้องการจ่ายเงินเพียงแค่ถอดแว่นออกมาและแตะเข้ากับเครื่องรับการจ่ายเงิน NFC เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องรูดบัตร

แว่นตานี้เป็นการทดลองของ Visa เพื่อดูความต้องการของตลาดว่ามีแบรนด์หรือธนาคารใดสนใจจะนำไปทำต่อหรือไม่ ซึ่งนอกจากแว่นตาแล้ว ก่อนหน้านี้ Visa ก็เคยทำระบบจ่ายเงินด้วยแหวนมาแล้ว

เราอาจใกล้เห็นยุคของ IoT Commerce เมื่อ IBM จับมือกับ Visa เชื่อมเทคโนโลยี token ของ Visa เข้ากับแพลตฟอร์ม Watson IoT แม้การร่วมมือครั้งนี้จะยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม แต่ก็คาดเดาได้ว่าจะสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ได้ในอนาคต

Bret Greenstein รองประธานฝ่ายธุรกิจดิจิทัลของ IBM Watson IoT ระบุว่าเราไม่จำเป็นต้องซื้อของผ่านหน้าจออย่างเดียว จุดประสงค์ของการร่วมมือครั้งนี้คือเราจะสามารถซื้อของผ่านเอนด์พอยต์ (endpoint) ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องทำกาแฟ เครื่องปรินท์ รถยนต์ และอาจสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดอาหาร สุขภาพได้