ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์ Windows Recall ในงาน Build 2024 เดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งมากมาย มีประเด็นด้านความปลอดภัย เสี่ยงข้อมูลรั่วไหล จนไมโครซอฟท์ต้องเลื่อนแล้ว เลื่อนอีก
ไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ให้แอพ Copilot for Windows สองอย่างดังนี้
สองฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับแอพ Copilot เวอร์ชัน 1.25034.133.0 ที่ทยอยอัพเดตให้กลุ่ม Insider ก่อน
ที่มา - Microsoft
เหลือเวลาเพียง 6 เดือนที่ Windows 10 จะสิ้นสุดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ท่าทีของไมโครซอฟท์นั้นดูจะไม่เลื่อนกำหนดออกไปอีกแล้ว อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งผู้ใช้งาน Windows 11 ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งในตอนนี้
ตัวเลขล่าสุดของ Statcounter เดือนมีนาคม 2025 ที่วัดส่วนแบ่งการใช้งานเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows พบว่า Windows 11 มีส่วนแบ่ง 42.69% ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ขณะที่ Windows 10 ยังเป็นระบบปฏิบัติการที่มีส่วนแบ่งมากที่สุด 54.2%
ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 26200.5518 (Dev Channel) ที่มีรายการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น การตั้งค่าให้ Taskbar ปรับขนาดไอคอนเองหากมีแอพเยอะๆ (Taskbar icon scaling)
แต่มีผู้ใช้ชื่อ @phantomofearth ที่ขุดข้อมูลใน Windows Insider ค้นพบว่าใน Build นี้มี Start Menu แบบใหม่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็น Start Menu แบบที่ผู้ใช้เรียกร้องกันมานาน
ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อยฟีเจอร์ AI ของ Windows 11 ที่เดิมมีเฉพาะ Copilot+ PC ที่ใช้ชิป Snapdragon X เพราะเป็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับ Qualcomm ให้กับพีซีที่ใช้ซีพียู AMD/Intel ด้วย
ตัวอย่างฟีเจอร์เหล่านี้เราคุ้นๆ กันในข่าวมาพอสมควรแล้ว เช่น Live Caption ในการประชุมออนไลน์-เล่นวิดีโอจากในเครื่อง, Paint Cocreator, Photos Restyle Image, Photos Image Creator
Windows 11 Insider Preview Build 26200.5516 (Dev Channel) นอกจาก ตัดสคริปต์ bypassnro.cmd เพื่อบังคับให้ต่อเน็ตตอนติดตั้ง ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายอย่าง
ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 26200.5516 (Dev Channel) มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เป็นข่าวคือถอดสคริปต์ bypassnro.cmd ที่ถูกใช้เป็นเทคนิคเลี่ยงการติดตั้ง Windows 11 แบบบังคับเชื่อมต่อเน็ต-สร้างบัญชี Microsoft Account กันมานาน
ไมโครซอฟท์เริ่มบังคับต่อเน็ต-มีบัญชี Microsoft Account ใน Windows 11 version 22H2 แต่ยังพอมีช่องทางหลบเลี่ยงได้ โดยเรียกสคริปต์ bypassnro.cmd ตอนติดตั้ง Windows เพื่อบอกให้ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเปลี่ยนแปลงล่าสุดคือ ไมโครซอฟท์ถอด bypassnro.cmd ออกจากระบบปฏิบัติการแล้ว ด้วยเหตุผลตรงไปตรงมาว่าต้องการให้ผู้ใช้เชื่อมต่อเน็ตและมีบัญชี Microsoft Account หลังติดตั้ง
ไมโครซอฟต์เปิดเว็บ Windows Roadmap แจ้งแนวทางการพัฒนา Windows 11 ว่าจะมีฟีเจอร์ใดเพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาใดบ้าง จากเดิมที่ต้องรอว่าอัพเดตฟีเจอร์แต่ละรอบจะได้รับอะไรบ้าง
แนวทางนี้เป็นความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะพัฒนาวินโดวส์แบบเปิดเผยมากขึ้น โดย Roadmap จะเปิดเผยฟีเจอร์ 3 ชนิด ได้แก่ 1) ฟีเจอร์ที่เปิดให้แล้วใน Windows Insider 2) ฟีเจอร์ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปบางส่วน 3) ฟีเจอร์ที่เปิดให้ใช้ทั่วไป
ไมโครซอฟท์ยืนยันปัญหาที่เกิดกับผู้ใช้งาน Windows 11 บางคน หลังอัปเดตแพตช์ล่าสุดเดือนมีนาคม แล้วแอป Microsoft Copilot หายไปจากเครื่อง
ไมโครซอฟท์อธิบายในหน้าซัพพอร์ตของแพตช์ KB5053598 ว่าแอปอาจถูกถอนการติดตั้งออกไป แล้วถูก Unpin จาก Taskbar ด้วย โดยปัญหานี้ไม่เกิดกับ Microsoft 365 Copilot
แนวทางแก้ไขเบื้องต้น ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด Microsoft Copilot ได้เองผ่าน Microsoft Store หรือถ้าเลือกรอ ไมโครซอฟท์บอกกำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่
ไมโครซอฟท์อัปเดตความสามารถให้โปรแกรม Snipping Tool และ Notepad บน Windows 11 โดยเริ่มทยอยอัปเดตให้กลุ่ม Windows Insiders แล้ว รายละเอียดดังนี้
Snipping Tool อัปเดตเวอร์ชัน 11.2502.18.0 เพิ่มความสามารถ Draw & Hold สามารถวาดรูปทรงในภาพที่จับหน้าจอมาได้สวยงามขึ้น
ส่วน Notepad เวอร์ชัน 11.2501.29.0 เพิ่มฟีเจอร์ Summarize โดยเมื่อไฮไลท์ข้อความที่ต้องการ แล้วเลือก Summarize จากปุ่ม Copilot หรือใช้ทางลัด Ctrl + M โปรแกรม Notepad จะสรุปเนื้อหาจากข้อความที่ไฮไลท์ รูปแบบเดียวกับโปรแกรม AI อื่น หากไม่ต้องการฟีเจอร์นี้สามารถปิดได้ใน Settings
Notepad ยังเพิ่ม Recent Files ให้สามารถเรียกไฟล์ล่าสุดที่เพิ่งกดปิดไปได้
หลัง ไมโครซอฟท์ออกแอพ Copilot แบบเนทีฟบนวินโดวส์ ก็เดินหน้าออกฟีเจอร์ใหม่ต่อทันทีคือ Press to talk กดปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดเพื่อส่งเสียงคุยกับ Copilot ได้โดยตรง (ลักษณะเดียวกับผู้ช่วย AI บนสมาร์ทโฟน)
วิธีการคือกด Alt + Spacebar ค้างไว้ 2 วินาทีจากที่ไหนก็ได้บน Windows แล้วพูดได้เลย พูดจบให้กด Esc เพื่อส่งคำสั่งเสียงไปยัง Copilot
ฟีเจอร์นี้เริ่มใช้กับแอพ Copilot บน Windows Insider แล้ว
ที่มา - Microsoft
ไมโครซอฟท์ปรับหน้าสเปกขั้นต่ำของ Windows 11 24H2 ว่าต้องใช้ซีพียูฝั่งอินเทลที่เป็น Gen 11 ขึ้นไป (จะเป็น Core, Atom, Celeron, Pentium ก็ได้หมด แต่ต้องเป็น Gen 11) เท่ากับว่าซีพียูที่เก่ากว่านั้นอย่างอินเทล Gen 10 จะไม่สามารถติดตั้ง Windows 11 24H2 ได้แล้ว
การถอดซีพียูเก่าๆ ออกจากรายการซีพียูที่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ ซัพพอร์ตเป็นเรื่องปกติ อย่างใน Windows 11 รุ่นแรก ต้องใช้กับซีพียู Gen 8 ขึ้นไป ซึ่งใช้ต่อเนื่องมาจนถึง Windows 11 22H2 และ 23H2 ก่อนมาถอดซีพียูเก่าๆ ทิ้งใน 24H2
ไมโครซอฟท์ประกาศข่าวว่าเขียน Windows MIDI Services ของ Windows ใหม่ทั้งหมด พร้อมเปิดโค้ดเป็นโอเพนซอร์ส
ฟอร์แมตไฟล์ MIDI นิยมใช้กันแพร่หลายในวงการดนตรี ตัวมันเองไม่ใช่ไฟล์เสียง (audio) แต่เป็นชุดคำสั่งบอกว่าให้เครื่องดนตรีชิ้นไหนเล่นอย่างไร มาตรฐาน MIDI เวอร์ชัน 1.0 ออกครั้งแรกในปี 1983 แล้วข้ามมาออกอัพเดตใหญ่ MIDI 2.0 ในปี 2020 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาอีกจำนวนมาก ทั้งการควบคุมความเร็ว การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์แต่ละชิ้น และการเชื่อมต่อกับ USB
ไมโครซอฟท์อัพเดต Microsoft Paint ให้มีปุ่ม Copilot เพิ่มเข้ามาในแถบเครื่องมือ รวมฟีเจอร์ AI ทุกอย่างไว้ในปุ่มเดียว สามารถกดเพื่อให้ Copilot ช่วยงานได้ 4 อย่างคือ
ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 26120.3073 (Dev/Beta) มีของใหม่ที่น่าสนใจคือ Windows Search ที่เพิ่งยกระดับการค้นหารูปในเครื่องด้วยพลัง NPU อัพเกรดความสามารถเพิ่มอีกเด้ง ให้สามารถค้นรูปในคลาวด์ แล้วนำมาแสดงบน File Explorer ได้ด้วย
ตัวอย่างการใช้งานคือ ล็อกอิน OneDrive แล้วสั่งค้นหารูปภาพโดยใช้คำว่า "mountain bike" ในช่องค้นหาของ File Explorer เราจะได้ผลลัพธ์เป็นรูปภาพจักรยาน ทั้งจากรูปในเครื่อง และรูปในคลาวด์ OneDrive แสดงมาให้รวมกันเลย
ฟีเจอร์นี้ยังรองรับเฉพาะ OneDrive personal แต่ไมโครซอฟท์ระบุชัดเจนว่าจะเปิดให้คลาวด์ยี่ห้ออื่น (เช่น Google Drive หรือ iCloud) เข้ามาใช้งานได้ด้วยในอนาคต
Windows 11 Insiders รองรับการแสดงข้อมูลจาก iPhone บน Start Menu โดยตรง หลังจากรองรับฝั่ง Android ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2024
เมื่อเชื่อมต่อ iPhone กับ Windows 11 แล้ว ข้อมูลบน Start Menu จะแสดงแบตเตอรี่, ความแรงสัญญาณ, ฟีเจอร์โทรศัพท์และข้อความ SMS รวมถึงรองรับการส่งไฟล์ไปยัง iPhone ด้วย
ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องใช้ Windows 11 Insider Preview Build 4805 ขึ้นไป, แอพ Phone Link เวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน Bluetooth LE
ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 26120.3000 (Dev Channel) มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ไอคอนแบตเตอรี่ตรง System Tray แสดงผลตัวเลขเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว ถ้าไม่ชอบสามารถปิดค่าได้ใน Settings > Power & Battery
นอกจากนี้ ไอคอนแบตเตอรี่ยังปรับปรุงให้แสดงสีที่แตกต่างกัน สีดำคือการใช้งานปกติ สีเหลืองคือทำงานในโหมดประหยัดพลังาน (เริ่มทำงานเมื่อแบตเตอรี่น้อยกว่า 20%) สีแดงคือแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว และสีเขียวคือกำลังชาร์จ โดยไอคอนแบตเตอรี่แบบใหม่จะถูกนำไปโชว์ในหน้าจอล็อคสกรีนด้วยในอนาคต
ที่มา - Microsoft
Thorsten Urbanski ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยจาก ESET ให้สัมภาษณ์กับ Bleeping Computer ถึงประเด็น ปี 2025 เป็นปีแห่งการอัพเกรดพีซีเครื่องใหม่ใช้ Windows 11 ว่าการเปลี่ยนผ่านรอบนี้จะยากกว่าตอนอัพเกรดจาก Windows 7 เป็น Windows 10
เหตุผลเป็นเพราะตอนนี้ยังมีพีซีที่ใช้ Windows 10 เป็นสัดส่วนที่สูงมาก สถิติของ ESET จากพีซีในประเทศเยอรมนี บอกว่าตอนนี้พีซี Windows 10 ยังมีสัดส่วนสูงถึง 65% (สถิติทั่วโลกจาก StatCounters ใกล้เคียงกันคือ 63%) เมื่อเทียบกับตอนเปลี่ยนจาก Windows 7 เป็น Windows 10 ในปีสุดท้ายของ Windows 7 ก่อนหมดระยะซัพพอร์ต มีสัดส่วนการใช้งานประมาณ 20% เท่านั้น
ถึงแม้ Windows 10 จะสิ้นสุดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 หรืออีกประมาณ 10 เดือน ตามที่ไมโครซอฟท์ประกาศไว้ตั้งแต่ปีแรกที่ออกคือ 2015 แต่ดูเหมือนฝั่งผู้ใช้งานจะยังพอใจกับ Windows 10 อยู่ดี แถมเพิ่มขึ้นด้วย
ข้อมูลจาก Statcounter ของเดือนธันวาคม 2024 วัดเฉพาะส่วนแบ่งเวอร์ชันของ Windows พบว่า Windows 10 ยังมีส่วนแบ่งสูงสุดที่ 62.7% ตามด้วย Windows 11 ที่ 34.12% อย่างไรก็ตามเมื่อดูตัวเลขย้อนหลังไปของเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน พบว่า Windows 10 กลับมีส่วนแบ่งที่เพิ่มมากขึ้นคือ 60.95% และ 61.83% ตามลำดับ ขณะที่ Windows 11 ลดลงคือ 35.58% และ 34.94% ตามลำดับ
ไมโครซอฟท์เตือนผู้ดูแลระบบเกี่ยวกับปัญหาจากการลงแพตช์ความปลอดภัยของ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการไม่สามารถลงแพตช์ความปลอดภัยที่ออกมาในอนาคตได้ แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นในกรณีเจาะจงเท่านั้น
ปัญหาจะเกิดขึ้นหากผู้ดูแลระบบลงชุดแพตช์ความปลอดภัยด้วยซีดีหรือไดรฟ์ยูเอสบี และต้องเป็นช่วงของแพตช์ความปลอดภัยที่ออกมาวันที่ 8 ตุลาคม ถึง 12 พฤศจิกายน เท่านั้น โดยบั๊กนี้ได้ถูกแก้ไขไปแล้วในแพตช์เดือนธันวาคม
บั๊กนี้ไม่มีผลกระทบหากผู้ใช้งานลงแพตช์ผ่านช่องทาง Windows Update หรือเว็บ Microsoft Update Catalog และหากลงแพตช์เดือนธันวาคมสำเร็จแล้วก็จะไม่มีผลเช่นกัน
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ของแอพ Phone Link บนพีซีวินโดวส์ ว่ารองรับการย้ายไฟล์ข้ามเครื่องกับ iPhone แล้ว ตามหลังสมาร์ทโฟน Android ที่นำร่องไปก่อนหน้านี้
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone จำนวนมากสามารถถ่ายโอนไฟล์กับพีซีวินโดวส์ได้ เหมือนกับการใช้ AirDrop ในจักรวาลแอปเปิล แต่เป็นโซลูชันที่ไมโครซอฟท์ทำเอง ไม่ต้องไปใช้แอพจาก third party แต่อย่างใด
ฟีเจอร์นี้ต้องการ iOS 16 ขึ้นไป ส่วนฝั่งวินโดวส์ยังทดสอบเฉพาะกลุ่ม Windows Insiders เท่านั้นก่อน
ไมโครซอฟท์อัปเดตแพตช์ Patch Tuesday ของเดือนธันวาคม 2024 แก้ไขช่องโหว่รวม 71 รายการ โดยมีช่องโหว่ระดับ Zero-Day ที่มีรายงานการโจมตีแล้ว 1 รายการ CVE-2024-49138 ที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิระดับ SYSTEM ของ Windows ได้
อัปเดตที่ออกมาของเดือนธันวาคมนี้ไม่รวมช่องโหว่ของ Edge 2 รายการ ที่ไมโครซอฟท์ออกอัปเดตแยกเฉพาะไปแล้วเมื่อต้นเดือน
Patch Tuesday นี้มีผลสำหรับ Windows 10 และ Windows 11
ที่มา: Bleeping Computer
เก็บตกของใหม่ที่ไมโครซอฟท์ประกาศในงาน Ignite 2024 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือ ไมโครซอฟท์ประกาศจับมือกับ Meta ให้แว่น Meta Quest 3 และ 3S สามารถเปิดหน้าจอเดสก์ท็อปของ Windows 11 ได้เต็มรูปแบบ ทั้งการต่อแบบรีโมทกับพีซี Windows 11 แบบโลคัล และการต่อผ่าน Windows 365 บนคลาวด์
ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานแบบพรีวิวในช่วงปลายปี
ที่มา - Microsoft
หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายรอบ ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็เปิดให้คนทั่วไปทดสอบฟีเจอร์ Recall ของ Windows 11 ในกลุ่ม Windows Insider แล้ว
ฟีเจอร์นี้ยังจำกัดเฉพาะฮาร์ดแวร์ Copilot+ PC มีชิป NPU ในตัว และต้องใช้งาน Windows 11 Insider Preview Build 26120.2415 (Dev Channel) โดยมีฟีเจอร์ใหม่พลัง AI ให้ทดสอบ 2 อย่างคือ