เว็บไซต์ข่าวธุรกิจบันเทิง Variety ของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า Disney กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขอซื้อหุ้น Hulu หนึ่งในบริการสตรีมมิ่งวิดีโอยอดนิยมของสหรัฐอเมริกา ส่วนที่ AT&T ถือไว้อยู่ 10% ผ่าน WarnerMedia เปิดทางให้บริษัทควบคุมแพลตฟอร์มและบริการนี้อย่างเบ็ดเสร็จ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่กว่า 70%
สืบเนื่องจากปลายปีที่แล้ว AT&T เลือกจะเปลี่ยนไอคอนแสดงสถานะ LTE เป็น 5G E ด้วยเหตุผลด้านการตลาด แต่ล่าสุดการเปลี่ยนไอคอนนี้เป็นเรื่องถึงชั้นศาลแล้ว
Sprint ได้ยื่นฟ้องศาลโดยให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนโลโก้ของ AT&T สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค ด้วยหลงคิดว่า AT&T ให้บริการ 5G จริงและสมาร์ทโฟนของพวกเขาก็รองรับ โดยอ้างอิงการสำรวจที่ Sprint สอบถามผู้บริโภคพบว่ากว่า 54% คิดว่า 5G E ของ AT&T เร็วเทียบเท่าหรือเร็วกว่า 5G จริงด้วยซ้ำไป
การฟ้องร้องของ Sprint ไม่เพียงแค่ด้วยเหตุผลสร้างความสับสนเท่านั้น แต่ยังเรียกค่าเสียหายที่ Sprint เสียโอกาสจากการใช้โลโก้ 5G E ของ AT&T ด้วย
AT&T เริ่มเปิดบริการ 5G ในสหรัฐแล้ววันนี้ โดยเริ่มต้นใน 12 เมืองก่อนแล้วขยายเพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 2019 ส่วนอุปกรณ์ในท้องตลาดยังไม่มีมือถือ 5G จึงต้องใช้อุปกรณ์ pocket Wi-Fi ของ Netgear ที่รองรับเน็ต 5G ไปพลางๆ ก่อน
อย่างไรก็ตาม AT&T ก็ประกาศว่าจะปรับเปลี่ยนไอคอนแสดงเครือข่าย LTE บนมือถือ Android เป็นคำว่า 5G E (ย่อมาจาก 5G Evolution) หากเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G LTE ที่เป็น 4x4 MIMO, 256 AQM ส่วนเครือข่ายที่เป็น 5G แท้จะใช้ไอคอนว่า 5G+
AT&T ไม่ได้ระบุเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าบริษัทต้องการโปรโมทว่าเครือข่ายของตัวเองเป็น 5G แล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่ 5G แท้ๆ ก็ใช้วิธีเลี่ยงเป็นคำว่า "กำลังจะเป็น 5G" หรือ 5G Evolution แทน
เมื่อวานนี้เราเพิ่งเห็นข่าว Verizon ประกาศวางขายมือถือ 5G ตัวแรกจากซัมซุงในครึ่งแรกของปี 2019 วันนี้ค่ายคู่แข่ง AT&T ก็ประกาศข่าวแบบเดียวกัน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาเรื่อยๆ ว่า ซัมซุงจะมี Galaxy S10 รุ่นพิเศษที่รองรับ 5G และเปิดตัวหลัง Galaxy S10 รุ่นปกติเล็กน้อย
AT&T ระบุว่าติดตั้งอุปกรณ์ 5G ในพื้นที่ 12 เมืองแล้ว และเตรียมเปิดบริการ 5G ภายในสิ้นปีนี้ แต่ยังจำกัดที่อุปกรณ์ mobile hotspot ที่ผลิตโดย Netgear เพียงอย่างเดียว เพราะตอนนี้ในตลาดยังไม่มีโทรศัพท์ 5G วางขายแต่อย่างใด
Gordon Mansfield รองประธานของ AT&T แสดงความเห็นในงาน Mobile World Congress America ระบุว่าอุปกรณ์ 5G ที่กำลังจะออกมาเร็วๆ นี้ จะไม่สามารถใช้งานข้ามค่ายเหมือน 4G ทุกวันนี้ได้อีกต่อไป และอุตสาหกรรมต้องหาทางเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ต่อไป
ตอนนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในสหรัฐฯ เริ่มเตรียมคลื่นความถี่เพื่อรองรับ 5G ภายในต้นปี 2019 กันแล้ว โดยสามค่ายใหญ่ล้วนใช้คลื่นความถี่ที่ต่างกันมาก โดย Verizon ใช้ 26GHz ส่วน T-Mobile ใช้ 28GHz ร่วมกับ 600MHz ขณะที่ AT&T ใช้ 39GHz
การเปิดใช้คลื่นใหม่ๆ ในย่านมิลลิเมตร (mmWave) เป็นฟีเจอร์สำคัญของ 5G ที่มีการใช้เทคนิคใหม่ๆ เพื่อให้สามารถใช้คลื่นย่านสูงมากๆ เช่นนี้มีประสิทธิภาพ
เรารู้กันดีว่า "รหัสผ่าน" เป็นวิธีการยืนยันตัวตนที่มีช่องโหว่มาก และวงการไอทีก็มีความพยายามหาสิ่งอื่นมาทดแทนรหัสผ่านหลายอย่าง เช่น ไบโอเมตริก หรือสมาร์ทการ์ด
ล่าสุด โอเปอเรเตอร์สหรัฐ 4 รายใหญ่คือ AT&T, Verizon, Sprint, T-Mobile ร่วมกันเปิดตัว Project Verify วิธีการยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถือที่เราใช้งานอยู่
แนวคิดของ Verify คือผู้ใช้งานโทรศัพท์แต่ละคนมีข้อมูลที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลในซิมการ์ด หมายเลขไอพี รวมถึงพฤติกรรมการใช้งาน ฯลฯ โอเปอเรเตอร์มองเห็นข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว และสามารถนำมาแยกแยะว่าผู้ใช้แต่ละคนเป็นคนนั้นจริงๆ หรือไม่
Randall Stephenson ซีอีโอ AT&T ให้สัมภาษณ์พูดถึงธุรกิจสตรีมมิ่ง ในขณะที่ AT&T ได้ก้าวมาเป็นคู่แข่ง Netflix เนื่องจากเป็นเจ้าของ HBO ซึ่ง Stephenson ระบุว่า HBO นั้นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
Stephenson ยังบอกด้วยว่าถ้าเปรียบ Netflix เป็น Walmart สำหรับหนังซีรีส์ HBO จะเปรียบได้กับห้างหรู Tiffany เขายังบอกด้วยว่า HBO มีคอนเทนต์พรีเมี่ยมมากพอๆ กับเจ้าอื่น
นอกจากจะมี HBO ในมือแล้ว AT&T ยังซื้อ Time Warner เข้ามาช่วงฤดูร้อน และมี CNN ด้วย ทำให้ AT&T มีคอนเทนต์พรีเมี่ยมเยอะและมาจากหลากหลายช่องทาง
Verizon เพิ่งเปิดตัว Verizon 5G Home เน็ตบ้าน 5G ที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะของตัวเองไปเพียงวันเดียว คู่แข่งรายสำคัญคือ AT&T ก็เปิดฉากโจมตีทันทีว่า "ไม่ใช่ 5G ที่แท้จริง"
Randall Stephenson ซีอีโอของ AT&T ออกมาตั้งคำถามถึงเทคโนโลยีที่ Verizon เลือกใช้งานว่าไม่เป็นมาตรฐาน การอ้างตัวว่าเป็นผู้ให้บริการ 5G รายแรกจึงต้องบอกด้วยว่าไม่ได้ทำตามมาตรฐาน และ AT&T ต่างหากที่จะเป็นผู้ให้บริการ 5G รายแรกที่ใช้อุปกรณ์มาตรฐาน แถมจะให้บริการกับโทรศัพท์มือถือด้วย ไม่ใช่แค่เน็ตบ้าน
เป้าหมายของ AT&T คือให้บริการ "5G ที่แท้" ช่วงปลายปีนี้ โดยเริ่มจาก 6 เมืองในสหรัฐได้แก่ Dallas, Atlanta, Oklahoma City, Charlotte, Raleigh และเมือง Waco ในรัฐ Texas
Michael Terpin นักลงทุนด้านโทเค็นคริปโต และผู้ก่อตั้ง Transform Group บริษัทประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่ม ICO ต่างๆ ได้ยื่นฟ้อง AT&T ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในสหรัฐฯ ที่ออกซิมใหม่ให้คนร้าย จนทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงบัญชีเงินคริปโตของเขาและขโมยโทเค็นออกไปได้มูลค่า 23.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 800 ล้านบาท
คำฟ้องของ Terpin ระบุว่าเขาถูกขโมยหมายเลขโทรศัพท์ด้วยการออกซิมใหม่ถึงสองครั้งในระยะเวลาเพียง 7 เดือน โดยระบุว่าต้องมีพนักงานภายในรู้เห็นเพราะสามารถออกซิมใหม่ได้โดยไม่ตรวจบัตรประจำตัวหรือให้รหัสผ่านที่ถูกต้อง โดยเรียกค่าเสียหายจากการขโมย 23.8 ล้านดอลลาร์ และอีก 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการลงโทษที่ AT&T ละเลยหน้าที่
AT&T ประกาศเข้าร่วมลงทุนกับ Magic Leap สตาร์ทอัพผู้พัฒนา AR ชื่อดัง โดยทั้งสองบริษัทไม่ได้เปิดข้อมูลเรื่องการเงินในดีลนี้
การลงทุนของ AT&T จะทำให้บริษัทสามารถทำงานร่วมกับทีม Magic Leap ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครือข่าย, การเผยแพร่คอนเทนต์ และตัวอุปกรณ์เอง ซึ่งดีลนี้มาค่อนข้างพอเหมาะกับที่ Magic Leap วางแผนจะปล่อยสินค้าชิ้นแรกของบริษัท Magic Leap One, Creator Edition ที่คาดว่าน่าจะวางขายจริงได้ในปีนี้ และภายใต้ดีลนี้ AT&T จะได้รับสิทธิ์เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายกับอุปกรณ์ของ Magic Leap แต่เพียงผู้เดียว (ลักษณะคล้ายกับ iPhone รุ่นแรกที่ล็อกกับเครือข่าย AT&T)
หลังจาก AT&T ปิดดีลใหญ่ซื้อ Time Warner ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2016 ได้สำเร็จ บริษัทก็ยังเดินหน้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง รายล่าสุดที่โดนซื้อคือ AppNexus บริษัทโฆษณาออนไลน์รายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
AppNexus ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับประมูลซื้อโฆษณาบนเครือข่ายต่างๆ รวมถึงเป็นตลาดซื้อขายโฆษณาแบบ programmatic เองด้วย บริษัทเปิดมาตั้งแต่ปี 2007 ส่วนมูลค่าการซื้อกิจการไม่เปิดเผย แต่ Wall Street Journal อ้างข้อมูลวงในว่าอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์
AT&T เสร็จสิ้นกระบวนการควบรวม Time Warner ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2016 แต่ต้องยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี หลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องหยุดการควบรวม เพราะจะเกิดการผูกขาด
สัปดาห์ที่แล้ว ศาลสหรัฐมีคำตัดสินไม่บล็อคการควบรวมครั้งนี้ ทำให้ AT&T สามารถเดินหน้าปิดดีลได้สำเร็จ
AT&T เปิดตัว LTE-M Button ปุ่มกดลักษณะเดียวกับ Amazon Dash แต่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อกลุ่มธุรกิจแทนที่จะเป็นตัวผู้บริโภคโดยตรง
LTE-M Button ทำงานบน AWS สามารถตั้งค่าและตั้งโปรแกรมให้เหมาะกับธุรกิจนั้นๆได้ เช่น กดเพื่อสั่งซื้อสินค้า กดแจ้งเตือนความปลอดภัย เรียกใช้บริการในโรงแรม เป็นต้น ตัวอุปกรณ์ทำงานได้เองไม่ต้องใช้ Wi-Fi กับ Bluetooth ทาง AT&T ระบุว่า LTE-M Button สามารถกดได้ 1,500 ครั้งในสามปี
LTE-M Button ราคาเริ่มต้น 29.99 เหรียญ
สำนักข่าว New York Times รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมแห่งสหรัฐฯ หรือ DoJ สั่งสอบสวนการผูกขาดเพื่อระบุว่า AT&T, Verizon รวมถึงกลุ่ม GSM Association หรือ GSMA มีพฤติกรรมสมรู้ร่วมคิดเพื่อพยายามกีดกันผู้ใช้ในการเปลี่ยนเครือข่ายผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ eSIM หรือไม่ และ CNBC รายงานว่าตอนนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายขนาดใหญ่ทั้งสี่ของสหรัฐฯ คือ AT&T, Verizon, T-Mobile และ Sprint ได้รับคำขอข้อมูลเพื่อการตรวจสอบจาก DoJ แล้ว
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Huawei เตรียมวางขาย Mate 10 Pro ในสหรัฐ วันนี้ข่าวเป็นทางการมาแล้ว
Huawei Mate 10 Pro จะวางขายในสหรัฐวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ แต่ที่พลิกโผคือช่องทางการขายมีเฉพาะเครื่องอันล็อคผ่านร้านค้าปลีกต่างๆ เช่น Best Buy, Amazon, Microsoft Store แต่กลับไม่วางขายผ่านโอเปอเรเตอร์ของสหรัฐตามที่เคยประกาศไว้
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ Department of Justice (DOJ) ได้ยื่นฟ้องสั่งหยุดการควบรวมบริษัท AT&T กับ Time Warner โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดได้
DOJ กล่าวว่า ถ้าเกิดการควบรวมบริษัทสำเร็จ จะทำให้ทาง AT&T และ Time Warner ใหญ่ขึ้น เป็นภัยคุกคามต่อผู้บริโภคโดยการลดการแข่งขันกับผู้กระจายวิดีโอแบบดั้งเดิม และคู่แข่งออนไลน์ ซึ่งหลังจากการรวมบริษัทแล้ว จะทำให้บริษัทมีอำนาจในการทำให้คู่แข่งนั้นมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลงโดยการขึ้นราคา ผลลัพธ์คือจะทำให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายแพงขึ้น และยังมีผลต่อการเติบโตของช่องทางออนไลน์ที่ดูจะเป็นภัยคุกคามระบบ pay-TV ดั้งเดิมด้วย
4 โอเปอเรเตอร์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้แก่ AT&T, Verizon, T-Mobile, Sprint ประกาศตั้งกลุ่ม Mobile Authentication Taskforce เพื่อวางมาตรฐานการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์พกพา
เป้าหมายของกลุ่มคือพัฒนาระบบยืนยันตัวตนด้วยอุปกรณ์พกพาที่ใช้แทน SMS (ซึ่ง NIST หน่วยงานด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมของสหรัฐ แนะนำให้เลิกใช้) โดยแนวทางที่จะนำมาใช้แทนมีทั้งการตรวจสอบซิมการ์ด, พิกัดเครื่อง, การเชื่อมต่อกับโครงข่าย
ตอนนี้ทางกลุ่มยังไม่มีผลงานออกมา (เพิ่งประกาศตั้งกลุ่ม) โดยตั้งเป้าว่าจะออกผลงานในปี 2018
ปัจจุบันแพคเกจข้อมูลแบบไม่จำกัดนั้นเริ่มเป็นที่นิยมของผู้ให้บริการเครือข่าย และตอนนี้มีรายงานล่าสุดจาก OpenSignal ที่ได้วัดข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และพบว่าตอนนี้ลูกค้าของ AT&T และ Verizon กำลังได้รับผลกระทบจากแพคเกจนี้ โดยความเร็วเครือข่ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับข้อมูลที่นำมาใช้อ้างอิงของ OpenSignal นั้น เก็บข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 5 พันครั้งบนสมาร์ทโฟนกว่า 172,919 เครือในสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาผ่านแอพ signal mapping
มาตรฐาน 5G เพิ่งมีสถานะเป็นฉบับร่าง และน่าจะออกฉบับสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 2018 แต่สงครามการตลาดเพื่อชิงความเป็นเจ้าแห่ง 5G ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
AT&T โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดตัวแบรนด์ 5G Evolution เพื่อเคลมว่าตัวเองสามารถให้บริการ "5G" ระหว่างที่กำลังรอมาตรฐาน 5G ร่างเสร็จ เมืองแรกที่จะใช้งานได้คือ Austin โดยสามารถใช้ได้กับ Samsung Galaxy S8/S8+ เท่านั้นในตอนนี้
AT&T ประกาศเข้าซื้อ Straight Path Communication ในราคา 1.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใการขยายโครงข่าย 5G ของบริษัท
การเข้าซื้อ Straight Path นั้นมีจุดมุ่งหมายคือ AT&T ต้องการเป็นเจ้าของคลื่นที่อยู่ในมือของบริษัท ทั้งใบอนุญาตของคลื่น 39GHz และคลื่น 28GHz ซึ่งใบอนุญาตทั้งหมดนี้จะครอบคลุมทั้งประเทศสหรัฐฯ
การเข้าซื้อกิจการของ Straight Path รวมถึง FiberTower ที่เพิ่งจะประกาศไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีคลื่นอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการบริหารจัดการโครงข่ายและเติมเต็มให้ทางบริษัทขยายโครงข่ายการให้บริการ 5G ได้ดีขึ้นในอนาคต
ดีลนี้จะต้องผ่านการกำกับดูแลจาก FCC ก่อน และทาง AT&T คาดว่าบริษัทจะสามารถปิดดีลได้ภายใน 12 เดือน
เมือง San Diego ของรัฐแคลิฟอร์เนียตัดสินใจเริ่มทดสอบนำอุปกรณ์ IoT มาใช้งานภายในตัวเมือง โดยตัดสินใจนำเอาเทคโนโลยีและโซลูชันจาก General Electrics (GE), Intel และ AT&T มาใช้
โฆษก GE ระบุว่าจะติดตั้งกล้อง, ไมโครโฟน, เซ็นเซอร์และหลอดไฟกว่า 3,200 ดวงในเมือง San Diego ทั้งหมดภายในปีนี้ เพื่อช่วยจับความเร็วรถ, กะปริมาณกลุ่มคน (กรณีรวมตัวประท้วง), ระบุตำแหน่งที่ปืนถูกยิงกรณีเกิดอาชญากรรม ฯลฯ ขณะที่เมือง San Diego จะนำเข้ามูลเหล่านี้ไปให้นักเรียนนักศึกษาหรือบริษัทเอกชนพัฒนาแอพพลิเคชันต่อไป
AT&T ได้ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ที่เรียกว่า AT&T Network 3.0 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Indigo โดยเป็นโครงการที่ AT&T ตั้งใจนำซอฟต์แวร์มาปรับปรุงการให้บริการเครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้การอัพเกรดโครงข่ายง่ายขึ้น ซึ่ง John Donovan ผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่า AT&T มอง Indigo เป็นเครือข่ายสมัยใหม่ยุคที่สาม เป็นคำสำหรับเรียกทุกอย่างที่ไม่ใช่แค่ความเร็วที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นทุกอุปกรณ์ในเครือข่ายที่ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ
AT&T ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทางบริษัทได้หยุดให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ 2G แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่มีการประกาศการเตรียมการมาแล้ว 4 ปี ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการมีผู้คัดค้านเป็นจำนวนมาก
AT&T กล่าวว่า ปัจจุบันเครือข่าย 3G และ LTE นั้นครอบคลุมชาวอเมริกันแล้วกว่า 99% การปิดเครือข่าย 2G จะช่วยให้นำทรัพยากรคลื่นความถี่ไปพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายในอนาคตได้ รวมถึงเครือข่าย 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ด้วย ซึ่งตั้งแต่ปี 2007 นั้นปริมาณการใช้ข้อมูลบนเครือข่ายสูงขึ้นถึง 2,500 เท่า โดยเฉพาะวิดีโอที่มีส่วนทำให้ปริมาณการใช้งานเติบโตขึ้นมาก
Amazon และ AT&T ได้เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับระบบผู้ช่วยหรือ Alexa คือระบบการส่งข้อความผ่านเครือข่ายของ AT&T โดยใช้เสียงสั่งการ
วิธีใช้ระบบส่งข้อความของ Alexa นั้นก็ใช้เพียงการสั่ง Alexa ให้ส่งข้อความหาคนที่อยู่ในรายชื่อติดต่อของ Amazon ซึ่งเมื่อพร้อมแล้ว Alexa ก็จะให้ผู้ใช้พูดข้อความที่ต้องการจะส่งลงไป โดยไม่ต้องใช้มือในการพิมพ์เลย
สำหรับระบบการส่งข้อความโดย Alexa นี้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่รองรับ ทั้ง Amazon Echo และ Echo Dot โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากหน้าเว็บของ AT&T
จากข่าวลือเมื่อวานนี้ วันนี้ AT&T ประกาศข่าวการซื้อกิจการ Time Warner อย่างเป็นทางการ ด้วยมูลค่าทั้งหมด 108.7 พันล้านดอลลาร์ (3.8 ล้านล้านบาท)
เป้าหมายของการซื้อกิจการครั้งนี้คือควบรวมบริษัทเครือข่ายกับบริษัทคอนเทนต์เข้าด้วยกัน โดยใจความสำคัญคือประโยคว่า "The future of video is mobile and the future of mobile is video" ปัจจุบัน Time Warner เป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ มี 3 ฝ่ายย่อยคือช่องทีวีพรีเมียม HBO, สตูดิโอภาพยนตร์ Warner Bros. และ Turner ซึ่งมีช่องเคเบิลทีวีหลายช่อง ที่ดังหน่อยคือ CNN และ Cartoon Network