เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีข่าวรถอัตโนมัติ Arma เริ่มรับส่งผู้โดยสารหลังจากทดสอบวิ่งบนถนนมาเกือบปี (และดันมีอุบัติเหตุชนในวันแรก) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็ได้ไปร่วมงาน AWS re:Invent ที่ลาสเวกัสที่จัดงานอยู่ใกล้ๆ เมือง Fremont ที่ทดสอบรถ Arma นี้พอดี จึงมีโอกาสไปลองนั่งด้วยตัวเอง
ปัจจุบันหุ่นยนต์โดยทั่วไป ถูกพัฒนารูปแบบให้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ อาทิหุ่นยนต์ต้อนรับ หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย(ที่ไม่รู้น้อยใจอะไรหรือเปล่า) สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่โดรนล่าสังหาร
แต่มีทีมวิศวกรและศิลปินกลุ่มหนึ่งคิดต่างออกไปในการพัฒนา ด้วยการสร้างหุ่นยนต์ที่มีกฎว่า "หลีกหนีให้ห่างจากมนุษย์"
NVIDIA ผู้ผลิตชิปประมวลผลเผยวันนี้ว่าได้ลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่จัดโดย Sina ผู้สร้าง Weibo ของจีน พร้อมกันนี้ยังนำเสนอเทคโนโลยีของ NVIDIA ไม่ว่าจะเป็น Drive PX 2 autonomous computer และ Jetson TX2 ให้แก่มตาร์ทอัพรถบรรทุกไร้คนขับของจีนคือ TuSimple อีกด้วย
TuSimple ได้ทดลองระบบระดับ 4 แล้ว (SAE Level 4) ขณะนี้กำลังทดลองระบบไร้คนขับที่เมืองซานดิเอโก, แคลิฟอร์เนีย, ยูมา, แอริโซนา ใช้ระบบบันทึกแผนที่แบบ HD, เรดาร์จับสัญญาณ, กล้อง 8 ตัว/คัน
มิตซูบิชิอิเล็กทริกเปิดตัวระบบจับตำแหน่งรถความแม่นยำสูง ที่ระบุว่าทำความแม่นยำได้ถึง 1.5 เมตรในญี่ปุ่น ความแม่นยำระดับนี้ทำให้สามารถบอกได้ว่ารถอยู่เลนไหน ต่างจากระบบจับตำแหน่ง GPS ทุกวันนี้ที่จับตำแหน่งได้แม่นยำเพียง 5-10 เมตร แม้จะเพียงพอต่อการนำทางแต่ก็ไม่พอที่จะบอกได้อย่างชัดเจนว่ารถอยู่เลนไหน
ระบบนี้จับดาวเทียมนำทางจากชาติต่างๆ นอกจาก GPS ของสหรัฐฯ ทำให้ช่วงเวลาฟ้าเปิดสามารถจับดาวเทียมได้ถึง 15 ดวง และเมื่อเข้าจุดอับสัญญาณก็ยังใช้ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์การเคลื่อนที่, ข้อมูลความเร็วรถ พร้อมกับปรับแก้ข้อมูลตามอุณหภูมิ จนได้ความแม่นยำสูง
รายงานจากการรถไฟแห่งฝรั่งเศส (SNCF) เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พร้อมแล้วที่จะพัฒนารถไฟไร้คนขับ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 2023 โดยจะเริ่มทดสอบจากต้นแบบที่เรียกว่า “drone train” ในปี 2019 นี้
รถไฟความเร็วสูงของฝรั่งเศสเรียกว่า TGV (TGV:Train à Grande Vitesse) เตรียมออกแบบเพื่อให้เป็นแบบไร้คนขับนี้ (Autonomous Train) มีแผนดำเนินการ 2 ช่วง
เมื่อวานนี้ เว็บไซต์ DMV หรือ Department of Motor Vehicles ประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย เผยรายนามบริษัทที่ทำการทดลองระบบรถยนต์ไร้คนขับ หนึ่งในนั้นคือ Apple Inc.
เรื่อง Apple ซุ่มทำรถไร้คนขับเป็นความลับและดูเป็นข่าวลือมาตลอด ไม่มีใครในบริษัทออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากรายนามที่เว็บไซต์ DMV เผย ทำให้ได้รู้ว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หันมาสร้างหุ่นยนต์ใช้งานในชีวิตประจำวันกันแล้ว ล่าสุดบริษัท Piaggio Group เจ้าของเดียวกันกับบริษัทรถ Vespa เปิดบริษัทอีกแห่งที่เน้นงานหุ่นยนต์โดยเฉพาะในชื่อว่า Piaggio Fast Forward โดยผลิตภัณฑ์แรกคือ หุ่นยนต์ขนของขนาดเล็กติดล้อ ติดตามเจ้าของไปทุกที่ หรือเรียกเขาว่า Gita (อ่านว่า jee-ta ในภาษาอิตาลีแปลว่า การเดินทางระยะสั้น)
Gita สูงประมาณ 26 นิ้ว จุของได้มากกว่า 40 ปอนด์ มีล้อ เคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 22 ไมล์ต่อชั่วโมง ประโยชน์ของมันคือเจ้าของไม่ต้องลากมัน เพราะมันจะตามเจ้าของไปติดๆ เลย ตีวงเลี้ยวได้อย่างอิสระ ออกแบบมาเหมาะสำหรับคนที่ตะเดินไปซื้อของใกล้ๆ วิ่งออกกำลังกาย หรือขับจักรยาน
ทาง Piaggio Fast Forward ยังไม่เปิดเผยราคา บอกแค่ว่าจะเปิดขาย 2 กุมภาพันธ์นี้
LeEco บริษัทไอทีสัญชาติจีนได้จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนและทีวีที่จะนำเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐ ในนครซานฟรานซิสโก ซึ่งยังได้เผยโฉม LeSEE Pro รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับของบริษัท
รถยนต์ที่นำมาโชว์ในงานเป็นเพียงรุ่นต้นแบบ และยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งซีอีโอของ LeEco เผยว่าบริษัทตั้งใจจะแก้ปัญหาหมอกควัน (ซึ่งเกิดจากทั้งโรงงานและปริมาณรถยนต์) ในจีน พร้อมเผยด้วยว่าเมื่อ LeSEE Pro อยู่ในระบบอัตโนมัติ ด้านหน้าและท้ายของตัวเอง จะเปลี่ยนสี เพื่อแจ้งให้รถคันอื่นๆ และคนเดินถนนรู้ว่า รถกำลังอยู่ในโหมดไร้คนขับ รวมถึงพวงมาลัยจะถูกพับเก็บเข้าไปบริเวณคอนโซล รวมถึงระบบชาร์จไฟจะใช้เป็นระบบแม่เหล็ก (Magnetic Charging System) ด้วย
Google เปิดเผยในรายงานประจำเดือนมิถุนายนว่า รถยนต์ไร้คนขับสามารถตรวจจับ และเข้าใจสัญญาณมือของนักปั่นจักรยานเวลาต้องการเลี้ยวหรือขอทางแล้ว รวมถึงสามารถตรวจจับจักรยานที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในความมืดได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากจักรยาน 2 ล้อทั่วไปแล้ว Google ยังระบุด้วยว่าใช้ machine learning สอนให้ระบบสามารถตรวจจับและแยกแยะจักรยานหลากหลายประเภทอย่างจักรยานล้อเดียว, จักรยานเรียงแถว (Tandem Bike) และ Fatbikes เป็นต้น
ที่มา - Engadget
ถึงแม้จะยังอยู่เพียงในขั้นทดลอง แต่ผู้บริหาร Baidu ก็ออกมาสัญญาเชิงบลัฟเรียบร้อยแล้วว่า รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทจะไม่มีวันเกิดอุบัติเหตุเหมือนกับกรณีของ Tesla Model S ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
Wang Jin รองประธานอาวุโสของ Baidu ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของจีน อธิบายว่าเพราะกล้องและเซ็นเซอร์บนรถ Tesla Model S ถูกติดตั้งต่ำเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้เซ็นเซอร์ตรวจไม่พบรถบรรทุก ที่มีท้องรถยกสูงได้ โดยผู้บริหาร Baidu ยืนยันว่ารถไร้คนขับของบริษัท ใช้เซ็นเซอร์เรด้าร์ที่สามารถแยกแยะวัตถุได้จากสี ทำให้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ Model S จะไม่มีวันเกิดกับ Baidu ขณะเดียวกันจำนวนของเซ็นเซอร์บนรถก็มีจำนวนมากกว่าและมีราคาแพงกว่าที่ใช้บนรถของ Tesla ด้วย
BMW, Intel และ Mobileye บริษัทด้านเทคโนโลยีบนรถยนต์ ประกาศร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ โดยตั้งเป้าสูงสุดว่ารถไร้คนขับ จะต้องสามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคนนั่งอยู่ข้างในเผื่อกรณีเหตุฉุกเฉิน (driver-off) และคาดว่าจะสามารถเดินสายพานการผลิตได้ภายในปี 2021
รถยนต์ BMW โมเดล iNext จะถูกนำมาเป็นฐานในการพัฒนารถไร้คนขับ ขณะที่ Mobileye จะเข้ามาช่วยพัฒนาโซลูชันและระบบไร้คนขับ ส่วน Intel จะดูแลเรื่องฮาร์ดแวร์ในการประมวลผลและชิปเซ็ตต่างๆ
เบื้องต้นทั้ง 3 บริษัทคาดว่าจะนำรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนจริงภายในปี 2017 นี้
ที่มา - Intel Newsroom