Baidu Research เปิดตัวแอป FaceYou แปลงภาพและวิดีโอให้กลายเป็นภาพสยองเข้ากับเทศกาลฮาโลวีน โดยมีรูปแบบให้เลือก เช่น หน้าตาหน้ากลัว, ซอมบี้, โครงกระดูก ไปจนถึงการแปลงเป็นสัตว์หรือบุคคลในประวัติศาสตร์
โครงการนี้อาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงสามารถจับเอาลักษณะใบหน้า 72 รายการ เช่น ปาก, จมูก, ตา, คาง รูปร่างของส่วนประกอบต่างๆ และลักษณะการแสดงออกของหน้าตา จากนั้นจึงนำลักษณะเหล่านี้ไปวางลงกราฟิกลงไป
เทคโนโลยีแบบนี้ถูกใช้งานในวงการภาพยนตร์มานาน แต่ต้องอาศัยโรงถ่ายที่ควบคุมสภาพแสง มีเซ็นเซอร์ติดตามตัวผู้แสดง และซอฟต์แวร์ราคาแพง แต่ FaceYou สามารถทำงานบนสมาร์ตโฟนธรรมดาได้
ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ Baidu เพื่อผลักดัน Windows 10 ในประเทศจีน รายละเอียดภายใต้ข้อตกลงมีดังนี้
ดูเหมือนบริษัทไอทีรายใหญ่ของโลกจะอยากมีผู้ช่วยส่วนตัวให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกันทุกราย ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟท์ หรือแม้แต่ Facebook ล่าสุดยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Baidu ไม่ยอมแพ้ ส่งผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟนมาบ้างแล้วในชื่อ Du Secretary
Du Secretary เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Baidu World ที่จัดขึ้นในวันนี้ เป็นฟีเจอร์ใหม่อยู่ในแอพค้นหา Mobile Baidu เวอร์ชัน 6.8 เป็นต้นไป ฟีเจอร์พื้นฐานจะมีตั้งแต่การสั่งงานในตัวเครื่อง ไปจนถึงการสั่งซื้อสินค้า และบริการ เช่นซื้อตั๋วภาพยนตร์ สั่งอาหาร ซึ่งเหนือไปกว่านั้นยังสามารถแนะนำบริการได้ด้วย ถ้าหากใช้งานจนเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้เมื่อใช้งานไปซักระยะ
ให้หลังการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมบริการออฟไลน์ที่มีอยู่แล้ว ให้เบ่งบานบนโลกออนไลน์มากขึ้นของ Baidu ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลบ้างแล้วกับบริการที่กำลังปั้นอย่าง Zuoyebang ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนรอบแรก (Series A) จาก Sequoia China และ Legend Capital แต่ไม่ได้ระบุเม็ดเงินลงทุนมาด้วย
Zuoyebang เป็นหนึ่งในบริการที่เดินตามแนวทางการเปิดระบบให้ผู้ใช้ และธุรกิจภายนอกเข้ามาร่วมใช้บริการ โดยเริ่มต้นจากการเป็นส่วนให้บริการถามตอบด้านการศึกษาในแพลตฟอร์มถามตอบของ Baidu อย่าง Baidu Zhidao ก่อนจะขยับไปเน้นให้บริการแยก และเพิ่มการจับคู่ผู้ใช้ที่มองหาที่ปรึกษาอยู่ด้วย
Baidu ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินจากจีน เผยแอพตัวใหม่ AskADoctor ที่ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับแอพเพื่อหาอาการเจ็บป่วยได้ก่อนไปเข้ารับการรักษาจากแพทย์ และมีฟีเจอร์เด่นที่ใช้เทคโนโลยีการรับรู้ภาษามนุษย์มาเสริมอีกต่อ
Wei Fan นักวิจัยของ Baidu ผู้ริเริ่มแอพตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่แม่ของเธอต้องรอแพทย์เป็นเวลานานถึงสองชั่วโมงด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่คาดคิดอย่างการปวดหัวเข่า เป็นที่มาของ AskADoctor ที่นอกจากจะตอบคำถามอาการเจ็บป่วยได้แล้ว ยังสามารถติดต่อไปยังคลินิกข้างเคียงให้ได้อีกด้วย
Baidu มีชื่อขึ้นมาจากการทำระบบค้นหาในประเทศจีน แต่ล่าสุดทิศทางของบริษัทมุ่งสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดย Robin Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอให้สัมภาษณ์กับ Re/code ว่าแผนการของเขาคือการเชื่อมต่อโลกออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ (Online to Offline หรือ O2O)
Robin บอกว่าบริษัทเปลี่ยนผ่านจากเดสก์ท็อปสู่โมบายล์ได้สำเร็จในปี 2014 แต่เขาพบว่าโลกของโมบายล์ถูกจำกัดด้วย "แอพ" ที่ระบบค้นหาของ Baidu เข้าไปเก็บข้อมูลได้ไม่เยอะเหมือนยุคของเว็บ เขาจึงต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งมาจบด้วยการขายบริการที่มีอยู่ในโลกออฟไลน์ เช่น ซื้อตั๋วหนัง ขายสินค้า รวมถึงลงทุนใน Uber
เมื่อวานนี้หลังประเด็น Google Photos แท็กหญิงผิวดำเป็นกอริลลาจนทางกูเกิลต้องออกมาขอโทษ วันนี้ Andrew Ng นักวิจัย Deep Learning คนสำคัญก็ออกมาโพสแสดงความเห็นใจกูเกิลที่ถูกต่อว่าอย่างหนักในกรณีนี้
เขาระบุว่าเทคโนโลยีการจดจำภาพด้วยคอมพิวเตอร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และกรณีนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นความผิดพลาดหนึ่งในล้านที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์อย่างกูเกิล, เฟซบุ๊ก, และไป่ตู้ ก็เป็นชุมชนที่เป็นมิตรต่อกัน เขาหวังว่าชุมชนจะร่วมกันหยุดเอาความผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นอารมณ์แล้วผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อไป
ที่มา - Facebook: Andrew Ng
Baidu ยักษ์ใหญ่ไอทีจากจีน ประกาศทุ่มเงินกว่า 20,000 ล้านหยวน (ราวแสนล้านบาท) มุ่งพัฒนาโซลูชันสำหรับเป็นตัวกลางให้ธุรกิจออฟไลน์ กลายร่างไปแข่งขันในตลาดออนไลน์ได้ในช่วงสามปีข้างหน้า
คาดการณ์กันว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้ ส่วนหนึ่งจะถูกเทไปหา Nuomi บริการจับคู่ร้านค้ากับลูกค้าที่ซื้อมาจาก Renren เมื่อปีก่อน โดยตัว Nuomi แต่เดิมเป็นบริการขายดีลแบบกลุ่ม (เหมือน Groupon) ก่อนจะขยายธุรกิจมาเป็นการจับคู่คนขาย-คนซื้อในปัจจุบัน ซึ่งตัวเลขผู้ใช้บริการในแพลตฟอร์มของ Nuomi นั้น Baidu เคลมว่ามีมากกว่า 650,000 ร้านค้าในกว่า 330 เมืองทั่วประเทศจีน โดยมีเป้าหมายคือการจับกลุ่มลูกค้าให้ได้ทุกเมืองของประเทศจีนภายในสิ้นปีนี้
หลังจากเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ImageNet LSVRC ได้ไม่นานทีมวิจัย Heterogeneous Computing ถูกจับได้ว่าละเมิดกติกาของการแข่งขัน ทาง Baidu จึงทำการไต่สวนและพบว่าทีมวิจัยละเมิดกติกาจริง จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด Baidu ออกมายอมรับและไล่หัวหน้าทีมวิจัยออกแล้ว
นับเป็นเวลา 1 ปีเเล้ว ที่เว็บยักษ์ใหญ่ของจีน Baidu กำลังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งตอนนี้ Baidu ได้ออกมาประกาศความพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับปลายปี 2558 ซึ่งหนึ่งเหตุผลก็เพื่อเป็นคู่เเข่งกับทางกูเกิลที่กำลังพัฒนารถยนต์ประเภทเดียวกันอยู่ด้วย โดยทาง Baidu ได้อ้างว่าได้มีการพัฒนารถยนต์ร่วมกับค่ายรถยนต์ BMW ด้วย ในขณะที่กูเกิลก็ประกาศออกมาเช่นกันว่าพวกเขาก็พร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ต้นเเบบที่พร้อมใช้งานจริงในช่วงกลางปีนี้ ที่จะมีการใช้จริงที่แคลิฟอร์เนีย เเต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีเสียงด้านลบมาจาก มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เรื่องด้านของระบบควบคุมยังล้มเหลวอยู่เมื่อใช้งานจริง
เมื่อเดือนที่แล้ว Baidu ประกาศความสำเร็จในการขึ้นเป็นที่หนึ่งของการแข่งขันจดจำภาพและจำแนกภาพ ImageNet เหนือกว่าไมโครซอฟท์และกูเกิล แต่เมื่อวานนี้ทาง ImageNet ก็ออกมาประกาศว่าผลของ Baidu ถูกถอนออกไป เพราะทีมงานของ Baidu ส่งผลเข้าไปอย่างต่อเนื่องขัดต่อกติกาที่ระบุให้ส่งผลได้ไม่เกินสองครั้งต่อสัปดาห์
ทีมงาน Image Net โพสข้อมูลแสดงจำนวนครั้งที่โพสโดยระบุว่าทีมงานของ Baidu สร้างบัญชีผู้ใช้อย่างน้อย 30 บัญชี และทดสอบกับข้อมูลทดสอบอย่างน้อย 200 ครั้ง เฉพาะสัปดาห์สุดท้ายมีการทดสอบถึง 40 ครั้งภายในช่วงเวลา 5วัน
Audi ค่ายรถหรูจากเยอรมนี เตรียมบุกตลาดจีนด้วยรถยนต์ต่อเน็ตได้ (connected car) และพันธมิตรในจีนของบริษัทก็ไม่ใช่ใครอื่น Baidu นั่นเอง
Audi จะใช้เทคโนโลยี Baidu CarLife สำหรับซอฟต์แวร์ของรถยนต์ที่ขายในจีน และจะใช้ฮาร์ดแวร์สื่อสารจาก Huawei ด้วย สินค้าจะเริ่มวางขายภายในปีนี้ และเราจะเห็น Audi ทำการตลาดเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย
ตอนนี้จีนถือเป็นตลาดสำคัญที่สุดของ Audi โดยมียอดขาย 580,000 คันในปีที่แล้ว กลุ่มลูกค้าของ Audi มีอายุเฉลี่ย 36 ปี ถือว่าอายุน้อยกว่าลูกค้าในยุโรปหรือสหรัฐที่อายุอยู่ในช่วง 50-60 ปี การเน้นตลาดรถยนต์ไฮเทคต่อเน็ตได้จึงน่าจะดึงดูดลูกค้าในจีนกลุ่มนี้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศความร่วมมือกับไป่ตู้โดยจะออกรถรุ่นที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ไป่ตู้มาจากโรงงานเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือ เช่น เพลง และอินเทอร์เน็ต
ทั้งสองบริษัทยังไม่ระบุช่วงเวลาว่าจะผลิตรถตามข้อตกลงนี้ออกมาเมื่อใด
ไป่ตู้มีบริการในจีนค่อนข้างครบถ้วน ทั้งบริการค้นหา, แผนที่, และการอินพุตด้วยเสียง หากบริษัทต้องการให้บริการแบบเดียวกับ Android Auto ในจีน การร่วมมือกับไป่ตู้ก็น่าจะสมเหตุสมผลดี
ที่มา - Business Insider
การแข่งขันระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจดจำและจำแนกประเภทของภาพได้อย่างแม่นยำในปีนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย ไป่ตู้, ไมโคซอฟท์, และกูเกิลล้วนตีพิมพ์ผลสำเร็จใหม่ออกมาห่างกันไม่กี่เดืือน ล่าสุดเดือนนี้ไป่ตู้ก็ตีพิมพ์ผลงานล่าสุดมีความแม่นยำสูงกว่าคู่แข่งทั้งหมดแล้ว โดยมีความผิดพลาดเพียง 4.58% เทียบกับมนุษย์ทั่วไปที่จำแนกภาพได้ความผิดพลาด 5.1% และผลที่ดีที่สุดของกูเกิลก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.82%
การแข่งขันระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจดจำและจำแนกประเภทของภาพได้อย่างแม่นยำในปีนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย ไป่ตู้, ไมโครซอฟท์, และกูเกิลล้วนตีพิมพ์ผลสำเร็จใหม่ออกมาห่างกันไม่กี่เดือน ล่าสุดเดือนนี้ไป่ตู้ก็ตีพิมพ์ผลงานล่าสุดมีความแม่นยำสูงกว่าคู่แข่งทั้งหมดแล้ว โดยมีความผิดพลาดเพียง 4.58% เทียบกับมนุษย์ทั่วไปที่จำแนกภาพได้ความผิดพลาด 5.1% และผลที่ดีที่สุดของกูเกิลก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.82%
สามหน่วยงานจัดอันดับโปรแกรมป้องกันไวรัส ได้แก่ AV-Comparatives, AV‐TEST, และ Virus Bulletin (เป็น PDF ไฟล์เดียวกันแต่โพสสามเว็บ) ประกาศถอด Qihoo 360 ออกจากการจัดอันดับโปรแกรมป้องกันไวรัส เพราะซอฟต์แวร์ที่ส่งมาให้แตกต่างจากซอฟต์แวร์ที่ใช้งานจริงอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากตั้งท่าจะทำอยู่นาน วันนี้ Baidu ก็ออกมาโชว์ตัว DuWear ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทวอทช์ของตัวเองที่พัฒนาจาก Android อย่างเป็นทางการแล้ว
ฟีเจอร์ของ DuWear จะคล้ายกับสมาร์ทวอทช์เจ้าอื่นๆ ตรงที่สามารถแสดงผลข้อมูลสภาพอากาศ ราคาหุ้น สั่งงานด้วยเสียง และจะเพิ่มฟีเจอร์ในเครือของ Baidu เข้าไปอย่างระบบจ่ายเงิน แผนที่ เป็นต้น
DuWear จะเริ่มปล่อยให้ดาวน์โหลดกันช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ โดยสามารถติดตั้งเข้าไปในสมาร์ทวอทช์ในตลาดหลายรุ่น เช่น Sony SmartWatch 3, Moto 360 และ LG G Watch โดยจะมี App Store ตามมาทีหลัง
ข่าวนี้ต่อจากข่าวการโจมตี GitHub โดยแก้สคริปต์โฆษณาของไป่ตู้ และทางไป่ตู้จีนก็ออกมายืนยันแล้วว่าระบบของบริษัทไม่ได้ถูกแฮก วันนี้ทางไป่ตู้ประเทศไทยออกข่าวประกาศแบบเดียวกันว่าระบบของบริษัทไม่ได้ถูกแฮกและวิศวกรของไป่ตู้กำลังทำงานร่วมกับองค์กรรักษาความปลอดภัยเพื่อหาสาเหตุต่อไป
ต่อจากข่าว จีนดักแก้ทราฟฟิกโฆษณาจากเว็บ Baidu ให้กลายเป็นสคริปต์โจมตี DDoS เว็บ GitHub ทางฝั่งของ GitHub ก็ออกมาเผยข้อมูลว่าถูกโจมตีจริงๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
GitHub บอกว่าการโจมตีมีทั้งเทคนิคแบบเดิมๆ ที่เคยพบมา และเทคนิคใหม่ที่ใช้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันยิง GitHub (ซึ่งก็คือเทคนิคในข่าวก่อนหน้านี้) ส่วนแรงจูงใจของการโจมตีคาดว่าน่าจะต้องการให้ GitHub ลบเนื้อหาบางอย่างออกจากเว็บ (หน้าเพจของ GitHub ที่โดนยิง คือเนื้อหาจากเว็บที่โดนแบนในประเทศจีน ได้แก่เว็บ Greatfire.org และ Chinese New York Times) ทางเว็บทิ้งท้ายว่าจะทำงานเต็มที่เพื่อให้ GitHub ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ: ข่าวก่อนหน้านี้มีความผิดพลาดในการแปล ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
ผู้ใช้ชื่อ Anthr@X ได้โพสต์ในบล็อก insight-lab.org ว่าหลายเว็บไซต์ในประเทศจีนที่มีการลงโฆษณาจากเว็บ Baidu เมื่อเข้าเว็บไซต์ดังกล่าวจากนอกประเทศจีน จะพบหน้าจอป๊อบอัพเด้งขึ้นมาทุกๆ 5 วินาที ในเบื้องต้นเขาคาดว่าน่าจะเป็นการโจมตีประเภท Cross-Site Scripting (XSS) จึงได้ตรวจสอบโค้ดดังกล่าวแล้วพบว่ามีการเรียกไปยัง URL ของ GitHub จำนวนสอง URL คือ github.com/greatfire และ github.com/cn-nytimes
การใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้เรายังคงใช้งานคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา เช่น คำนวณสมการคณิตศาสตร์ หรือการประมวลข้อความที่เป็นมีกฎตรงไปตรงมา ข้อดีของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ตลอดมาคือความเร็วที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างรวดเร็วเกินกว่าคนจะทำได้ แต่ในงานที่คนเราทำได้ง่ายๆ เช่น การทำความเข้าใจภาพถ่ายสักภาพมีอะไรอยู่ในภาพบ้างสำหรับคนทั่วไปสามารถทำได้โดยง่าย เราสามารถวงได้ว่าภาพใดมีบ้าน, รถ, หรือวัตถุอื่นๆ ในบ้านได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่กระบวนการเหล่านี้กลับยากมากสำหรับคอมพิวเตอร์
ข่าวนี้อาจจะเก่าหน่อยนะครับ น่าจะประมาณปลายปีที่แล้ว 百度云 (Baidu Cloud) เว็บไซต์ให้บริการจัดเก็บไฟล์บนกลุ่มเมฆ เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ฝากไฟล์ฟรีที่มีความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานประเทศจีน แจกฟรีพื้นที่ 2TB ให้ใช้งานกันได้ฟรีๆ
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่มีผู้ใช้งานครบ 100 ล้านคนในกิจกรรมวันขอบคุณพระเจ้า (百度云用户破亿感恩活动) Baidu Cloud จึงได้จัดโปรโมชันแจกฟรีพื้นที่ 2TB เพียงแค่ติดตั้งแอพมือถือ BaiduYun ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ไอโฟนและไอแพด แล้วลงชื่อเข้าใช้งาน เพียงเท่านี้ก็จะได้พื้นที่จัดเก็บขนาด 2TB ฟรีๆ (ดูวิธีการรับพื้นที่ฟรีและดาวน์โหลดได้จากที่มาข่าว)
Baidu ประกาศเปลี่ยนชื่อเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง จากเดิมที่ใช้ชื่อ Spark Browser มาเป็น Baidu Browser ทั้งบนพีซีและสมาร์ทโฟน Android
Baidu ไม่ได้ให้เหตุผลของการเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ ถ้าให้เดาก็คงเป็นนโยบายด้านการสร้างแบรนด์ Baidu แบรนด์เดียวครับ
ผมเช็คดูในเว็บไซต์ของ Spark เปลี่ยนชื่อเป็น Baidu Browser แล้ว แต่ Facebook Page ยังใช้ชื่อ Spark Browser อยู่ครับ
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Baidu ประเทศไทย
Baidu ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินรายใหญ่จากประเทศจีน และมีซอฟต์แวร์ในเครือจำนวนมากได้ประกาศว่า Baidu Antivirus ได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001 เป็นที่เรียบร้อย
ISO/IEC 27001 เป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ออกโดย BSI Group จากความเป็นเลิศในการบริหารจัดการความปลอดภัยของข้อมูล
Baidu ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้นหาจากประเทศจีน เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่จากแผนกพัฒนาของตัวเองในชื่อ "Deep Speech" ที่เคลมว่าสามารถพลิกโฉมการสั่งด้วยเสียงในปัจจุบันได้เลย
Deep Speech เป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง ที่สามารถใช้งานได้แม้ว่าจะมีเสียงดังรบกวน เช่นในร้านอาหาร บนรถโดยสาร หรือการใช้งานที่ผู้พูดอยู่ห่างจากไมโครโฟน เป็นต้น โดยคีย์ของเทคโนโลยีนี้คือการใช้จีพียูมาช่วยประมวลผล ร่วมกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ Baidu เองที่เก็บมามากกว่า 100,000 ชั่วโมงด้วยกัน