ไม่เพียง YouTube ที่เจอปัญหาคอนเทนต์ไม่เป็นมิตรกับเด็ก แพลตฟอร์มวิดีโอของจีนก็เจอเหมือนกัน และกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนด้วย โดยสำนักงานด้านสื่อลามกอนาจารส่วนหนึ่งในหน่วยข่าวกรองของจีน, สื่อแห่งรัฐ เรียกรวมกันว่า SARFT กำลังสืบสวนแพลตฟอร์มวิดีโอ Youku ในเครืออาลีบาบา, iQiyi และ Tencent ในข้อหามีคลิปตัวการ์ตูน Peppa Pig และ เอลซ่าในหนังเรื่อง Frozen อยู่ในสภาพโชกเลือดและน่าสยดสยอง นอกจากนี้ยังสืบสวน Haokan แอพวิดีโอของ Baidu ด้วย
การ์ตูนเจ้าปัญหานี้มาจาก บริษัท Guangzhou Yijun Trading ได้เซ็นสัญญากับ Youku และ iQiyi ในปี 2016 เพื่อแสดงการ์ตูนในเว็บไซต์โดยใช้ชื่อการ์ตูนว่า "Happy Disney" ซึ่งทำกำไรได้มากกว่า 2.2 ล้านหยวน (ประมาณ 347,000 ดอลลาร์) ทางบริษัทออกมาขอโทษที่ทำวิดีโอน่ากลัวออกมา และยอมรับว่าทำไปเพื่อต้องการทราฟิก ซึ่งไม่ได้คาดคิดว่าอาจมีเด็กนำไปทำตามจนเป็นอันตรายได้
ความเคลื่อนไหวเรื่องเนื้อหาเด็กของประเทศจีนเกิดขึ้นในช่วงเดียวกัยกับที่ YouTube ก็เจอปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
Baidu เปิดตัว Leci Gou (ออกเสียงคล้ายคำว่า Let's go) เกมให้กำเนิดลูกหมาบนบล็อกเชน ผู้เล่นสามารถเลี้ยงดูและให้กำเนิดหมาสายพันธุ์ใหม่ๆ หายากด้วยเงินคริปโต โดยลูกหมาจะมีการออกแบบและสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ยิ่งสายพันธุ์หายากยิ่งแพง อย่างไรก็ตาม Leci Gou ทำเลียนแบบเกมเลี้ยงแมวและสะสมแมว CryptoKitties ขึ้นมาอีกที เพียงแต่เปลี่ยนจากเลี้ยงแมวเป็นเลี้ยงหมา
ผู้ใช้ที่มีบัญชี Baidu อยู่แล้วสามารถไปรับเลี้ยงลูกหมาคริปโต 1 ตัว และรับฟรี 1,000 คะแนน และยังเอาไปเทรดกับเจ้าของหมาคนอื่นได้ด้วย รายละเอียดในเว็บไซต์ระบุว่า Leci Gou พัฒนาโดยทีมบล็อกเชนของ Baidu ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Hyperledger ของ Linux Foundation ตัว Leci Gou ยังจุดประเด็นลอกเลียนแบบเกม CryptoKitties เพื่อเกาะกระแสความนิยม เนื่องจากตัวเกมได้รับความนิยมพอสมควรช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา
NVIDIA ประกาศว่า Chery ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเตรียมใช้ระบบ ZF ProAI อยู่เบื้องหลัง สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 โดยระบบ ZF ProAI นี้พัฒนาโดย NVIDIA, Baidu และ ZF Friedrichshafen หนึ่งให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ระบบ ZF ProAI นี้มีเทคโนโลยี NVIDIA DRIVE Xavier ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่เบื้องหลัง และ Chery ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของจีนที่เลือกใช้ระบบนี้
Baidu ได้เปิดตัว Baidu Trust บริการแพลตฟอร์ม Blockchain-as-a-Service แบบแพลตฟอร์มเปิด โดย Baidu อ้างว่าสามารถนำไปปรับใช้งานกับบริการได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเงินดิจิทัล, การทำบิลออนไลน์, การจัดการเครดิตลูกค้าของธนาคาร, การตรวจสอบบัญชี เป็นต้น
เบื้องต้น Baidu ระบุว่ามีผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนและค้ำประกันสินทรัพย์มาใช้บริการเป็นเจ้าแรก โดยนอกจาก Baidu เมื่อปีที่แล้วก็มี Tencent ที่เปิดบริการ Blockchain-as-a-Service ในลักษณะเดียวกันนี้ไปก่อนแล้ว
ที่มา - Coindesk
Baidu ออกลำโพงอัจฉริยะ 3 รุ่น แบบไม่ง้อ Alexa และ Google Assistant เพราะใช้แพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS โดยแต่ละรุ่นมีความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกัน คือเป็น โคมไฟ, โปรเจกเตอร์ฉายบนเพดาน, หน้าจอสัมผัสได้
รุ่นที่เป็นจอทัชสกรีนในตัวคือ Little Fish VSI บางกว่ารุ่น Little Fish ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ มีหน้าจอด้านบน ลำโพงด้านล่าง หุ้มด้วยผ้า มีสีขาว ดำ แดง และเขียวเทอร์คอยซ์ มีระบบ facial recognition ด้วย จะเปิดตัวในจีนเดือนมีนาคมนี้
รุ่น Sengled ความสามารถก็คือเป็นลำโพงอัจฉริยะที่เป็นโคมไฟในตัว เปลี่ยนสีไฟ ปรับความสว่างได้ และรุ่นที่เป็นจอโปรเจกเตอร์คือ popIn Aladdin จะเปิดตัวในญี่ปุ่น กรกฎาคมนี้
BlackBerry และ Baidu ได้เซ็นสัญญาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ BlackBerry ร่วมมือกับ Qualcomm, Denso และ Aptiv ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยซอฟต์แวร์ QNX ของ BlackBerry อยู่แล้ว
ภายใต้ความร่วมมือนี้ QNX ของ BlackBerry น่าจะมาเป็นระบบปฏิบัติการของ Apollo แพลตฟอร์มรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Baidu ที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Apollo นี้มีบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มาร่วมมือแล้วคือ Ford และ Hyundai รวมถึงบริษัทรถยนต์ในจีนอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึง Baidu จะนำเทคโนโลยี CarLife (ซอฟต์แวร์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับรถยนต์ในจีน), ระบบ AI และแผนที่ความละเอียดสูงมาใส่ในแพลตฟอร์มของ BlackBerry ด้วย
Qualcomm ประกาศความร่วมมือกับ Baidu ผนึกกำลังพัฒนาด้าน AI ร่วมกัน
Baidu ถือเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการ AI จีน มีระบบปฏิบัติการ DuerOS รองรับการสั่งงานด้วยเสียง (แน่นอนว่าเน้นภาษาจีน) และที่ผ่านมาก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งจับมือกับ Baidu เพื่อใช้งาน DuerOS ที่ว่านี้ เช่น NVIDIA และ Xiaomi
Baidu และ Xiaomi ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และ Internet of Things อย่างเป็นทางการในงานประชุมนักพัฒนาที่จัดโดย Xiaomi ณ กรุงปักกิ่ง
ทั้งสองระบุว่าเป็นการร่วมมือโดยเน้นเรื่อง voice recognition, deep learning และ computer vision ที่ซึ่ง
Baidu อาจนำไปต่อยอดใน หุ่นยนต์ AR, VR และรถยนต์
ทั้งสองบริษัทมีการร่วมกันทำงานมาก่อนหน้านี้แล้วคือ Baidu มีแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS ซึ่งปรากฎในผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi บางรุ่นด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ออกมาประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ
ธนาคาร China Citic และบริษัทเสิร์ชเอนจิน Baidu จับมือกันเปิดตัว AiBank เป็นธนาคารที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในยุคฟินเทค (เป็นไปตามคู่แข่งอย่าง Alibaba และ Tencent ที่แต่ละบริษัทต่างก็มีธุรกิจส่วนให้บริการทางการเงินด้วย)
AiBank จะเน้นการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต แทนที่จะเป็นการให้บริการผ่านสาขา โดย Li Rudong ประธานของธนาคารแห่งใหม่กล่าวว่า บริการของ AiBank จะเน้นที่การกู้ยืมแบบส่วนบุคคลและธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งจะใช้ big data และ AI เข้ามาสร้างโมเดลควบคุมความเสี่ยง โดย 60% ของพนักงานธนาคารนี้จะเป็นพนักงานที่ทำงานในด้านเทคโนโลยี
หลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จนมีแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS วันนี้ Baidu ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม AI เป็นครั้งแรก 2 ตัว ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับบริษัทลูก Raven Tech สตาร์ทอัพพัฒนาลำโพงอัจฉริยะที่ Baidu ซื้อมาเมื่อต้นปี
ตัวแรกคือลำโพงอัจฉริยะ Raven H ที่รันด้วย DuerOS แพลตฟอร์ม AI รองรับการสั่งงานลักษณะเดียวกับ Alexa หรือ Google Assistant โดยจุดเด่นของ Raven H คือแพแนลชั้นบนสุดที่เป็นจอ LED สามารถถอดออกจากตัวฐานลำโพง และพกติดตัวหรือนำไปวางไว้ที่อื่นเพื่อสั่งการ AI ไม่ว่าจะค้นหา เปิดเพลงหรือควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ โดยไม่ต้องพกลำโพงทั้งตัวไป วางจำหน่ายราคา 1,699 หยวนหรือราว 8,500 บาท
Baidu รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2017 มีรายได้รวม 3.53 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้ 73% มาจากบนมือถือ และมีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 156%
ซีอีโอ Robin Li กล่าวว่า Baidu ยังคงอยู่ในแผนงานเพิ่มความแข็งแกร่งในแพลตฟอร์มมือถือ และต่อยอดสู่การเป็นผู้นำด้าน AI โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มของอุปกรณ์อัจฉริยะ, รถยนต์อัตโนมัติ ไปจนถึงบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านการเงิน
ด้าน Qi Lu ซีโอโอ Baidu กล่าวว่า Baidu จะดำเนินกลยุทธ์โดยผลักดัน AI ไปในทุกส่วนธุรกิจ อาทิ iQIYI ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะแพลตฟอร์มวิดีโอ ก็มี AI เป็นส่วนสำคัญเบื้องหลัง
Baidu เปิดตัวอุปกรณ์พกพาที่สามารถแปลภาษา โดยผู้ใช้พูดข้อความเข้าไปและเครื่องจะพูดแปลภาษาออกมาให้ เบื้องต้นรองรับการแปลในภาษา จีน ญี่ปุ่น และอังกฤษ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่มีฐานข้อมูลการแปลภาษาในตัว แต่อาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาแล้วส่งกลับคำแปลมาให้ และเนื่องจากอุปกรณ์นี้สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ Baidu จึงต้องการให้เป็น Pocket Wi-Fi เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกด้วย โดยรองรับเครือข่ายมือถือ 80 ประเทศ
เบื้องต้น Baidu ไม่ต้องขายอุปกรณ์นี้ แต่จะใช้วิธีให้เช่าสำหรับลูกค้าในประเทศจีนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมนำสินค้านี้ไปให้บริการที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย
Apollo Project โครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแบบโอเพ่นซอสของ Baidu กำลังได้รับเงินทุนเพิ่มอีกราว 1 หมื่นล้านหยวนหรือราว 5 หมื่นล้านบาท สำหรับโปรเจ็คย่อยต่างๆ กว่า 100 โปรเจ็คในระยะเวลากว่า 3 ปีข้างหน้า
ขณะที่คามคืบหน้าล่าสุดของโครงการ Baidu เพิ่งปล่อย Apollo 1.5 ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ออกมา ซึ่งก็มีการปรับปรุงฟีเจอร์ไร้คนขับ ขณะที่พาร์ทเนอร์ในโครงการปัจจุบันมีอยู่ราว 70 เจ้า
แต่ทว่าจากการเติบโตดังกล่าว ทาง Baidu กำลังได้รับผลกระทบจากกฎหมายท้องถิ่นของจีนที่ยังปรับแก้ไขตามไม่ทัน โดยยังไม่อนุญาตให้รถไร้คนขับทดสอบบนทางหลวง ซึ่งทำให้ Baidu โดนสอบสวนจากตำรวจว่าละเมิดกฎจราจรหรือไม่ จากการทดสอบรถไร้คนขับโชว์ให้ผู้สื่อข่าวในงานประกาศแถลงข่าวก่อนหน้านี้
บริษัทประกันชีวิต China Life Insurance Group Co และ Baidu เตรียมก่อตั้งกองทุน private equity (กองทุนเพื่อการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต
โดยคาดหวังว่า Baidu Fund Partnership จะมีทุนโดยรวมอยู่ที่ 7 พันล้านหยวน หรือประมาณ 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นทุนจาก China Life ราว 5.6 พันล้านหยวน ขณะที่ Baidu อยู่ที่ 1.4 พันล้านหยวน
เว็บไซต์ข่าว South China Morning Post รายงานข่าวว่าหน่วยงานจัดการไซเบอร์ของจีน หรือ Cyberspace Administration of China กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตจากสามแพลตฟอร์มใหญ่คือ WeChat, Weibo และ Baidu โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าพบว่ามีผู้ใช้งานบางรายเผยแพร่ข้อมูลรุนแรง หยาบคาย เป็นภัยต่อความมั่นคง ความเป็นระเบียบของชาติ
Weibo ตอบนักข่าวกรณีกล่าวหาดังกล่าวว่า "Weibo เสียใจอย่างยิ่งต่อประสบการณ์เชิงลบของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เกิดจากข้อมูลที่เป็นอันตราย โดยเราจะเร่งแก้ปัญหาและให้ความร่วมมือกับการสืบสวน" ด้าน Baidu ก็ระบุจะเพิ่มมาตรการเซ็นเซอร์อย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแสดงข้อมูลผิดกฎบนโลกออนไลน์ และ Tencent ผู้สร้าง Wechat ก็ระบุไปในทำนองเดียวกันคือจะให้ความร่วมมือกับการสอบสวน
Qi Lu อดีตผู้บริหารยาฮูและไมโครซอฟท์ ที่ย้ายมาอยู่ Baidu เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Wired เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของ Baidu ด้าน AI ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
AI คือเป้าหมายหลักของ Baidu
Qi บอกว่าเป้าหมายของ Baidu ตอนนี้มีสองอย่าง คือเป็นผู้นำบนแพลตฟอร์มมือถือ และเป็นผู้นำด้าน AI ซึ่ง Baidu เรียกว่า Baidu Brain มีความสามารถในการทำงานมากกว่า 60 อย่าง ซึ่งมากกว่าที่กูเกิลและไมโครซอฟท์มี
Baidu รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2017 รายได้รวม 3.079 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 651 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 82.9%
รายได้หลักของ Baidu มาจากการตลาดออนไลน์ โดยรายได้ส่วนนี้เติบโต 5.6% เป็น 2.64 พันล้านดอลลาร์ Baidu บอกว่าปัจจุบันลูกค้าที่ทำการตลาดออนไลน์อยู่ 470,000 ราย คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า 5,532 ดอลลาร์
ซีอีโอ Robin Li กล่าวว่า Baidu ได้ประกาศเป้าหมายใหม่ออกมา คือการทำโลกที่ปัจจุบันซับซ้อนให้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทดำเนินไปด้วยสองกลยุทธ์ คือเสริมความแข็งแกร่งในตลาดมือถือ และเป็นผู้นำใน AI ซึ่งช่วยเสริมธุรกิจเดิมบริษัทให้มีพัฒนาการมากขึ้น
เมื่อวานนี้ Baidu ประกาศตั้งกลุ่มพันธมิตรผลักดันการใช้งาน AI บนรถไร้คนขับ โดยมีสมาชิกเข้าร่วมกว่า 50 บริษัท และพาร์ทเนอร์รายสำคัญของ Baidu คือ NVIDIA ที่ประกาศว่ามีความร่วมมือกันอีกหลายอย่าง ไม่ได้มีแต่รถยนต์ไร้คนขับอย่างเดียว
Baidu ได้เข้าซื้อบริษัท Kitt.ai สตาร์ทอัพจาก Seattle ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาธรรมชาติซึ่งมีผลงานในการพัฒนาเฟรมเวิร์คสำหรับแชทบอทและแอพพลิเคชั่นที่ใช้เสียงซึ่งสามารถใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
Kitt.ai ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2014 โดยมีผลิตภัณฑ์สามตัวคือ Snowboy เอนจินตรวจจับ hotword แบบที่สามารถปรับแต่งได้, NLU เอนจินสำหรับการเข้าใจภาษาธรรมชาติในหลายภาษา และ ChatFlow เอนจินสำหรับการทำบทสนทนา โดยเอนจินของ Kitt.ai สามารถรันได้แบบข้ามแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นแอพบนสมาร์ทโฟน, ลำโพง, เครื่องใช้, เว็บแชท, รถยนต์, บ้าน, ห้องประชุม, ออฟฟิศ, โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งระบบโทรศัพท์ปกติ
Baidu ประกาศจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรผลักดันและขับเคลื่อนการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ของตัวเองบนรถไร้คนขับ มีพาร์ทเนอร์เข้าร่วมกว่า 50 ราย โดยมี Ford, Daimler และ Grab เข้าร่วมด้วย
Baidu เองก็เปิด open-sourced เทคโนโลยีรถไร้คนขับให้กับพาร์ทเนอร์อยู่แล้ว และการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรครั้งนี้ ทาง Baidu ก็มองเป็นสถานการณ์วิน-วิน ที่พาร์ทเนอร์จะไ้ด้เข้าถึงเทคโนโลยี ส่วน Baidu ก็มีคนช่วยป้อนข้อมูลสำหรับการเทรนด์รถยนต์ ไปจนถึงนำ Big Data เหล่านั้นไปใช้งานอย่างอื่นด้วย
ที่มา - SCMP
สวนทางกับบริษัทในฝั่งสหรัฐอย่างสิ้นเชิง หลัง Baidu บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีนออกมาเปิดเผยว่ายินดีจะแชร์เทคโนโลยีรถไร้คนขับให้กับบริษัทอื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์ โดยเฉพาะกับผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อสร้าง Collaborative Ecosystem บนรถไร้คนขับขึ้นมา
แพลตฟอร์มของ Baidu จะมีให้ทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ โซลูชันไปจนถึงบริการคลาวด์ ด้านผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นว่าท่าทีนี้ของ Baidu อาจคล้ายกับโปรเจค AOSP ของกูเกิล ซึ่งหากมีผู้ใช้งานเทคโนโลยีรถไร้คนขับมากเท่าไหร่ (อย่างน้อยๆ ก็ในจีน) Baidu ก็จะยิ่งได้ประโยชน์หรือทำเงินจากข้อมูลจากรถยนต์มากเท่านั้น
โครงการรถไร้คนขับของ Baidu (ชื่อโปรเจ็ค Apollo) เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 โดยมีเป้าหมายว่าจะสมบูรณ์ภายในปี 2020
Andrew Ng หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการ deep learning ประกาศลาออกจาก Baidu Research โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะไปทำงานที่ไหนต่อไป แต่ระบุว่ายังอยู่ในวงการปัญญาประดิษฐ์ต่อไป
Ng ประกาศพร้อมกับชื่นชม Baidu ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ลงทุนอย่างหนักกับปัญญาประดิษฐ์ โดยตอนนี้มีบุคลากรที่ทำงานกับปัญญาประดิษฐ์รวมถึง 1,300 คน โดย 300 คนอยู่ใน Baidu Research และมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าในหลายด้าน ทั้งการจดจำเสียง, การวิเคราะห์ภาษา, ระบบ computer vision, machine learning, และการเชื่อมโยงความรู้ (knowledge graph)
เขาระบุว่าด้านดีของสหรัฐฯ คือก่อกำเนิดแนวคิดใหม่ๆ ขณะที่จีนนั้นเก่งในการประดิษฐ์และการนำปัญญาประดิษฐ์ออกมาเป็นสินค้า
Baidu เสิร์ชเอนจินรายใหญ่จากจีนได้เปิดตัว SwiftScribe เว็บแอพที่ใช้ในการถอดความเสียงที่อัดโดยใช้ AI ช่วยในการถอดความ
เทคโนโลยีหลักของ SwiftScribe นั้นคือ Deep Speech 2 ซึ่งเป็นเอนจินด้านการจำแนกเสียง โดยเป็น neural network ที่ถูกเทรนโดยใช้ข้อมูลเสียงนับพันชั่วโมง
วิธีใช้ SwiftScribe เพียงแค่ผู้ใช้อัพโหลดไฟล์เสียงในรูปแบบไฟล์ wav หรือ mp3 ระบบก็จะประมวลผลให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบของ Baidu รองรับไฟล์ได้ถึง 1 ชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการถอดความ แต่การถอดความก็ยังไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ผู้ใช้ยังจำเป็นต้องใส่เครื่องหมายวรรคตอน, เปลี่ยนตัวอักษรตัวเล็ก/ใหญ่ และต้องแก้บางคำที่ซับซ้อนด้วย
โครงการ AMP ของกูเกิลได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นบริษัทอื่นๆ อย่าง eBay, Pinterest, LinkedIn, WordPress หรือแม้แต่คู่แข่งโดยตรงอย่าง Bing รับไปใช้งาน
บริษัทใหญ่รายล่าสุดที่ร่วมใช้ AMP คือผู้ให้บริการ search engine ยอดนิยมจากเอเชีย ได้แก่ Baidu และ Sogou จากจีน และ Yahoo Japan จากญี่ปุ่น
กูเกิลระบุว่าความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ AMP ในเอเชีย เพราะ Baidu กับ Sogou มีส่วนแบ่งตลาดในจีนรวมกัน 90% ส่วน Yahoo Japan มีลูกค้าใช้งาน 58 ล้านรายต่อวัน ส่วนตอนนี้มีเพจ AMP จำนวน 1.7 พันล้านเพจแล้ว
Baidu Research รายงานความสำเร็จของโครงการ Deep Voice แปลงจากข้อความเป็นเสียง (text-to-speech - TTS) นอกจากความแม่นยำของเสียงที่ออกมาเป็นธรรมชาติแล้ว ระบบนี้ยังมีความเร็วสูงกว่าระบบก่อนๆ ทำให้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการสังเคราะห์เสียง
Deep Voice ยังไม่ใช่ระบบแบบ end-to-end ที่ใช้เครือข่ายประสาทเทียมในการวิเคราะห์ทั้งหมด แต่ต้องการตัวแปลงข้อความเป็น phoneme เสียก่อน จากนั้นจึงฝึกสามระบบแยกจากกัน ได้แก่ ระบบสังเคราะห์เสียง (audio synthesis), ระบบทำนายระยะเวลาเสียง (duration prediction), และระบบทำนายความถี่พื้นฐาน (fundamental frequency prediction)
ตัวอย่างเสียงที่สังเคราะห์ได้มีให้ฟังในที่มา