รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
Microsoft Edge ประกาศแก้ปัญหาเว็บไซต์ใช้ช่องทางการแจ้งเตือน (web notification) ส่งสแปมหรือการแจ้งเตือนหลอกลวงให้ผู้ใช้ โดยจะบล็อคการแจ้งเตือนปลอมเหล่านี้ให้อัตโนมัติ
ทีมพัฒนา Edge บอกว่าใช้วิธีศึกษาข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเรียนรู้ว่าเว็บไซต์ส่งสแปมบ่อย และบล็อคเว็บเหล่านี้ให้ตั้งแต่ก่อนผู้ใช้กดยอมรับแล้ว โดยเริ่มต้นจาก Edge 113 หากผู้ใช้เข้าเว็บที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเจอข้อความเตือนครั้งแรกของเว็บนั้นจะถูกแสดงแบบเงียบๆ แค่บน Address Bar เท่านั้น ไม่ขึ้นเป็นป๊อปอัพมาให้เกะกะสายตา แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการ ก็ยังสามารถกดรับการแจ้งเตือนได้เองจากรูปกระดิ่งบน Address Bar เช่นกัน
Mozilla ออกอัพเดต Firefox เวอร์ชัน 115 โดยมีฟีเจอร์เด่นได้แก่ สามารถย้ายข้อมูลการจ่ายเงินจากเบราว์เซอร์ที่เป็นพื้นฐาน Chrome มา Firefox ได้, ฮาร์ดแวร์ถอดรหัสวิดีโอเปิดให้ใช้สำหรับจีพียูของอินเทลบน Linux, ดร็อปดาวน์ของ Tab Manager มีปุ่มปิด ทำให้ปิดแท็บได้เร็วขึ้น และอื่น ๆ
ในอัพเดตนี้ Mozilla แจ้งข้อมูลสำคัญเรื่องการสนับสนุนระบบปฏิบัติการเก่า โดย Firefox 115 จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่สนับสนุน Windows 7, Windows 8, macOS 10.12, 10.13 และ 10.14 หรือชื่อเวอร์ชัน Sierra, High Sierra และ Mojave ตามลำดับ
หากผู้ใช้งานไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการได้ Firefox จะอัพเดตเวอร์ชันถัดไปเป็น Firefox ESR 115 ซึ่งจะอัพเดตเฉพาะแพตช์ความปลอดภัยที่สำคัญเท่านั้น
ปีที่แล้ว Microsoft เปิดตัวบริการ VPN ฟรีในเบราว์เซอร์ Edge ในชื่อ Microsoft Edge Secure Network โดยใช้เครือข่ายของ Cloudflare ซึ่งตอนนั้นให้โควต้าคนละ 1GB ต่อเดือน
ล่าสุด Microsoft ได้ประกาศเพิ่มโควต้าฟรีเป็น 5GB ต่อเดือน โดยบังคับว่าต้องล็อกอินในเบราว์เซอร์ด้วย Microsoft account ก่อนใช้งาน อย่างไรก็ตาม ชื่อผู้ใช้จะไม่ถูกส่งต่อไปยัง Cloudflare ที่เป็นผู้ให้บริการ VPN
DuckDuckGo ออกเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปเวอร์ชัน Windows แบบ public beta ให้คนทั่วไปดาวน์โหลดใช้งาน
เบราว์เซอร์ DuckDuckGo ใช้วิธีเรียกเอนจินแสดงผลเว็บของระบบปฏิบัติการ ในกรณีของ Windows คือใช้ WebView2 ตัวเดียวกับใน Microsoft Edge แล้วเขียนฟีเจอร์ของ DuckDuckGo เพิ่มเองอีกที ตัวอย่างฟีเจอร์เด่นได้แก่
Chrome เวอร์ชันเดสก์ท็อปปรับปรุงเครื่องมือสำหรับออกแบบธีมเบราว์เซอร์ให้สะดวก เพิ่มลูกเล่นได้มากขึ้น โดยเมื่อเปิดแท็บใหม่ ให้กดที่ไอคอน Customize Chrome มุมล่างขวา จะมีแถบใหม่ด้านข้างสำหรับปรับแต่งธีมและสีที่ต้องการ
กูเกิลบอกว่าการปรับแต่งเบราว์เซอร์ใหม่นี้ ทำให้ผู้ใช้งานเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ทันทีทางซ้ายมือ จึงสามารถปรับเลือกได้จนกว่าจะพอใจ และบันทึกการตั้งค่านี้ให้อัตโนมัติจึงไม่ต้องกังวลหากลืมเซฟ
การปรับตั้งค่านี้เริ่มด้วยการเลือกธีมใหม่ที่ต้องการจากคอลเลกชันที่มีหลายแบบ หรือเลือก Refresh Daily หากต้องการเปลี่ยนพื้นหลังไปเรื่อย ๆ แต่ยังอยู่ในธีมที่ต้องการก็ได้ จากนั้นสามารถเลือกสีหลักของเบราว์เซอร์ เพื่อให้เข้ากับธีมที่กำหนดไว้
ไมโครซอฟท์เริ่มใช้งาน Microsoft Edge ดีไซน์ใหม่ที่ทดสอบมาสักระยะหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ "ขอบโค้ง" ไปซะทุกส่วน โดยเฉพาะในกรอบแสดงผลหน้าเว็บที่เพิ่มขอบโค้งด้านในเข้ามาให้เห็นอย่างชัดเจน
แท็บของ Edge ยังเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบ island เป็นเหมือน "เกาะ" หรือ "ก้อน" แทนแท็บแบบดั้งเดิม, ย้ายไอคอนโปรไฟล์ของผู้ใช้มาอยู่มุมซ้ายบนแทนขวาบน, เพิ่มฟีเจอร์ Split Screen เปิดสองแท็บคู่กันในหน้าต่างเดียว ไม่ต้องแยกเปิดสองหน้าต่างอีกต่อไป
ผู้สนใจสามารถทดสอบได้แล้ววันนี้ใน Settings > Appearance เลือก try the new look and feel of Microsoft Edge
ปัญหาของนักพัฒนาเว็บช่วงหลังที่เจอกันบ่อยคือแม้จะมี API ใหม่ๆ ให้ใช้งาน และหลายครั้งออกเป็นมาตรฐานแล้ว แต่เบราว์เซอร์แต่ละยี่ห้อก็รองรับไม่พร้อมกัน ทำให้นักพัฒนาต้องมาระวังว่าอะไรใช้ได้ไม่ได้ ที่ผ่านมาแม้จะมีการจัดมาตรฐานมาทำเป็นชุดทดสอบ เช่น Interop แต่สุดท้ายนักพัฒนาก็ต้องมาดูเองอยู่ดีว่าเบราว์เซอร์ใดผ่านข้อไหนบ้าง ในงาน Google I/O ปีนี้กูเกิลจึงเปิดตัว Baseline โลโก้แจ้งนักพัฒนาว่าฟีเจอร์ใดพร้อมใช้งานโดยทั่วไปแล้ว
Firefox ออกเวอร์ชัน 113 มีของใหม่หลายอย่าง ดังนี้
Chrome ออกเวอร์ชัน 113 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสองอย่าง อย่างแรกคือ ใช้ไลบรารี libaom 3.6 เวอร์ชันใหม่ ทำให้เข้ารหัสวิดีโอแบบ AV1 ด้วยซีพียูได้เร็วขึ้น มีประโยชน์เวลาวิดีโอคอลล์ผ่านเว็บ (เช่น Google Meet) บนเครื่องส่วนใหญ่ที่ยังไม่รองรับ AV1 ด้วยจีพียูกัน
อย่างที่สองคือเปิดใช้ WebGPU เป็นค่าดีฟอลต์ เทคโนโลยี WebGPU เป็น API กราฟิกตัวใหม่ของ W3C ที่เปิดทางให้เบราว์เซอร์สามารถเรียก API กราฟิกของระบบปฏิบัติการ (เช่น Vulkan, Direct3D, Metal) ได้โดยตรง มันถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทน WebGL ของเดิมที่เป็นการพอร์ต OpenGL ES มาอยู่บนเว็บ เปิดทางให้เบราว์เซอร์เข้าถึงจีพียูได้เต็มรูปแบบ
Mozilla ประกาศซื้อกิจการ Fakespot เครื่องมือตรวจสอบและให้คะแนนรีวิวสินค้าในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีทั้ง extension ของเบราว์เซอร์ และแอปในมือถือ ทั้งนี้หลังซื้อกิจการเสร็จสิ้น Fakespot จะยังมีให้ใช้งานต่อไปในทุกแพลตฟอร์มตามเดิม
Fakespot เป็นบริการตรวจสอบความน่าเชื่อของสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้วย AI โดยอาศัยข้อมูลรีวิวประกอบการตัดสินใจ เพื่อแยกทั้งรีวิวแบบปกติ รีวิวปลอม หรือรีวิวที่ปั่นเพื่อทำคะแนน จากนั้นจึงให้คะแนนความน่าเชื่อถือของรีวิวในสินค้านั้น ๆ ซึ่ง Mozilla บอกว่าแนวทางดังกล่าวตรงกับเป้าหมายองค์กร ที่นำ AI มาใช้งานอย่างมีจริยธรรม และช่วยสร้างระบบโฆษณาที่มีความรับผิดชอบ
กูเกิลประกาศแผนการเลิกแสดงไอคอนแม่กุญแจในช่อง Address Bar ของ Chrome โดยจะเปลี่ยนเป็นไอคอน "tune" แสดงปุ่มการปรับแต่งแทน
เหตุผลของกูเกิลคือ ไอคอนแม่กุญแจเป็นการบ่งบอกสถานะว่าเว็บไซต์ใช้โปรโตคอล HTTPS แบบเข้ารหัส ซึ่งในอดีตมีเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS ไม่เยอะนักจึงต้องมีไอคอนมาบอก แต่ตอนนี้ HTTPS กลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
ในอดีต กูเกิลเคยปรับดีไซน์ของไอคอนแม่กุญแจ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ ตัดคำว่า Secure ออก แต่ผลการศึกษาของกูเกิลก็พบว่าคนยังไม่เข้าใจความหมายของไอคอนนี้อยู่ดี แถมความหมาย "ปลอดภัย" ของไอคอนกุญแจ ยังทำให้คนหลงเชื่อเว็บ phishing ทั้งหลาย พลอยเป็นผลเสียไปด้วย
Safari เว็บเบราว์เซอร์ในระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple จากการจัดอันดับเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมทั่วโลกครั้งล่าสุด ผลปรากฏว่า Safari ครองแชมป์อันดับ 2 อีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วอันดับสองตกเป็นของ Microsoft Edge
ข้อมูลจาก Statcounter ซึ่งวัดความนิยมของเบราว์เซอร์โดยเก็บข้อมูลจากหลายเว็บไซต์บอกว่า 11.87% ของผู้ใช้งานเดสก์ท็อปใช้ Safari อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Google Chrome ยังคงเป็นเว็บเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปที่ถูกใช้มากที่สุดโดยมีสัดส่วนสูงถึง 66.13%
Opera เปิดตัว Opera One เว็บเบราว์เซอร์ดีไซน์ใหม่ ที่จะมาแทน Opera เวอร์ชันปัจจุบันภายในปีนี้
หน้าตาของ Opera One ยังคล้ายของเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Opera เขียน multithreaded compositor ของตัว UI ใหม่ ทำให้แอนิเมชันของปุ่มต่างๆ ลื่นไหลมากขึ้น
Opera อธิบายว่าเว็บเบราว์เซอร์ตระกูล Chromium ใช้เทคนิคการแยกเธร็ดหลัก (main thread) สำหรับการอ่านไฟล์ HTML และอินพุตจากผู้ใช้เพื่อนำมาเรนเดอร์ชิ้นส่วน กับเธร็ด compositor ที่นำชิ้นส่วนมาประกอบกันบนหน้าจอ การแยกเธร็ดแบบนี้ทำให้แอนิเมชันดูลื่นไหล เพราะ compositor ทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอจังหวะหยุดทำงานของเธร็ดหลัก
ผู้ใช้ Reddit พบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเบราว์เซอร์ท่องอินเตอร์เน็ตอย่าง Microsoft Edge ได้ส่งข้อมูลการท่องเว็บ (URL) ของผู้ใช้งานให้กับ API ของ Bing
ปัญหานี้เริ่มมาจากการที่ Microsoft Edge ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่าง Follow Creator ที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานกดติดตาม Creator ต่าง ๆ ได้ไม่ว่าเป็น youtube หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ตัวบราวเซอร์เริ่มเก็บข้อมูลการท่องเว็บ (url) แล้วส่งไปหา bingapis.com ซึ่งหากต้องการไม่ให้ Edge เก็บข้อมูลดังกล่าว ผู้ใช้งานจะต้องเข้าไปปิดฟังก์ชั่น Follow Creator ทิ้งเท่านั้น
เว็บเบราว์เซอร์ Vivaldi ออกเวอร์ชัน 6.0 ยังเดินหน้าแนวทาง "ปรับแต่งได้สุดๆ" แบบในยุค Opera เดิม ของใหม่ที่สำคัญของเวอร์ชันนี้คือการเปลี่ยนไอคอนของทุกปุ่มได้อย่างอิสระ (Custom Icons) ต่อยอดจากระบบธีมของ Vivaldi 5.0 ที่ปรับแต่งได้ละเอียดเช่นกัน
ฟีเจอร์อย่างที่สองคือ Workspace เป็นขั้นกว่าของการจัดกลุ่มแท็บ แนวคิดคล้าย virtual desktop ของ OS แต่อยู่ในเบราว์เซอร์เลย ผู้ใช้สามารถสร้าง Workspace สำหรับงานแต่ละประเภท เช่น Studies, Works, Personal โดยสลับไปมาได้ จัดธีมสีและไอคอนของแต่ละ Workspace ได้เอง โดย Workspace สามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Tab Stacks (tab group) ของ Vivaldi ที่มีอยู่แล้วได้ด้วย
ที่มา - Vivaldi
กูเกิลเล่าผลงานการปรับแต่ง Chrome ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ความเร็วในการประมวลผลหน้าเว็บสูงขึ้นในช่วงหลังๆ โดยทำหลายอย่างประกอบกัน
กูเกิลออกอัพเดตฉุกเฉิน Chrome เวอร์ชัน 112.0.5615.121 สำหรับเดสก์ท็อปทั้งบน Windows, Mac และ Linux แก้ไขช่องโหว่ความรุนแรงระดับ High จึงแนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดตทันที
ช่องโหว่ที่แก้ไขคือ CVE-2023-2033 ซึ่งเกี่ยวกับเอ็นจิน Chrome V8 JavaScript โดยกูเกิลบอกว่ามีรายงานการโจมตีแล้ว แต่จะเปิดเผยรายละเอียดของบั๊ก เมื่อผู้ใช้งานส่วนใหญ่ได้อัพเดตเบราว์เซอร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว
นอกจากนี้อัพเดตเวอร์ชัน 112.0.5615.121 ยังแก้ไขปัญหาทั่วไปที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติมภายในด้วย
ผู้ใช้ชื่อ @Leopeva64 ในทวิตเตอร์ ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ของ Chrome 113 Canary เป็นปุ่มปิดการทำงานของส่วนขยายทั้งหมดในคลิกเดียว
เดิมทีผู้ใช้ Chrome ที่อยากปิดการทำงานของส่วนขยายจำเป็นต้องไล่ปิดส่วนขยายทีละตัว หรือเปิดหน้าต่าง Incognito ที่ปิดทำงานของส่วนขยายทั้งหมด แต่หลายกรณีเราอาจอยากปิดส่วนขยายทั้งหมดชั่วคราว (เช่น หาว่าส่วนขยายทำพฤติกรรมของเบราว์เซอร์เพี้ยนไปหรือไม่) การมีปุ่มเดียวแล้วจบก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้มากขึ้น
ข้อมูลนี้ยังไม่เป็นทางการ แต่มาจากแบบสำรวจของ Amazon ที่ส่งหาลูกค้า โดยมีคำถามหลายข้อที่ทำให้เดาได้ว่า Amazon น่าจะพิจารณาพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ของตนเองขึ้นมา
ตัวอย่างคำถาม เช่น ถ้า Amazon ทำเว็บเบราว์เซอร์ ควรมีฟีเจอร์พิเศษใด ที่จะทำให้ผู้ใช้งานอยากดาวน์โหลดมาลอง, ถามเรื่องการใช้เบราว์เซอร์ปัจจุบัน, สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในเบราว์เซอร์ที่ใช้ เป็นต้น ส่วนคำถามสุดท้ายในแบบสอบถาม น่าจะบอกใบ้ฟีเจอร์ที่ Amazon สนใจเป็นจุดขาย ได้แก่ ความเป็นส่วนตัว, การซิงก์รหัสผ่านข้ามอุปกรณ์ และฟีเจอร์การช้อปปิ้ง
Mozilla ออก Firefox เวอร์ชัน 111 ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android
ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นไปที่เวอร์ชัน Android ได้แก่
ไมโครซอฟท์ออก Microsoft Edge เวอร์ชัน 111 ของใหม่ที่สำคัญคือแถบ Sidebar เวอร์ชันใหม่ที่เพิ่ม Edge Copilot ความสามารถในการคุยกับ Bing ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ตอนเปิดตัว New Bing
Edge Copilot มีความสามารถ 2 อย่าง ได้แก่ Chat การแชทคุยกับ Bing แบบเดียวกับที่เราได้ใช้กันบนหน้าเว็บโดยตรง และ Compose ที่ให้ Bing ช่วยแต่งข้อความสำหรับอีเมล บล็อก บทความ ตามคำสั่งแบบย่อๆ ของเราได้ ผู้ใช้สามารถเลือกโทนของข้อความที่แต่ง เช่น ดูเป็นมืออาชีพ ตลก สบายๆ และเลือกความยาวของข้อความได้ 3 ระดับ
เว็บเบราว์เซอร์ Brave ออกเวอร์ชัน 1.49 เพิ่มฟีเจอร์ Firewall + VPN สำหรับผู้ใช้บนเดสก์ท็อป จากที่มีให้บริการ VPN บนเวอร์ชัน iOS/Android มาก่อนหน้านี้
VPN ของ Brave ใช้เครือข่ายของ Guardian ซึ่งไม่ฟรี คิดค่าบริการ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 99.99 ดอลลาร์ถ้าสมัครรายปี โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 5 ชิ้น (นับรวมทั้งเดสก์ท็อปและมือถือ) และใช้กับแอพอื่นๆ นอกเบราว์เซอร์ได้ด้วย
เว็บเบราว์เซอร์อื่นที่มีฟีเจอร์ VPN ให้ใช้งานคือ Opera ที่ใช้งานได้ฟรี และ Microsoft Edge ที่ยังทดสอบในกลุ่มจำกัด
เราเห็นข่าว NVIDIA ประกาศฟีเจอร์ Video Super Resolution สำหรับการชมวิดีโอผ่านเบราว์เซอร์ที่เป็น Chromium ไปแล้ว
ฝั่งไมโครซอฟท์ออกมาประกาศฟีเจอร์ชื่อเดียวกันคือ Video Super Resolution ทำงานแบบเดียวกัน ที่เพิ่มเติมคือใช้ได้ทั้งจีพียูค่ายเขียว NVIDIA (GeForce 20/30/40) และค่ายแดง (Radeon RX5700-RX7800)
ฟีเจอร์นี้ใช้ได้บน Microsoft Edge Canary กับผู้ใช้บางกลุ่ม (ยังเปิดใช้แค่ 50% ของผู้ใช้ Canary) โดยต้องเปิดใช้ผ่าน flag edge://flags/#edge-video-super-resolution ก่อน เงื่อนไขคือคอมพิวเตอร์ต้องเสียบไฟด้วย วิดีโอต้องมีความละเอียดน้อยกว่า 720p ถึงจะอัพสเกลให้ และยังใช้ไม่ได้กับวิดีโอที่ติด DRM (PlayReady/Widevine)
มีผู้ใช้งาน Microsoft Edge เวอร์ชัน Canary ลองเข้าหน้าเว็บ google.com/chrome ซึ่งเป็นหน้าสำหรับดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ Chrome กลายเป็นว่าจะเห็นโฆษณาขนาดใหญ่เขียนว่า Edge ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Chrome แต่เพิ่มเติมด้วยความน่าเชื่อถือของไมโครซอฟท์
โฆษณาแบบนี้เป็นการฝังโดยตัวเบราว์เซอร์ Edge ลงในหน้าเว็บ Google.com ตามเงื่อนไขที่กำหนด สร้างเสียงวิจารณ์ว่า Edge เข้ามาแทรกแซงการชมหน้าเว็บของผู้ใช้