The Wall Street Journal มีรายงานพิเศษ ซึ่งเน้นไปที่ประเด็นว่าทำไมแอปเปิลจึงตามหลังบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ทั้งที่หากพูดถึงระบบผู้ช่วยอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงแล้ว แอปเปิลมี Siri ที่เปิดตัวก่อนคู่แข่งรายอื่นเสียอีก
รายงานบอกว่าปัญหาสำคัญคือรูปแบบการทำงานในสไตล์แอปเปิล เช่นการรักษาความลับมากจนทำให้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนา AI, แนวทางที่แอปเปิลต้องการให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีข้อผิดพลาด ซึ่ง AI ทุกวันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น และการรักษาความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน ทำให้การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทำได้ยากกว่า
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลภายในแอปเปิลที่น่าสนใจ โดยเขาบอกว่าตอนนี้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของแอปเปิลซึ่งนำโดย Craig Federighi ได้เริ่มการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสำหรับเปิดตัวปีหน้าแล้ว เช่น iOS 18, macOS 15, watchOS 11 โดยเกิดเรื่องที่ทำให้ Craig ตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ค่อยได้ทำ
เขาบอกว่า Craig ได้ประกาศภายในกับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้หยุดงานสร้างฟีเจอร์ใหม่ชั่วคราว และสั่งให้ทุกคนมาทำงานแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่าเป็นเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้น
Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Wall Street Journal ในประเด็นระบบสแกนภาพอนาจารเด็กในโทรศัพท์ (CSAM) ซึ่งมีกระแสตีกลับแสดงความกังวลอยู่มาก แม้แต่ในกลุ่มพนักงานของแอปเปิลเอง
Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์ Ars Technica ในประเด็น Apple M1
เขาตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้เรื่องการรัน Windows บนชิป Apple M1 ว่าในทางเทคนิคแล้ว M1 สามารถรันระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่รองรับ ARM ได้ และแอปเปิลก็มีเทคโนโลยีพื้นฐานในการรันระบบปฏิบัติการ ARM ที่รองรันแอพพลิเคชันแบบ x86 ให้หมดแล้ว ที่เหลือขึ้นกับการตัดสินใจของไมโครซอฟท์แล้วว่าจะทำหรือไม่
เขายังพูดถึงแผนการซัพพอร์ตเครื่องแมคที่ใช้ซีพียูอินเทล ว่าจะยังทำต่อไป ในมุมมองของแอปเปิลไม่ได้แยก macOS เวอร์ชัน x86 และ ARM แต่ใช้โค้ดเดียวกัน มองเป็นโครงการเดียวกัน ในปีหน้า แอปเปิลจะออก macOS ที่เป็น universal รองรับทั้งสองระบบไปอีกนาน (years to come)
Scribble เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ชูโรงของ iPadOS 14 ระบบปฏิบัติสำหรับบน iPad ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ Apple Pencil เขียนลายมือในช่อง input ของแอปหรือเว็บ และระบบจะแปลงเป็นตัวหนังสือให้ โดย Popular Mechanics ได้สัมภาษณ์ Craig Federighi รองประธานฝ่ายวิศวกรรมอาวุโสของแอปเปิล ทำให้เห็นแนวทางการออกแบบ Scribble ในการอ่านลายมือที่น่าสนใจ
Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการใช้งาน iPad Pro รุ่นใหม่ คู่กับ Magic Keyboard ใหม่ ผ่านเว็บไซต์ The Verge เพื่อให้เห็นภาพเวลาใช้งานมากขึ้น เนื่องจากครั้งนี้แอปเปิลไม่ได้จัดงานเปิดตัวในรูปแบบเดิมเพราะปัญหา COVID-19
ในวิดีโอนั้น Craig บอกว่าเคอร์เซอร์ที่แสดงบนหน้าจอ ออกแบบมาสำหรับ iPadOS โดยเฉพาะ บนแนวคิด Touch-First คือต้องแตะ Trackpad ก่อนจึงจะปรากฏเคอร์เซอร์ ไม่เหมือนกับเวลาใช้ Mac ที่แสดงเคอร์เซอร์ค้างตลอด
เว็บไซต์ Axios รายงานว่า Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ได้ประกาศแผนการพัฒนา iOS 12 กับทีมงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยให้ฟีเจอร์โดดเด่นใหม่ๆ ที่เดิมจะมีใน iOS 12 ให้เลื่อนไปออกในปีหน้า 2019 แทน อาทิเช่น การเปลี่ยนหน้า Home ใหม่ทั้งหมด, อินเทอร์เฟซของ CarPlay ตลอดจนการปรับปรุงแอพพื้นฐานเช่น อีเมล, รูปภาพ
แหล่งข่าวบอกว่าทีมงานส่วนที่เดิมต้องรับผิดชอบฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ จะปรับให้มาช่วยดูแลภาพรวมของ iOS 12 โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความเสถียร ใช้งานลื่นไหล และไม่เกิดปัญหาแบบที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า iOS 12 จะไม่มีฟีเจอร์เด่นใหม่ๆ เลย โดยฟีเจอร์หลายอย่างยังคงพัฒนาอยู่ตามแผนอย่าง AR, Health และระบบควบคุมการใช้งานของผู้ปกครอง
ในการยืนยันตัวตนของ iPhone นั้น บนเงื่อนไข Touch ID เดิม ผู้ใช้บางคนก็อาศัยเงื่อนไขที่ iOS ออกแบบมาให้จำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้ว เลยใส่ลายนิ้วมือคนอื่นเข้ามา ทำให้สามารถปลดล็อกได้หลายคน แต่เมื่อ iPhone X ใช้ Face ID ซึ่งตอนนี้ชัดเจนว่าทำได้มากที่สุดคือหน้าตาคล้ายคลึงกัน จึงมีคำถามว่าอนาคตแอปเปิลจะทำให้ปลดล็อกได้หลายหน้าแบบ Touch ID หรือไม่?
มีผู้ใช้ Reddit ได้ลองอีเมลไปถามหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล Craig Federighi ว่าจะมีโอกาสได้เห็นการสนับสนุนการทำงานแบบ 2 ใบหน้าใน iPhone เครื่องเดียวหรือไม่
ตามปกติรอบการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลนั้น จะมีช่วงมีนาคม, WWDC กลางปี และงาน iPhone เดือนกันยายน แต่หลายปีมานี้แอปเปิลมักแถมด้วยงานเปิดตัวสินค้าอีกชุดในเดือนตุลาคม (2012 iPad mini, 2013 iPad Air, 2014 iMac 5K, 2016 MacBook Pro) คำถามก็คือนี่ก็ใกล้หมดเดือนตุลาคมแล้ว แอปเปิลจะเปิดตัวอะไรเพิ่มเติมเหมือนเช่นทุกปีหรือไม่?
Craig Federigh หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งเกี่ยวกับ Face ID ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่ใช้ใน iPhone X ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างต่อเนื่องจากอีเมลที่เขาตอบนักพัฒนา
เขาเริ่มต้นโดยเล่าถึงการเตรียมชุดข้อมูลเพื่อเรียนรู้สำหรับสร้างตัวแบบ โดยใช้รูปภาพมากกว่าพันล้านไฟล์ ออกมาเป็นอัลกอริทึมที่ใช้งานได้ดี และเมื่อนำมาใส่ใน iPhone ข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้แค่ในเครื่องเท่านั้น ไม่มีการส่งออกข้อมูลเพื่อนำไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีก ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
คำถามเรื่องระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าใน iPhone X ที่ชื่อ Face ID ดูจะยังมีออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด Keith Krimbel นักพัฒนาได้อีเมลสอบถาม Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล และเขาได้นำอีเมลคำถามและคำตอบมาโพสต์ลง Twitter มีรายละเอียดดังนี้
คำถามแรกนั้นมาจากที่แอปเปิลบอกว่า Face ID ทำงานได้ แม้เราสวมหมวก, ผ้าพันคอ, ใส่แว่นตา, แต่งหน้า แต่เมื่อถามถึงแว่นตากันแดด Craig บอกว่า ใช้งานได้เป็นส่วนมาก แต่ไม่ทั้งหมด โดยการทำงานนั้นจะใช้อินฟราเรดในการตรวจสอบดวงตา
ในคีย์โน้ตเปิดตัว iPhone X นั้น ช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ก็คือการสาธิตการใช้งานโดย Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ เนื่องจากเขาเริ่มด้วยการใช้ Face ID ปลดล็อกเครื่อง แต่ทว่ามันกลับไม่ทำงานจนต้องใช้เครื่องสำรองแทน
โฆษกของแอปเปิลไม่ปล่อยให้คนสงสัยนาน ได้ทำจดหมายชี้แจงสื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีว่า iPhone X ถูกวางไว้บนเวที และทีมงานหลังเวทีได้มาหยิบจับทดสอบดูความปกติหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่หยิบเครื่อง กล้องหน้าสแกน Face ID ก็จะทำงานเช็กใบหน้าคนหยิบมาดูทุกครั้ง ซึ่งย่อมไม่สำเร็จเพราะไม่ใช่ใบหน้าของ Craig แต่พอเป็นเช่นนี้หลายครั้ง ถึงคราวที่ Craig จะหยิบมาใช้งานจริง iPhone ก็เลยขึ้นข้อความบังคับให้ใส่ Passcode ก่อนนั่นเอง
แอปเปิลมีการปรับเปลี่ยนข้อมูลในหน้าผู้บริหารระดับสูง โดยมีทั้งรายชื่อใหม่ และมีการปรับบทบาทหน้าที่ด้วย ที่โดดเด่นคือ Craig Federighi รองประธานอาวุโสด้านซอฟต์แวร์จะมาดูแล Siri เพิ่มเติม จากเดิมหน้าที่นี้เป็นของ Eddy Cue รองประธานอาวุโสด้านอินเทอร์เน็ตและบริการออนไลน์
เรื่องนี้อาจไม่แปลกนัก เพราะในงาน WWDC สองปีล่าสุด Federighi เป็นผู้รับหน้าที่เดโม Siri
คนที่รอแอปเปิลทำเครื่องแมคจอสัมผัสคงฝันสลาย เพราะ Craig Federighi ผู้บริหารด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ CNET ว่าแอปเปิลไม่มีแผนทำฮาร์ดแวร์ลักษณะนี้
Federighi ให้เหตุผลว่าเครื่องแมคออกแบบมาสำหรับการนั่งใช้งานบนโต๊ะ และไม่คิดว่าอินเทอร์เฟซของมันเหมาะกับจอสัมผัสเท่าไรนัก ถ้าหากทำเครื่องแมคจอสัมผัสแล้วต้องยกมือขึ้นเอื้อมไปแตะจอตลอดเวลา คงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก
เขายังบอกด้วยว่าแอปเปิลทดลองเทคโนโลยีหลายรูปแบบ และพบว่าการทำเครื่องแมคจอสัมผัสไม่เวิร์คอย่างแรง ถึงขนาดแอปเปิลไม่คิดจะลองทำมาสักรุ่นด้วยซ้ำ
ที่มา - CNET
นิตยสาร Businessweek จับสามผู้บริหารแอปเปิลอันได้แก่ ซีอีโอ Tim Cook, หัวหน้าฝ่ายออกแบบ Jonathan Ive และหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ Craig Federighi มาให้สัมภาษณ์ถึงยุทธศาสตร์การแข่งขันในอนาคตของแอปเปิล (บทความเดียวกับข่าวนี้ แต่มีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ)
ประเด็นสำคัญคงเป็นยุทธศาสตร์ของแอปเปิลว่าจะทำอย่างไรในสมรภูมิมือถือที่แข่งกันรุนแรง และราคาสินค้าก็ลดลงเรื่อยๆ ซึ่ง Cook ตอบประเด็นนี้อย่างใจเย็นว่าเขาผ่านสถานการณ์ลักษณะเดียวกันนี้มามาก สินค้าทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นพีซี แท็บเล็ต เครื่องเล่นวิดีโอ-ดีวีดี ต่างก็มีลักษณะเดียวกันนี้คือเจอสินค้าราคาถูกมาตีตลาด
ข่าวนี้เป็นข่าวเก่าเชิงประวัตินะครับ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครที่ชม Keynote งาน WWDC'13 ที่ผ่านมาแล้วไม่สะดุดกับชายคนนี้ "Craig Federighi" เขาเป็นรองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์สำหรับแมคมาก่อน และหลังจากแอปเปิลปรับทีมบริหารครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้นเขาได้รับหน้าที่เพิ่มเติมในการดูแลพัฒนา iOS โดยเป็นการรับช่วงต่อจาก Scott Forstall ที่ถูกบังคับให้ลาออกไป