มาถึงวันนี้ สกุลเงินคริปโตยังไม่สามารถแทนเงินจริงดังที่ฝันไว้ โดยเฉพาะการใช้เงินคริปโตในฐานะ "เงิน" ที่จ่ายตามร้านค้าทั่วไป เพราะนอกจากร้านค้าเล็กๆ บางรายก็แทบไม่มีร้านค้าใดรับเงินคริปโตเลย (งานสัมมนาใหญ่ Bitcoin ประกาศไม่รับจ่ายค่าตั๋วเป็น Bitcoin, ไมโครซอฟท์ยกเลิกการจ่ายเงินด้วย Bitcoin เพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล, Steam ประกาศหยุดรับการจ่ายเงินด้วย Bitcoin)
Google ปรับปรุงนโยบายการรับแอพของ Play Store อีกครั้ง โดยมีการแบนแอพในหลายหมวดหมู่เพิ่มเติม โดยครั้งนี้มีส่วนที่น่าสนใจคือการแบนแอพสำหรับใช้เพื่อการขุดสกุลเงินคริปโต
ในนโยบายของ Google Play ระบุไว้ชัดเจนใต้หัวข้อเครื่องมือทางการเงินว่า Google จะไม่รับแอพที่มีการขุดสกุลเงินคริปโตบนเครื่อง แต่สำหรับแอพที่ใช้เพื่อการจัดการการขุดสกุลเงินคริปโต (แต่ไม่ได้ใช้พลังงานบนเครื่องขุด) จะยังคงเปิดให้ดาวน์โหลดทาง Google Play ต่อไป
Hashflare เป็นผู้ให้บริการขุดเหมืองบนคลาวด์ โดยหนึ่งในโมเดลที่มีคือ จ่ายเงินซื้อสัญญาแบบตลอดชีพแล้วผู้ให้บริการจะขุดเหมืองตลอดไปตราบที่ยังคุ้มอยู่ คือ หักค่าบำรุงรักษา แล้วยังเหลือเงินเข้าบัญชีผู้ซื้อ แต่ด้วยราคาบิตคอยน์ที่ลดลงมาก ทำให้รายได้จากการขุดไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าบำรุงรักษา
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีนี้ Kodak ประกาศเข้าสู่วงการคริปโต เตรียมทำเหรียญ Kodakcoin และเครื่องขุด Kodak KashMiner ท่ามกลางความเห็นจากหลายฝ่ายว่ามันเป็นแค่ปาหี่
เบื้องหลังของเรื่องนี้คือ Kodak ให้ไลเซนส์แบรนด์ตัวเองกับบริษัทอื่นๆ เพื่อผลิตสินค้าออกขาย กรณีของเครื่องขุด KashMiner เป็นผลงานของบริษัทชื่อ Spotlite USA ที่จะเปิดให้ลูกค้าจ่ายเงินเช่าใช้เครื่องขุด แลกกับผลตอบแทนเป็นเหรียญที่ขุดได้
Opera ผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้กลุ่มทุนจีนได้เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ Opera Android คือ Crypto Wallet หรือกระเป๋าเงินที่ไว้เก็บสกุลเงินคริปโตโดยเฉพาะ
ในงานสัมมนาเกี่ยวกับ Blockchain ที่มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ Richard Branson จัดขึ้นในโรงแรมของเขาที่โมร็อกโก โดยเนื้อหาหลักเป็นการพูดคุยกันถึงโอกาสของเทคโนโลยี Blockchain มีประเด็นน่าสนใจเมื่อ Sergey Brin ประธานบอร์ด Alphabet และผู้ร่วมก่อตั้ง Google เปิดเผยว่าเขาเองก็ทำเหมืองขุดเงินคริปโต Ethereum อยู่เหมือนกัน
Brin เล่าว่าเรื่องเริ่มจากลูกชายเขามาขอให้ซื้อเกมมิ่งพีซีเครื่องใหม่ เขาก็เลยตอบไปว่า ทีนี้นอกจากได้เกมมิ่งพีซีแล้ว เราก็ได้เหมืองขุดเงินคริปโตด้วย จึงได้เริ่มขุดเงิน Ethereum ซึ่งก็ทำเงินไม่มากนัก (a few pennies, a few dollars)
ศาลเขตเซนไดของญี่ปุ่นพิพากษาคดีวางสคริปต์ขุดเงินคริปโตให้เป็นความผิดฐานเข้าใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุกหนึ่งปีรอลงอาญาไว้สามปี นับเป็นคดีแรกๆ ของการวางสคริปต์ขุดเงินคริปโตที่มีโทษถึงจำคุก หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจจับผู้ต้องหาหลายราย และบางรายคดีจบโดยโทษปรับเท่านั้น โดย Masato Yasuda ผู้ต้องโทษคดีนี้ถูกจับในรอบเดียวกับคนอื่นๆ รวม 16 ราย
ในกรณีนี้ความพิเศษคือผู้ต้องหาไม่ได้วางสคริปต์ในเว็บตามธรรมดา แต่ฝังสคริปต์เข้าไปในซอฟต์แวร์โกงเกมออนไลน์ จากนั้นเปิดให้อัพโหลดบนบล็อกของตัวเอง โดยตัวโปรแกรมโกงเกมนั้นก็ผิดกฎหมายญี่ปุ่นอยู่แล้ว
ในงานแถลงข่าว LINE Conference 2018 วันนี้ LINE ได้ประกาศยุทธศาสตร์สำคัญ โดยนำบล็อกเชนที่พัฒนาขึ้นมาเชื่อมต่อบริการต่าง ๆ ของ LINE เข้าด้วยกัน เรียกว่าการออกแบบอินเทอร์เน็ตใหม่ ในชื่อว่า LINE Token Economy
แนวคิดของ LINE Token Economy คือการสร้างสกุลเงินขึ้นมาภายใน LINE สำหรับให้ผู้ใช้งานนำไปใช้กับบริการต่าง ๆ โดย Token นี้จะได้เมื่อมีการรีวิวบริการต่าง ๆ ในนั้น นอกจากนี้ยังมีแผนนำ Token นี้ ให้ใช้งานกับบริการภายนอก LINE ได้ด้วย ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกับลูกค้าต่อไป
โครงการพัฒนาบล็อกเชนนี้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายใหม่ LINE Blockchain Lab โดยความร่วมมือกับโครงการบล็อกเชนรายใหญ่ ICON
Facebook ประกาศปรับเงื่อนไขโฆษณาใหม่ จากเดิมที่ห้ามโฆษณาเงินคริปโต และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยลดเงื่อนไขลงมาเป็นอนุญาตให้ลงโฆษณาประเภทนี้ได้ แต่ต้องเป็นผู้ลงโฆษณาที่ถูกตรวจสอบจาก Facebook แล้วเท่านั้น
โดยโฆษณาที่สามารถลงได้คือ เงินคริปโตและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่โฆษณาเกี่ยวกับ binary option และ ICO ยังไม่อนุญาต
ผู้ลงโฆษณาที่ต้องการซื้อโฆษณาเกี่ยวกับเงินคริปโต สามารถลงทะเบียนเพื่อให้ Facebook ตรวจสอบได้ที่นี่ ซึ่ง Facebook จะตรวจสอบข้อมูลความน่าเชื่อถือ อาทิ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นหรือไม่, หรือมีใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐหรือไม่ ฯลฯ
ราคาบิตคอยน์ได้ปรับลดลงต่ำกว่า 6,000 ดอลลาร์ แล้ว ซึ่งราคาล่าสุดตอนนี้คือ 5,866 ดอลลาร์ ถือเป็นราคาที่ต่ำที่สุดของปีนี้ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์เคยผันผวนและมีการปรับลดลงไปมาก ตอนนั้นต่ำสุดที่ราว 6,000 ดอลลาร์ แล้วก็กลับมามีราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่กระทบต่อเงินดิจิทัล อาทิ Bithumb ของเกาหลีถูกแฮก หรือ ธนาคารแห่งธนาคารกลางได้ออกรายงานวิจารณ์ข้อจำกัดของเงินคริปโต ซึ่งข่าวเหล่านี้ไม่ได้กระทบบิตคอยน์โดยตรงเสียทีเดียว
Tether บริษัทที่ออกเหรียญคริปโต USDT ออกรายงานการตรวจสอบโดย Freeh, Sporkin & Sullivan LLP (FSS) บริษัทด้านกฎหมาย หลังจากตรวจสอบสถานะทางการเงินของ Tether และยืนยันว่าบริษัทมีเงินดอลลาร์หนุนค่าเงินคริปโตเพียงพอ
Tether ออกโทเคนมาเพื่อต้องการให้ใช้แทนเงินสกุลดอลลาร์จริงๆ โดยอาศัยเงินดอลลาร์หนุนค่าที่อัตรา 1:1 ทำให้ USDT ถูกนำไปใช้ซื้อขายและเทียบกับสกุลเงินคริปโตอื่นๆ อย่างเช่น Bitcoin
ทว่าปัญหาของ Tether เกิดขึ้นเมื่อบริษัทไม่ยอมออกรายงานบัญชี (จากที่ในช่วงแรกมีการออกบ้างเนืองๆ) จนไปนำสู่การตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อว่าเหรียญ USDT มีเงินดอลลาร์หนุนอยู่ในจำนวนที่เท่ากันจริงหรือไม่ และถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหรียญ USDT (ที่อาจไม่มีเงินดอลลาร์หนุนอยู่จริง) อาจถูก Bitfinex บริษัทรับแลกเปลี่ยนที่มีนักลงทุนและทีมบริหารเดียวกับ Tether นำไปพยุงและปั่นราคาของ Bitcoin ในช่วงปีที่แล้ว โดยประเด็นการปั่นราคานี้มีเปเปอร์วิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสสนับสนุนด้วย
Bithumb ตลาดเงินคริปโตรายใหญ่ของเกาหลีใต้ถูกแฮกขโมยเงิน XRP (Ripple) ความเสียหายรวม 35,000 ล้านวอน หรือประมาณพันล้านบาท
ตอนนี้ทางบริษัทประกาศหยุดฝากถอนทั้งหมด, ย้ายทรัพย์สินทั้งหมดเข้า cold wallet, และเตรียมเปลี่ยนบัญชีรับเงิน
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแฮกเกอร์ได้เงินไปทางใด หรือกระทบเงินสกุลอื่นบ้างหรือไม่ มีเพียงสำนักข่าว Yonhap ที่รายงานเป็นภาษาเกาหลีระบุว่ากระทบเงิน Ripple
ที่มา - Coindesk
Bank of International Settlements (BIS) หรือธนาคารแห่งธนาคารกลาง ที่มีธนาคารกลางของชาติต่างๆ เป็นสมาชิกถึง 60 ชาติ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ออกรายงานเศรษฐกิจประจำปี 2018 โดยยกบทที่ 5 ทั้งบทพูดถึงประเด็นเงินคริปโต โดยวิจารณ์เงินคริปโตเหล่านี้ว่ายังมีข้อจำกัดอยู่มาก
รายงานขึ้นต้นด้วยคุณสมบัติของเงินที่ดี เช่น ต้องจ่ายได้โดยสะดวก, มีมูลค่าเสถียร, ระบบการจ่ายเงินรองรับการจับจ่ายที่ขยายตัวตามระบบเศรษฐกิจ, ไปจนถึงการจ่ายต้องสิ้นสุดเมื่อได้รับการยืนยัน
Square บริษัทด้านการเงินที่มักรู้จักกันในฐานะผู้ให้บริการเครื่องรับบัตรเครดิตติดตั้งแต่โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ได้รับใบอนุญาตค้าเงินคริปโตหรือ BitLicense จากรัฐนิวยอร์กแล้ว หลังจากเปิดให้บริการค้าเงินคริปโตในรัฐอื่นๆ มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ใบอนุญาต BitLicense นับเป็นใบอนุญาตที่ยากที่สุดแห่งหนึ่ง หลังจากเริ่มออกเกณฑ์กำกับดูแลในปี 2015 จนถึงตอนนี้ Square เป็นบริษัทที่ 9 เท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาต
ที่มา - Reuters
ตำรวจญี่ปุ่นตั้งข้อหากับผู้ต้องหา 16 คนฐานใช้เบราว์เซอร์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ไปขุดเงินคริปโตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยตำรวจระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ตอนนี้มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 3 ราย
ใน 16 ผู้ต้องหา เป็นวัยรุ่น 1 คน, วัย 20-29 จำนวน 7 คน, 30-39 จำนวน 4 คน, และ 40-49 อีก 4 คน โดย 14 คนใช้สคริปต์จาก Coinhive
ไม่แน่ชัดนักว่าโทษสูงสุดของข้อหานี้คืออะไร แต่ผู้ต้องหาบางรายถูกสั่งปรับ 100,000 เยน
ที่มา - Japan Times
แอปเปิลได้ออกนโยบายสำหรับนักพัฒนาใหม่ ที่สั่งแบนแอปประเภทที่มีกระบวนการทำงานเบื้องหลังที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวแอปโดยตรง (เช่นใช้ทรัพยากรเครื่องเพื่อขุดเงินคริปโต) ซึ่งนโยบายนี้หมายรวมถึงโฆษณาจาก Third-Party ภายในแอปด้วย
อย่างไรก็ตามแอปเปิลระบุว่าแอปจำพวก wallet กับทำธุรกรรมเงินคริปโตในบางตลาด อาทิ Bitcoin, Ethereum และ Monero ยังคงอนุญาตอยู่ ขณะที่แอปขุดจะอนุญาตเฉพาะกรณีที่ขุดผ่านคลาวด์และไม่ใช้ทรัพยากรเครื่องเท่านั้น
วันนี้ราคาบิตคอยน์ตกลงมาค่อนข้างแรงในช่วงบ่าย จาก 6,700 ดอลลาร์ลงมาต่ำกว่า 6,400 ดอลลาร์ต่อ BTC แล้ว ทำให้กลายเป็นราคาต่ำสุดในรอบปี
บิตคอยน์เคยราคาสูงสุดถึง 19,000 ดอลลาร์ช่วงเดือนธันวาคมและตกลงมาอย่างรุนแรงหลังจากนั้น จนเหลือต่ำกว่า 7,000 ดอลลาร์แต่ก็กลับขึ้นไปเหนือ 10,000 ดอลลาร์ได้ช่วงเดือนมีนาคม และตกลงมาอีกครั้งช่วงเดือนเมษายน
ตำรวจไซเบอร์ของเอสโตเนีย (Cybercrime Bureau of the Estonian Central Criminal Police) กำลังสอบสวนคดีข้อมูลหลุดและพบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบถึง 655,161 ราย อย่างไรก็ดี ทางตำรวจไม่ต้องการส่งอีเมลแจ้งเตือนเนื่องจากไม่แน่ใจว่าเจ้าของบัญชียังเข้าอีเมลได้อยู่หรือไม่ จึงส่งรายชื่อให้โครงการ Have I Been Pwned แจ้งเตือนให้
ยังไม่มีการเปิดเผยว่าข้อมูลชุดนี้หลุดออกมาจากแหล่งใดเนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ดีหากผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจากชุดข้อมูลนี้และถูกขโมยเงินคริปโตไป ทางตำรวจเอสโตเนียขอให้ติดต่อได้ทางอีเมล
Coinrail ตลาดค้าเงินคริปโตจากเกาหลีถูกแฮก มีเงินรั่วไหลออกไปจำนวนหนึ่ง โดยบริษัทยืนยันว่าทรัพย์สิน 70% ถูกเก็บไว้ใน cold storage ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ และตอนนี้กำลังย้ายทรัพย์สินที่เหลือเข้าไปยัง cold storage อีกเช่นกัน
Coinrail เป็นตลาดค้าเงินคริปโตอันดับที่ 98 ของโลกขณะที่มีรายงานถูกแฮกออกมา และตอนนี้อันดับกำลังตกลงเรื่อยๆ เนื่องจากการซื้อขายหยุดชะงักมา 19 ชั่วโมงแล้ว
เงินคริปโตส่วนมากราคาตกอย่างหนักจากข่าวนี้ เช่น Bitcoin Cash ตกไป 10.8%, Ripple ตก 9.11%
Coinrail ตลาดค้าเงินคริปโตจากเกาหลีถูกแฮก มีเงินรั่วไหลออกไปจำนวนหนึ่ง โดยบริษัทยืนยันว่าทรัพย์สิน 70% ถูกเก็บไว้ใน cold storage ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ และตอนนี้กำลังย้ายทรัพย์สินที่เหลือเข้าไปยัง cold storage อีกเช่นกัน
Coinrail เป็นตลาดค้าเงินคริปโตอันดับที่ 98 ของโลกขณะที่มีรายงานถูกแฮกออกมา และตอนนี้อันดับกำลังตกลงเรื่อยๆ เนื่องจากการซื้อขายหยุดชะงักมา 19 ชั่วโมงแล้ว
เงินคริปโตส่วนมากราคาตกอย่างหนักจากข่าวนี้ เช่น Bitcoin Cash ตกไป 10.8%, Ripple ตก 9.11%
นิตยสาร WIRED รายงานถึงการทดลองเครื่องขุดบิตคอยน์จาก Butterfly Labs ตั้งแต่ปี 2013 และขุดไปเรื่อยๆ จนได้บิตคอยน์มากว่า 13 BTC จนต้องประชุมกันในทีมบรรณาธิการว่าจะนำเงินทั้งหมดไปทำอะไร
ทีมบรรณาธิการประชุมกันว่าไม่สามารถถือกุญแจไว้ได้เพราะไม่เช่นนั้นต้องเปิดเผยข้อมูลทุกครั้งที่เขียนข่าวบิตคอยน์ บางคนจึงเสนอให้บริจาคเงินทั้งหมดเสีย อย่างไรก็ตาม บรรณาธิการสรุปผลว่าหากทีมงานได้รับผลประโยชน์ ก็จะมีผลต่อการรายงานข่าวบิตคอยน์อยู่ดี
ทีมงานจึงตัดสินใจทำลายกุญแจของบัญชีจำนวนเงิน 13.34623579 ฺBTC (มี 0.0011 BTC ถูกส่งเข้ามาภายหลัง) และไม่มีใครสามารถใช้งานบัญชีนี้ได้อีกต่อไป
เมื่อวานนี้หลังสรรพากรญี่ปุ่นระบุว่ามีผู้ยื่นรายได้จากเงินคริปโตเกิน 100 ล้านเยนถึง 331 คน วันนี้ทางสรรพากรก็ออกมาระบุว่าเชื่อว่ามีคนเข้าข่ายอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ยื่นภาษีให้ถูกต้อง และกำลังเตรียมหาทางไล่ตรวจสอบต่อไป
แม้ว่าทางสรรพากรญี่ปุ่นจะไม่ได้แจกแจงว่ามีผู้มีรายได้จากเงินคริปโตโดยรวมเป็นอย่างไร แต่ก็ระบุว่าตัวเงินภาษีที่ได้จากหมวดนี้สูงถึงประาณ 30,000 ล้านเยน ทำให้ตัวเลขภาษีหมวด "อื่นๆ" นี้สูงขึ้นถึง 50%
ภาษีรายได้จากหมวดนี้จะขึ้นกับฐานภาษีของแต่ละบุคคล เริ่มต้นที่ 5% ไปจนถึง 55% และหากถูกจับได้ว่าเลี่ยงภาษี ค่าปรับสูงสุดจะสูงถึง 20% ของเงินภาษี ดังนั้นหากใครไม่รายงานให้ถูกต้องก็มีโอกาสเสียภาษีรวมเกือบ 70% เลยทีเดียว
National Tax Agency หรือสรรพากรญี่ปุ่น เปิดเผยตัวเลขผู้ลงรายได้ "อื่นๆ" ที่ระบุว่าเป็นรายได้จากการค้าเงินคริปโต เกิน 100 ล้านเยน รวมแล้วถึง 331 คน โดยไม่ได้บอกข้อมูลอื่นว่ารายได้เฉลี่ยหรือรายได้สูงสุดเป็นเท่าใด
ญี่ปุ่นรองรับการซื้อขายเงินคริปโตตั้งแต่ปีที่แล้วและปีนี้เป็นปีแรกที่บังคับให้ผู้มีรายได้จากเงินคริปโตเหล่านี้ต้องยื่นภาษี
พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นกฎหมายที่คู่กันกับพรก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ที่เก็บภาษีเงินคริปโตและโทเค็นดิจิทัล ออกมาเมื่อกำกับดูแลการค้าเงินคริปโตและโทเค็นต่างๆ
พรก.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนี้เปิดทางให้ก.ล.ต. ควบคุมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (หมายถึงทั้งเงินคริปโตและโทเค็นดิจิทัล) โดยกิจการที่เกี่ยวข้องต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของก.ล.ต.
นอกจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว หมวด 3 ยังควบคุมการออกโทเค็นไว้โดยเฉพาะ โดยต้องเสนอขายผ่านทางแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และหนังสือชี้ชวนต้องมีข้อมูลตามที่ก.ล.ต. กำหนด โดยผู้ออกโทเค็นต้องเป็น บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนเท่านั้น
ร่างพรก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรสำหรับการเก็บภาษีเงินได้จากเงินคริปโตและโทเคนดิจิทัล ผ่านความเห็นชอบครม. ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ประกาศเข้าราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว นับเป็นกฎหมายโดยตรงสำหรับเงินคริปโตฉบับแรก
ใจความสำคัญคือการสั่งเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ของประมวลรัษฎากร ให้หักไว้ที่ 15% ของกำไร และกำไรทั้งหมดก็ยังเป็นรายได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ของประมวลรัษฎากร
ประกาศเข้าสู่ราชกิจจาจุเบกษาในวันนี้ และให้มีผลบังคับในวันพรุ่งนี้ทันที
ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา