AMD เอาใจนักขุดเหมือง ด้วยการออกไดรเวอร์ AMDGPU-Pro Beta Mining Driver for Linux เป็นการเฉพาะ
ไดรเวอร์ตัวนี้ออกแบบมาสำหรับงานประมวลผล blockchain และไม่แนะนำสำหรับงานกราฟิกหรือเกมมิ่ง สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือรองรับ "เพจ" ของหน่วยความจำ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จากค่าดีฟอลต์ 64KB สามารถปรับเป็น 2MB ได้
จีพียูที่รองรับมีตั้งแต่ Radeon R5/R7/R9/RX 500 Series/RX Vega Series และจีพียูฝั่งเวิร์คสเตชัน FirePro ส่วนระบบปฏิบัติการที่รองรับคือ RHEL 7, CentOS 7, Ubuntu 16.04 LTS
สำนักข่าว Reuters รายงานความขัดแย้งของโครงการ Tezos ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งเป็นโครงการ ICO ที่ระดมเงินทุนขายเหรียญได้มากเป็นประวัติการณ์ 232 ล้านดอลลาร์ (ตอนนี้มีโครงการที่ระดมได้มากกว่าแล้ว Tezos ตกมาอยู่อันดับ 3)
สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งภายในทีมงานกันเอง ต้องอธิบายก่อนว่าโครงสร้างองค์กรของ Tezos ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีองค์กรอยู่ทั้งในสหรัฐอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์
แรกสุด Tezos เกิดจากสองผู้ก่อตั้ง Authur และ Kathleen Breitman (เป็นสามี-ภรรยากัน) ที่ก่อตั้งบริษัท Dynamic Ledger Solutions (DLS) ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2015 เพื่อพัฒนาโค้ดของ Tezos ขึ้นมา
Ben Bernanke อดีตประธานธนาคารกลางของสหรัฐ ไปพูดที่งานสัมมนาของบริษัท Ripple และให้ความเห็นว่า Bitcoin จะไม่ประสบความสำเร็จ
เขาบอกว่า Bitcoin เป็นความพยายามมาแทนที่เงินกระดาษที่ออกโดยรัฐ (fiat money) แล้วหลบเลี่ยงการกำกับดูแลหรือแทรกแซงโดยรัฐ แต่เขายังไม่เห็นว่า Bitcoin จะถูกใช้ในการทำธุรกรรมจริงจังนัก ส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรมากกว่า (mostly speculative venture)
Bernanke ปฏิเสธแนวคิดว่าเงินดิจิทัลจะมาแข่งกับเงินที่ออกโดยรัฐ โดยให้เหตุผลว่าอีกไม่ช้า รัฐบาลจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เงินดิจิทัลไปถึงจุดนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาสนับสนุนการใช้งาน Blockchain และบอกว่ามันเป็นประโยชน์มากในการจ่ายเงินข้ามประเทศ รวมถึงชม Ripple ว่าพยายามเข้าไปร่วมมือกับภาครัฐด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ เราเห็นข่าว หน้าเว็บ The Pirate Bay รันสคริปต์ขุดคอยน์บนเครื่องผู้ใช้ ล่าสุดแนวทางนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว และมีคนค้นพบว่าเว็บไซต์หลายแห่งเริ่มฝัง JavaScript สำหรับขุดเหมืองกันแล้ว
ข้อมูลนี้มาจากบริษัท AdGuard ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ad block ที่สำรวจเว็บไซต์ยอดนิยม 100,000 อันดับแรกของ Alexa เพื่อตรวจเช็คว่าแอบฝังสคริปต์ขุดเหมืองอย่าง CoinHive และ JSEcoin มาด้วยหรือไม่ ผลคือมีเว็บไซต์ถึง 220 แห่งที่ทำแบบนี้ และทำรายได้รวมกันไปแล้ว 43,000 ดอลลาร์
สำนักข่าวแห่งชาติรัสเซีย TASS รายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จัดประชุมเกี่ยวกับเงิน cryptocurrency เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีนี้ในอุตสาหกรรมการเงิน
ปูตินกล่าวชม cryptocurrency ว่าจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจอีกมาก ตอนนี้มันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และกำลังจะกลายเป็นบริการจ่ายเงิน-การลงทุนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า cryptocurrency ก็มีความเสี่ยงที่น่ากลัว (serious risks) โดยเฉพาะการฟอกเงิน การเลี่ยงภาษี การสนับสนุนการก่อการร้าย และการฉ้อโกงที่ประชาชนอาจกลายเป็นเหยื่อ
ปูตินยังบอกว่ารัสเซียต้องพัฒนาระบบการกำกับดูแลในเรื่องนี้ โดยต้องคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน ธุรกิจ และภาครัฐ อีกทั้งเป็นกรอบกฎหมายให้กับบริการทางการเงินแบบใหม่ๆ ด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารบางแห่งของสิงคโปร์ได้ปิดบัญชีของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency บ้างแล้ว
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย ACCESS สมาคมอุตสาหกรรม cryptocurrency และ blockchain ของสิงคโปร์ ที่ระบุว่ามีบริษัทประมาณ 10 แห่งมีปัญหาถูกปิดบัญชีธนาคาร โดยที่ธนาคารไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ชัดเจน
ตัวอย่างบริษัทที่โดนปิดบัญชีคือ CoinHako ที่ให้บริการกระเป๋าเงินสำหรับ cryptocurrency ระบุว่าบัญชีที่เปิดกับธนาคาร DBS ถูกปิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วน DBS ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นต่อกรณีนี้
FINMA หน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาดเงินของสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่ากำลังเข้ามาสอบสวนการระดมทุนผ่าน ICO ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
FINMA ไม่ได้ระบุเคส ICO อันไหนเป็นพิเศษ แต่บอกแค่ว่ากำลังจับตาการระดมทุน ICO จำนวนหนึ่ง เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายละเมิดกฎหมายด้านการเงิน-การลงทุนหรือไม่ ก่อนหน้านี้ไม่นาน FINMA เคยออกประกาศเตือนให้ประชาชนทราบถึงบริษัท 3 รายที่อยู่ในข่ายน่าสงสัย (warning list)
FINMA ระบุว่าเทคโนโลยี blockchain มีศักยภาพที่ใช้ในทางบวก และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงินของสวิส แต่ก็เตือนนักลงทุนว่าราคา cryptocurrency เปลี่ยนแปลงเร็ว มีความไม่แน่นอนสูง และมีโอกาสที่จะเป็นการหลอกลวงเงินจากประชาชน
Securities and Exchange Commission (SEC) หรือ ก.ล.ต. ของสหรัฐ ตั้งข้อหา Maksim Zaslavskiy เจ้าของบริษัทสองรายที่หลอกนักลงทุนมาซื้อเหรียญ ICO ที่ไม่มีอยู่จริง
บริษัทแรก REcoin โฆษณาว่าเป็นสกุลเงิน cryptocurrency ที่ค้ำประกันโดยอสังหาริมทรัพย์ ("The First Ever Cryptocurrency Backed by Real Estate") และโฆษณาว่าจ้างทีมนักกฎหมาย-นักบัญชีมืออาชีพ-ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำเงินจาก ICO ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์จริง แต่กลับไม่ได้จ้างใครจริงแต่อย่างใด บริษัทระบุว่าระดมเงินได้ 2-4 ล้านดอลลาร์ แต่จริงๆ แล้วระดมเงินได้ 300,000 ดอลลาร์เท่านั้น
FSA หรือหน่วยงานกำกับดูแลบริการทางการเงินของญี่ปุ่น ประกาศว่าได้ออกใบอนุญาตให้กับ 11 บริษัทในประเทศ เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นแนวทางต่อเนื่องจากที่ยอมรับให้ Bitcoin เป็นช่องทางจ่ายเงิน และต้องการควบคุมการซื้อขายเงินดิจิทัลให้มากขึ้น
บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดหลายอย่าง อาทิ ระบบคอมพิวเตอร์ต้องมั่นคงให้บริการได้ตลอดเวลา, มีการแยกบัญชีซื้อขายลูกค้าชัดเจน รวมทั้งมีการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าว่าเป็นใคร
FSA บอกว่ายังมีอีก 17 บริษัท ที่อยู่ในขั้นตอนขอใบอนุญาต ขณะเดียวกับก็มีอีก 12 บริษัทที่เลือกยุติการให้บริการหลังจากระเบียบนี้ออกมา
เมื่อไม่นานมานี้ Jamie Dimon ซีอีโอ JPMorgan บอกอนาคตฟองสบู่ Bitcoin จบไม่สวย และกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในแวดวง cryptocurrency ทั่วโลก
ล่าสุด Dimon ออกมาพูดเรื่องนี้อีกรอบในการให้สัมภาษณ์ช่อง CNBC ในประเทศอินเดีย เขาบอกว่าตอนนี้เงิน cryptocurrency อาจเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่เมื่อมันได้รับความนิยมมากขึ้น ก็จะส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาควบคุมและปิดกั้นมากขึ้น ด้วยการขู่ว่าคนที่ซื้อขายเหรียญเหล่านี้จะต้องติดคุก
เขาบอกว่ากระบวนการขายเหรียญ ICO เป็นการสร้างมูลค่าจากความว่างเปล่า (it's creating something out of nothing) ซึ่งในมุมของเขาแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลย และมันจะจบไม่สวย (it will end badly)
ต่อจากข่าว BTCChina เว็บซื้อขายเงินดิจิทัลของจีน ประกาศปิดตัว หลังรัฐบาลจีนออกคำสั่งห้าม เว็บไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยน bitcoin รายใหญ่ของจีน 2 รายคือ Huobi และ OKCoin ก็ประกาศหยุดให้บริการเทรดกับลูกค้าชาวจีนในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม หลังได้รับคำสั่งจากรัฐบาลนครปักกิ่งให้ยุติบริการ
ก่อนหน้านี้ Huobi และ OKCoin ประกาศหยุดรับซื้อขาย bitcoin เป็นเงินหยวน (คนจีนยังซื้อได้ด้วยเงินสกุลอื่น) แต่คล้อยหลังประกาศเพียงวันเดียว ทั้งสองรายก็เปลี่ยนข้อความเป็นหยุดการเทรดเงินดิจิทัลทั้งหมดในจีน ส่วนธุรกิจกับคนนอกจีนยังทำได้ตามปกติ
เว็บไซต์ปล่อยของผิดกฎหมายอย่าง The Pirate Bay นั้นมีปัญหาคือไม่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการโฆษณา จึงทำให้ The Pirate Bay ต้องคิดวิธีใหม่ในการหาเงิน หนึ่งในนั้นก็คือ “การขุดคอยน์” โดยอาศัยซีพียูของผู้เปิดเว็บ
มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ The Pirate Bay พบว่าตัวเว็บนั้นฝัง JavaScript ไว้ โดยเมื่อผู้ใช้เข้าเว็บจะทำการยืมเครื่องของผู้ใช้ไปขุดคอยน์ Monero ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้งที่เข้าเว็บไซต์
The Pirate Bay ได้ให้ข้อมูลกับ TorrentFreak ว่าตอนนี้ทางเว็บไซต์ได้ทดสอบฟีเจอร์นี้จริง โดยการทดสอบนี้กินเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ และอาจจะเอามาแทนที่โฆษณาในที่สุด
BTCC เว็บไซต์ซื้อขาย bitcoin ชื่อดัง (สำนักงานอยู่ในฮ่องกง ในจีนทำตลาดด้วยชื่อ BTCChina) ประกาศหยุดทำธุรกิจในจีนแล้ว หลังธนาคารกลางจีนออกคำสั่งควบคุมการระดมทุน ICO บน Blockchain เมื่อต้นเดือนนี้
BTCChina Exchange จะหยุดกิจกรรมซื้อขายทั้งหมดในวันที่ 30 กันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอื่นๆ ของ BTCC เช่น การรวมกลุ่มขุด (Pool) จะยังดำเนินไปตามเดิม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาให้ความเห็นต่อกรณี ICO แล้ว ใจความสำคัญคือการระดมทุนผ่าน ICO "บางประเภท" เข้าข่ายเป็นตราสารทางการเงินที่ "คล้ายหลักทรัพย์" และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ยอมรับว่าการระดมทุนผ่าน ICO อาจไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในปัจจุบัน และยินดีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อหาแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม และขอให้ประชาชนที่จะลงทุนใน ICO ทำความเข้าใจความเสี่ยงของโครงการอย่างละเอียดด้วย
ที่มา - ก.ล.ต.
Jamie Dimon ซีอีโอของธนาคาร JPMorgan Chase กลุ่มธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา (คนเดียวกับที่พูดว่า "Silicon Valley is Coming" กระตุ้นวงการธนาคารทั่วโลกเรื่องฟินเทค) ออกปากพูดถึงตลาดเงินดิจิทัลว่า "จบไม่สวย" อย่างแน่นอน
เขาพูดถึงตลาด cryptocurrency ว่ามันเป็นการฉ้อโกง (fraud) ที่แย่ยิ่งกว่าฟองสบู่ทิวลิปของเนเธอร์แลนด์ในอดีตซะอีก และถ้าหากเขาพบว่าพนักงานลงทุนของ JPMorgan คนใดเข้าไปค้า Bitcoin เขาก็จะไล่ออกทันที ด้วยเหตุผลว่าละเมิดกฎของบริษัท และพนักงานคนนั้นโง่ ซึ่งเป็นสิ่งอันตรายต่อบริษัท
ไม่ทันพ้นครึ่งเดือนหลัง ราคา Bitcoin ทะลุหลัก 5,000 ดอลลาร์ ในวันที่ 2 กันยายน ล่าสุดราคากลับดิ่งลงจนทะลุแนวต้าน 4,000 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว (ขณะที่เขียนข่าวราคาหลุด 3,900 ดอลลาร์แล้ว)
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Bitcoin ราคาตก อาจมาจากความไม่แน่นอนจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายๆ ประเทศ (โดยเฉพาะจีน) ทำให้นักลงทุนในตลาดยังไม่มีความเชื่อมั่นและบางส่วนเลือกขายออกมา
บริษัทความปลอดภัย FireEye รายงานว่าค้นพบร่องรอยของแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ (ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล) พยายามขโมย Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลจากเกาหลีใต้ เพื่อนำเงินทุนนี้ไปใช้งาน
FireEye พบหลักฐานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2017 ว่าตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลของเกาหลีใต้อย่างน้อย 3 แห่ง ถูกโจมตีจากเกาหลีเหนือด้วยวิธีการส่งอีเมลล่อลวงพนักงาน และมีความพยายามขโมยเงินเหล่านี้ออกไป
FireEye ประเมินว่าเกาหลีเหนือถูกมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจอย่างหนักจากนานาชาติ ทำให้แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือหาทางออกด้วยการขโมยเงินดิจิทัล ที่นำไปขายเปลี่ยนมือได้ง่ายกว่าแทน
เกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 สตาร์ตอัพชื่อดังแห่งวงการ blockchain เมื่อบริษัท R3 ยื่นฟ้องคู่แข่ง Ripple Labs ในประเด็นสัญญาการซื้อขายเงินดิจิทัลสกุล XRP ของ Ripple
เรื่องมีอยู่ว่า สองบริษัทเคยทำสัญญากันในเดือนกันยายนปี 2016 ว่า R3 จะมีสิทธิซื้อเงินสกุล XRP จำนวน 5 พันล้านหน่วยจาก Ripple ในราคาหน่วยละ 0.0085 ดอลลาร์ โดยจะซื้อเมื่อไรก็ได้ภายในเดือนกันยายน 2019
แต่เมื่อตลาด cryptocurrency บูมในปี 2017 ส่งผลให้ราคา XRP แพงขึ้นหลายเท่า (ขณะที่เขียนข่าว ราคาหน่วยละ 0.21 ดอลลาร์ ขึ้นมาประมาณ 25 เท่าจากราคาที่ตกลงไว้) ทำให้ฝั่ง Ripple พยายามบอกเลิกสัญญานี้ และส่งผลให้ R3 ยื่นฟ้องต่อศาลนั่นเอง
ตลาดการระดมทุนด้วยการขายคอยน์ (initial coin offering หรือ ICO) ยังร้อนแรงต่อไป และเราเห็นโครงการระดมทุน ICO ทำลายสถิติใหม่กันอยู่เรื่อยๆ
ล่าสุดโครงการ Filecoin ที่ประกาศระดมทุนเพื่อสร้างเครือข่ายสตอเรจแบบกระจายศูนย์ สามารถระดมทุนจากคนทั่วไปได้ 205.8 ล้านดอลลาร์ บวกกับที่ระดมได้จากนักลงทุน VC รายใหญ่อีก 52 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นสถิติใหม่ 257 ล้านดอลลาร์ แซงหน้าโครงการ Tezos เจ้าของสถิติเดิม 232 ล้านดอลลาร์
แนวคิดของ Filecoin คือเปิดให้เช่าพื้นที่เก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ โดยผู้เช่าจะต้องจ่ายเป็นเหรียญ Filecoin (ที่นำออกมาขายระดมทุนก่อนในรอบนี้)
ที่มา - Coindesk
เบอร์เกอร์คิงรัสเซียออกสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองในชื่อว่า Whoppercoin โดยเป็นโครงการสะสมแต้มจากลูกค้าของร้าน โดยทุกๆ 1 รูเบิลจะได้เงิน 1 Whoppercoin ส่วนร้านเบอร์เกอร์คิงเองจะรับแลกเป็นวอปเปอร์ที่ราคา 1,700 Whoppercoin ต่อวอปเปอร์หนึ่งชิ้น
ความได้เปรียบสำคัญของการใช้เงินดิจิตอลแทนที่คูปองสะสมแบบเดิมคือลูกค้าที่ได้รับ Whoppercoin ไปสามารถโอน ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ได้ตามใจชอบ เบื้องต้น Whoppercoin มีจำนวนจำกัดที่พันล้าน Whoppercoin แต่อาจจะออกเพิ่มเติมได้ในอนาคต
Whoppercoin สร้างบนแพลตฟอร์มสำหรับสร้างโทเค็น Wave ที่เป็นบริษัทรัสเซีย ทางเบอร์เกอร์คิงรัสเซียเตรียมจะออกแอปสำหรับจัดการกระเป๋าเงินบน iOS และแอนดรอยด์เร็วๆ นี้
หลังจาก Bitcoin Cash แยกสายโซ่ออกจาก Bitcoin หลักไปเมื่อต้นเดือน และระดับราคาอยู่นิ่งๆ ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อ BCH (ตัวย่อของ Bitcoin Cash) มาหลายวัน
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ ราคาของ Bitcoin Cash ก็พุ่งสูงขึ้นทะลุหลัก 700 ดอลลาร์ ขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 728 ดอลลาร์ (ราคาปัจจุบันขณะที่เขียนคือ 672 ดอลลาร์) ถือเป็นสถิติใหม่ของ Bitcoin Cash ส่งผลให้ตอนนี้ BCH กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 3 รองจาก Bitcoin และ Ethereum และการลงทุนใน BCH ได้กำไรเยอะกว่า BTC ไปแล้ว
ราคา Bitcoin ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) อีกครั้งในเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยราคาได้ทะลุ 4,000 ดอลลาร์ไปเรียบร้อย ความแรงของ Bitcoin นั้นอธิบายได้คือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาเพิ่งกลับมาทะลุ 3,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ 4,000 ดอลลาร์เรียบร้อย
ยังไม่มีคำอธิบายถึงสาเหตุของการปรับราคาเพิ่มสูง แต่คาดเดาว่ามีหลายปัจจัยสนับสนุนให้ราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิ นักวิเคราะห์เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ Bitcoin เหนือกว่าเงิน cryptocurrency สกุลอื่น บ้างถึงกับใช้คำว่า Bitcoin เป็น "ทองคำแห่งเงินดิจิทัล" ซึ่งแปลว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในการลงทุน
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญของราคา Bitcoin ที่เดิมทีอยู่ในระดับ 2,800 ดอลลาร์ต่อ BTC มาหลายสัปดาห์ จู่ๆ ราคาก็พุ่งสูงขึ้นจนทำนิวไฮอีกครั้ง โดยสถิติใหม่อยู่ที่ 3,206.93 ดอลลาร์ (ขณะที่เขียนข่าวนี้ อยู่ที่ 3,154.91 ดอลลาร์)
ราคา Bitcoin ขึ้นมาแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนตกลงมาต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม และกลับมาเพิ่มอีกครั้ง
การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin รอบนี้เกิดขึ้นเฉพาะ Bitcoin เพียงสกุลเดียว ในขณะที่สกุลเงินใกล้เคียงอย่าง Ethereum ไม่ได้เพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน
ในช่วงที่ค่าเงินอย่าง BitCoin กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยเหตุที่ค่าเงินทะยานทำ new high จนจุดกระแส "ชาวเหมือง" ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน และถูกทุบลงมา พร้อมกับค่าเงิน cryptocurrency อื่นๆ จนเกิดภาวะ "เหมืองถล่ม"
นี่อาจหมดสัญญาณของการตื่นสกุลเงิน cryptocurrency (อย่างน้อยก็ในรอบนี้) เมื่อราคา Bitcoin ยังร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากทำสถิติสูงสุดที่ 3,000 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ตอนนี้ราคาตกลงมาต่ำกว่าระดับ 2,000 ดอลลาร์แล้ว เทียบเท่ากับขาขึ้นในเดือนพฤษภาคม (ขณะที่เขียนข่าวนี้ ราคาอยู่ที่ 1,994 ดอลลาร์)
ส่วนสกุลเงิน Ethereum ก็ไปในทิศทางเดียวกัน จากที่ขึ้นไปสูงสุด 391 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 164 ดอลลาร์ ตกลงมาเกินครึ่งของมูลค่าสูงสุด
สกุลเงินอันดับสาม XRP (Ripple) ขึ้นไปสูงสุดที่ 0.39 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 0.14 ดอลลาร์