Facebook เพิ่มวิธีใหม่ในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานแอพมือถือ จากเดิมที่ใช้วิธีส่ง OTP ผ่าน SMS ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ ท่าใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือให้แอพ Facebook บน Android ขอสิทธิอ่านเบอร์มือถือของเครื่องนั้นๆ และถ้าหากเบอร์บนเครื่องตรงกับเบอร์ที่ลงทะเบียนไว้กับ Facebook ก็จะยืนยันตัวตนได้ทันที

หากเบอร์บนเครื่องไม่ตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ (เช่น เรามีหลายเครื่องหลายเบอร์) กระบวนการก็จะกลับไปเหมือนเดิมคือ Facebook ส่ง OTP ผ่าน SMS เพื่อให้เรายืนยันโค้ดตัวมืออีกที

ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Instant Verification ไม่ได้จำกัดเฉพาะการล็อกอินบัญชี Facebook เองเท่านั้น แต่ยังเปิดให้แอพอื่นๆ ที่ใช้งาน Facebook Login ผ่าน Account Kit ใช้งานได้ด้วย

ในขณะที่ผู้ใช้กำลังคุ้นเคยกับ Facebook Live ในรูปแบบวิดีโอ บริษัทก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการประกาศทำ Live 360 ช่วงต้นปีหน้า และบริการตัวล่าสุด Facebook Live Audio ถ่ายทอดสัญญาณเสียงเพียงอย่างเดียว

Facebook บอกว่า Live Audio ออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการ "ฟัง" เพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ใช้ Live Video โดยไม่มีภาพหรือใช้ภาพนิ่งประกอบ นอกจากนี้ยังมีคนอีกกลุ่มที่อาจมีสัญญาณเน็ตไม่เร็วพอสำหรับวิดีโอ ซึ่งการถ่ายทอดเสียงจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้

เป็นที่ทราบกันดีว่า Mark Zuckerberg กำลังสร้างระบบ AI ควบคุมบ้านของตัวเองที่เขาเรียกว่า Jarvis (เหมือนใน Iron Man) ล่าสุดเขาออกมาเผยความคืบหน้าและเบื้องหลังโครงสร้างของ Jarvis ให้ทราบกันแล้ว

Facebook ประกาศเพิ่มความสามารถรองรับวิดีโอคอลแบบกลุ่มให้กับ Facebook Messenger โดยรองรับผู้สนทนาถึง 50 คน สามารถใช้งานได้แล้วทั่วโลก ทั้งแอพ Messenger เวอร์ชันล่าสุดบน iOS และ Android และบนเดสก์ท็อป โดยวิธีเริ่มวิดีโอคอลคือกดปุ่มวิดีโอด้านมุมบนขวาในหน้าแชทกลุ่ม

วิดีโอคอลแบบกลุ่มของ Facebook Messenger นั้น ถ้ามีผู้ใช้ที่กำลังวิดีโอคอลไม่เกิน 4 คน จะแสดงวิดีโอเต็มหน้าจอ แต่ถ้า 5-6 คน จะแสดงวิดีโอจากผู้ใช้ 1 คนเป็นขนาดใหญ่ ที่เหลือจะเป็น gallery ด้านล่าง แต่ถ้าเกิดว่าผู้ใช้ที่กลุ่มใหญ่กว่านั้น จะแสดงวิดีโอจาก 6 คนแรกเท่านั้น (ที่เหลือจะฟังได้พูดได้ แต่ไม่แสดงวิดีโอ)

นอกจากนี้ Facebook ยังมีฟีเจอร์หน้ากากเหมือน Snapchat ให้เล่นในวิดีโอคอลแบบกลุ่มด้วยเช่นกัน

Facebook รายงานว่า ทางบริษัทได้ตรวจสอบพบปัญหากับกลุ่มเล็ก ๆ ของสำนักข่าวที่ใช้งาน Instant Articles ที่จะพบรายงานตัวเลขผิดพลาด โดย Facebook ได้รับการแจ้งเตือนจาก comScore ซึ่งเป็นเวลาไม่นานนักหลังจากแก้ปัญหานับ reactions ผิดพลาดใน​ Facebook Live

ปัญหาดังกล่าว Facebook แจ้งว่าเกิดกับสำนักข่าวที่อินทิเกรตระบบ comScore ในแบบเก่า (legacy comScore integration) และเป็นเว็บที่รองรับ HTTPS ทำให้เกิดปัญหาการนับทราฟิกบน iPhone ส่วนบน iPad และ Android ไม่พบปัญหาดังกล่าว โดยทางบริษัทได้ยืนยันว่าปัญหาได้ถูกแก้เรียบร้อยและจะทำงานร่วมกับ comScore เพื่อปรับปรุงข้อมูลข้อมูลของพาร์ทเนอร์ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

Facebook เผยมีการอัพเดตความเคลื่อนไหวเพื่อระงับยับยั้งข่าวปลอมที่เป็นปัญหามาตั้งแต่หลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายฝ่ายเรียกร้องให้ Facebook ทำอะไรสักอย่าง ล่าสุดมีการอัพเดตแล้ว ผู้ใช้จะสามารถรีพอร์ทสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปลอมได้ง่ายขึ้น และมีการร่วมมือกับบริษัท third party ในการตรวจสอบเนื้อหาข่าว

เฟซบุ๊กแก้ช่องโหว่ Facebook Messenger ถูกดักฟังแชตได้เพียงแค่ผู้ใช้ไปเข้าเว็บที่ฝังสริปต์มุ่งร้ายเอาไว้

ช่องโหว่นี้เกิดจากสถาปัตยกรรมของเฟซบุ๊กที่แยกเซิร์ฟเวอร์จาก Messenger ทำให้เซิร์ฟเวอร์แชตรองรับการเรียกข้อมูลจากโดเมน www.facebook.com ขณะที่ตัวแชตเองอาจจะใช้เซิร์ฟเวอร์ 5-edge-chat.facebook.com การเรียกข้อมูลตามปกติจะมีการล็อกโดเมนที่เข้าถึงข้อมูลได้ว่าต้องเป็นเว็บเฟซบุ๊กหลักเท่านั้น โดยทั่วไปจึงไม่มีปัญหาอะไร

แต่ Ysrael Gurt นักวิจัยความปลอดภัย ไปพบว่าเซิร์ฟเวอร์แชตกลับรองรับในกรณีที่การเรียกข้อมูลแชตไม่ระบุ Origin ไว้ใน HTTP header

Facebook แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากต้องเผชิญปัญหานอกจากปัญหาข่าวปลอมแพร่สะพัด ที่ตอนนี้กำลังแก้กันไม่หวาดไม่ไหว Facebook ยังเป็นแหล่งการรังแกออนไลน์ (cyberbullying) ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย มีหลายชีวิตที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะโดนพิษ Cyberbullying

ล่าสุด Facebook จึงเปิดไซต์ใหม่ให้เหล่าผู้ปกครองชื่อ Facebook Parents Portal เพื่อแหล่งรวมข้อมูล และวิธีแก้ปัญหาเมื่อเด็กๆ ในปกครองเจอปัญหาถูกกลั่นแกล้งออนไลน์

เมื่อเดือนตุลาคม Facebook ปล่อยแอพ Facebook Events ออกมาให้ใช้งานเฉพาะ iOS เท่านั้น ล่าสุดก็ปล่อยให้ใช้งานบน Android แล้ว

Facebook Events เป็นแอพที่ให้ผู้ใช้ค้นหากิจกรรมรอบตัวเช่นคอนเสิร์ต เทศกาลต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมที่โพสต์ลง Facebook ดูว่าเพื่อนของเราเข้าร่วมหรือสนใจกิจกรรมไหนอยู่ ช่วยจัดการและแจ้งเตือนกิจกรรมที่เรากดเข้าร่วมและยังสามารถนำเข้าตารางกิจกรรมที่บันทึกลงในแอพปฏิทินเช่น Google Calendar หรือ Calendar บนมือถือเข้าไปในแอพนี้อีกด้วย

สำหรับแอพ Facebook Events ตอนนี้ยังเปิดให้ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Facebook ต้องการให้เป็นช่องทางให้เกิดการโปรโมตกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้นและช่วยให้คนที่ชอบออกงานกิจกรรมสามารถค้นหากิจกรรมที่ตัวเองสนใจง่ายขึ้นเช่นกัน แต่จากสถิติการดาวน์โหลดแอพบน iOS ก็พบว่ายังไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้เท่าที่ควร

ที่มา : TechCrunch, AndroidHeadlines

หลัง Youtube ประกาสรองรับการไลฟ์แบบ 360 องศาไปไม่นาน ล่าสุดเฟซบุ๊กประกาศตามมาแล้วว่าจะรองรับการไลฟ์แบบ 360 องศาเช่นกันภายในช่วงต้นปีหน้า

Supratik Lahiri วิศวกรและผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เผยว่าเพจบางเพจจะเริ่มได้ฟีเจอร์ใหม่นี้ผ่าน Live API ก่อนที่จะเปิดให้เพจอื่นๆ และผู้ใช้ทั่วไปต่อไป โดยการไลฟ์แบบ 360 องศาจะทดสอบผ่านเพจ National Geographic ที่จะถ่ายทอดการฝึกทดสอบการใช้ชีวิตบนดาวอังคารของนักบินอวกาศที่ Mars Desert Research Station ในรัฐ Utah

Facebook ได้เปิดตัววิดีโอ 360 องศาบน Facebook Live โดยจะเริ่มต้นใช้งานกับเพจของ National Geographic ก่อน โดยวิดีโอแรกที่จะทำการใช้ Facebook Live แบบ 360 องศาจะออกอากาศจาก Mars Research Station ที่รัฐ Utah

ส่วนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในช่วงปลายเดือนนี้ Facebook Live จะเริ่มเปิดให้ใช้แบบ 360 องศาผ่าน API และในปีหน้าก็จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้แบบเต็มตัว โดย Facebook Live 360 จะยังไม่สามารถใช้งานได้บน VR แต่ว่าสามารถดูย้อนหลังได้ และยังไม่มีการรองรับภาพแบบ 4K

ทั้งนี้ Facebook แนะนำให้ใช้งาน Nokia Ozo หรือ Freedom360 Broadcaster กับ Vahana VR เพื่อคุณภาพที่ดี หรือจะใช้ Giroptic iO, Insta360 Nano, Ricoh Theta S ก็ได้

Facebook ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการวัดต่าง ๆ ใน Facebook มี 3 เรื่อง คือเรื่องการนับ reactions ใน Facebook Live, การนับการแชร์ลิงก์ และเครื่องมือใหม่สำหรับนักโฆษณา

ปัจจุบัน การใช้งาน Facebook Live คือผู้ใช้สามารถกด reactions ได้อยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่วิดีโอกำลังออกอากาศสด และจะมีรูป reactions ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ซึ่งความจริงแล้ว Facebook จะนับเฉพาะ reactions แรกที่กดมาเป็น Reactions from Shares of Post

Facebook ได้ออกอัพเดตแอพบน Android โดยรอบนี้มีฟีเจอร์ใหม่ คือการอัพโหลดวิดีโอแบบ HD และนอกนั้นก็เริ่มทดสอบฟีเจอร์ซึ่งส่วนมากเกี่ยวกับวิดีโอ

สำหรับฟีเจอร์อัพโหลดวิดีโอขึ้นสู่ Facebook ในความละเอียด HD นั้น ก่อนหน้าก็เคยมีการทดสอบมาสักพัก แต่รอบนี้เป็นการปล่อยให้ผู้ใช้กลุ่มใหญ่ได้เริ่มใช้งานกัน โดยผู้ใช้สามารถเปิดได้โดยไปที่ปุ่ม Upload Videos in HD ซึ่งอยู่ในการตั้งค่าของแอพ Facebook

นอกจากฟีเจอร์อัพโหลดวิดีโอขึ้นสู่ Facebook ในรูปแบบความละเอียด HD แล้ว Facebook ก็ได้ทดสอบฟีเจอร์อื่นอีก ดังนี้

Facebook ได้เริ่มเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสร้างกรอบรูปสำหรับรูปภาพหรือวิดีโอได้แล้วในชื่อว่า Camera Effect โดยกรอบรูปที่ผู้ใช้สร้างจะสามารถแชร์ให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้ใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งจะเหมาะกับการอีเว้นท์อย่างเช่นงานแต่งงานหรือปาร์ตี้ที่ต้องการให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใช้กรอบรูปแบบเฉพาะที่สร้างขึ้น

สำหรับกรอบรูปที่สร้างขึ้นนี้ จะเปิดให้ใช้งานในขณะตั้งรูปโปรไฟล์ หรือเปิดกล้องบนแอพ Facebook ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปหรือวิดีโอ จึงจะสามารถเลือกใช้กรอบรูปที่สร้างขึ้นได้

เห็นเพื่อนๆ Facebook เล่นฟีเจอร์ใหม่รวบรวมเรื่องราวในปี 2016 ของแต่ละคน หรือ 2016 Year in Review ซึ่ง Facebook ก็ทำเวอร์ชันของตัวเองออกมาเช่นกัน เหตุการณ์มาแรงประจำปีนี้คือเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทยังจัดอันดับ Facebook Live ที่มียอดชมมากที่สุด คลิปที่เป็นไวรัลไปทั่วโลกคือ Chewbacca Mom คุณแม่ในหน้ากากชิวเบคกา ตัวละครจากสตาร์วอรส์

สัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมวิจัย AI ของ Facebook นำโดย Yann LeCun ผู้เชี่ยวชาญด้าน deep learning และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม AI ของ Facebook) ทำวิดีโออธิบายแนวคิดพื้นฐานของวิชา AI เช่น machine learning, gradient descent, deep learning, back propagation, convolutional neural networks (ในวงการเรียกตัวย่อว่า CNN) เผยแพร่ต่อสาธารณะ เป็นประโยชน์มากต่อนักศึกษาและผู้สนใจวิชาการ AI

ล่าสุดคุณต้า วิโรจน์ จิรพัฒนกุล อดีตนักวิจัยด้านข้อมูลคนไทยใน Facebook (Blognone เคยสัมภาษณ์) แปล subtitle ของวิดีโอเหล่านี้เป็นภาษาไทย เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงเนื้อหาเชิงวิชาการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์ของคุณวิโรจน์ตามลิงก์ครับ

Facebook, Microsoft, Twitter และ YouTube ร่วมมือกันกำจัดคอนเทนต์ส่งเสริมการก่อการร้ายออกจากแพลตฟอร์ม โดยทำฐานข้อมูลร่วมกันที่จะใช้ระบุเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอที่มีลักษณะเข้าข่ายส่งเสริมก่อการร้าย เป็นข้อมูลที่เคยถูกลบออกจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มารวมไว้ด้วยกัน เพื่อง่ายต่อการค้นหาและเปรียบเทียบ

วิธีการทำงานของดาต้าเบสนี้ใช้ระบบ digital fingerprint ง่ายต่อการระบุว่าคอนเทนต์นี้เข้าข่ายหรือไม่ และสามารถลบออกได้เร็ว คล้ายกับ PhotoDNA ของไมโครซอฟต์ที่ช่วยระบุว่าภาพใดเป็นภาพอนาจารเด็ก และยังนำไปสู่การสืบสวนคดีอนาจารเด็กได้อีกด้วย

สหภาพยุโรปได้กระตุ้นเตือนให้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ คือ Facebook, Twitter, YouTube และ Microsoft ตอบโต้กับ hate speech ให้เร็วกว่านี้ หลังจากที่บริษัททั้งหมดเคยทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

Vera Jourova ผู้รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายของสหภาพยุโรปได้แสดงให้เห็นว่า บริษัทเหล่านี้ใช้เวลานานและยังไม่ถึงเป้าหมาย มีเพียง 40% ที่ถูกพิจารณาในเวลาที่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อหลังจาก 48 ชั่วโมงจึงจะได้ถึง 80% แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายสามารถทำให้ถึงได้จริง แต่บริษัทไอทีต้องใช้ความพยายามที่มากขึ้น

Facebook ประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรที่อยู่ในย่าน Sillicon Valley และ Bay Area ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับบริษัท โดย Facebook บอกว่าในละแวกนี้ก็เปรียบเสมือนบ้าน พร้อมกับบริจาคเงินในระยะเริ่มต้นกว่า 20 ล้านดอลลาร์เพื่อกองทุนหลายแห่งที่มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกันภายในพื้นที่

สำหรับจำนวนเงินนี้มีหลายส่วน ได้แก่

Facebook กำลังเตรียมพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่คล้ายคลึงกับ Discover ของ Snapchat คือฟีเจอร์ที่ใช้งานพาร์ทเนอร์ของที่เป็นสื่อ เช่น CNN, BuzzFeed เพื่อโพสต์บทความหรือวิดีโอให้ผู้ใช้ได้รับชม

ฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook นี้น่าจะใช้ชื่อว่า Collections และตอนนี้ทางบริษัทก็เริ่มคุยกับสื่อหลายแห่งแล้ว เพื่อทำการรวมเนื้อหาและวิดีโอจากภายนอกมาไว้ใน News Feed เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอ่านได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

ผู้ใช้ Facebook กลุ่มหนึ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนนิวส์ฟีด เป็นแถบแดงคาดไว้บนลิงค์ข่าว แถบนั้นเขียนว่า "This website is not a reliable news source. Reason: Classification Pending" หรือเว็บไซต์นี้ไม่ได้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ โดยในตอนแรกคิดว่า Facebook สร้างฟีเจอร์นี้ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอมที่มีอยู่มากมายบนนิวส์ฟีด แต่นักข่าว Techcrunh ไปสืบมาพบว่าฟีเจอร์ดังกล่าว Facebook ไม่ได้ทำ แต่เป็นปลั๊กอิน

แถบแดงคาดเหนือลิงค์ข่าวหลายแหล่ง มีเว็บไซต์หนึ่งชื่อว่า occupydemocrats.com ขึ้นชื่อเรื่องข่าวปลอม และข่าวนั้นเป็นข่าวทหารปลดประจำการเตรียมคั้งกองกำลังตรงที่มีกลุ่มประท้วงท่อน้ำที่ดาโกต้า ลักษณะของแถบแดงยังม่แค่ปรากฏบนข่าวนั้นๆ แต่ปรากฏในทุกข่างที่มาจากแหล่งข่าวไม่น่าเชื่อถือ

Facebook เปิดตัว Instant Games เปิดให้เราเล่นเกมกับเพื่อนผ่าน Messenger ได้โดยไม่ต้องติดตั้งเกมใดๆ ก่อนเล่น (เกมเขียนด้วย HTML5 สามารถเล่นได้จากเว็บและแอพ)

วิธีการใช้งานง่ายๆ แค่เพียงอัพเดต Messenger เป็นเวอร์ชันล่าสุด เข้าหน้าจอแชทตามปกติ กดปุ่มไอคอนจอยเกม เพื่อเล่นเกมแข่งกับเพื่อนได้ทันที เราสามารถแชร์คะแนนหรือโพสต์คำชวนเล่นเกมลงใน News Feed ได้ด้วย และกดเล่นเกมได้จากหน้า News Feed ทันที

เบื้องต้นมีเกมให้เล่น 17 เกม ทั้งเกมคลาสสิคอย่าง PAC-MAN, Galaga, Space Invaders, Arkanoid รวมถึงเกมโซเชียลรุ่นหลังอย่าง Words with Friends, Everwing, The Tribez, Zookeeper เป็นต้น

มาถึงวันนี้เราคงคุ้นเคยกับปุ่มไลค์แบบใหม่ของ Facebook (หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Reaction) ซึ่งมีแอนิเมชันน่ารักแสดงเวลาเอาเมาส์ชี้และกดคลิก ล่าสุด Facebook เปิดซอร์สโค้ดของไลบรารีที่ใช้สร้างแอนิเมชันชุดนี้มาแล้ว ในชื่อว่า Keyframes

Keyframes เป็นไลบรารีที่ใช้แปลงไฟล์แอนิเมชันที่สร้างด้วย Adobe After Effects เพื่อเล่นบนเว็บและแอพ มันถูกสร้างมาเพื่อเรนเดอร์ปุ่ม Reaction ที่ปุ่มจะโตขึ้นเวลาเอาเมาส์ชี้ ภาพที่แสดงจึงต้องย่อ-ขยายได้แบบภาพไม่แตก, แอนิเมชันต้องเล่นที่เฟรมเรต 60 fps และดูลืนไหล, แต่ต้องมีไฟล์ขนาดเล็ก โหลดได้รวดเร็ว

หลังจากที่ Facebook เคยใช้ได้ในประเทศจีนและถูกแบนจากรัฐบาลในปี 2009 ล่าสุดมีรายงานว่าตอนนี้ Facebook กำลังพัฒนาเครื่องมือที่สามารถสกัดกั้นโพสต์ของผู้ใช้บน News Feed เพื่อเปิดตลาดประเทศจีนอีกครั้ง

New York Times รายงานว่า Facebook ถูกสั่งปิดในหลายประเทศเพราะปัญหาเรื่องความมั่นคงของประเทศต่างๆ เช่นปากีสถาน, รัสเซีย, ตุรกี, จีน ทำให้ Facebook ต้องพัฒนาเครื่องมือป้องกันโพสต์ที่ส่งผลต่อความมั่นคงใน News Feed ของผู้ใช้ โดยเริ่มแรก Facebook วางแผนจ้างบริษัทภายนอกมาช่วยคัดกรองข้อมูลก่อน

Wi-Fi เริ่มเป็นสิ่งจำเป็นกับผู้ใช้มือถือในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ Facebook เองก็เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ของตัวเองที่สามารถค้นหา Wi-Fi Hotspot รอบๆ ตัวผู้ใช้

ก่อนหน้านี้ Facebook เริ่มรวบรวมตำแหน่งผ่านการสอบถามร้านค้าหรือสถานที่ต่างๆ ที่ใช้งานอยู่บน Pages ว่ามี Hotspot หรือไม่ จากนั้นก็นำมาจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้กับฟีเจอร์นี้ ซึ่งในความเป็นจริงยังมีความผิดพลาดในข้อมูลอยู่บ้าง

การทำงานของฟีเจอร์คือแจ้งเตือนผู้ใช้เพื่อบอกได้ว่ารอบตัวมี Wi-Fi Hotspot สาธารณะหรือของร้านค้าไหนที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อให้เชื่อมต่อใช้งาน และยังสามารถแสดงเป็นแผนที่และรายชื่อเพื่อบอกจุดที่มี Hotspot ใกล้ตัวได้อีกด้วย