คนที่ใช้ Facebook Messenger คงคุ้นเคยกับลูกศรสีฟ้าในช่องส่งข้อความ ซึ่งจะแชร์พิกัดของเราให้คู่สนทนาโดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่ามันจะกดปิดได้ แต่คนที่ระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวอาจไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
วันนี้ Facebook ออกมาประกาศว่าจะยกเลิกวิธีการแชร์พิกัดแบบนี้แล้ว และเปลี่ยนเป็นปุ่มส่งพิกัดแทน (แบบเดียวกับ LINE) วิธีการแชร์พิกัดแบบใหม่ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เพราะผู้ใช้ที่อยากเผยพิกัดให้คู่สนทนารับทราบต้องตั้งใจกดแชร์พิกัดจริงๆ ไม่ใช่เผลอแชร์พิกัดไว้ตลอดเวลาแบบของเดิม
นอกจากนี้ ฟีเจอร์แชร์พิกัดแบบใหม่ยังไม่จำกัดเฉพาะพิกัดของตัวเราเอง แต่เราสามารถส่งพิกัดของสถานที่ใดๆ ไปให้คู่สนทนาก็ได้เช่นกัน
Facebook ทดสอบฟีเจอร์ Saved Replies เพิ่มความสามารถให้เจ้าของ Pages เก็บเทมเพลตข้อความไว้ตอบกลับลูกค้า ช่วยให้ประหยัดเวลาในการสื่อสารกับลูกค้า
ฟีเจอร์นี้มีเครื่องมือสำหรับสร้างข้อความตอบกลับเตรียมไว้เป็นชุด สามารถค้นหาข้อความที่มีอยู่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งให้มีชื่อของลูกค้าคนนั้นๆ ในข้อความได้แบบอัตโนมัติ และ Facebook เองยังทำตัวอย่างข้อความตอบกลับแบบพื้นฐานมาให้ลองใช้อีกด้วย
ตอนนี้ Facebook ยังเปิดทดสอบกับผู้ใช้ธุรกิจขนาดเล็กในวงจำกัด แต่ก็มีผู้ใช้ Pages พบฟีเจอร์นี้โดยบังเอิญเมื่อกำลังจะตอบกลับลูกค้า คาดว่า Facebook ทำฟีเจอร์นี้เพื่อจับตลาดธุรกิจขนาดเล็กเป็นหลัก เพราะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ใช้บริการด้านการช่วยเหลือดูแลลูกค้าจาก Zendesk หรือ Freshdesk อยู่แล้ว
ส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับ SSL นั้นมีสองส่วนหลักๆ คือ กุญแจสาธารณะ และลายเซ็นดิจิทัล ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ค่าแฮชของ SHA-1 มาเข้ารหัสด้วยกุญแจ RSA จาก CA (Certificate Authority) จึงจะได้ลายเซ็นดิจิทัลออกมา
หลังจากที่ Google ประกาศนโยบายให้ SHA-1 ไม่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นปี 2015 เป็นต้นไป
รวมถึงข่าวเก่าได้ระบุว่า SHA-1 นั้น เริ่มไม่ปลอดภัยมากขึ้นตามเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด
ในยุคที่ผู้คนใช้งานสมาร์ทโฟนกันมากขึ้น ข้อมูลส่วนตัวหลายอย่างถูกใช้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงการป้องกันเมื่อยามสูญหาย หรือถูกโจรกรรม ทำให้นอกจากจะเสียของแล้ว อาจเสียข้อมูลที่มีค่าต่อเนื่องไปด้วย
เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ละเอียดขึ้น Facebook ปล่อยเครื่องมือตัวใหม่สำหรับให้ผู้ใช้สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของบัญชีได้ทั้งหมดในชื่อ Security Checkup สำหรับตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Facebook และไว้จัดการบริการที่เชื่อมโยงกับ Facebook และไม่ได้ใช้งานมาเกินเดือนได้พร้อมๆ กัน
สำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ Facebook ระบุว่าจะปล่อยให้กับผู้ใช้บางรายก่อน โดยจะมีการแจ้งเตือนให้เมื่อเข้าใช้งานครับ
เฟซบุ๊กประกาศรองรับการส่งอีเมลถึงผู้ใช้แบบเข้ารหัสทั้งหมดตามฟอร์แมต PGP ทำให้อีเมลจากเฟซบุ๊กไม่สามารถอ่านโดยผู้ให้บริการหรือคนร้ายที่ดักฟังระหว่างเซิร์ฟเวอร์ได้อีกต่อไป
ปล่อยให้รอกันจนมีคนพยายามทำให้ภาพ .gif แบบเคลื่อนไหว สามารถแสดงผลได้บน Facebook ไปหลายปี วันนี้ Facebook ออกมารองรับการแสดงผลภาพที่ว่าอย่างเป็นทางการแล้ว
ภาพ .gif เคลื่อนไหวได้ จะไม่เล่นอัตโนมัติเช่นเดียวกับวิดีโอ โดยจะมีวงกลมคำว่า GIF ตรงกลางภาพเพื่อกดให้ภาพเล่นได้ โดยจะเล่นวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกดซ้ำอีกทีเพื่อหยุด
การโพสต์ภาพ .gif สามารถทำได้ด้วยวิธีแนบไฟล์ตามปกติ หรือแค่แปะลิงก์ลงไปก็ใช้ได้เช่นกัน
ตัวอย่างดูได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา - The Next Web
Ben Barry ดีไซน์เนอร์ของ Facebook ได้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ "little red book" ที่แจกจ่ายให้กับพนักงาน โดยในหนังสือจะมีเรื่องราวการก่อตั้งของ Facebook รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรให้กับพนักงานใหม่ให้เข้าใจบริษัทมากขึ้น
ต้นฉบับของ little red book นั้น มาจากเหมาเจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ในหนังสือประกอบไปด้วยสุนทรพจน์ คำคม และงานเขียนของตัวเอง ทั้งนี้ไม่รู้ว่า Facebook นั้น ได้แรงบันดาลใจในการทำหนังสือนี้จากจีนหรือเปล่า แต่ในหนังสือก็มีข้อความคำคมเหมือนกัน
ที่มา - The Next Web
หลังจากที่ทีมนักวิจัยของ Facebook เผยแพร่งานวิจัยที่ระบุว่าอัลกอริทึมของ News Feed ไม่มีผลมากเท่ากับตัวของผู้ใช้เอง นักวิชาการด้านอินเทอร์เน็ตศึกษา (Internet Studies) อย่าง Zeynep Tufekci ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำ School of Information and Library Science และสอนด้านสังคมวิทยาที่ University of North Carolina, Chapel Hill ออกมาระบุว่างานวิจัยดังกล่าวไม่สะท้อนความเป็นจริง โดยเธอชี้ให้เห็นว่าอัลกอริทึมของ News Feed มีผลต่อการรับรู้ข้อมูลของผู้ใช้ด้วย
หลายครั้งที่เราอาจจะคิดว่าอัลกอริทึมเบื้องหลังของ News Feed บน Facebook ทำให้เราเลือกที่จะรับข่าวสารภายในเครือข่ายสังคม (social network) ของตัวเองมากกว่าที่จะเป็นตัวเราเลือก แต่บทความวิชาการล่าสุดที่ตีพิมพ์โดยนักวิจัยของ Facebook ในวารสารวิชาการ Science กลับระบุว่าแท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวอัลกอริทึมแต่อย่างใด หากแต่เป็นที่ตัวผู้ใช้เองที่เลือกรับข้อมูล
โครงการ Internet.org ของ Facebook ดูจะเริ่มมีปัญหาซะแล้ว เมื่อองค์กรรณรงค์สิทธิด้านดิจิทัล 67 รายจากหลายประเทศ เข้าชื่อกันเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Mark Zuckerberg ว่ามีปัญหาหลายอย่างกับโครงการนี้
ประเด็นขัดแย้งหลักของ Internet.org คือ Facebook ใช้วิธีจับมือกับผู้ให้บริการมือถือในบางประเทศ ทำดีลพิเศษให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ "บางแห่ง" ได้ฟรี ตัวอย่างเว็บไซต์ที่เข้าข่ายคือ Facebook เอง, Wikipedia, BBC, Accuweather และเว็บท้องถิ่นบางแห่ง โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้ต้องติดตั้งแอพ Internet.org ด้วย
การจำกัดการเข้าถึงเฉพาะบางเว็บ เป็นเหตุทำให้เว็บและสตาร์ตอัพท้องถิ่นบางราย (โดยเฉพาะจากอินเดีย) ไม่พอใจ และมองว่าเป็นประเด็นการกีดกันการแข่งขันและการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม (net neutrality)
ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า Facebook พยายามดัน Facebook Messenger ให้เป็นอีกแพลตฟอร์มแยกออกจาก Facebook (ใช้ชื่อว่า Messenger Platform เฉยๆ) และมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุดสามารถวิดีโอคคอลได้แล้ว
ล่าสุด Facebook เพิ่งยืนยันว่ากำลังคุยกับนักพัฒนาหลายรายให้มาทำเกมลงบนMessenger Platform โดยจะเป็นเกมแยกให้ดาวน์โหลดจากสโตร์ของแต่ละแพลตฟอร์ม และเก็บ-ใช้ข้อมูลจากตัว Messenger Platform (อาจคล้ายกับของ LINE) ซึ่งในตอนนี้่แผนน่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงยังไม่มีรายละเอียดออกมามากนัก
Facebook โพสต์ประกาศรับสมัครงานตำแหน่ง Head of Thailand นั่งทำงานที่กรุงเทพ เพื่อมาดูแลกิจการในประเทศไทย
หน้าที่งานนี้คือดูแลยุทธศาสตร์ธุรกิจในประเทศไทยโดยรวม โดยเน้นไปที่งานด้านโฆษณา ต้องทำงานร่วมกับเอเยนซี่ต่างๆ รวมถึงฝ่ายการตลาดของบริษัทต่างๆ ที่มาซื้อโฆษณาในระบบของ Facebook
คุณสมบัติที่ต้องการคือประสบการณ์ด้านการตลาด/โฆษณาออนไลน์นาน 10 ปีขึ้นไป และประสบการณ์งานบริหารนาน 3 ปีขึ้นไป
ตอนที่แล้วเราพาไปเที่ยว Twitter HQ กันไปแล้ว วันนี้เป็นคิวของ Facebook HQ กันบ้างครับ
ย้ำอีกรอบว่าการไปเยี่ยมชมสำนักงานของบริษัทไอทีลักษณะนี้ ต้องมีคนในพาเข้า และห้ามถ่ายรูปในส่วนที่เป็นพื้นที่ทำงานนะครับ ดังนั้นรูปประกอบในบทความก็จะมีแต่บริเวณโรงอาหาร หรือที่พักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น เพราะอาจส่งผลต่ออาชีพการงานของคนที่พาเข้าได้
Facebook เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Instant Articles สำหรับผู้ใช้แอพ Facebook บน iPhone โดยเฉพาะ โดยเป็นการแสดงผลเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตในฟอร์แมตของตัวเอง แทนที่จะส่งไปยังเว็บไซต์ต้นทางเหมือนที่เคย
Internet.org โครงการสร้างอินเทอร์เน็ตฟรีเพื่อผู้ยากไร้ที่ Facebook เดินหน้ามาตั้งแต่ปี 2013 โดยมีเป้าหมายไปยังประเทศที่ยังขาดแคลนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอินเดีย และแซมเบียเป็นต้น ล่าสุดเพิ่้งเปิดแพลตฟอร์มในชื่อเดียวกันเพื่อให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Internet.org ได้
ปีที่แล้วเราเห็นข่าว Facebook เปิดเครือข่ายโฆษณาของตัวเองในชื่อ Audience Network ช่วยขยายพื้นที่โฆษณาจากแอพของ Facebook เองไปยังแอพอื่นๆ ที่อยากหารายได้เพิ่มเติมด้วย
Facebook Audience Network มีโฆษณาให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบนเนอร์ปกติ, แบบเต็มหน้าจอ และที่กำลังมาแรงคือ native ads หรือโฆษณาที่ดูเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาแอพ
Facebook เองก็ส่งเสริมให้ลงโฆษณาแบบ native เพราะสถิติชี้ว่าประสิทธิภาพของโฆษณา (นับเป็น CPM) ดีกว่าแบนเนอร์ถึง 7 เท่า และปัจจุบันรายได้ครึ่งหนึ่งของ Audience Network ก็มาจากโฆษณาแบบ native แล้ว
Facebook ตกลงเซ็นสัญญาใช้แผนที่จาก HERE Maps กับเว็บเวอร์ชันอุปกรณ์พกพา รวมถึงแอพบางตัวอย่าง Instagram และ Messenger ด้วย (แต่ยังไม่รวมแอพหลัก Facebook ทั้งบน iOS/Android ที่ยังใช้แผนที่ของระบบปฏิบัติการอยู่)
ทั้งสองบริษัทไม่ได้แถลงข่าวนี้อย่างเป็นทางการ แต่ก็ยืนยันข่าวเมื่อเว็บไซต์ TechCrunch สอบถามไปยังโฆษกของบริษัท
ข่าวนี้ช่วยให้ประเด็นว่าโนเกียอยากขาย HERE เข้มข้นขึ้นอีกนิด โดยมีชื่อ Facebook โผล่เข้ามาเป็นว่าที่ผู้ซื้ออีกราย
ที่มา - TechCrunch
วงการไอทีเสียผู้มีความสามารถไปอีกคน หลัง David Goldberg ซีอีโอของ SurveyMonkey และสามีของ Sheryl Sandberg ซีโอโอหญิงของ Facebook (เบอร์สองรองจาก Zuckerberg) เสียชีวิตกระทันหันด้วยวัย 47 ปี (ทางครอบครัวไม่ได้ระบุสาเหตุของการเสียชีวิต)
David Goldberg เคยเปิดบริษัทด้านดนตรีชื่อ LAUNCH Media และขายให้ Yahoo! ในปี 2001 หลังจากนั้นเขาได้เป็นซีอีโอของบริษัททำโพลออนไลน์ SurveyMonkey ในปี 2009
จุดที่ทำให้เขาโด่งดังเป็นพิเศษคือเขาเป็นสามีของ Sheryl Sandberg ซึ่งเป็นผู้บริหารหญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของโลกไอที การที่สามีภรรยาคู่นี้เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไอทีทั้งคู่ จึงมีบทบาทและได้รับความสนใจจากวงการไม่น้อย
มีรายงานมาหลายครั้งว่าจีนพยายามที่จะควบคุมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตด้วยการเซ็นเซอร์เนื้อหาจำนวนมาก ล่าสุดมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนรายงานว่าถูก redirect ไปยังเว็บไซต์แปลกๆ เมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ที่มีการใช้งานระบบ Facebook Login (ที่จะมีขึ้นว่า Login with Facebook)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยทางการจีนได้เปลี่ยนโคดจาวาสคริปต์ของ Facebook Login ไปยังสองเว็บไซต์อื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเว็บไซต์โครงการซอฟต์แวร์ และอีกหนึ่งเว็บไซต์ท่องเที่ยว (ซึ่งรายหลังถึงกับล่มไปเลยทีเดียว) โดยการดักโคดครั้งนี้ทำในระดับตัวโครงข่ายระดับประเทศ จึงมีผลกับผู้ใช้ในประเทศจีน ที่ไม่ได้ใช้ VPN เท่านั้น
ณ ขณะนี้ที่เนปาลกำลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก Facebook จึงทำฟีเจอร์เช็กความปลอดภัยของเพื่อนในเนปาล หากใครกำลังประสบปัญหาให้กดแสดงว่าตัวเองได้รับผลกระทบ จากนั้นจะมีเพื่อนสามารถรับรู้ได้และอาจจะให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ฟีเจอร์นี้สามารถเข้าไปดูได้ที่
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2015 มีรายได้รวม 3,543 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับรายได้ 2,502 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดียวกันของปี 2014 ซึ่ง Facebook ระบุว่าที่จริงรายได้ควรเพิ่มขึ้น 49% แต่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินต่างประเทศ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,189 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28%
สำหรับตัวเลขผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน (Monthly active users - MAUs) ล่าสุดอยู่ที่ 1,440 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% โดยคิดเป็นผู้ใช้งานผ่านมือถือ 1,250 ล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทรายงานว่ารายได้จากโฆษณาถึง 73% มาจากบนมือถือ
Facebook Creative Labs หน่วยทดลองสร้างแอพแนวใหม่ของ Facebook (เจ้าของผลงานอย่าง Slingshot, Paper, Rooms) เปิดตัวแอพใหม่ชื่อ Hello
Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมของ News Feed อีกรอบ โดยแบ่งการเปลี่ยนแปลงเป็น 3 อย่างดังนี้
Facebook ประกาศยกเลิกกล่องไลค์ (Like Box) แบบที่เราคุ้นเคยกันดี และให้เว็บไซต์ต่างๆ เปลี่ยนไปใช้ Page Plugin แบบใหม่แทน
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดเพราะ Facebook ออก Graph API v2.3 และปลดระวาง Graph API v1.0 ในงาน F8 รอบล่าสุด คนที่ใช้ปลั๊กอิน Like Box แบบเก่าจะใช้งานไม่ได้ในวันที่ 23 มิถุนายน 2015 เป็นต้นไป
WhatsApp เพิ่งประกาศยอดผู้ใช้งานจริงต่อเดือนที่ 700 ล้านคนไปเมื่อต้นปี ล่าสุดผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Jan Koum ออกมาอัพเดตตัวเลขว่าทะลุหลัก 800 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว เขายังย้ำว่านี่คือตัวเลขผู้ใช้งานจริง (active users) ไม่ใช่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียน
มาถึงวันนี้ WhatsApp ถือเป็นแอพแชทที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุดในโลก ส่วนพี่น้องร่วมตระกูลอย่าง Facebook Messenger นั้นมีผู้ใช้ 600 ล้านคน