Facebook กำลังทำฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถรู้ได้ว่าบริษัทใดที่อัพโหลดชื่อและข้อมูลเบอร์โทรและอีเมลของผู้ใช้เพื่อทำการโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม หรือ targeted ad
โดยหน้าตาใหม่ของฟีเจอร์นี้จะมาในปุ่ม Why am I seeing this? เมื่อกดเข้าไปดูจะเห็นรายละเอียดว่า เพราะอะไรเราถึงเห็นโฆษณาชิ้นนี้ พาร์ทเนอร์หรือบริษัทรายใดเป็นคนอัพโหลดข้อมูลของเราให้เขา และอัพโหลดเมื่อไร จากเดิมที่สามารถมองเห็นแค่ว่าแบรนด์อะไรที่ใช้ข้อมูลไปทำโฆษณาเจาะกลุ่ม ด้าน โฆษก Facebook ระบุว่าฟีเจอร์ใหม่นี้มีวัตถุประสงค์คือให้ผู้ใช้เข้าใจการทำงานของผู้ลงโฆษณาว่าเขาสามารถนำข้อมูลผู้ใช้ไปทำอะไรบ้าง ดูภาพหน้าจอการใช้งานได้ที่แหล่งข่าวต้นทาง
Health Feedback เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ที่ประเมินความน่าเชื่อถือของการรายงานข่าวด้านสุขภาพ ทำงานร่วมกับ Credibility Coalition เพื่อตรวจสอบบทความด้านสุขภาพจากเว็บไซต์ข่าวมีชื่อเสียง ที่เผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียและได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2018
ผลการวิจัยพบว่า 10 โพสต์ที่มียอดแชร์สูงสุดมาจากเว็บไซต์ข่าวมีชื่อเสียงทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Your Health Guide, The Guardian, Time, Daily Mail เป็นต้น และพบว่ามีเพียง 3 ใน 10 บทความเหล่านี้ที่ข้อมูลถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักสุขภาพมีความน่าเชื่อถือสูง และมีสามบทความที่ทีมวิจัยติดตัวแดงไว้เลยว่าไม่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลหลอกลวง ตีความไม่ถูกต้อง
จากเดิม Facebook ประเมินและให้โบนัสพนักงานของตัวเองโดยพิจารณาจากความสามารถในการเพิ่มยอดผู้ใช้และรายได้บริษัท ต่อจากนี้จะไม่ใช่แล้ว เพราะ Facebook จะให้คุณค่ากับพนักงานที่สามารถแก้ปัญหาที่ Facebook ต้องเจออยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหลุด ข่าวปลอม เป็นต้น
เกณฑ์อื่นๆ ในการประเมินพนักงานคือ การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้, การสื่อสารในสิ่งที่บริษัททำอย่างโปร่งใส โดยโฆษก Facebook ระบุว่า Mark Zuckerberg เป็นผู้ร่างกฎเกณฑ์ใหม่นี้ด้วยตัวเองเลย Facebook จากที่เคยโฟกัสการเติบโต จะเปลี่ยนเป็นโฟกัสที่ความเปลี่ยนแปลง
Facebook ประกาศปล่อยฟีเจอร์ Unsend หรือยกเลิกการส่งข้อความออกมาแล้วอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ทางบริษัทได้ปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้บางกลุ่มได้ใช้งานก่อนมาระยะหนึ่ง
วิธีใช้ฟีเจอร์ Unsend คือผู้ใช้จะต้องกดค้างที่บอลลูนข้อความบน Messenger จากนั้นกดปุ่ม Remove และกดปุ่ม Remove for Everyone และกด Remove เพื่อยืนยันอีกครั้ง ข้อความนั้นก็จะถูกยกเลิกทันที โดยจะแสดงคำว่า You removed a message หรือ “คุณได้ลบข้อความนี้ไปแล้ว” แทนที่ข้อความนั้น ๆ
Mark Zuckerberg โพสต์ฉลอง Facebook อายุครบ 15 ปี โดยเล่าไอเดียว่ายุคนั้นมีเว็บไซต์ที่ใช้ค้นหาเรื่องอื่นๆ มากมาย แต่ไม่มีเว็บไซต์ที่ใช้หา "คน" ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาจึงสร้างเว็บไซต์ที่ใช้เชื่อมต่อกับผู้คนขึ้นมา
เขาเล่าว่าในช่วง 10 ปีแรกต้องเจอกับเสียงสบประมาทมากมาย ว่าบริการแบบนี้ไม่เวิร์ค แต่เขามั่นใจว่า Facebook เป็นสิ่งสำคัญที่จะมาเปลี่ยนโลก เพราะก่อนหน้านี้ คนอยู่ในสังคมลำดับชั้น (hierarchical) ที่เน้นเสถียรภาพ แต่เข้าถึงได้ยาก การแสวงหาความก้าวหน้าต้องไต่ขึ้นตามลำดับขั้นอย่างช้าๆ และนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ที่ผิดแผกไปจากเดิมได้ยาก
WhatsApp ออกอัพเดตเวอร์ชันใหม่บน iOS โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือเพิ่มการยืนยันตัวตนด้วย Touch ID หรือ Face ID ก่อนเข้าใช้งานแอพ เรียกว่า Screen Lock
ผู้ใช้สามารถเข้าไปเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ได้ผ่านเมนู Settings > Account > Privacy และเลือกเมนู Screen Lock ซึ่งจะแสดงปุ่มให้เปิด Touch ID หรือ Face ID โดย WhatsApp ระบุว่าถ้าเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะต้องใช้ Touch ID หรือ Face ID ในการปลดล็อกแอพ แต่จะยังคงสามารถตอบกลับข้อความจากการแจ้งเตือนหรือรับสายโทรศัพท์เข้าจาก WhatsApp ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เมนู Screen Lock ของ WhatsApp ยังคงมีเฉพาะ Touch ID หรือ Face ID เท่านั้น ไม่มี PIN แบบปกติให้เลือกเปิดใช้งาน
Facebook เคยเปิดให้บริการ Express Wi-Fi โดยจับมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น ล่าสุดตอนนี้ Facebook ได้ขยายบริการนี้ออกไปในประเทศกานาแล้ว
โครงการ Express Wi-Fi ในกานานี้ เป็นความร่วมมือกับ Vodafone Ghana โดยมีให้บริการในเมือง Nima, James Town, Kanda, Pig Farm และ Abossey Okine ซึ่งบริการนี้จะเน้นให้บริการ carrier-grade Wi-Fi ให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึง fiber optic ได้ และเน้นให้บริการในราคาถูก ซึ่งสำหรับกานาจะมีค่าใช้จ่าย 1 GHC หรือราว 6.27 บาทเท่านั้น
Mozilla ได้ส่งจดหมายถึงคณะกรรมการยุโรป โดยกล่าวถึงความไม่โปร่งใสในเรื่องการจัดการข้อมูลการโฆษณาการเมืองบนแพลตฟอร์มของ Facebook ว่าแม้ Facebook จะส่งท่าทีที่จริงจังในการจัดการ แต่ก็ยังไม่โปร่งใสเพียงพอ
Mozilla ระบุว่า Facebook ได้พยายามป้องกันไม่ให้บุคคลที่สามทำการดำเนินการวิเคราะห์โฆษณาบนแพลตฟอร์ม โดย Facebook ได้มีท่าทีในการกีดกันนักพัฒนา, นักวิจัย หรือองค์กรในการพัฒนาเครื่องมือและวิจัยเพื่อให้การศึกษาและให้อำนาจผู้ใช้เข้าใจและทนต่อแคมเปญการส่งข้อมูลปลอมแบบเลือกกลุ่มเป้าหมายได้
งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่าการตีตัวออกห่างจาก Facebook ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น ล่าสุดมีงานวิจัยอีกชิ้นจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่า คนที่เลิกเล่น Facebook 1 เดือนนั้นมีความสุขขึ้นจริงๆ
ติดตามกันต่อเนื่องกับกรณีที่แอปเปิลบล็อกใบรับรองใช้งานแอปองค์กรของ Facebook เหตุเพราะปล่อยแอปเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน ล่าสุดเฟซบุ๊กแถลงว่าแอปเปิลได้คืนใบรับรองดังกล่าวแล้ว ทำให้ Facebook สามารถปล่อยแอปและใช้งานแอประดับองค์กรบน iOS ได้อีกครั้ง
Facebook ประกาศมาตรการรับมือข่าวปลอมช่วงเลือกตั้งในไทย ขยายข้อบังคับเป็นการชั่วคราวในการไม่อนุญาตให้มีโฆษณาเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มาจากต่างประเทศมาแสดงในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้งไปจนถึงวันเลือกตั้ง
นอกจากนี้ Facebook จะเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเคล็ดลับในการสังเกตข่าวปลอม โดยร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศ เช่น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ประจำสำนักข่าวไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากกรณี Facebook แอบปล่อยแอพ Facebook Research ที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยใช้ช่องทางแจกจ่ายแอพ enterprise ของแอปเปิล (ไม่ผ่าน App Store) และต้องติดตั้ง Root CA เอง
ถึงแม้ Facebook ปิดแอพตัวนี้ไปแล้ว แต่การกระทำของ Facebook ยังสร้างความไม่พอใจให้แอปเปิลมาก ล่าสุดแอปเปิลจึงตอบโต้โดยปิดช่องทางแจกจ่ายแอพ enterprise ของบริษัท Facebook
ผลกระทบคือแอพอื่นที่แจกจ่ายผ่านช่องทางนี้ โดยเฉพาะแอพภายในบริษัท Facebook หลายตัวที่ทำให้พนักงานใช้ (เช่น แอพดูเมนูอาหารเที่ยง จองรถ) รวมถึงแอพหลักๆ อย่าง Facebook, Instagram, Messenger รุ่นที่ทดสอบภายในเฉพาะพนักงาน ไม่สามารถใช้งานได้เลย
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2018 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,914 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 6,882 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 61% ส่วนเงินสดหรือรายการเทียบเท่ามีอยู่ 4.11 ล้านดอลลาร์
จากประเด็นแอพ VPN ของ Facebook หรือ Facebook Research ที่จ่ายเงินให้คนใช้งานเพื่อเข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้ ล่าสุด Facebook ปิดการใช้งานแอพดังกล่าวบนอุปกรณ์ iOS แล้ว แต่แอนดรอยด์ยังคงใช้งานได้อยู่
ตัวแอพบังคับให้ติดตั้งใบรับรองเข้ารหัส root CA ลงในเครื่อง ทำให้มีโอกาสผิดนโยบายการรีวิวของ App Store ที่ห้ามโน้มน้าวให้ผู้ใช้ปิดฟีเจอร์ความมั่นคงปลอดภัย หรือปรับแต่งการตั้งค่าของอุปกรณ์
การสืบสวนจาก TechCrunch พบว่า Facebook จ่ายเงินให้คนติดตั้งแอพ VPN ที่สามารถดูข้อมูลและพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้เป็นเงิน 20 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยการลงทะเบียนเข้าร่วมเปิดรับอายุหลากหลายตั้งแต่ 13 - 35 ปี
Facebook ประกาศขยายแผนงานเพื่อรับมือการเลือกตั้ง เพิ่มศูนย์ดูแลข้อมูลข่าวสารในสิงคโปร์และดับลิน โดย Facebook ระบุว่าการทำงานของศูนย์จะช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานจัดการปัญหาข่าวปลอมในภูมิภาคได้ดีขึ้น
ในบทความประกาศ Facebook ระบุว่าจะทำงานดูแลเรื่องข่าวปลอม บัญชีปลอม การแทรกแซงการเลือกตั้งจากภายนอก (ดังที่เคยเกิดขึ้นในกรณีเลือกตั้งสหรัฐปี 2016) และทำตามกฎแพลตฟอร์ม ลบเนื้อหาผิดกฎ และทำงานร่วมกับบริษัทภายนอกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ไทยเองก็กำลังจะมีเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ แม้ Facebook จะไม่ได้ระบุถึงไทยโดยตรง แต่ก็น่าจับตามองว่าไทยจะมีปัญหาข่าวปลอม บัญชีปลอมแทรกแซงการเลือกตั้งหรือไม่ และถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น Facebook จะแก้ปัญหาอย่างไร
เว็บไซต์ Reveal เผยเอกสารที่ใช้ประกอบการพิจารณาคดีว่า Facebook ในช่วงแรกๆ ของการก่อตั้ง มีความพยายามจะล่อหลอกให้เด็กจ่ายเงินเล่นเกมที่เป็นเกมให้เล่นฟรี เช่น Happy Auarium, Ninja Saga และเด็กก็ไม่รู้ว่ามันเชื่อมไปยังบัตรเครดิตของพ่อแม่ นอกจากนี้ Facebook ยังไม่สนคำเตือนให้แก้ปัญหา เพราะไม่อยากให้กระทบรายได้ในตอนนั้น
Mark Zuckerberg เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ชื่อ "The Facts About Facebook" อธิบายโมเดลธุรกิจโฆษณา ที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ในบทความของ Zuckerberg บอกว่าเป้าหมายของ Facebook คือเชื่อมต่อผู้คนบนโลก โดยบริการนี้ต้องมีราคาถูกพอสำหรับคนทุกระดับ จึงเป็นที่มาของการเปิดให้ใช้ฟรี แล้วทำเงินจากการโฆษณาแทน
ส่วนการโฆษณาบนโลกออนไลน์ มีความแม่นยำกว่าสื่อยุคก่อนมาก เพราะสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกว่า ผู้ใช้เองก็ได้ประโยชน์เพราะไม่ต้องดูโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทำให้ Facebook จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน
The New York Times อ้างแหล่งข่าวภายใน Facebook หลายราย ระบุว่า Mark Zuckerberg จะรวมโครงสร้างพื้นฐานของ WhatsApp, Instagram, Facebook Messenger เข้าด้วยกัน
บริการทั้งสามตัวจะยังแยกจากกันเหมือนเดิม แต่อยู่บนโครงสร้างทางเทคโนโลยีเดียวกัน ทำให้มันกลายเป็นเครือข่ายข้อความที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผู้ใช้งานถึง 2.6 พันล้านคน
ตามข่าวบอกว่าแผนการนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และต้องใช้วิศวกรของบริษัทเป็นหลักพันคนเพื่อปรับระบบเดิมมาอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ และมีเป้าทำให้เสร็จภายในช่วงสิ้นปี 2019 หรือต้นปี 2020
Facebook เคยเปิดตัว Moments แอพเพื่อการแชร์รูปภาพและวิดีโอตั้งแต่ปี 2015 โดยพยายามผลักดันแอพนี้ตั้งแต่ยกเลิกระบบซิงค์ภาพบนแอพหลัก หรือจะลบรูปจาก Synced Photos เพื่อให้ผู้ใช้ติดตั้งแอพให้ได้
แต่สุดท้ายความพยายามในการผลักดัน Facebook Moments ก็ดูจะไม่เป็นผลนัก และล่าสุด Facebook เตรียมหยุดให้บริการแอพ Moments ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้แล้ว ซึ่งหมายความว่าแอพนี้จะไม่มีการอัพเดตอีกต่อไป
Facebook ประกาศเพิ่มแท็บชื่อ Page Quality ให้เจ้าของ/แอดมินเพจมองเห็นเพิ่มเติม แท็บนี้จะแสดงข้อมูลว่าเพจนี้ถูก Facebook ลบโพสต์ใดที่ทำผิดกฎไปบ้าง เช่น โพสต์ที่มีเนื้อหาโป๊เปลือย สร้างความเกลียดชัง หรือโพสต์ที่เป็นข่าวปลอม
Facebook ระบุว่าการแสดงข้อมูลเหล่านี้ให้แอดมินเพจรับทราบ จะช่วยให้แอดมินเพจเข้าใจว่าเนื้อหาแบบไหนที่ไม่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ร้องเรียนได้ตรงประเด็นมากขึ้น หากดุลพินิจของ Facebook ผิดพลาด
ที่มา - Facebook
Roskomnadzor หน่วยงานเซ็นเซอร์ของรัสเซียกล่าวว่า Facebook และ Twitter ไม่ยอมทำตามกฎหมายรัสเซียที่ให้บริษัทโซเชียลมีเดียต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์ในประเทศ
Roskomnadzor บอกด้วยว่าได้ส่งจดหมายไปยังบริษัทโซเชียลมีเดียทั้งสองตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมปีที่แล้วแล้วว่ามีเวลา 30 วัน ในการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย จนถึงตอนนี้ครบ 30 วันแล้ว Roskomnadzor ก็จะเริ่มดำเนินการตามกฎหมาย
Facebook ปรับโครงสร้างฝ่ายบริหารสำหรับอินเดียใหม่ โดยตั้งคณะกรรมการ 6 คนที่บริหารงานส่วนสำคัญของ Facebook ในอินเดีย ให้รายงานตรงต่อสำนักงานใหญ่ที่ Menlo Park เลย จากเดิมที่ต้องรายงานต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นั่นเท่ากับว่า อินเดีย เหมือนเป็นภูมิภาคหนึ่งค่าเท่ากับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ถือเป็นการปรับโครงสร้างในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกที่เจาะเป็นรายประเทศ แทนที่จะเป็นภูมิภาค
Facebook ร่วมกับ Technical University of Munich สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วิจัยจริยธรรม AI ในชื่อตรงไปตรงมาว่า Institute for Ethics in Artificial Intelligence (สถาบันจริยธรรมในปัญญาประดิษฐ์) โดย Facebook สนับสนุนเงินในรอบห้าปีเป็นเงิน 7.5 ล้านดอลลาร์
Facebook ระบุว่า ตัวสถาบันจะดำเนินการวิจัยอย่างอิสระ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึก และให้คำแนะนำแก่อุตสาหกรรม, ผู้ออกกฎหมาย และผู้มีอำนาจตัดสินทั้งภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับจริยธรรม AI และจะสื่อสารในวงกว้างถึงกรอบกำหนดใช้ AI อย่างไม่เกิดปัญหาทางจริยธรรม
Facebook เตรียมเปิดตัวเครื่องมือสำหรับรณรงค์เรียกร้องแบบออนไลน์เรียกว่า Community Actions เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถร่วมลงชื่อต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้ คล้ายกับ Change.org โดยตัวแทนของ Facebook บอกว่า Community Actions จะเป็นอีกทางเลือกในการทำแคมเปญรณรงค์แบบออนไลน์ผ่านกลุ่มชุมชนต่าง ๆ
ทั้งนี้ Community Actions จะเริ่มเปิดให้ใช้งานเฉพาะในอเมริกาก่อนเป็นที่แรก โดยนอกจากทำแคมเปญรณรงค์ข้อเสนอต่อหน่วยงาน ยังสามารถทำแคมเปญเพื่อขอเงินทุนสนับสนุนได้ด้วย ทั้งนี้ Facebook บอกว่าได้ใช้เครื่องมือในการตรวจจับดูว่ามีแคมเปญที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ เพื่อป้องกันการนำไปใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง
ที่มา: TechCrunch