หลังจากที่โดนแบนจากคาสิโน และร้านอาหารบางแห่งแล้ว ล่าสุดกรมการขนส่งของสหราชอาณาจักร (DfT) ได้ออกมาบอกว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับตำรวจ เพื่อบังคับไม่ให้ผู้ขับขี่ใช้ Google Glass ระหว่างขับรถ ด้วยเหตุผลว่ามันทำให้สายตาของผู้ขับขี่ไม่อยู่กับถนน
ศูนย์วิจัย Mercedes-Benz Research & Development North America (MBRDNA) เปิดเผยกับ Silicon Valley Business Journal ว่า กำลังทำโปรเจกต์ระบบนำทางที่ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบนำทางในรถยนต์และระบบนำทางคนเดินเท้าโดยใช้ Google Glass อยู่
Johann Jungwirth ประธานของศูนย์วิจัยยกตัวอย่างการทำงานว่า สมมติผู้ใช้เปิดให้ระบบนำทางแนะนำเส้นทางกลับบ้าน เมื่อผู้ขับขี่ลงจากรถเพื่อเดินต่อไปยังบ้านของตน ระบบก็จะนำทางในเส้นทางที่เหลือจากที่จอดรถกลับไปที่บ้านผ่าน Google Glass ได้อัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องมาระบุจุดหมายปลายทางใหม่จากที่จอดรถแต่อย่างใด
กูเกิลออกมาอัพเดตข้อมูลล่าสุดของ Glass Development Kit (GDK) ชุดพัฒนาแอพบน Google Glass ว่ากำลังเร่งพัฒนาอย่างเต็มที่
ระหว่างที่รอ GDK กูเกิลแนะนำให้นักพัฒนาที่สนใจทำแอพบน Glass สามารถซ้อมมือกับ Android SDK ได้ก่อน (APL level 15 ขึ้นไป) เพราะใช้ฐานการพัฒนาเดียวกัน และฟีเจอร์หลายอย่างที่ควรมีใน Glass อย่าง accelerometer/media ก็มีใน Android SDK เรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้นกูเกิลยังเขียนแอพตัวอย่างบน Glass ที่สร้างด้วย Android SDK (เป็นไฟล์ .apk) ให้ดู 3 ตัว และแจกซอร์สให้ผู้สนใจดาวน์โหลดไปทดสอบด้วย (GitHub)
มีการเปิดเผยวันนี้กูเกิลได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 6.3 ในบริษัท Himax ที่ทำหน้าที่ผลิตหน้าจอ แสดงผลใน Google Glass ของทางกูเกิลเอง ส่วนที่กูเกิลเข้าไปชื้อหุ้นนั้นเป็นส่วนของบริษัทย่อยของ Himax อีกทีก็คือ Himax Display Inc (HDI)
Himax เป็นบริษัทจากไต้หวันมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีหลายกลุ่มถือหุ้นอยู่ หนึ่งในนั้นคือกลุ่มอินเทล การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณว่ากูเกิลเตรียมขยายการผลิต Google Glass ให้ทันขายปีหน้าครับ
ที่มา - Engadget
ขอรวมข่าว Google Glass เป็นข่าวเดียวกันครับ
ข่าวแรก เมื่อต้นเดือนนี้ Google ได้ปล่อยอัพเดต XE7 (อัพเดตที่มีคนแกะโค้ดและพบระบบล็อคหน้าจอ, ร้านขายแอพ, แอพฟังเพลง-วิดีโอ) ให้กับ Google Glass ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่หรือที่ได้รับการปรับปรุง ดังนี้
แฮกเกอร์ชื่อ zhuowei ขุดโค้ดของ Google Glass อัพเดตล่าสุด XE7 และพบร่องรอยของฟีเจอร์ที่กูเกิลยังไม่ประกาศอีกหลายอย่าง
ในที่สุด Google Glass ก็ถูกชำแหละดูชิ้นส่วนภายในเป็นที่เรียบร้อย ด้วยฝีมือของเว็บไซต์ Catwig (ซึ่งผมก็ไม่รู้จักเว็บนี้มาก่อนเลย) ที่นอกจากจะแกะแล้ว ยังทดลองปรับไปใส่กับแว่นสายตาจริงๆ ให้ดูด้วย
ชิ้นส่วนของ Google Glass จะแบ่งเป็นสองส่วนคือตัวเครื่อง (ที่มาเรียกว่า pod) ที่ติดอยู่กับหน้าจอยาวไปถึงด้านหลังสำหรับเก็บแบตเตอรี่ และก้านไทเทเนียม การแกะดูชิ้นส่วนภายในทำได้ง่ายพอสมควร แต่มีบางส่วนที่ใช้น็อตขนาดเล็กมาก อาจต้องออกแรงและเสี่ยงต่อการเสียหายได้
ดูเหมือน Google Glass จะเป็นที่หวาดระแวงของใครหลายคน ล่าสุดบรรดาบ่อนคาสิโนในสหรัฐอเมริกา ก็ลงความเห็นกันว่าแว่นตาของ Google นี้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับธุรกิจของพวกเขา และแน่นอนว่าผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการในคาสิโน ย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้สวมใส่แว่นตาอัจฉริยะนี้
บรรดาบ่อนคาสิโนใน New Jersey, Las Vegas, Pennsylvania, Ohio, Connecticut และในมลรัฐอื่นๆ ต่างพากันออกความเห็นห้ามมิให้มีการใช้งานแว่นตา Google Glass โดยกล่าวว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้เพื่อการบันทึกภาพหรือวิดีโอได้ง่ายเพียงแค่ขยับศีรษะหรือขยิบตาเท่านั้น ซึ่งนั่นย่อมขัดต่อข้อบังคับทั่วไปที่ห้ามผู้ใช้บริการคาสิโนบันทึกภาพภายในบ่อนอยู่แล้ว
กูเกิลเผยว่าได้ปล่อยอัพเดตให้กับ Google Glass ดังนี้
ใครอยากดูภาพเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังการอัพเดต สามารถดูได้จากที่มาของข่าว
หลังจากมีข่าวค่ายหนังโป๊เตรียมทำหนังลง Google Glass เมื่ออาทิตย์ก่อน ในที่สุด Google ก็ปรับเปลี่ยนนโยบายการใช้งาน Google Glass และจัดการแบนแอพโป๊ทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว
ปลายสัปดาห์ก่อน บริษัท Mikandi ผู้ผลิตแอพด้านเนื้อหาทางเพศสำหรับผู้ใหญ่ ได้เผยว่ากำลังทำแอพติดเรทสำหรับ Google Glass จนกระทั่งเมื่อวานได้เปิดตัว Tits & Glass ซึ่งเป็นแอพไว้ดูภาพโป๊ผ่านแว่น ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้ไม่น้อย โดยนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บ TitsAndGlass.com เกือบ 10,000 คนภายในเวลาแค่วันเดียว
กระแสสังคมเริ่มกังวลกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Google Glass ที่อาจมีปัญหากับความเป็นส่วนตัวของคนทั่วไปได้
กูเกิลจึงชิงจังหวะออกมาประกาศนโยบายในเรื่องนี้ว่า กูเกิลจะไม่เพิ่มฟีเจอร์ด้านการตรวจจับใบหน้าบุคคล (facial recognition) ลงใน Glass จนกว่าจะมีระบบการป้องกันความเป็นส่วนตัวที่เข้มแข็งพอ และกูเกิลจะยังไม่อนุมัติให้แอพลักษณะนี้ลง Glass ในตอนนี้
ที่มา - +Project Glass
Mikandi หนึ่งในผู้พัฒนาแอพสำหรับผู้ใหญ่บนระบบปฏิบัติการ Android เผยว่าในขณะนี้กำลังเตรียมบริการและเนื้อหาใหม่ๆ สำหรับใช้งานผ่าน Google Glass นอกเหนือจากทุกวันนี้ที่มีแอพและเนื้อหาสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอยู่ก่อนแล้ว
แน่นอนว่าการนำเสนอเนื้อหาหนังกระตุ้นกำหนัดผ่านสู่ Google Glass ซึ่งผู้ใช้งานจะได้พบประสบการณ์เสพสื่อได้อย่างเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม คือเป้าหมายในการทำหนังของ Mikandi แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดของแผนการที่วางเอาไว้ เพราะพวกเขาเตรียมจะใช้แว่นในการถ่ายทำหนังโป๊ เพื่อให้ได้ภาพในรูปแบบใหม่ ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง อย่างที่เทคนิคการถ่ายทำแบบอื่นไม่สามารถทำได้
สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาหลายรายได้ร่วมกันลงนามส่งจดหมายถึง Larry Page ซีอีโอของ Google โดยเน้นประเด็นเกี่ยวกับการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Google Glass พร้อมทั้งขอให้ตอบจดหมายกลับภายในวันที่ 14 มิถุนายนนี้
จดหมายฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาแสดงถึงความกังวลว่าจะมีผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Google เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไม่เหมาะสม และนั่นหมายถึงการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอเมริกัน
นอกจาก Twitter for Glass แล้วยังมีแอพบน Google Glass จากผู้พัฒนารายอื่นๆ เปิดตัวพร้อมกันหลายราย
บริการจดโน้ตยอดนิยม Evernote ก็ไม่พลาดโอกาสนี้ ออกแอพ Evernote for Google Glass ซึ่งมีฟีเจอร์หลัก 2 อย่าง
โดย Twitter for Google Glass นั้น จะทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์รูปขึ้น Twitter ได้ โดยที่ทวีตจะมีข้อความ "Just shared a photo #throughglass" อัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะสามารถแชร์ภาพได้แล้ว ยังสามารถเช็กเมนชั่น, ข้อความส่วนตัว หรือทวีตจากผู้ใช้ที่เราเปิดแจ้งเตือนเอาไว้ และสามารถตอบกลับ, รีทวีต หรือกดติดดาวทวีตที่ถูกใจได้เช่นกัน
ผู้ใช้ที่มี Glass และต้องการใช้ Twitter สามารถเข้าไปที่ google.com/myglass และเปิดเชื่อมต่อ Twitter
ที่มา - Twitter Blog
Google Glass ไม่สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวมันเอง (รวมถึงไม่มี GPS) ต้องใช้วิธี tethering ผ่านโทรศัพท์มือถืออีกทีหนึ่ง ปัจจุบันยังรองรับแค่ Android โดยต้องติดตั้งแอพชื่อ MyGlass ร่วมด้วย
เว็บไซต์ TechCrunch ได้ข้อมูลจากตัวแทนของกูเกิลว่า Glass จะเชื่อมต่อกับ iPhone ได้ในเร็วๆ นี้ แต่ในเบื้องต้นจะยังไม่มีฟีเจอร์การนำทางแบบ turn-by-turn บน Glass ที่ใช้ได้เฉพาะกับ Android
ที่มา - TechCrunch
หลังจากกูเกิลได้ส่งมอบ Google Glass รุ่นแรก (Explorer Edition) แล้ว ล่าสุดกูเกิลได้อัพโหลดวิดีโอแสดงการใช้งานเบื้องต้น ซึ่งจะสาธิตเกี่ยวกับการควบคุมผ่านแป้นสัมผัส, หน้าไทม์ไลน์ และวิธีการแชร์ วิดีโอตัวอย่างท้ายข่าวครับ
ที่มา : Project Glass
เพิ่งถึงมือนักพัฒนาไปได้ไม่นาน Google Glass ก็ไม่แคล้วถูกเข้าถึง root จนได้ด้วยฝีมือของนักพัฒนาหลายรายเสียด้วย
โดยหนึ่งในนักพัฒนาที่ออกมาบอกว่า root Google Glass ได้แล้วมี Jay Freeman หรือที่ชาวเจลเบรครู้จักกันดีในชื่อ Saurik แห่ง Cydia ที่ออกมาบอกว่าเขา root Google Glass ด้วยการหลอกให้ตัวฮาร์ดแวร์นั้นคิดว่าตัวมันเป็นอีมูเลเตอร์ ซึ่งสามารถเข้าถึง root ได้อยู่แล้ว
นอกจาก Freeman แล้วยังมีนักพัฒนาอีกหลายรายที่ออกมาประกาศว่า root Google Glass ได้ แต่ไม่ระบุว่าใช้วิธีใด
เราเห็นข่าวสเปกของ Google Glass ไปบ้างแล้ว แต่กูเกิลกลับยังไม่บอกสเปกของชิ้นส่วนสำคัญๆ เช่น ซีพียูและแรม
แต่เนื่องจาก Google Glass นั้นรัน Android เลยมีนักพัฒนาชื่อ Jay Lee ที่ได้ Glass ไปใช้งานลองแกะข้อมูลสเปกผ่าน ADB (Android Debug Bridge) และได้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
คาดว่ากูเกิลเลือกใช้ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่เก่าหน่อย เพราะเหตุผลด้านพื้นที่สำหรับวางฮาร์ดแวร์ในตัวแว่นนั่นเอง
The New York Times ออกแอพจากนักพัฒนาภายนอกตัวแรกของแว่น Google Glass แล้ว โดยแอพนี้จะแจ้งข่าวอัพเดตและรวมข่าวสำคัญรายชั่วโมงบนหน้าจอของแว่น และถ้าแตะที่ขาแว่นก็จะอ่านบทสรุปข่าวสั้นๆ ให้ฟังได้ด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีภาพประกอบข่าวให้เห็นว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร (จินตนาการกันเองไปก่อน) แต่ถ้าใครมี Google Glass ก็ติดตั้งแอพได้จากลิงก์นี้
แอพจากนักพัฒนาภายนอกของ Google Glass ที่มีข่าวว่ากำลังพัฒนาอยู่คือ Path และ Evernote ครับ (Twitter ก็มีข่าวลือแต่ยังไม่ชัดเจน)
ที่มา - TechCrunch
Google ได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรใหม่อีกรายการเกี่ยวกับระบบนำทางที่มีเทคนิคนำเสนอแบบใหม่ และพร้อมกันนั้นก็มีการเปิดเผยว่า Google กำลังยื่นขอจดสิทธิบัตรของแว่นตา Google Glass แบบใหม่ด้วย
สิทธิบัตรการนำเสนอระบบนำทางแบบใหม่นั้น จะใช้ข้อมูลแบบเดียวกับเครื่องนำทางที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไปซึ่งอ้างอิงตำแหน่งผู้ใช้งานจากสัญญาณ GPS โดยสิ่งที่พิเศษจากการนำเสนอข้อมูลนำทางแบบเดิม คือการเพิ่มข้อมูลภาพ street view ที่ Google ใช้กับ Google Maps เข้าไปด้วย นอกจากนี้ในการแสดงผลยังใช้เทคนิค augmented reality ซึ่งการแสดงผลดังกล่าวอาจทำผ่านแว่น Google Glass หรือแม้แต่บนกระจกหน้ารถ
หลังจากที่ Google Glass ถูกส่งถึงมือนักพัฒนาผู้สั่งซื้อกันไปแล้วหลายราย ก็มีคนค้นพบ Easter Egg ที่ Google แอบซ่อนไว้จนได้ โดยผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพถ่ายทีมงาน Google ผู้พัฒนา Google Glass นี้ขึ้นมา
ช่องทางในการเข้าไปดูนั้นผ่านทางเมนู Settings -> Device info -> View licenses จากนั้นแตะแป้นสัมผัสบริเวณขาแว่น 9 ครั้ง จะมีหน้าจอ Meet Team ปรากฏ หลังจากนั้นแตะแป้นสัมผัสอีกครั้งเพื่อชมภาพถ่ายที่ทีมงานพัฒนา Google Glass ถ่ายร่วมกัน นำทีมโดย Sergey Brin หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Google นั่งเด่นอยู่กลางภาพ ทั้งนี้ภาพดังกล่าวถูกถ่ายในแบบพาโนรามา โดยเมื่อผู้ใช้หันศีรษะไปในด้านซ้ายและขวา ภาพก็จะเลื่อนตามสัมพันธ์กันไปด้วย
Eric Schmidt ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ BBC Radio 4 ของอังกฤษ เขาพูดถึงกำหนดวางขายแว่น Google Glass สำหรับบุคคลทั่วไปว่าน่าจะอีก 1 ปีถัดจากนี้ (ราวไตรมาสสองของปี 2014)
Schmidt บอกว่า Glass รุ่นสำหรับนักพัฒนาจะถูกแจกจ่ายออกไปเป็นหลักพันเครื่อง (thousands) และกูเกิลจะรับความเห็นจากนักพัฒนามาปรับปรุงผลิตภัณฑ์รุ่นวางขายจริงต่อไป
เขายังยอมรับว่ามีคนกังวลเรื่อง Google Glass กับความเป็นส่วนตัว และคิดว่าสังคมจะต้องกำหนดหลักจริยธรรมร่วมกันว่าเวลาหรือสถานที่ไหนบ้างที่ไม่เหมาะสมจะใส่ Glass
หลังจากเริ่มส่งมอบ Google Glass ถึงมือผู้ซื้อกันไปบ้างแล้ว Google ก็ได้เตรียมแอพที่ใช้เพื่อการปรับตั้งค่าให้แก่แว่นดังกล่าวไว้บน Google Play แล้ว ที่สำคัญคือซอร์สโค้ดภายในของแอพดังกล่าว ชวนให้คิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ Android จะมีฟีเจอร์รองรับการเล่นเกมแบบหลายผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาด้วย
ตัวแอพที่ใช้เพื่อปรับตั้งค่าให้แก่ Google Glass นั้นมีชื่อว่า MyGlass ติดตั้งและใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟนระบบ Android ซึ่งมีคำเตือนอย่างชัดเจนว่าสำหรับผู้ที่ไม่มีแว่นแม้จะสามารถลงแอพดังกล่าวได้ หากแต่มันคงเป็นการเสียเวลาและรกเครื่องเปล่าๆ เท่านั้นเอง
ที่ผ่านมากูเกิลไม่เผยข้อมูลทางเทคนิคของ Google Glass มากนัก (สเปกฮาร์ดแวร์เพิ่งออกมาเมื่อวันก่อน) ในส่วนของระบบปฏิบัติการก็มีคนคาดเดากันไปว่ามันอาจใช้ระบบปฏิบัติการเฉพาะของตัวเอง เพื่อให้เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กและมีลักษณะเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของกูเกิล มีคนถามคำถามนี้กับซีอีโอ Larry Page และได้รับคำยืนยันจากปากเขาเองว่า Google Glass ใช้ Android ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Android สามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย และเขาคิดว่าทิศทางนี้จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ