Google โฆษณาไว้ก่อนหน้านี้ว่า Android 12 จะมีฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล (digital car key) ให้ใช้ปลดล็อกรถยนต์รุ่นที่รองรับได้ และวันนี้ก็เริ่มปล่อยอัพเดตฟีเจอร์นี้ให้ Pixel 6, Pixel 6 Pro และ Galaxy S21 ในบางประเทศแล้ว เบื้องต้นใช้ได้กับรถ BMW รุ่นที่รองรับ (ไม่ได้ระบุว่ารุ่นใดบ้าง)
นอกจากนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ auto launch ให้รัน Android Auto อัตโนมัติเมื่อต่อมือถือเข้ากับรถที่รองรับ ปรับปรุง UI ของ Android Auto ให้เปิดเพลงและทำการค้นหาด้วยเสียงได้ง่ายขึ้น และในอนาคตจะปล่อยฟีเจอร์ Smart Reply ให้ตอบข้อความได้โดยใช้ Google Assistant
นักปล่อยภาพหลุดชื่อดัง @OnLeaks เผยภาพเรนเดอร์อย่างไม่เป็นทางการของ Pixel 6a มือถือราคาถูกรุ่นถัดไปของกูเกิล ที่ใช้ดีไซน์ใกล้เคียงกับ Pixel 6 ในปัจจุบัน
สเปกของ Pixel 6a ตามที่หลุดออกมาคือใช้หน้าจอ 6.2" แบบแบนราบ, มีตัวสแกนนิ้วมือบนจอ, กล้องหน้าแบบเจาะรู และกล้องหลัง 2 ตัว วางไว้บนแถบกล้องด้านหลัง (เหมือน Pixel 6 แต่หน้าจอลดลงจาก 6.4")
สิ่งที่เรายังไม่รู้คือหน่วยประมวลผลของ Pixel 6a ว่ากูเกิลจะเลือกใช้แนวทางชิปของตัวเอง (เช่น Tensor Lite) หรือจะใช้ชิปในท้องตลาดอย่าง Snapdragon 778G กันแน่
หลังจาก Google Pixel 6 และ 6 Pro เริ่มวางขายมาก็มีเสียงบ่นจากผู้ใช้จำนวนมากว่าเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอทำงานช้า และบางครั้งต้องสแกนหลายครั้งกว่าจะติด โดยก่อนหน้านี้อ้างว่าเป็นเพราะอัลกอริทึมด้านความปลอดภัยมีหลายชั้นทำให้ทำงานช้า
ล่าสุดกูเกิลได้ปล่อยอัพเดตรอบพิเศษกลางเดือนพฤศจิกายนออกมาให้โทรศัพท์ทั้งสองรุ่น จากที่ปกติโทรศัพท์ Google Pixel จะได้รับแพทช์แก้บั๊กและความปลอดภัยทุกต้นเดือน โดยขณะนี้กูเกิลยังไม่ได้บอกว่าแก้ไขเรื่องใด แต่จากรายละเอียดบนเว็บไซต์ของ Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในสหรัฐอเมริกา เขียนระบุชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขประสิทธิภาพเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
ฟีเจอร์ที่สร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควรจากงานเปิดตัว Google Pixel 6 คือ Magic Eraser หรือก็คือการลบคนที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายของเราโดยใช้ AI ของกูเกิล โดยการทำงานทั้งหมดจะประมวลผลในโทรศัพท์ด้วยชิป Tensor ที่กูเกิลพัฒนาเอง ไม่มีการส่งภาพออกไปยังคลาวด์
ขณะนี้ผู้เขียนใช้ Pixel 6 มาได้ราว 4 วันแล้ว เลยอยากเขียนถึงฟีเจอร์นี้ก่อนสักหน่อยครับ
ขณะนี้ Google Pixel 6 วางตลาดแล้วมาเกือบ 2 สัปดาห์ก็มีคำบ่นจากผู้ใช้ว่าฟีเจอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอทำงานช้า บางทีสแกนไม่ติดหรือต้องแตะนิ้วหลายรอบ ซึ่งตรงกับที่หลายสำนักรีวิวไว้
ล่าสุดก็มีผู้ใช้ทวีตไปยังบัญชี @madebygoogle ถึงเรื่องดังกล่าว โดยกูเกิลได้ตอบกลับว่าระบบการสแกนนิ้วของ Pixel 6 ใช้งานอัลกอริทึมด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัยหลายตัว การป้องกันหลายชั้นนี้ทำให้บางครั้งอาจสแกนนิ้วช้าหรือผู้ใช้ต้องแตะนิ้วบนหน้าจออย่างตั้งใจ
DXOMARK ออกรีวิวกล้อง Pixel 6 Pro ซึ่งเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่ของกล้อง Pixel ในรอบหลายปี (ในขณะที่ชาวโลกเขาก้าวกันไปไกลมากแล้ว) คะแนนรวมออกมาที่ 135 คะแนน อยู่อันดับ 7 ในกล้องหลังสมาร์ทโฟน และตามหลัง iPhone 13 Pro Max เพียงแค่ 2 คะแนน (อันดับหนึ่งตอนนี้คือ Huawei P50 Pro ที่ 144 คะแนน)
ถ้าแยกดูคะแนนในแต่ละหมวด Pixel 6 Pro ทำคะแนนภาพนิ่งได้ค่อนข้างดีที่ 143 คะแนน (แชมป์ P50 Pro ได้ 149 คะแนน, iPhone 13 Pro Max ได้ 144 คะแนน) และคะแนนวิดีโอก็ออกมาเกาะกลุ่มผู้นำที่ 115 คะแนน (แชมป์คือ iPhone ได้ 119 คะแนน, P50 Pro ได้ 116 คะแนน) มาได้คะแนนน้อยในหมวดการซูม ที่ 71 คะแนน (P50 Pro ได้ 107 คะแนน, iPhone 13 Pro Max ได้ 76 คะแนน)
กูเกิลเขียนบล็อกอธิบายระบบความปลอดภัยของ Pixel 6 ประเด็นสำคัญอยู่ที่ชิปฮาร์ดแวร์ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน (ตามแผนผัง)
เว็บไซต์ต่างประเทศหลายแห่งออกรีวิว Google Pixel 6 คะแนนโดยรวมออกมาดีมาก แข็งแกร่งทั้งเรื่องดีไซน์ กล้อง แบต ซอฟต์แวร์ ฟีเจอร์จากชิป Tensor ที่สร้างความแตกต่าง และราคาที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ จุดติหลักๆ มีจุดเดียวเท่านั้นคือตัวสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอทำงานช้า
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจของ Pixel 6 คือเรื่อง "ราคา" ที่กูเกิลเลือกตั้งราคามือถือค่อนข้างถูกคือ 599 ดอลลาร์ (Pixel 6) และ 899 ดอลลาร์ (Pixel 6 Pro)
เว็บไซต์ Android Central มีบทความวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การตั้งราคาของกูเกิลรอบนี้ว่า การเลือกราคานี้แสดงให้เห็นว่ากูเกิลเอาจริงกับตลาดมือถือ และยอมทำทุกอย่าง ถึงขั้นตัดราคาลงเพื่อให้ Pixel จุดติดในหมู่ผู้ใช้ตลาดกว้างสักที
ถ้าดูวิธีการตั้งราคาของกูเกิล จะเห็นว่าตั้งราคาเทียบไปกับมือถือเรือธงของซัมซุงและแอปเปิล แล้วตัดราคาให้ถูกกว่า โดยตัวล่าง (iPhone 13/Galaxy S21) ราคาเริ่มที่ 799 ดอลลาร์ กูเกิลตั้งให้ถูกกว่ากันถึง 200 ดอลลาร์ และตัวบน (iPhone 13 Pro/Galaxy S21+) ราคาเริ่มที่ 999 ดอลลาร์ กูเกิลตั้งถูกกว่า 100 ดอลลาร์
นอกจากฟีเจอร์ด้านกล้องและการแปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์แล้ว กูเกิลยังโชว์ฟีเจอร์ใหม่ของ Pixel 6 อีกอย่างคือ Direct My Call ที่ช่วยให้การติดต่อคอลล์เซ็นเตอร์เสียงอัตโนมัติง่ายขึ้น
คนที่เคยโทรไปคอลล์เซ็นเตอร์คงคุ้นเคยกับการฟัง "กด 1 เพื่อฟังข้อมูล กด 2 เพื่อแจ้งปัญหา" ที่ต้องใช้เวลาฟังนาน ถือสายนาน กว่าจะเจอเมนูที่ต้องการ
ฟีเจอร์ Direct My Call ใช้เทคโนโลยี Google Duplex ตัวเดียวกับที่เคยโชว์คุยโทรศัพท์แทนคน มาฟังเสียงพูดจากปลายทาง แล้วถอดเป็นข้อความแสดงขึ้นบนจอ พร้อมขึ้นปุ่มกดจริงๆ เป็นเลข 1-2-3 ให้ด้วยเลย
รายละเอียดเพิ่มเติมของ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เรื่องการอัพเดต ข้อมูลจากหน้าซัพพอร์ตของกูเกิลคือ
ข้อมูลเรื่องการันตีอัพเดตแพตช์ 5 ปีตรงกับข่าวหลุดก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก (ของเดิม 3 ปี) แต่การที่ OS ยังอัพเกรดให้แค่ 3 ปีเท่ากับ Pixel รุ่นก่อนๆ ก็น่าจะทำให้แฟนๆ ที่คาดหวังว่าจะได้อัพเกรด OS นานกว่านี้คงต้องผิดหวังกันพอสมควร
กูเกิลเปิดตัวแผนเหมาจ่ายรายเดือน Pixel Pass ตรงตามข่าวหลุด โดยเป็นการจ่ายรายเดือนเป็นเวลา 2 ปี ได้มือถือ Pixel 6 และบริการพรีเมียมอื่นๆ ของกูเกิลตลอดระยะเวลาโปรแกรม
ราคาของ Pixel Pass อยู่ที่ 45 ดอลลาร์ต่อเดือน (Pixel 6) และ 55 ดอลลาร์ต่อเดือน (Pixel 6 Pro) หากต้องการใช้เครือข่าย Google Fi เพิ่มด้วย จะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 5 ดอลลาร์
Google เปิดตัวชิปเซ็ตของตัวเอง Google Tensor บน Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ซึ่ง Google ชูจุดขายใช้ประมวลผล Machine Learning ภายในเครื่องให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ภายใน Google Tensor มีชิป TPU สำหรับประมวลผล Machine Learning โดยเฉพาะ, ISP ชิปประมวลผลภาพ, CPU ที่ไม่ได้ระบุรุ่น 8 คอร์ (2+2+4) แบ่งเป็น 2 คอร์ high performance, 2 คอร์ mid performance และ 4 คอร์ high efficiency
นอกจากนี้ยังมีชิปที่ Google เรียกว่า Context Hub สำหรับประมวลผล Machine Learning แบบใช้พลังงานน้อย รวมถึงโหมด Ambient ต่างๆ เช่น หน้าจอ Always-on หรือ Now Playing
นอกจากนี้ยังมีชิปความปลอดภัยภายใน Google Tensor ที่ทำงานร่วมกับชิป Titan M2 ที่เป็นชิปความปลอดภัยแยกต่างหากอีกตัวด้วย
หลังจากหลุดมาจนแทบไม่เหลืออะไรตามสไตล์ Google ล่าสุดก็เปิดตัวแล้วกับ Pixel 6 และ Pixel 6 ซึ่ง Google เปิดมาด้วยราคาก่อนเลยที่ราคาเริ่ม 599 เหรียญและ 899 เหรียญ ซึ่งรุ่นธรรมดาถูกกว่ารุ่น Pixel 5 ลงมา 100 เหรียญ
ข่าวลือรอบสุดท้ายก่อนเปิดตัว Pixel 6 คืนนี้ Nikkei Asia อ้างแหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมการผลิตว่ากูเกิลสั่งผลิต Pixel 6 และ Pixel 6 Pro รวมกันถึง 7 ล้านเครื่อง ถือว่ามากกว่ายอดขายมือถือตระกูล Pixel ทุกรุ่นในปี 2020 กว่าเท่าตัว
นอกจากนี้ Nikkei ยังได้ตัวเลขว่ากูเกิลสั่งผลิต Pixel 5a ถึง 5 ล้านเครื่องด้วย เท่ากับว่าปีนี้กูเกิลสั่งผลิต Pixel รวมกันประมาณ 12 ล้านเครื่อง เทียบกับตัวเลขของปี 2020 ที่ราว 3-4 ล้านเครื่องเท่านั้น ถือเป็นท่าทีที่ดุดันของกูเกิล ที่ก่อนหน้านี้ดูไม่จริงจังกับตลาดมือถือสักเท่าไรนัก
ตัวเลขนี้ยังห่างไกลกับยอดผลิต iPhone 13 ที่ประมาณ 80 ล้านเครื่องต่อปี แต่ระดับกูเกิลมาตั้งยอดผลิตที่ท้าทายแบบนี้ ก็คงมั่นใจว่า Pixel 6 น่าจะกอบโกยยอดขายได้มากกว่าเดิมมาก
ใกล้งานเปิดตัว Pixel 6 คืนวันพรุ่งนี้ก็มีรายละเอียดหลุดออกมาเรื่อยๆ ตามสไตล์กูเกิลที่เก็บอะไรไม่ค่อยมิด รอบนี้เป็นโฆษณาของ Pixel 6 ที่ประเทศออสเตรเลียที่ฉายทางทีวีก่อนกำหนด 2 วัน ข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจคือราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เท่ากับราคาเปิดตัวของ Pixel 5 ในออสเตรเลียด้วย (ซึ่ง Pixel 5 ไม่ได้ใช้ชิปรุ่นเรือธง)
ข้อมูลอื่นในโฆษณาเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้ว เช่น ชิป Tensor ที่กูเกิลออกแบบเอง, ฟีเจอร์ Magic Eraser ลบคนออกจากรูปถ่าย, การชาร์จเร็วจาก 0-50% ภายในครึ่งชั่วโมง และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ระดับฮาร์ดแวร์
สัปดาห์หน้าเราจะเห็นกูเกิลเปิดตัว Pixel 6 ที่ใช้หน่วยประมวลผลออกแบบเอง Tensor ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะมือถือตระกูล Pixel ใช้ชิป Snapdragon มาโดยตลอด
จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ บัญชีทวิตเตอร์ @snapdragon ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ โดยยกคำพูดลอยๆ ขึ้นว่า "We've decided to make our own smartphone SoC instead of using Snapdragon" พร้อมไอคอนธงแดง (red flag) ซึ่งทุกคนคงเดากันได้ว่าเป็นการแซะกูเกิลที่ออกไปทำชิปของตัวเอง แถมยังจับมือกับคู่แข่งคือซัมซุงอีกด้วย
ข้อมูลหลุดเพิ่มเติมของ Pixel 6 ที่มาจากเว็บไซต์ Carphone Warehouse นอกจากประเด็นเรื่องกล้อง 50MP และฟีเจอร์ Magic Eraser ลบคนออกจากรูปภาพ ยังมีข้อความตัวเล็กๆ ระบุว่า Pixel 6 การันตีการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยนาน 5 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 3 ปีของ Pixel ในปัจจุบัน (ในเอกสารไม่ได้พูดถึงการอัพเกรด OS แต่อย่างใด)
ตัวเลขนี้จะทำให้ Pixel 6 เป็นมือถือ Android ที่อัพเดตนานที่สุด (แชมป์ปัจจุบันคือซัมซุง การันตีอัพเดตแพตช์ 4 ปี) แม้อาจยังไม่นานเท่ากับ iPhone ที่แอปเปิลยังอัพเดตให้ประมาณ 7 ปี (iPhone 6S)
มีเอกสารหลุดของ Pixel 6 บนเว็บไซต์ร้านขายมือถือ Carphone Warehouse ทำให้เรารู้ข้อมูลของ Pixel เพิ่มเติมอีกพอสมควร ดังนี้
กูเกิลประกาศจัดงานเปิดตัว Pixel 6 วันที่ 19 ตุลาคม 2021 เวลา 10:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก หรือตรงกับ 00:00 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม ตามเวลาประเทศไทย
ถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ Made by Google หน้าเว็บมีให้ลองเล่นเปลี่ยนธีมของ Pixel 6 ตามฟีเจอร์เด่นของ Android 12 เรื่องระบบธีม Material You
กูเกิลเรียก Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ว่าเป็น "the completely reimagined Google phones" จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ชิป Tensor ออกแบบเอง ต้องรอดูกันว่าความสามารถของชิปตัวนี้จะทำอะไรได้แค่ไหนกัน
XDA Developers ทำการทดสอบฟีเจอร์การแปลสดที่ Google ยังไม่เปิดตัว ในมือถือซีรีส์ Google Pixel 6 ต่อยอดจากฟีเจอร์ Live Caption โดยเป็นการใช้ชิป Tensor แปลภาษาทันทีจากแหล่งต่างๆ ทั้งแอป Message, Live Caption และกล้องถ่ายภาพ
XDA Developers เห็นฟีเจอร์นี้จากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ผู้ได้ลองใช้ Pixel 6 Pro ก่อนวางจำหน่าย พบว่าภายในโทรศัพท์มีแอป Android System Intelligence ที่รวมฟีเจอร์ใหม่ไว้
ผู้ใช้ใน Reddit พบว่าร้าน Google Store สาขาแรก ในย่าน Chelsea นครนิวยอร์ก เริ่มนำ Google Pixel 6 Pro และ Pixel 6 เครื่องจริง มาตั้งโชว์ไว้หลังแผง LED แบบโปร่งใส ในตู้กระจกของร้านที่หันออกสู่ถนนแล้ว พร้อมคำโปรย “เปิดตัวช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2021” และฉากหลังเป็นสีที่เข้ากับสีตัวเครื่อง
หลัง Google เปิดตัว Pixel 5a เมื่อคืน ก็ระบุเพิ่มเติมไว้ว่า Pixel 5a จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง ส่วน Pixel 6 และ 6 Pro จะไม่มีที่ชาร์จแถม โดย Google ระบุว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ มีที่ชาร์จ USB-C อยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องแถมมาอีกต่อไป
Apple เป็นผู้เริ่มต้นแนวทางนี้ โดยให้เหตุผลว่าช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดโลกร้อน หลังจากนั้น Samsung ที่จิกกัด Apple เรื่องไม่แถมที่ชาร์จอยู่สักพัก ก็ไม่แถมที่ชาร์จมากับ Galaxy S21 เช่นกัน จนต้องลบโพสต์ที่เคยแซว Apple ออก
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดทางเทคนิคของชิป Google Tensor ใน Pixel 6 ออกมามากนัก
ล่าสุดมีข่าวลือออกมาจากเว็บ Galaxy Club ของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าชิป Tensor ตัวนี้คือ Exynos 9855 รุ่นคัสตอมของซัมซุง ที่ใช้โค้ดเนมว่า Whitechapel ซึ่งตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้
ชิปตัวนี้จะมีสมรรถนะอยู่ตรงกลางระหว่าง Exynos 9840 ตัวที่ใช้ใน Galaxy S21 และ Exynos 9925 ตัวใหม่ที่จะใช้ใน Galaxy S22 (เป็นตัวเดียวกับที่จะใช้จีพียู AMD RDNA2) ทำให้คนที่คาดหวังประสิทธิภาพระดับเรือธงของ Pixel 6 ก็น่าจะไม่ผิดหวังกัน เพราะน่าจะใกล้เคียงกับ S21 เป็นอย่างน้อย
Rick Osterloh หัวหน้าทีมฮาร์ดแวร์ของกูเกิล ให้สัมภาษณ์กับ Gizmodo อธิบายรายละเอียดของชิป Google Tensor ที่ใช้ใน Pixel 6 เพิ่มเติม
Osterloh บอกว่าที่ผ่านมา Pixel พยายามผลักดันฟีเจอร์ด้าน AI บนมือถือมาตลอด เช่น HDR+, Google Assistant (Pixel 1), Google Lens (Pixel 2), Night Sight (Pixel 3) แต่ก็ติดข้อจำกัดเรื่องการประมวลผล AI บนชิปที่มีในท้องตลาด ทำให้ Pixel ไปได้ไม่สุดตามที่กูเกิลตั้งใจไว้ ทางออกจึงเป็นการออกแบบชิปเอง