วิทยาลัยกองทัพเรือสหรัฐ (US Naval Academy) เตรียมนำวิชาการเดินเรือดาราศาสตร์ (celestial navigation) กลับมาสอนนักศึกษาอีกครั้ง หลังมีความกังวลว่าระบบนำทางด้วย GPS อาจถูกแฮ็กได้ในอนาคต

อาจารย์ของวิทยาลัยให้สัมภาษณ์ว่าเลิกสอนวิชาเดินเรือด้วยการดูดาว-วัตถุบนท้องฟ้าไปนานนับ 10 ปี ด้วยเหตุผลว่าใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนได้หมด ปัญหาคือถ้าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหาก็ไม่มีอะไรสำรองไว้เลย ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า ระบบ GPS (ที่ดูแลโดยกองทัพอากาศของสหรัฐ) อาจต้องปิดชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาใช้งาน หรืออาจโดนสัญญาณ GPS ปลอมหลอกเอาได้

เริ่มเสริมทัพอีกแล้วสำหรับแอปเปิล หลังจากสำนักข่าว New York Times ยืนยันการเข้าซื้อ Coherant Navigation บริษัทหน้าใหม่ผู้พัฒนาระบบ GPS ความละเอียดสูง

Coherent Navigation เป็นผู้พัฒนาทั้งระบบ และฮาร์ดแวร์สำหรับนำทาง ด้วยความแม่นยำที่เหนือกว่ารายอื่นในตลาด คลาดเคลื่อนเพียง 3-5 เมตรเท่านั้น และมีผลงานร่วมกับบริษัทรายใหญ่อย่าง Boeing และ Iridium รวมถึงโครงการนำทางอัตโนมัติ และหุ่นยนต์มาก่อน

หลังการเข้าซื้อของแอปเปิล เว็บไซต์ของ Coherent Navigation ได้ปิดตัวลง และโดเมนเนมก็ชี้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิล รวมถึงมีรายงานว่าพนักงานบางส่วนได้เข้าไปทำงานกับแอปเปิลตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว

กลุ่มนักวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเท็กซัสออกมาเผยผลงานวิจัยที่ได้รับเงินทุนจากซัมซุงด้วยการสร้างระบบระบุตำแหน่งผ่าน GPS สำหรับสมาร์ทโฟนที่เคลมว่าคลาดเคลื่อนในระดับเซนติเมตรเท่านั้น

แม้ว่า GPS ที่สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำระดับเซนติเมตรจะไม่ใช่ของใหม่ (ใช้ทางการทหาร ภูมิศาสตร์ และทำแผนที่มานานแล้ว) แต่ตัวอุปกรณ์ที่ใช้นั้นขนาดใหญ่ และแพงเกินกว่าจะนำมาใช้ในสมาร์ทโฟน วิธีการที่นักวิจัยกลุ่มนี้ใช้คือการรวมข้อมูล GPS เข้ากับเสาสัญญาณที่มีในสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว และจากการที่ได้ตำแหน่งแม่นยำระดับนั้น จึงทำให้สามารถบอกข้อมูลความเอียงแม่นยำระดับ 1 องศาด้วยกัน

ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลกหรือ GPS ทำงานโดยถอดรหัสสัญญาณที่รับมาจากชุดของดาวเทียม GPS ที่โคจรอยู่รอบโลก ด้วยการเทียบสัญญาณที่ถูกส่งจากดาวเทียมหลายๆ ดวงที่โคจรอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันออกไปเพื่อนำมาคำนวณหาพิกัดบนโลก

อย่างไรก็ตามการประมวลผลดังกล่าวใช้เวลาและกินพลังงานมาก (เป็นเหตุให้แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือหมดเร็วเมื่อเราเปิดใช้แอพพลิเคชั่นที่ใช้การระบุตำแหน่งด้วย GPS) ไมโครซอฟท์จึงหาทางแก้ปัญหาข้างต้นด้วยแนวคิดใหม่ดังจะเห็นได้จากสิทธิบัตร Cloud-Offloaded GPS ที่นำเสนอวิธีการระบุตำแหน่งบนโลกโดยย้ายการคำนวณสัญญาณที่ได้รับจากดาวเทียมไปไว้บน cloud แทน

ที่ต่างประเทศมีกรณีตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อคลี่คลายคดีปล้นจี้ เมื่อตำรวจ New York ไล่ตามจับคนร้ายที่ปล้นร้านยาโดยอาศัยข้อมูลตำแหน่งจากตัวส่งสัญญาณ GPS ที่อยู่ภายในขวดยาที่โดนปล้น

คนร้ายได้เข้าปล้นร้านยาชื่อ HealthSource Pharmacy และสั่งให้พนักงานร้านมอบเงินสดพร้อมยา OxyContin ให้กับเขา ซึ่งยาดังกล่าวมีราคาแพงมากถึงขนาดที่ว่าคนร้ายอาจขายต่อมันได้ในราคาสูงถึงเม็ดละ 80 ดอลลาร์

ทว่าขวดยา OxyContin ที่คนร้ายได้รับไปนั้นเป็นขวดปลอมที่ทำเลียนแบบ โดยนอกจากภายในจะไม่มียาของจริงแล้ว มันยังมีตัวส่งสัญญาณ GPS และนี่เองที่เป็นกุญแจให้ตำรวจสามารถตามล้อมจับคนร้ายได้ภายในเวลาไม่นานหลังเกิดการปล้น ก่อนเหตุการณ์จะจบลงด้วยการยิงปืนต่อสู้และเป็นฝ่ายคนร้ายที่โดนวิสามัญฆาตกรรม

วันนี้อีเอสอาร์ไอ ประเทศไทย บริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการของ Garmin ได้จัดงานเวิร์คช็อปเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่หลายประเภทตั้งแต่อุปกรณ์นำทาง Garmin Nuvi 3592 นาฬิกาสำหรับนักวิ่ง Forerunner 620 และ Vivofit ไปจนถึงกล้องวิดีโอแบบพกพาสำหรับติดตั้งกับยานพาหนะอย่าง VIRB Elite

เริ่มต้นกันที่ตัวแรก Garmin Nuvi 3592 เป็นอุปกรณ์นำทางรุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (เวอร์ชัน 4.0.4) ใช้หน้าจอขนาด 5" สำหรับแสดงผลแผนที่ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างกล้องได้พร้อมกันถึงสองตัว และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อแสดงสายเรียกเข้า เพื่อใช้งานแฮนด์ฟรีได้อีกด้วย

Oona Räisänen แฮกเกอร์ชาวฟินแลนด์ได้ดูวิดีโอตำรวจใช้เฮลิคอปเตอร์ไล่ล่าผู้ร้ายในสหรัฐฯ แล้วสังเกตว่ามีสัญญาณรบกวนทางลำโพงซ้ายเป็นระยะ เธอจึงทดลองแยกข้อมูลออกมา พบว่าเป็นสัญญาณวิทยุที่เข้ารหัสแบบ BFSK (binary frenquency shift keying) ที่อัตรา 1200 บิตต่อวินาที

เมื่อแยกสัญญาณออกมาได้แล้วลองดูจังหวะการส่งพบว่าข้อมูลเป็นแพ็กเก็ตยาว 47 ไบต์ส่งออกมาเป็นห้วงๆ โดยมีข้อมูลที่ต่างกันแต่ละชุดเพียงสามตำแหน่ง เธอจึงคาดว่าจะเป็นข้อมูลพิกัดและเวลา เมื่อถอดรหัสด้วยการเข้ารหัสแบบ 7-bit ASCII จึงพบว่าเป็นข้อมูลพิกัดจริงๆ และแสดงพิกัดของเฮลิคอปเตอร์ตลอดการไล่ล่าอย่างละเอียด

ตำรวจสหรัฐอเมริกากำลังจะเริ่มใช้เครื่องมือตัวใหม่ที่ชื่อ StarChase ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตามรถยนต์คนร้ายด้วยสัญญาณ GPS ซึ่งจะช่วยให้การไล่จับคนร้ายทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

StarChase เป็นอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทที่มีชื่อเดียวกัน มีลักษณะเป็นตัวส่งสัญญาณ GPS รูปร่างทรงกระบอกขนาดประมาณกระป๋องเครื่องดื่มขนาดเล็ก โดยตัว StarChase สามารถเกาะติดกับตัวถังรถยนต์เป้าหมายได้ ทั้งนี้ในการใช้งานจะมีเครื่องยิง StarChase ติดตั้งอยู่บริเวณกระจังหน้ารถตำรวจ โดยตำรวจสามารถสั่งการจากภายในรถเพื่อยิง StartChase ไปเกาะติดรถยนต์เป้าหมายที่แล่นอยู่ด้านหน้า

มีผู้ใช้ Nexus 7 รุ่นที่สองจำนวนหนึ่งแจ้งปัญหาว่า GPS จะหยุดทำงานเมื่อใช้ไปช่วงเวลาหนึ่ง อาการคือ GPS ทำงานได้ปกติ จับพิกัดได้ แต่ใช้ไปสักพัก (10-30 นาที) มันจะหยุดทำงานไปดื้อๆ และไอคอน GPS กลายเป็นกะพริบแทน

ผู้ใช้บางคนระบุว่าการรีบูตเครื่องใหม่ช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ผู้ใช้บางคนกลับบอกว่ารีบูตแล้วก็ยังไม่หายในบางครั้งบางคราว

ตอนนี้กูเกิลทราบปัญหาแล้วและกำลังหาวิธีแก้ไขอยู่ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าปัญหาเกิดจากอะไร และมีผู้ใช้ได้รับผลกระทบมากแค่ไหนครับ

ที่มา - PhoneArena

หลังจาก Brian Krzanich ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ของอินเทล ได้เพียง 12 วัน เขาก็ประกาศข่าวการซื้อกิจการครั้งแรก โดยเป็นการซื้อฝ่ายผลิตชิประบบนำทางผ่านดาวเทียมมาจาก ST-Ericsson

ST-Ericsson เป็นบริษัทร่วมทุนของ STMicroelectronics กับ Ericsson ที่ไม่ประสบความสำเร็จนัก และกำลังอยู่ระหว่างการแยกส่วนกิจการออกเป็นชิ้นๆ ก่อนเลิกกิจการร่วมทุนนี้ไป เช่น โอนส่วนการผลิตชิป LTE กลับไปให้ Ericsson เป็นต้น

ดูเหมือนว่าแอปเปิลจะเอาจริงกับบริการแผนที่ ล่าสุด The Wall Street Journal รายงานว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการของ WiFiSlam บริษัทสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญเรื่องการนำทางภายในอาคารด้วย Wi-Fi โดยเจ้าของของบริษัทนี้เคยเป็นพนักงานของกูเกิลที่ลาออกไปไม่กี่ปีที่แล้ว

ที่น่าสนใจอีกก็คือแอพที่มีการใช้เทคโนโลยีของ WiFiSlam ที่เคยวางขายอยู่บน Google Play ตอนนี้ถูกถอดลิงค์ออกหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการในเรื่องของมูลค่าการซื้อขาย เชื่อว่ามูลค่าของ WiFiSlam น่าจะอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์

ที่มา - Engadget

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนอยากเปิดตลอดเวลา แต่มักจะไม่ทำเพราะมันกินไฟอย่าง GPS อาจพร้อมสำหรับการเปิดตลอดเวลา (และไม่กินไฟมาก) ด้วยผลงานของ Microsoft Research ที่ชื่อว่า CLEO (Cultivating the Long tail in Environmental Observations)

เรื่องวุ่นๆ ของแอพแผนที่นำทางดูจะยังไม่หมด ล่าสุดตำรวจเมือง Colac รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ก็ออกมาประกาศเตือนด้วยเช่นกัน แต่คราวนี้พุ่งเป้าไปที่ Google Maps โดยระบุว่าเส้นทางในนั้นไม่ถูกต้องครับ

นายตำรวจ Nick Buenen กล่าวว่า Google Maps นั้นให้ข้อมูลเส้นทางถนน Wild Dog ผิดไป ซึ่งความจริงถนนนี้เป็นถนนแคบและให้เดินรถแบบทางเดียว แต่โปรแกรมไปแนะนำให้วิ่งย้อนศร เขาจึงมีความกังวลว่าถ้าหากมีรถโดยสารขนาดใหญ่สัญจรผ่านมา ก็อาจเป็นอันตรายและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นแต่อย่างใด

หน่วยงานที่ดูแลทางหลวงในรัฐวิกตอเรีย ตลอดจนตัวแทนของกูเกิลยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้ครับ

ตำรวจแห่งรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียได้ออกประกาศเตือนประชาชนผู้ใช้ยานพาหนะในการเดินทาง ให้ระมัดระวังหากต้องใช้แผนที่ซึ่งติดมาในระบบปฏิบัติการ iOS 6 ของแอปเปิล โดยตำรวจระบุว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุและเข้าไปตามหาช่วยเหลือคนที่หลงทางจากการขับรถตามเส้นทางแนะนำในแผนที่แล้วถึง 6 ราย

Google Maps เปิด 2 API ใหม่ให้ภาคองค์กรธุรกิจซื้อหาไปใช้งานกับแอพพลิเคชันได้แล้ว โดยเน้นเรื่องการติดตามและระบุตำแหน่งของผู้ใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วย

ปัญหาของแท็บเล็ต ASUS Transformer Prime รุ่น Wi-Fi ที่ดันโฆษณาว่าใช้งาน GPS ได้ แต่เอาเข้าจริงกลับทำงานได้แย่มาก (จนถึงไม่ได้เลย) สุดท้ายต้องออกมาแก้ไขด้วยการแจก GPS dongle ให้กับลูกค้าที่ซื้อไป

หลังจากเริ่มให้ลงทะเบียนเพื่อรับ GPS dongle มาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีใครเห็นหน้าตาของเจ้า dongle ที่ว่านี้ซักที วันนี้ทาง Engadget ได้ตัวจริงของอุปกรณ์เสริมนี้มาทดลองใช้แล้ว ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าเชื่อมต่อตรงจุดที่ไว้เสียบกับด็อกกิง เมื่อลองทดสอบจับสัญญาณดาวเทียมพบว่ารับสัญญาณได้ดีขึ้นมาก (เห็นดาวเทียม 16 ดวงโดยใช้เวลาเพียงครู่เดียว)

หลังจากที่ ASUS ได้ประกาศไว้ว่า เจ้าของ Transformer Prime จะได้ GPS dongle ฟรี ที่ได้มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันมาก (ไม่เว้นแม้แต่เมืองไทย) แต่ล่าสุดใน Facebook ของ ASUS อิตาลี (ใครอ่านได้ก็อ่านเอาเองละกันนะครับ) ได้โพสประกาศไว้ว่าสิทธินี้จะได้แค่ในสหรัฐอเมริกา และไต้หวันเท่านั้น แน่นอนว่าสาวก ASUS และคนที่ใช้อยู่ก็ออกมาโวยวายกันเป็นแถว

แต่ทว่าเรื่องนี้กลับถึงหู ASUS สำนักงานใหญ่ จึงได้เอาใจลูกค้ายุโรป โดยให้ผู้ที่ใช้ Transformer Prime เข้ามาลงทะเบียนที่เว็บไซต์ได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

จากข่าว ASUS แก้ปัญหาสัญญาณ GPS ของ Transformer Prime โดยการแจก GPS dongle วันนี้ ASUS เปิดให้เจ้าของ Transformer Prime เข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอรับ GPS dongle แล้ว

ข้อมูลจากข่าวเก่าคือ GPS dongle จะเสียบเข้ากับพอร์ต dock เฉพาะของ Transformer Prime เท่านั้น โดยจะจัดส่งฟรีแก่เจ้าของ Transformer Prime ทุกคน อย่างไรในเว็บของ ASUS ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าการแจก GPS dongle นี้ครอบคลุมประเทศไทยด้วยหรือเปล่า (ผมเข้าใจว่าได้นะครับ)

ถ้าใครแถวนี้เป็นเจ้าของ Transformer Prime และลงทะเบียนแล้ว ช่วยยืนยันด้วยก็ดีครับ

แท็บเล็ต ASUS Eee Pad Transformer Prime เริ่มต้นเหมือนจะดีแต่เอาจริงแล้วเต็มไปด้วยปัญหา ที่ผู้ใช้บ่นกันเยอะคือสัญญาณ Wi-Fi และ GPS อ่อนจนใช้งานไม่ค่อยได้ ซึ่งต้นตออาจเกิดจากตัวเครื่องที่เป็นโลหะจนกวนสัญญาณเหล่านี้

สำหรับปัญหา GPS นั้น ASUS แย้มข้อมูลแล้วว่าจะแก้ไขให้โดยออกฮาร์ดแวร์เสริมชื่อ GPS Extension Kit หรือตัวจับสัญญาณ GPS แบบเสียบภายนอก (GPS dongle) ช่วงกลางเดือนเมษายนนี้

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า GPS Extension Kit จะใช้งานอย่างไรบ้าง คาดว่ามันจะเสียบผ่านพอร์ต docking ของ Transformer Prime (แปลว่าเวลาจะชาร์จหรือจะเสียบ dock ต้องถอด GPS Kit ออก) และยังไม่บอกว่าจะส่งอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ผู้ใช้อย่างไร

Telenav ผู้ให้บริการระบบนำทางด้วย GPS รายใหญ่ของโลก มีแอพนำทางบนมือถือชื่อ Scout สำหรับการใช้งานบุคคล (ไม่เน้นขับรถ เน้นข้อมูลสถานที่และร้านค้า) อยู่ก่อนแล้ว

ล่าสุด Telenav เปิด API ของ Scout ให้นักพัฒนาที่ต้องการฝังระบบนำทาง GPS ลงในเว็บหรือแอพของตัวเอง (เช่น พวกแอพท่องเที่ยวหรือร้านอาหารที่ปกติฝังแผนที่ Google Maps อยู่แล้ว) สามารถใช้ระบบของ Scout ได้โดยไม่ต้องทำเอง

บริการนี้ชื่อว่า Scout for Apps มันเป็น HTML5 ที่ใช้ได้กับทั้งเว็บไซต์ และแอพบน iOS 4.0+/Android 2.1+

Broadcom ประกาศออกชิปรับสัญญาณดาวเทียมนำทาง (GNSS - Global Navigation Satellite System) รุ่นใหม่ รหัส BCM4752 ซึ่งใช้ได้กับดาวเทียมหลายระบบคือ GPS, GLONASS, QZSS, SBAS

จุดเด่นของชิปรุ่นนี้คือลดระยะเวลาในการจับตำแหน่งครั้งแรก (time-to-first-fix หรือ TTFF) โดยใช้เทคนิคหลายอย่างร่วมกัน เช่น สัญญาณจากดาวเทียมหลายดวง เทคนิคการประมวลผลสัญญาณแบบใหม่ๆ ทำให้ระยะเวลาการจับตำแหน่งเร็วขึ้นสูงสุดถึง 10 เท่า

นอกจากนี้มันยังถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์และชิปสื่อสารชนิดอื่นๆ ที่มากับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน (Wi-Fi, Bluetooth, NFC) ช่วยให้สมาร์ทโฟนในอนาคตสามารถทำระบบนำทางภายในอาคารได้ง่ายขึ้นมาก (เหลือแค่คนทำระบบ-แอพมารองรับ)

เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะอุปกรณ์ไหนๆ ต่างก็มี GPS รวมอยู่ด้วย และนาฬิกาข้อมือก็เช่นกัน สำหรับนักกีฬาหรือนักออกกำลังแล้ว นาฬิกา GPS จะช่วยในการจับระยะทาง ความเร็ว และข้อมูลอื่นๆ ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถออกกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ใครจะนึก ว่าบริษัทที่จะออกนาฬิกา GPS ที่เล็กที่สุดมา จะเป็นบริษัทที่ดังมาทางด้านเครื่องพิมพ์อย่าง Epson

เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท Epson ออกมาประกาศเปิดตัวนาฬิกา GPS ที่เบาที่สุดในโลก โดยมีน้ำหนักไม่ถึง 50 กรัม และหนาเพียง 13 มิลลิเมตรเท่านั้น และนาฬิกาเรือนนี้จะสามารถทำงานต่อเนื่องในขณะที่เปิด GPS ได้ถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งมากเกินพอ สำหรับการออกกำลังในหนึ่งครั้ง

บริษัท TeleNav ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการแผนที่-ระบบนำทางด้วย GPS รายใหญ่ของโลก ประกาศออกแอพเวอร์ชัน HTML5 ที่ทำงานบนเบราว์เซอร์ แต่ยังคงฟีเจอร์สำคัญๆ อย่างการนำทางด้วยเสียงหรือการจับพิกัดด้วย GPS ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าเก่าของ TeleNav ขอเพียงแค่มีสมาร์ทโฟนที่รองรับ HTML5 เท่านั้น

แอพตัวนี้ยังไม่เปิดให้บริการต่อสาธารณะ โดยช่วงนี้จะเปิดทดสอบกับนักพัฒนาบางกลุ่มก่อน และจะให้บริการในวงกว้างในช่วงต้นปี 2012

หากใครสังเกตชิ้นส่วนของ Galaxy Nexus ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันพุธอย่างละเอียด อาจเห็นว่าเซนเซอร์ที่อาจดูแปลกตาไปจากสมาร์ตโฟนเครื่องอื่น ๆ ก็คือ barometer ซึ่งมีไว้วัดความกดอากาศ หลังจากที่มีคำถามเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับประโยชน์ของมัน คุณ Dan Morill วิศวกรของ Android ก็ได้อธิบ

เทคโนโลยี GPS แม้จะมีมานาน และไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับทุกวันนี้ แต่การนำเทคโนโลยีนี้มาต่อยอดดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด และล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่ IBM นำเทคโนโลยีทำนายการจราจรออกแสดงสู่สาธารณะ โดยเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า "Smarter Traveler"

ทั้งหมดเป็นจริงได้จากความร่วมมือของ IBM, UC Berkeley และหน่วยงานควบคุมการคมนาคมแห่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอาศัยการทำงานร่วมกันของซอฟต์แวร์วิเคราะห์, เทคโนโลยี GPS และสุดท้ายคือเซนเซอร์ที่ถูกติดตั้งไว้บนท้องถนนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีนี้ เซนเซอร์เหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่แจ้งเตือนเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการจดจำและสร้างรูปแบบการเดินทางของแต่ละบุคคลอีกด้วย! นั่นหมายความว่าระบบสามารถ "เรียนรู้" ได้นั่นเอง