หลังจากปล่อยให้ MySQL กินตลาดไปเพียบ บริษัทใหญ่ๆอย่างออราเคิลกับไมโครซอฟท์ ก็ทยอยกันปล่อยเวอร์ชันฟรีมาแบ่งตลาดบ้าง ล่าสุดไอบีเอ็มก็เอากะเค้ามั่งปล่ิอย DB2 Express-C ซึ่งจะมีความสามารถเหมือนกับเวอร์ชันปกติยกเว้นเรื่องฮาร์ดแวร์ที่ต้องรันบนซีพียูไม่เกิน 2 ตัวและใช้แรมไม่เกิน 4 GB แต่จะไม่มีการจำกัดขนาดของฐานข้อมูล ขณะที่ของออราเคิล และของไมโครซอฟท์ จะขี้เหนียวกว่าเล็กน้อย
ถึงแม้ช่วงหลังสื่อจะเล่นข่าวในทางว่า บัลลังก์ของไมโครซอฟท์กำลังสั่นคลอนเพราะกูเกิล แต่บิล เกตส์ เค้าไม่คิดอย่างงั้นน่ะสิ
เกตส์ให้สัมภาษณ์ในงาน CES (Consumer Electronics Show) ที่ลาสเวกัสว่าไอบีเอ็มใหญ่กว่า มีพนักงานเยอะกว่า มีช่องทางทำเงินมากกว่าเค้าหลายเท่า แต่สื่อมักไม่ค่อยเขียนถึง "IBM has always been our biggest competitor. The press just doesn't like to write about IBM"
ไอบีเอ็มเปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่ร่วมผลักดัน OpenDocument อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการรองรับ OpenDocument ใน IBM Workplace ภายในต้นปีหน้า ซึ่งทำให้ลูกค้าที่ใช้ IBM Workplace สามารถสร้าง, แก้ไข, และเซฟไฟล์เอกสารที่เป็น OpenDocument ผ่านเว็บได้โดยตรง
งานนี้อาจจะทำใ้ห้ IBM Workplace เป็นเจ้าที่สามที่สนับสนุน OpenDocument ต่อจาก OpenOffice และ KOffice
ที่มา - C|Net
ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายพาเหรดกันออกมาแจกของฟรีกันเต็มไปหมด
ข่าวช็อกโลกประจำสัปดาห์ครับ เมื่อคู่แข่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์หันมาร่วมมือกัน คงไม่มีใครเชื่อว่า IBM จะมาขาย Solaris แต่มันก็เป็นไปแล้ว
สายผลิตภัณฑ์นั้นคือ BladeCenter ซึ่งก็คือ Blade Server นั่นเอง อธิบายแบบสั้นๆ Blade คือเซิร์ฟเวอร์แบบที่แชร์ power supply กัน เพื่อจำกัดจุดผิดพลาดจากปัญหาเรื่องพลังงานให้น้อยลง IBM จะขาย Solaris รุ่นสำหรับ x86 คือ Xeon และ Opteron
อยู่ๆ ยักษ์สีฟ้าของเราก็ประกาศถอนฟ้องจากคู่กัดแห่งศตวรรษจากการฟ้องกลับ ในเรื่องที่ สโก (SCO) กล่าวหาว่าไอบีเอ็มละเมิดสิทธิบัตรของสโกในการพัฒนาลินิกซ์ เรื่องน่าสนใจคือหลายฝ่ายมองกันว่าการถอนฟ้องครั้่งนี้ไม่ใช่การยอมแพ้ของไอบีเอ็มแต่อย่างใด แต่กลับถูกมองว่าสโกนั้นถูกฟ้องจนน่วมไปแล้วในวันนี้ และการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสโกนั้นไม่มีผลอะไรขึ้นมา เพราะยังไงเสียสโกก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี
การถอนฟ้องครั้งนี้จึงดูเหมือนเป็นการเตรียมรุกฆาตในคดีนี้กันสักที
ที่มา - GROKLAW
ก็มีข่าวสั้นๆมาอัพเดท หลังจากกลัวๆกันว่า พอ Lenovo ซื้อ IBM (เฉพาะ PC) ไปแล้วรายได้อาจจะไม่เพิ่มมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ตอนแรก ล่าสุด Lenovo ได้ออกมาประกาศว่ามีผลกำไรเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกันนี้ถึง 234% โดยส่วนตัวก็ประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะได้ยินมาว่าหลายต่อหลายบริษัทได้ชะลอการซื้อคอมพิวเตอร์จาก IBM ไปซะมากเพราะยังไม่ค่อยมั่นใจกับ Lenovo
ถ้า Lenovo ยังไปไ้ด้ดีเรื่อยๆแบบนี้ เดี๋ยวคงมีการซื้อกันอีกหลายราย
ระบบปฏิบัติการอีกตัวหนึ่งที่เป็นตำนานของวงการคอมพิวเตอร์ OS/2 เดิมทีเป็นโครงการร่วมระหว่างไมโครซอฟท์กับ IBM ในปี 87 เพื่อเป็นระบบปฏิบัติการแห่งอนาคต (นี่จะ 20 ปีแล้วนะ) แต่ในภายหลังก็มีปฏิบัติการหักเหลี่ยมกันเล็กน้อยเมื่อไมโครซอฟท์หนีไปทำวินโดวส์ และกลายเป็น IBM พัฒนาแต่เพียงลำพัง ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าใครชนะ
Rod Adkins รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ IBM ออกมาให้สัมภาษณ์กับ eWeek ว่า สิ่งที่จ็อบส์พูดใน Keynote ที่งาน WWDC 2005 ว่าไอบีเอ็มมีปัญหาในเรื่องความร้อนกับชิป G5 นั้น ความจริงแล้ว ตามความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี IBM สามารถแก้ปัญหานี้ได้
ซึ่งมันตรงกับที่นักวิเคราะห์หลายคนคิด ว่า G5 นั้นด้วยสถาปัตยกรรมของมันแล้ว ปัญหาเรื่องความร้อนสามารถแก้ไขได้ และเหตุผลของจ็อบส์นั้นเป็นเหตุผลที่เอามาอ้างเท่านั้น การที่เลือกอินเทลน่าจะเป็นเพราะแผน roadmap ของซีพียูที่อินเทลเสนอให้จ็อบส์ ตรงกับที่แอปเปิลต้องการมากกว่า IBM
ออกมาตอบช้าไปหน่อยนะ IBM ภาพลักษณ์เสียไปเยอะเหมือนกันงานนี้
หลังจากซื้อฝ่ายพีซีทั้งฝ่ายไปจากไอบีเอ็ม บริษัทแดนมังกรก็เริ่มบุกตลาดด้วยการส่ง ThinkPad X41 ซึ่งเป็นตัวตายตัวแทนของ X40 โดยแทปเล็ทตัวใหม่นี้จะใช้ Windows Tablet Edition พร้อมกับหน้าจอที่หมุนได้
อย่างไรก็ตามเสียงตอบรับที่ได้มานั้นไม่ดีนัก เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นและราคาที่แพง นับว่าเลเวโนยังไม่สร้างความฮือฮาอะไร
แอบหวังว่ามันจะถูกลงนะนี่่...
ที่มา Technology News: China's Lenovo releases new Tablet PC
บริษัททั่วไปมักมีปัญหากับพนักงานแอบไปเขียนบล็อก แต่ IBM คิดใหม่ทำใหม่ครับ โดยการสนับสนุนให้พนักงานของตัวเอง (มีกว่า 3 แสนคนทั่วโลก) "เขียนบล็อก"
โดย IBM คิดว่านี่เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์บริษัท และส่งผลกระทบในทางบวกมากกว่าที่จะห้ามพนักงานเขียน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องมีข้อกำหนดเล็กน้อย เช่น ไม่เปิดเผยความลับบริษัท ระบุให้ชัดเจนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่ใช่ของบริษัท อันที่ผมอ่านแล้วชอบก็คือข้อสุดท้าย Don't forget your day job
กระบวนการเข้าซื้อแผนกพีซีของ IBM โดย Lenovo ผู้ผลตจากจีนเป็นที่เรียบร้อยตามกฎหมายแล้ว โดย The Committee on Foreign Investments (ไม่กล้าแปลครับเดี๋ยวผิด) ของรัฐบาลสหรัฐได้ตรวจสอบการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ และอนุมัติเรียบร้อย ทาง Lenovo เตรียมจะออกพีซีใต้ชื่อ Lenovo ใหม่ในเร็วๆ นี้ (อาจเปลี่ยนโลโก้หรืออะไรบางอย่าง เพื่อแสดงความเป็นบริษัทใหม่) ส่วนแบรนด์ ThinkPad นั้น Lenovo มีสิทธิ์ใช้ได้อีก 5 ปีครับ
(หวังว่า The Committee on Foreign Investments คงไม่เจอทุจริตอะไรมาโยงแถวๆ นี้นะ :P)
ไอบีเอ็มประกาศหาพนักงานในตำแหน่งใหม่ โดยมีหน้าที่พัฒนาไฟร์ฟ๊อกให้ทำงานร่วมกับระบบมิดเดิลแวร์ของไอบีเอ็มได้ และยังมีการระบุว่าผู้สมัครควรได้รับจากยอมรับจากทางมอซิลล่าว่าเป็นผู้ร่วมพัฒนา อีกทั้งควรมีประสบการณ์กับส่วนแสดงผล Gecko กับเทคโนโลยี XPCOM ที่ทำให้โปรแกรมทำงานได้ในหลายสภาพแวดล้อม
ข่าวนี้ทำให้เชื่อได้เลยว่า โอเพ่นซอร์สเพิ่มโอกาสในการทำงานได้ ที่มา IBM on the hunt for Firefox programmers | CNET News.com
ไอบีเอ็มปรับขนาดเครื่อง BlueGene อันโด่งดังจนความเร็วทะลุ 100 เทระฟลอปไปแล้ว โดยเมื่อหกเดือนที่แล้ว ไอบีเอ็มได้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเครื่อง BlueGene จนมีความเร็วถึง 92 เทระฟลอป พร้อมกับประกาศว่าเครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องต้นแบบเท่านั้น!! และในวันนี้ไอบีเอ็มก็พัฒนาเครื่องดังกล่้าวจนมีความเร็วสูงขึ้นเกือบเท่าตัวมาอยู่ที่ 183.5 เทระฟลอป พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่าจะมีการพัฒนาเครื่องที่มีความเร็วถึง 367 เทระฟลอปได้ในปลายปีนี้
ไอบีเอ็มประกาศเม้าส์รุ่นใหม่ที่ช่วยให้คนบกพร่องในการควบคุมมือสามารถใช้งานเม้าส์ได้เช่นคนปรกติ โดยในเม้าส์ดังกล่าวจะมีโปรแกรมกรองสัญญาณแบบเดียวกับระบบกันภาพสั่นในกล้องวีดีโออยู่ ทำให้เม้าส์จะส่งสัญญาณตามที่ผู้ใช้ตั้งใจจะใส่เข้าไปเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้น่าจะมีประโยชน์กับคนพิการเป็นหลัก แต่น่านึกว่าเอามาใช้วาดภาพละเอียดๆ ที่ต้องรำคาญเวลามือสั่นก็น่าจะได้...
ราคาประมาณ 100 ดอลล่าห์ พอๆกับไมโครซอฟท์เม้าส์ยุคแรกๆ
ไอบีเอ็มใจป้ำบริจาคสิทธิบัตรประมาณ 500 ใบ ให้เป็นสิทธิแก่โลกโอเพ่นซอร์ส โดยบริษัทที่ได้รับสิทธิบัตรในแต่ละปีมากที่สุดในสหรัฐแห่งนี้ครองสิทธิบัตรในมือถึงกว่า 40000 ใบ แต่การบริจาคครั้งนี้ก็นับเป็นก้าวที่ดี ที่แสดงความเอาจริงเอาจังของไอบีเอ็มที่จะสนับสนุนโลกโอเพ่นซอร์ส อย่างจริงจัง
แต่ผู้คนจำนวนมากแทนที่จะยินดีกับข่าวนี้ กลับมีกระแสต่อต้านการใช้สิทธิบัตรกับซอฟท์แวร์ เพราะเป็นการปิดกั้นการพัฒนาซอฟท์แวร์ต่อๆไป
เอเอ็มดีร่วมมือกับไอบีเอ็มในการพัฒนากระบวนการผลิตชิปใหม่ เพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นโดยการสร้างสนิมบนแผ่นซิลิกอน เพื่อเพิ่มความสามารถในการไหลของกระแสอิเลกตรอน
เทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเมื่อสองปีก่อนโดยอินเทล ที่ระบุว่าเทคโนโลยีนี้เพิ่มความเร็วให้ชิปได้ 10 ถึง 25 เปอร์เซนต์ โดยเพิ่มต้นทุนเพียง 2 เปอร์เซนต์เท่านั้น
ความสำเร็จที่ร่วมกันครั้งนี้จะทำให้เอเอ็มดีและไอบีเอ็มต่างสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในซีพียูของตนได้ โดยเอเอ็มดีจะนำไปใช้กับ Athlon64 ในต้นปีหน้า ส่วนไอบีเอ็มคาดว่าจะนำไปใช้ในซีพียูตระกูล Power ในเร็วๆ นี้
ข่าวลือเมื่อหลายวันก่อนยืนยันแล้วครับ เมื่อ IBM ต้นคิดพีซี หรือ Personal Computer ที่ทุกคนใช้กันอยู่ทุกวันนี้ กำลังจะเลิกขายพีซี และขายกิจการหน่วยงานด้านพีซีให้กับ Lenovo ผู้ผลิตพีซีจากจีน! การดีลกันครั้งนี้มีมูลค่า 1.75 พันล้านเหรียญ รายละเอียดด้านการเงินก็ติดตามจากข่าวเอาเองนะครับ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นบริษัทร่วมของ IBM และ Lenovo โดยให้ผู้บริหารมาจากทั้งสองบริษัท Lenovo จะมีสิทธิ์ทำพีซีขายในชื่อ IBM และ Think สารพัดได้อีกห้าปี และการดีลครั้งนี้จะทำให้ Lenovo ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตพีซีอันดับสามของโลก รองจากเดลและเอชพีทันที
ข่าวใหญ่แห่งปีครับ เมื่อมีข่าวลือออกมาว่าไอบีเอ็มมีแผนจะขายส่วนธุรกิจพีซีให้กับ เครือบริษัท Leveno ที่เป็นผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ในจีน โดยการขายครั้งนี้น่าจะมีมูลค่ากว่าสองพันล้านดอลล่าห์
ข่าวนี้ยังคงเป็นข่าวลืิอ โดยทางไอบีเอ็มปฏิเสธที่จะแสดงความเห้น และทางกลุ่ม Leveno เองก็ไม่ได้ออกมาให้สัมภาษย์แต่อย่างใด
ไอบีเอ็มรวมกลุ่มเพื่อสนับสนุนชิปเพาเวอร์ของตน รายชื่อบริษัทที่เข้าร่วมนั้นมีรายการคุ้นหูจำนวนมากทีเดียวครับ เช่น โซนี่ โนเวล เรดแฮท รวมเครเด้นซ์ และซินอปซิส ที่เป็นผู้ผลิตซอฟท์แวรฺด้านการออกแบบชิปหลัก
ชิปเพาเวอร์นั้นหลายคนน่าจะเคยเห็นเพราะมันไปอยู่ในเครื่องบลูจีน ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องดังนั่งเอง
บริษัทชาร์ปประกาศความสำเร็จในการร่้วมมือกับ IBM เพื่อพัฒนาสมาร์ทการ์ดที่รัน แพลตฟอร์มจาวา่ได้แล้วในวันนี้ โดยการ์ดดังกล่าวผลิตโดยชาร์ป มีความจุถึง 1 เมกกะไบต์ ส่วนทางไอบีเอ็มเป็นผู้พัฒนาระบบบฏิบัติการณ์
สมาร์ทการ์เข้ามามีบทบาทในตลาดผู้บริโภคอย่างมากในปัจจุบัน เพราะความปลอดภัยที่เหนือกว่าบัตรแม่เหล็กทั่วไป และความจุข้อมูลที่มากกว่า ทำให้หลายบริษัทมองว่าตลาดใหม่นี้มีอนาคตที่น่าสนใจทีเดียว อย่างเช่นประเทศไทยที่กำลังจะใช้สมาร์ทการ์ดเป็นบัตรประชาชนเป็นต้น
หลังจากเสียแชมป์ไปให้ Earth Simulator ของญี่ปุ่นอยู่สามปี อเมริกาถึงคราวทวงอันดับหนึ่งคืน โดย Blue Gene/L จาก IBM ตั้งอยู่ในศูนย์วิจัยที่เมือง Rochester เดิมอยู่อันดับสี่ แต่เมื่ออัพเกรดแล้วสามารถคำนวณได้ 36 ล้านเทอราฟลอบ ตัวเลขนี้เป็นคำประกาศของ IBM ยังไม่มีการพิสูจน์จริงจัง แต่ทางผู้แทนของ Top500 ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาเชื่อตัวเลขของ IBM การจัดอันดับครั้งใหม่จะตีพิมพ์ใน Top500 List ฉบับหน้า คือ เดือนพ.ย. ปีนี้ครับ
หลังจากคดี SCO ฟ้อง IBM ยืดเยื้อกันมานาน เรื่อง SCO ฟ้องว่า IBM นำโค้ดของ SCO ไปใส่ไว้ในลินุกซ์ ศาสตราจารย์ Randall Davis แห่ง MIT ได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีโค้ดที่ว่านั้นแต่อย่างใด การพิสูจน์นี้คงทำให้คดีก้าวหน้าเร็วขึ้นอีกมาก
รายงานจาก Groklaw สำนักกฎหมายที่เจาะลึกคดีนี้โดยเฉพาะ
ยังจำ Deep Blue เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเล่นหมากรุกแล้วชนะคาปารอฟ มือหนึ่งของโลกกันรึเปล่าครับ หลังจากที่ IBM ประสบความสำเร็จจากคอมพิวเตอร์ตัวนี้แล้ว ก็ได้สร้างรุ่นลูกของมันขึ้นมาคือ Blue Gene และจากตอนนั้นก็มีการพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมาก (อย่างเงียบเชียบ)