ทางเพจ Levelupthailand ได้อ้างอิงข้อมูลที่มีการเปิดเผยจากทาง Chinainternetwatch ที่ระบุว่า ในแพลตฟอร์ม 10 อันดับแรกที่ทำกำไรสูงสุดบน iOS มีถึง 5 อันดับ ที่เป็นของสัญชาติจีน

สำหรับแพลตฟอร์มที่มาแรงและมีผลกำไรสูงสุด ได้แก่ Netflix แพลตฟอร์มชื่อดังจากสหรัฐ ที่เวลานี้ได้มีการระดมป้อน Content และผลิตทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ของตนเองออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จบ้างหรือผลตอบรับไม่ดีบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ให้บริการ Content ด้านสื่อบันเทิงที่มาแรงและหลากหลายที่สุด เป็นการตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนที่หันมาดูสื่อบันเทิงที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกันแทนที่การชมจากแผ่นดีวีดีหรือช่องเคเบิลยุคเก่า

Bloomberg เผยแผนการของแอปเปิลในการรวมแพลตฟอร์มแอพ iPhone, iPad, macOS เข้าด้วยกันในปี 2021

ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะแอปเปิลก็ประกาศในงาน WWDC 2018 ว่าต้องการรวมแพลตฟอร์มแอพเข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่ชัดเจนว่าแผนการทั้งหมดเป็นอย่างไร

สิ่งที่แอปเปิลประกาศเอาไว้คือทำ SDK สำหรับให้แอพจาก iOS ไปรันบน macOS ได้ ซึ่งในปี 2018 ยังจำกัดเฉพาะแอพของแอปเปิลเอง และเตรียมเปิดให้นักพัฒนาภายนอกใช้งานในปี 2019 นี้ (ซึ่งก็น่าจะประกาศในงาน WWDC 2019 ช่วงเดือน มิ.ย.)

ข้อมูลของ Bloomberg เผยว่า

ไมโครซอฟท์เตรียมแถลงข่าวในงาน Game Developers Conference (GDC) 2019 ช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยจะเปิดบริการออนไลน์ Xbox Live ให้แพลตฟอร์มอื่นๆ ทั้ง Nintendo Switch, iOS, Android เข้ามาใช้งานได้ด้วย

Xbox Live เป็นบริการออนไลน์สำหรับการเล่นมัลติเพลเยอร์ที่เริ่มต้นพร้อม Xbox รุ่นแรกสุดในปี 2002 และภายหลังก็ขยายมายังเกมฝั่งพีซีบน Microsoft Store ด้วย บริการตัวนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 68 ล้านคน และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อ 400 ล้านชิ้น

จากรณีที่ Facebook ปล่อยแอป Facebook Research เก็บข้อมูลผู้ใช้งานบน iOS ซึ่งละเมิดนโยบายของแอปเปิล จนนำไปสู่การบล็อกใบรับรอง Facebook ถึงแม้ตัวแอปจะถูกลบไปแล้วก่อนหน้าก็ตาม

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ Facebook เจ้าเดียวที่มีโครงการและแอปในลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อ TechCrunch รายงานว่า Google ก็มีแอปเก็บข้อมูลผู้ใช้ iOS ภายใต้โครงการวิจัยและให้ผลตอบแทนเหมือนกันในชื่อ Screenwise Meter และแจกจ่ายแอปผ่านช่องทาง enterprise เหมือนกัน

Mark Gurman นักข่าวจาก Bloomberg ที่มีประวัติรายงานข่าวลือแอปเปิลแม่นพอสมควร ออกรายงานล่าสุด ว่าด้วยข้อมูล iPhone และ iPad ของแอปเปิลในปี 2019 จนถึง 2020 มีรายละเอียดดังนี้

เขาบอกว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีกล้องหลังแบบ 3D ซึ่งสามารถสแกนและสร้างภาพแบบ 3 มิติได้ โดยรองรับระยะไกลที่สุดกว่า 4 เมตร (15 ฟุต) ซึ่งสูงกว่ากล้องหน้า iPhone รุ่นปัจจุบันที่ใช้สำหรับ Face ID ในระยะ 25-50 เซ็นติเมตร ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าแอปเปิลจะต่อยอดเทคโนโลยีไปทางใด ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็น AR โดยคาดว่า iPhone พร้อมกล้อง 3D นี้ จะมีออกมาได้เร็วที่สุดในปี 2020 จากแผนเดิมที่กำหนดออกภายในปีนี้

จากประเด็นแอพ VPN ของ Facebook หรือ Facebook Research ที่จ่ายเงินให้คนใช้งานเพื่อเข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้ ล่าสุด Facebook ปิดการใช้งานแอพดังกล่าวบนอุปกรณ์ iOS แล้ว แต่แอนดรอยด์ยังคงใช้งานได้อยู่

ตัวแอพบังคับให้ติดตั้งใบรับรองเข้ารหัส root CA ลงในเครื่อง ทำให้มีโอกาสผิดนโยบายการรีวิวของ App Store ที่ห้ามโน้มน้าวให้ผู้ใช้ปิดฟีเจอร์ความมั่นคงปลอดภัย หรือปรับแต่งการตั้งค่าของอุปกรณ์

แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ทั้งหมดในเครือ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

• iOS 12.1.3 แก้ไขบั๊กหลายรายการ รวมทั้งปัญหาเชื่อมต่อลำโพงกับ iPad Pro, ปัญหาเชื่อมต่อกับ CarPlay
• macOS Mojave 10.14.3 ปรับปรุงด้านความปลอดภัย ความเสถียร
• watchOS 5.1.3 แก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วไป
• tvOS 12.1.2 แก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วไป
• HomePod 12.1.3 อัพเดตเพื่อแก้ปัญหาอุปกรณ์รีสตาร์ทตัวเอง

แอปเปิลรายงานตัวเลขส่วนแบ่งผู้ใช้ iOS ล่าสุด ณ วันที่ 1 มกราคม 2019 โดย iOS 12 เวอร์ชันล่าสุดมีผู้ใช้งานแล้วถึง 75% ของอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด และหากนับเฉพาะอุปกรณ์ที่เปิดตัวในช่วงไม่เกิน 4 ปี จะมีส่วนแบ่งถึง 78%

ตัวเลขภาพรวมสำหรับเวอร์ชันก่อนหน้านี้ iOS 11 มี 17% และเก่ากว่านั้น 8%

The Wall Street Journal ออกบทวิเคราะห์คาดเดาสิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวงการเทคโนโลยีของปี 2019 มีรายละเอียดดังนี้

แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการย่อย iOS 12.1.2 มีผลเฉพาะกับ iPhone มีรายละเอียดดังนี้

• แก้ไขบั๊กในการเปิดใช้ eSIM สำหรับ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max
• แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณมือถือในตุรกี สำหรับ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max

ผู้ใช้ iPhone สามารถอัพเดตได้ผ่าน iTunes หรือผ่าน OTA ใน Settings

ที่มา: Apple Insider

Saurik หรือ Jay Freeman ผู้พัฒนา Cydia ศูนย์รวมแอปสำหรับอุปกรณ์ iPhone ที่เจลเบรก ได้ประกาศผ่าน Reddit ว่าเขาเตรียมปิดให้บริการ Cydia Store ทั้งหมด ก่อนสิ้นปีนี้ ด้วยเหตุผลเหมือนที่เขาเคยเกริ่นเมื่อปีก่อน ว่าการเจลเบรกได้ตายไปแล้ว ทำให้ Cydia ไม่สามารถทำเงินได้คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ ผลจึงขาดทุนมาตลอด ตัวเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปิดให้บริการต่อไปอีก

ในตอนนี้ Cydia Store ได้ปิดการซื้อแอปใหม่แล้ว แต่ผู้ใช้งานเดิมยังสามารถใช้ต่อไปได้จนกว่าบริการจะปิดตัว

แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการชุดใหญ่ทั้ง iOS, macOS, tvOS แต่ยังไม่มี watchOS ในวันนี้ มีรายการเปลี่ยนที่สำคัญหลายอย่าง

โดย iOS 12.1.1 มีคุณสมบัติใหม่ได้แก่ การเตือนด้วย Haptic Touch สำหรับ iPhone XR, รองรับ eSIM เพิ่มเติมสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายบางราย (ไม่เกี่ยวกับไทย), แตะหนึ่งครั้งเพื่อสลับกล้องหน้า-หลัง ขณะ FaceTime, การถ่าย Live Photo ขณะ FaceTime ฯลฯ และแก้ไขบั๊กหลายรายการ

ส่วน macOS Mojave ออกอัพเดต 10.14.2 แก้ปัญหาการต่อออกจอสำหรับ MacBook Pro 2018 และเพิ่มคุณสมบัติอีกหลายรายการ ส่วน tvOS 12.1.1 แอปเปิลไม่ได้ระบุรายการสำคัญ แต่บอกเพียงปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป

แอปเปิลอัพเดตตัวเลขส่วนแบ่งผู้ใช้ iOS ล่าสุด ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2018 โดยระบุว่าในบรรดาอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด เป็น iOS 12 แล้วถึง 70% ซึ่งถือว่ามีผู้ใช้อัพเกรดด้วยอัตราที่เร็วกว่าเมื่อตอน iOS 11 มาก (iOS 11 เดือนมกราคมมี 65%) สาเหตุหนึ่งน่าจะเพราะไม่มีรายงานปัญหาบั๊กร้ายแรงออกมา ซึ่งเป็นเหตุผลให้คนไม่กล้าอัพเกรดกันเมื่อตอน iOS 11

สำหรับส่วนแบ่งของเวอร์ชันเก่ากว่านั้น iOS 11 มีอยู่ 21% และเวอร์ชันเก่ากว่านั้นรวมกันมี 9% ทั้งนี้แอปเปิลยังแยกรายงานอีกชุด โดยวัดเฉพาะอุปกรณ์ iOS ที่ขายในช่วง 4 ปีย้อนหลัง ทำให้ส่วนแบ่ง iOS 12 เพิ่มมาเป็น 72%

AIS เปิดตัวบริการ Next G ที่ผสานพลัง 4G และ Wi-Fi มาตั้งแต่กลางปี 2017 โดยเริ่มจากมือถือ Android บางรุ่น ก่อนขยับขยายมาเป็น Android ทุกรุ่น ในช่วงกลางปีนี้

ล่าสุด AIS ประกาศรองรับการใช้งาน Next G บน iOS แล้ว โดยรองรับ iOS 12 ขึ้นไป และการใช้งานต้องดาวน์โหลดแอพ AIS Next G บน App Store ก่อน

นอกจากนี้ AIS ยังปรับแพ็กเกจรายเดือนของตัวเองใหม่ โดยลูกค้าที่ใช้แพ็ก 4G Max ตั้งแต่ราคา 599 บาท/เดือนขึ้นไป จะได้ใช้งาน Next G ด้วย มีผลทั้งลูกค้าใหม่และเก่า

Google Assistant ถึงแม้จะมีแอปบน iOS มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกใช้งานได้ด้วยเสียงเหมือนบนแอนดรอยด์ ล่าสุด Google รุกคืบผู้ใช้ iPhone อีกขั้นด้วยการอัพ Google Assistant ให้รองรับ Siri Shortcut แล้ว ทำให้สามารถเรียกใช้ Google Assistant ด้วยเสียง จากการเรียกใช้งาน Siri ก่อน

ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่า Widget ของ Google Assistant ได้ในหน้า Widget ด้านซ้ายของหน้าโฮมหรือหน้าล็อกสกรีน ทำให้เราสามารถเรียกใช้ Google Assistant ผ่าน Siri ได้ด้วยคำสั่ง "Hey, Google" หรือ "Ok, Google" ได้แล้ว หรือจะเรียก Siri ด้วยเสียงก่อนก็ยังได้เป็น "Hey, Siri" แล้วตามด้วย "Hey, Google" หรือ "Ok, Google" ตามแต่จะตั้งเอาไว้

แอปเปิลประกาศอย่างเป็นทางการว่า iOS 12.1 จะออกมาให้อัพเดตกันในวันนี้ (คาดว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน หลังจบงานเปิดตัวสินค้าใหม่) ซึ่งถือเป็นการอัพเดตใหญ่หลัง iOS 12 ออกมาเมื่อเดือนกันยายน โดยมีรายการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้กับ Office Lens แอพถ่ายภาพเพื่อใช้แปลงเป็นเอกสาร โดยได้เพิ่มความสามารถใหม่ให้ทั้งบน iOS และ Android มีรายละเอียดดังนี้

ฟีเจอร์ใหม่บน iOS

• เพิ่มตัวเลือกให้สามารถเขียนข้อความลงในเอกสารได้

แอปเปิลรายงานส่วนแบ่งผู้ใช้ iOS 12 เป็นทางการครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดให้อัพเดตทั่วไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยระบุว่าหากวัดอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด ตอนนี้ iOS 12 มีส่วนแบ่ง 50% แล้วตามด้วย iOS 11 ที่ 39% และที่เหลือคือเวอร์ชันเก่ากว่านั้น

นอกจากนี้แอปเปิลยังรายงานตัวชี้วัดอีกแบบ โดยคิดเฉพาะอุปกรณ์ iOS รุ่นใหม่ ๆ ย้อนหลังไป 4 ปี พบว่าส่วนแบ่ง iOS 12 จะเป็น 53%

มีรายงานมาระยะหนึ่งแล้วว่าแอปเปิลกำลังเตรียมผลิตคอนเทนต์รายการ เพื่อฉายลงแพลตฟอร์มของตนเองโดยเฉพาะแบบเดียวกับ Netflix และ Amazon Prime ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลว่าแอปเปิลอาจสร้างความแตกต่างในเกมนี้ โดยเปิดให้ชมคอนเทนต์เหล่านั้นฟรี!

CNBC อ้างแหล่งข่าวภายในว่า แอปเปิลจะเปิดให้ชมคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นเอง (original content) ผ่านแอป TV ในอุปกรณ์ iOS และ tvOS แบบฟรี ๆ ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือนเพิ่มเติมแบบ Apple Music นอกจากนี้แอปเปิลยังใช้ระบบช่องในแอป TV เพื่อให้ผู้ใช้งานสมัครและติดตามช่องเพิ่มเติมของเจ้าของคอนเทนต์อื่น ที่อาจมีการเก็บค่าสมาชิกเพิ่มเติมอย่างเช่น HBO ข้อดีก็คือทุกอย่างจะจบในแอป TV ที่มีติดเครื่องเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ต้องโหลดแอปเพิ่มเติมอีก

แอปเปิลออกอัพเดต iOS 12.0.1 ซึ่งถือเป็นอัพเดตย่อยตัวแรกนับตั้งแต่ iOS 12 ออกมาเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว

ผู้ใช้งาน iOS สามารถอัพเดตได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update

ในอัพเดต iOS 12.0.1 นี้เป็นการแก้ไขบั๊กและปัญหาทั่วไป ซึ่งหลายปัญหาก็มีรายงานออกมาก่อนหน้า มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้

iOS 12 เปิดให้ดาวน์โหลดมาแล้วกว่า 2 วัน ก็มีตัวเลขจากบริษัทวิจัย Mixpanel ว่าส่วนแบ่งอยู่ใช้งาน iOS 12 ตอนนี้อยู่ราว 10% ของผู้ใช้ iOS ทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของ iOS 12 นี้ ถือว่าช้ากว่าตอน iOS 11 และ iOS 10 เปิดตัวอยู่มากพอสมควร โดย iOS 11 มีส่วนแบ่งราว 10% ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ส่วน iOS 10 มีส่วนแบ่ง 14% ใน 24 ชั่วโมงแรก

แอปเปิลออกอัพเดตใหญ่ iOS 12 แล้ววันนี้ โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ให้ซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นแม้แต่บน iPhone รุ่นเก่า ขณะที่ฟังก์ชันต่าง ๆ ก็ตอบสนองเร็วขึ้น ทั้งการเปิดกล้องเร็วขึ้น 70% และการแสดงคีย์บอร์ดบนหน้าจอเร็วขึ้น 50%

นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในแอปต่าง ๆ อาทิ ระบบเสิร์ชภาพใน Photos, เพิ่มลูกเล่นใหม่ Memoji ใน Message, Screen Time บอกระยะเวลาการใช้งาน, Group Notification, Siri Shortcut, ปรับปรุง AR และอีกหลายรายการ (ดูรายละเอียดทั้งหมด)

แอปเปิลได้ออกอัพเดต iOS 12 beta 7 สำหรับนักพัฒนาในวันนี้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือคุณสมบัติ Group FaceTime ที่สามารถสนทนาวิดีโอหลายคนพร้อม ๆ กันได้สูงสุด 32 คน ถูกตัดออกไป ระบุเพียงคุณสมบัตินี้จะไม่มีให้ใช้ในช่วง iOS 12 เปิดตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่จะออกตามมาภายหลังในปี 2018 นี้

ย้อนกลับไปเมื่อตอน iOS 11 แอปเปิลก็เคยประกาศฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง แต่ไม่ได้มีให้ใช้งานทันทีในช่วงแรก อาทิ Apple Pay Cash, AirPlay 2 และ Message บน iCloud ซึ่งสองอย่างหลังนั้น กว่าจะออกมาก็นานถึง 8 เดือนเลย

ต้นปีมีข่าวลือว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีรุ่นรองรับ 2 ซิม ล่าสุดข้อมูลตรงนี้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อมีการพบโค้ดบน iOS 12 เวอร์ชันเบต้า 5 ที่พูดถึงการตรวจสอบการทำงานของซิมที่ 2 ด้วย

ข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่า iPhone ที่รองรับ 2 ซิมจะเป็นรุ่นใหญ่สุดเท่านั้น ขณะที่ผลการสำรวจที่ผ่านมาพบว่าประเทศที่สมาร์ทโฟน 2 ซิมได้รับความนิยมส่วนใหญ่คือประเทศกำลังพัฒนา ส่วนประเทศพัฒนาแล้วอาทิ สหรัฐ, ออสเตรเลียและแคนาดา ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก

ที่มา - 9to5Mac

อะไรๆ ก็ต้องมีปุ่ม Explore อย่างใน Instagram มีแท็บ Explore ค้นหารูปตาม topic ล่าสุด YouTube ทดลองทำแท็บ Explore ด้วยในผู้ใช้ iOS บางส่วน ราว 1%

ฟีเจอร์นี้อาจช่วยให้คลิปจากช่อง YouTube เล็กๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงการมองเห็นของคนดูมากขึ้น ผ่านการค้นหาแบบหัวข้อ ปุ่ม Explore จะอยู่ด้านล่างแทนปุ่ม Trending โดยคลิปต่างๆ ใน Trending จะกระจายไปตามหัวข้อต่างๆ บน Explore

จากที่ YouTube ระบุใน help forum บอกว่า Explore จะเสนอเนื้อหาตามพฤติกรรมความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละราย ต่างจากฟีเจอร์แนะนำแบบเดิม โดย Explore จะแนะนำคลิปที่คนดูอาจพลาดไป หรือ YouTube ไม่ได้แนะนำมาให้