นาย Kiran Karnik ประธานสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการของอินเดีย (National Association of Software and Services Companies - NASSCOM) ได้ออกมาให้ความเห็นว่าอินเดียกำลังจะต้องการการปรับปรุงการศึกษาครั้งใหญ่ เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดจากจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในการให้ความเห็นนี้นาย Karnik ได้ให้ความเห็นว่าจีนยังคงต้องตามหลังอินเดียไปอย่างน้อยสามถึงห้าปี แต่ด้วยอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด เขาเตือนว่าอินเดียไม่สามารถมองข้ามจีนไปได้แม้แต่น้อย

จีนนับเป็นประเทศที่มีประชากรเกินพันล้านคนเพียงประเทศเดียวนอกจากอินเดีย อีกทั้งมีระบบการศึกษาที่สร้างแรงงานออกมาได้เป็นจำนวนมากไม่แพ้อินเดีย แต่อินเดียนั้นได้เปรียบเนื่องจากมีการใช้ภาษาอังกฤษอยู่มากมาก่อนหน้าแล้ว

หลังจากที่มีการตื่นตัวเรื่องการขายเพลงโดยที่ไม่มีเทคโนโลยี DRM ในธุรกิจการขายเพลงออนไลน์ไม่นาน ล่าสุดค่ายเพลง Universal ได้ตัดสินใจที่จะทดสอบการขายเพลงที่ไม่มี DRM แต่ว่าทางบริษัทจะนำเทคโนโลยีใหม่ไปใช้ในการตรวจสอบแทน เทคโนโลยีนี้คือการ Watermark ไฟล์เพลงแทน

จากการสำรวจล่าสุดของ Alloy Media and Market พบว่าเด็กใหม่ที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาในปีนี้มีอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ มากกว่ารุ่นที่เรียนจบมหาวิทยาลัยในปีนี้มาก

จากการสำรวจ อุปกรณ์ไฮเทคต่อไปนี้ถือว่าเป็นสิ่ง "ธรรมดามาก" เช่น โทรศัพท์มือถือ, กล้องถ่ายรูปดิจิตอล, แล็ปท็อปและไอพอต (หรือเครื่องเล่น MP3 อื่น ๆ)

สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมที่เห็นได้ชัดคือกว่า 93% มีโทรศัพท์มือถือใช้ในขณะที่รุ่นที่สี่ปีที่แล้วมีเพียง 78% นอกจากนี้แล้วนักเรียนส่วนใหญ่ประมาณ​ 64% มีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเอง มากกว่าสี่ปีที่แล้วเป็นเท่าตัว

มหาวิทยาลัยมิชิแกนออกดัชนีสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในสหรัฐ (American Consumer Satisfaction Index - ACSI) ในหมวด Internet Portals/Search Engines อันดับหนึ่งในปีนี้คือ Yahoo!

Yahoo! ได้ 79 คะแนน เพิ่มจากปีก่อนมา 3 คะแนน ส่วนกูเกิลตามมาติดๆ ที่ 78 คะแนน ลดลงจากปีก่อนที่ได้ 83 คะแนน ทาง ACSI ให้เหตุผลว่าเนื่องจากหน้าแรกของกูเกิลไม่ค่อยจะมีอะไรดังที่เห็น ดังนั้นลูกค้าเลยไม่รู้ว่ากูเกิลมีบริการใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย (ดัชนีนี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ได้วัดว่าค่ายไหนมีผลิตภัณฑ์เจ๋งกว่าค่ายอื่นนะครับ)

ตัวเลขจาก IDC บอกว่ายอดขายเครื่องพีดีเอในไตรมาสที่สองของปี 2007 นั้นลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2006 ถึง 43.5% เลยทีเดียว ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2007 ก็ลดลง 20% เทรนด์นี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว (ข่าวเก่า)

เหตุผลก็น่าจะเดากันได้ครับ มาจากการเติบโตของสมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊คขนาดเล็ก ที่เข้ามาแย่งตลาดพีดีเอนั่นเอง

เมื่อต้นปีนี้ Dell (อันดับ 4 ของตลาด) เพิ่งประกาศเลิกธุรกิจพีดีเอ Axim ไปแล้ว ล่าสุด Fujitsu-Siemens (อันดับ 5) ก็ประกาศตัวออกจากธุรกิจนี้เช่นกัน ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่เหลือเพียง Palm, HP/Compaq และ Acer เท่านั้น

ผมเชื่อว่าการมาถึงของ iPhone จะทำให้ยอดขายลดลงมากยิ่งขึ้นไปอีก ต้องรอดูตัวเลขสิ้นปีนี้

ผลสำรวจจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐพบว่า อัตราส่วนของผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมไอทีลดลงเหลือ 26.1% จาก 28.9% ในปี 2001 และอัตราส่วนของผู้หญิงที่จบการศึกษาจากคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ ลดลงเหลือ 21% จาก 37% ในปี 1985

สาเหตุที่วิเคราะห์ก็ต่างกันไป บางคนก็ว่าเป็นเพราะธรรมชาติของผู้หญิงไม่เหมาะกับงานสายคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ หรือเป็นเพราะชั่วโมงการทำงานในอุตสาหกรรมไอทีที่นิยมอยู่ดึก ทำให้ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วต้องลำบาก และยิ่งอัตราส่วนผู้หญิงลดลง ผู้หญิงที่ยังเหลืออยู่ก็ยิ่งโดนกดดันจากสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ

USATODAY ประกาศรายชื่อ 25 ผู้นำทางธุรกิจ ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด อันดับหนึ่งคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมาก เขาผู้นั้นได้แก่ บิล เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ อันดับสองได้แก่ อลัน กรีนสแปน และอันดับสาม ได้แก่ สตีฟ จ็อบส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง แอปเปิล

นอกจากนี้ยังมีผู้นำกิจการคอมพิวเตอร์ และไอที ติดอันดับอีกหลายอันดับ อาทิเช่น ผู้บริหารกูเกิล ในอันดับ 4 และผู้บริหารอินเทล ในอันดับ 6

ที่มา : USATODAY

Steve Ballmer แถลงข้อมูลกับนักข่าวว่าขาย Vista ได้ไปทั้งสิ้น 60 ล้านชุด (มากกว่าคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ใช้ OS X รวมกัน) ในจำนวนนี้ 40 ล้านชุดขายออกไปในช่วง 100 วันแรก และเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2008 (31 มิ.ย. 2008) โลกของเราจะมีพีซีที่ติดตั้งวินโดวส์ทั้งหมด 1 พันล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่ารถยนต์เสียอีก

ผมลองหาตัวเลขยอดขายอุปกรณ์อย่างอื่นมาเทียบ โทรศัพท์มือถือขายไปประมาณ 986 ล้านเครื่องในปี 2006 (ที่มา) ส่วน iPod ขายไปแล้วทั้งหมด 100 ล้านเครื่องเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้

เครือบริษัทโซนี่ออกมาแถลงการณ์ว่าบริษัทมีกำไรสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดกล้องดิจิตอลและโทรทัศน์จอแบน แม้ว่าจะขาดทุนในส่วนของเพลย์สเตชั่น

หลังจากที่บริษัทต้องอ่วมไปกับปัญหาใหญ่อย่างการเรียกคืนแบตเตอรี่กว่าล้านชิ้นและการที่ต้องตัดราคาของเพลย์สเตชั่น 3 ที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าราคาขายต่ำกว่าทุนอยู่แล้ว บริษัทบอกว่ากำไรส่วนมากของบริษัทมาจากการขายกล้องถ่ายรูปดิจิตอลภายใต้แบรนด์ Cybershot และการขายโทรทัศน์จอแบน Bravia ซึ่งตอนนี้กำลังบูมมากในยุโรป

นอกจากนี้แล้วโซนี่ยังกำไรในส่วนของธุรกิจบันเทิงอีกด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาพยนตร์เรื่อง Spiderman 3

จากปีก่อนๆ ที่สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) ได้ให้เงินสนับสนุนค่าสอบให้แก่ผู้ที่สอบผ่านประกาศนียบัตรนักพัฒนาโปรเกรมภาษาจาวา (Sun Certified Java Programmer) ภายใต้โครงการจาวาภิวัฒน์ มาปีนี้ SIPA ได้เพิ่มเงินสนับสนุนการสอบใบประกาศนียบัตรนักพัฒนาโปรแกรมให้มากขึ้น โดยเงินสนับสนุนในส่วนของภาษา Java นั้น นอกจาก Sun Certified Programmer ที่มีมาแต่เดิมแล้ว ยังให้เงินสนับสนุนสำหรับการสอบใบประกาศอื่นๆในตระกูล Java ของ Sun เกือบทุกตัว แม้กระทั่ง Sun Certified Enterprise Architect for J2EE ซึ่งค่าสอบแพงถึง 22,660 บาทและ SIPA สนับสนุนค่าสอบเต็มจำนวน!

เราคุ้นกันดีว่าอินเดียโกยเงินมหาศาลไปจากการรับงานเอาต์ซอร์ส แต่ผลสำรวจล่าสุดพบว่าจีนขึ้นมาหายใจรดต้นคอแล้ว

บริษัท IDC ได้จัดทำ Global Delivery Index (GDI) โดยเปรียบเทียบความพร้อมของ 35 เมืองแถบเอเชียแปซิฟิกในทุกด้าน อินเดียยังครองอันดับต้นๆ อยู่เช่นเดิม แต่ IDC พยากรณ์ว่าจีนจะล้มแชมป์ในช่วงปี 2011

10 อันดับแรกมีดังนี้ครับ

1. บังกะลอร์
2. มะนิลา
3. นิวเดลี
4. มุมไบ
5. ต้าเหลียน
6. เซี่ยงไฮ้
7. ปักกิ่ง
8. ซิดนีย์
9. บริสเบน
10. โอ๊กแลนด์

รายงานฉบับเต็มยังไม่ออก เลยไม่รู้ว่ากรุงเทพอยู่อันดับที่เท่าไร

ที่มา - IDC

หลังจากครองแชมป์มา 13 ปี บิล เกตส์อาจได้เวลาหลุดโผมาเป็นอันดับ 2 เสียแล้ว

แชมป์คนใหม่ก็ไม่ใช่ใครอื่น Carlos Slim Helú มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกันผู้ครองเบอร์ 2 อยู่ก่อน สาเหตุที่เขาขึ้นมาเบียดเกตส์ได้เป็นเพราะหุ้นที่เขาถือในบริษัท América Móvil ซึ่งเป็นบริษัทโอเปเรเตอร์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกามีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงอันดับนี้ยังไม่เป็นทางการ ต้องรอการประกาศจาก Forbes เสียก่อน (ซึ่งอาจต้องรอยาวไปถึงอันดับเศรษฐีปี 2008 ที่ประกาศในเดือนมีนาคมนู่นเลย)

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วเกตส์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับการติดอันดับเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกเลย

Ars Technica รายงานว่าไมโครซอฟท์จะเริ่มทำการขายพีซีด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ในขณะนี้แคมเปญจะเร่ิมต้นในประเทศอินเดียก่อน

ภายใต้ชื่อ IQ PC เครื่องจะมีราคาประมาณ​ RS21,000 หรือประมาณ $525 โดยเครื่องจะถูกผลิดโดย Zenith และจะใช้ซีพียู AMD Athlon

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่การก้าวมาขายพีซีของไมโครซอฟท์ครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขยายเครือข่ายคอมพิวเตอร์และวินโดวส์ราคาประหยัดเท่านั้น อาจจะเป็นเพียงแค่การตอบโต้ Intel Classmate PC หรือ OLPC XO เท่านั้น

นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย Pali Research ในนิวยอร์คได้เปิดเผยข้อมูลว่า จำนวนซีดีเพลงที่ขายในสหรัฐจะลดลงอีก 20% ในปี 2008 โดยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 15% และในปี 2007 นั้นก็ลดลงมา 18% อยู่ก่อนแล้ว

ปัจจัยสำคัญของยอดขายซีดีที่ตกลงเกิดจากการลดพื้นที่วางขายแผ่นของร้าน Best Buy ในสหรัฐ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมเพลงออนไลน์นั่นเอง เมื่ออาทิตย์ก่อนแอปเปิลได้ประกาศว่า iTunes Store ได้แซง Amazon ขึ้นมาเป็นร้านขายเพลงอันดับสามของสหรัฐแล้ว (สองอันดับแรกยังเป็น Wal-Mart และ Best Buy ที่ขายเพลงเป็นแผ่นซีดี)

Pali Research คาดว่าในปี 2009-2010 อัตราการลดของซีดีเพลงจะเพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก

CNET News Blog เกี่ยวกับเทคโนโลยีได้ให้สาเหตุของความจำเป็นของการให้สิทธิในการทำงานและอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาแก่นักเรียนต่างชาติระดับปริญญาโทขึ้นไปก็เพราะเนื่องจาก "พวกเขาคือส่วนใหญ่ที่เรียนในการศึกษาระดับนี้"

นักเรียนชาวอเมริกันนั้นมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดที่ 89% ของนักเรียนทั้งหมดในระดับปริญญาตรีใน Electrical Engineering หรือวิศวะไฟฟ้าในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐด้วยข้อมูลจาก Engieering Workforce Comission of the American Association of Engineering Societies

แต่เมื่อมาดูตัวเลขของระดับปริญญาโทในหลักสูตรเดียวกันนี้มีแค่ 49% ที่เป็นชาวอเมริกัน ที่เหลือ 51% เป็นนักเรียนจากต่างชาติทั้งสิ้น

แย่กว่านั้นคือระดับปริญญาเอก (PhD) นั้นนักเรียนต่างชาติมีมากถึง 71%

Blockbuster เครือร้านเช่าวิดีโอรายใหญ่ในสหรัฐตัดสินใจเลือก Blu-ray เป็นฟอร์แมตหลัก โดยจะสต็อกแผ่น Blu-ray ในทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วน HD DVD นั้นจะมีแค่ 250 สาขาจากทั้งหมด 1,450 สาขา หรือถ้าอยากได้จริงๆ ต้องสั่งออนไลน์

Matthew Smith รองประธานของ Blockbuster เปิดเผยว่าการตัดสินใจนี้มาจากการทดลองตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว และพบว่า 70% ของลูกค้าเลือกเช่า Blu-ray ด้วยเหตุผลว่าหนังฝั่ง Blu-ray น่าสนใจกว่า ไม่ใช่ปัจจัยด้านเทคนิคหรือราคาแต่อย่างใด

ที่มา - Engadget

Scot Finnie นักเขียนของ ComputerWorld ต้องการทดสอบความเชื่อที่ว่าพีซีถูกกว่าแมคยังเป็นจริงอยู่หรือไม่ เขาจึงไปเดินสำรวจตลาด (ในสหรัฐ) และพบว่ามันยังจริงแค่บางส่วนเท่านั้น

ในส่วนของตลาดบน Scot Finnie กลับพบว่า MacBook Pro 17" มีราคาถูกกว่า Dell Inspiron ที่สเปกใกล้เคียงกันถึง 650 เหรียญ (แน่นอนว่าสเปกไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด) เมื่อเทียบกับ Vaio VGN-AR390E ก็ใกล้เคียงกัน

ตลาดระดับกลาง MacBook กับ iMac ก็ถือว่าอยู่ระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับพีซีรุ่นอื่นๆ ในตลาด ส่วนตลาดล่างนั้นแอปเปิลไม่สนใจเลย

ผลสำรวจของ HP และ Economist Intelligence Unit พบว่าโครงการไอทีในยุโรป ส่วนมากจะเสร็จไม่ทันกำหนด

สวีเดนเป็นประเทศที่เลทน้อยที่สุด ยังมีโครงการที่ทำทันน้อยกว่าครึ่ง (44% - แปลว่า 56% เลท) ส่วนประเทศอันดับบ๊วยในรายงานคือสเปน เสร็จทันแค่ 4% เท่านั้นเอง

สาเหตุสำคัญของการเลท 3 ประการได้แก่ การเปลี่ยนเป้าหมายโครงการ, การเอาท์ซอร์ส และการจัดการ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไอทีในยุโรปมีโอกาสจะโดนไล่ออกเนื่องจากงานไม่เสร็จ ต่ำกว่าอเมริกาและเอเชีย

ที่มา - BBC

คนทำงานไอทีจำเป็นต้องพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองให้ตรงกับความต้องการของตลาด นิตยสาร Computer World ได้จัดอันดับ 10 ทักษะที่ตลาดไอทีไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว

กลุ่มพันธมิตรทั้งค่ายหนังเพลงซอฟต์แวร์ รวมตัวกันเป็น Copyright Alliance มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ (หมายถึง DMCA ของสหรัฐ) ผมดูจากเอกสารคร่าวๆ แล้วน่าจะออกไปทางกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ทางการเมืองนะ

ข้อมูลบนเว็บของ Copyright Alliance บอกว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นพันล้านเหรียญ และการใช้ fair use ในปัจจุบัน ถ้าตัดสินกันจริงๆ แล้วเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (เกินกว่า fair use) ซะเยอะ

สมาชิกของ Copyright Alliance ก็ประกอบด้วยขาใหญ่มากันครบ แยกเป็นหมวดๆ ดังนี้ครับ

NPD Group ได้เผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดกลุ่มสินค้าไอทีต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาเฉพาะเดือนมีนาคม 2007 ที่ผ่านมานี้

ผลออกมาแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันนี้ส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์นั้นซัมซุงเป็นอันดับที่หนึ่ง มีส่วนแบ่ง 16.4% ในขณะที่โซนี่มีส่วนแบ่งทั้งหมด 13.6%

สำหรับส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะนั้น HP ยังคงเป็นอันดับที่หนึ่งอยู่ต่อไป ในขณะที่ผู้ที่เข้ามาใหม่ก็คือแอปเปิล ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 7.7% ทำให้แอปเปิลครองอันดับที่ 5

ZDNet Asia ได้มีรายงานพิเศษเกี่ยวกับเทรนด์การให้เงินเดือนของผู้ที่ทำงานทางด้านไอทีของภูมิภาคเอเชีย หนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยด้วยครับ น่าสนใจเหมือนกันเพราะว่ามันไม่เหมือนกับที่ผมรู้สึก แต่ก็ดีใจเหมือนกันที่ประเทศไทยนั้นอัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยก็เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศที่เขาได้ทำวิจัยมาเลย

ประเทศไทยดูจะเป็นรองแค่ฮ่องกงและสิงคโปร์ในส่วนของรายได้เฉลี่ยชาวไอที แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าทำงานเกี่ยวกับไอทีนั้นจะได้รับเงินเดือนที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านหน่อย แต่ถ้าประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเราแซงมาเลเซียไปเลยทีเดียว (ต่างกันมากถึงปีละ $20,000 เลยนะครับ)

หนังสือพิมพ์ USA Today ได้สัมภาษณ์ซีอีโอของไมโครซอฟท์ นาย Steve Ballmer เกี่ยวกับการตลาดของ iPhone ถึงแม้เขาจะให้เครดิตแอปเปิลเรื่องความสามารถในการเข้ามาในตลาดมือถือได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาสงสัยว่า iPhone อาจจะไม่ได้ส่วนแบ่งตลาดมากมายอะไรอย่างที่หลาย ๆ คนคาดไว้

หนังสือพิมพ์ New York Time มีรายงานเกี่ยวกับข้อมูลที่นายไมเคิล เดล ประธานฝ่ายบริหารของบริษัท Dell ได้ส่งถึงพนักงานกว่า 80,000 คนว่าบริษัทอาจจะเปลี่ยนรูปแบบการขายเป็นการขายตรงแทน

การขายตรงในที่นี้คือการเปิดร้าน Retail Shop ของตัวเอง คล้าย ๆ กับแอปเปิล ที่สุดท้ายตัดสินใจขายตรงในปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจคอมพิวเตอร์และอิเลกโทรนิกส์อยู่ในช่วงขาลง ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงมากของ Steve Jobs ที่เพิ่งกลับเข้ามาบริหารแอปเปิลอีกรอบ

เมื่อปี 1997 นั้นหลาย ๆ คนอาจจะจำได้ว่าไมเคิล เดลนั้นเคยพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาขาดทุนของแอปเปิลไว้ว่า...

MPAA (กลุ่มองค์กรผู้ค้าภาพยนตร์) ยังคงจะสนับสนุนการใช้ DRM อยู่ต่อไปในอนาคต โดยจากการประชุมล่าสุดของกลุ่มนั้นได้มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจจคือการที่จะให้ลูกค้าที่ซื้อดีวีดีไปนั้นสามารถ rip แผ่นไปใช้บนสื่อต่าง ๆ อื่น ๆ ได้เช่นไอพ็อดหรือบนคอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยไม่ผิดกฏหมายแต่อย่างใด (ปัจจุบันผิดกฏหมายอยู่)

เพียงแต่ว่า กลุ่ม MPAA นี้ต้องการให้มีซอฟต์แวร์ป้องกันลิขสิทธิ์หรือ DRM กับไฟล์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการ rip หนังเรื่องนั้น ๆ มาด้วย และสำหรับการขายเพลงที่ไม่มี DRM นั้น ตัวกลุ่มเองนั้นยังอยากให้บริษัทผู้ค้่าเพลงออนไลน์ต่าง ๆ ขายเพลงโดยมี DRM เหมือนเดิม แต่ต้อง "ปลดล็อค" ให้มันสามารถนำไปใช้กับสื่อต่าง ๆ ข้ามบริษัทได้ (เช่น ซื้อเพลงจาก iTunes เอาไปเล่นบน Zune ได้เป็นต้น)