เป็นประจำทุกปีสำหรับนิตยสาร Forbes ที่มีการจัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี 2011 (อันดับปี 2010) โดยในปีนี้บิล เกตส์ซึ่งตกจากอันดับ 1 ในปีก่อนมาอยู่ที่ 2 ก็ยังคงรั้งอันดับที่ 2 ต่อไปอีกปีกับมูลค่าทรัพย์สิน 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยคือ 3 พันล้านดอลลาร์
ส่วนอันดับที่ 1 ยังเป็นของ Carlos Slim มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโกเจ้าของธุรกิจสื่อสารกับมูลค่าทรัพย์สิน 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์
แผนการกู้เศรษฐกิจอเมริกาของโอบามาคือ "การสร้างงาน" ซึ่งอุตสาหกรรมดาวรุ่งในอเมริกาที่ยังสร้างงานได้อีกมากคืออุตสาหกรรมพลังงานทดแทน และอุตสาหกรรมไฮเทค
ล่าสุดทำเนียบขาวได้ประกาศโครงการ Startup America Partnership เพื่อลงทุนให้เกิดบริษัทหน้าใหม่ (ที่เราเรียกกันว่า startup) มากขึ้น ประธานโครงการนี้คือ Steve Case อดีตผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ AOL ในยุครุ่งเรือง
งานนี้มีบริษัทไอทีใหญ่ๆ เข้าร่วมด้วยมากมาย เช่น อินเทลประกาศลงทุน 200 ล้านเหรียญ, ไอบีเอ็มลง 150 ล้านเหรียญ, เอชพีเปิดโครงการสอนการตั้งบริษัท และเฟซบุ๊กจะจัดงาน Startup Days ทั่วสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ นอกวงการไอทีและมูลนิธิอีกหลายแห่งเข้าร่วมด้วย
เป็นบทวิเคราะห์จาก InfoWorld ต่อวงการมือถือ ณ ปัจจุบันครับ
InfoWorld มองว่า iOS และ Android ลอยตัวจากสงครามมือถือไปเรียบร้อยแล้ว ส่วน Nokia กับ Windows Phone ก็หลุดวงโคจรไปเรียบร้อยแล้ว รายอื่นที่ยังต้องรอดูว่าจะอยู่หรือไปคือ BlackBerry กับ webOS
BlackBerry
InfoWorld มองว่าทิศทางของ BlackBerry ในช่วงหลังๆ ยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร ทั้งที่มีศักยภาพจะขึ้นมาเป็นอันดับสามของตลาดได้
นักวิเคราะห์จากบริษัท Webbush ประเมินยอดขายฮาร์ดแวร์เกมในเดือนธันวาคม 2010 ว่า Wii ยังนำที่ 2.6 ล้านเครื่อง ตามด้วย Xbox 360 ที่ 2.5 ล้านเครื่อง และ PS3 ที่ 1.2 ล้านเครื่อง
แต่ถ้าเทียบกับยอดขายของเดือนธันวาคมปีก่อน ฮาร์ดแวร์โดยรวมมียอดขายลดลง 12% แบ่งเป็น Wii ตกลง 32%, PS3 ตกลง 12% ในขณะที่ Xbox 360 โตสวนกระแสตลาดด้วยอัตรา 91%
เดือนนี้อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีของนินเทนโดเท่าไรนัก เพราะฝั่งเครื่องเล่นเกมพกพา DS ขายได้ 2.55 ล้านเครื่อง ตกลง 23% ถ้าวัดยอดขายตลอดปี 2010 นินเทนโดตกลงจากปีก่อนพอสมควร คงได้เวลาของ 3DS (และ Wii 2) จริงๆ
ตัวเลขอย่างเป็นทางการต้องรอจากสำนัก NPD อีกครั้งหนึ่งครับ
เว็บไซต์ Techmeme ได้จัดอันดับข่าวไอทีในปี 2010 โดยคัดเลือก 50 ข่าวที่ได้รับการอ้างอิงมากที่สุด พบว่าข่าวที่เกี่ยวข้องกับแอปเปิลยึดครองชาร์ทได้มากที่สุด ตามด้วยกูเกิล ส่วน Facebook ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักเมื่อเทียบกับ 2 รายแรก
ผมคัดมาเฉพาะ 5 อันดับแรก ส่วน 45 อันดับที่เหลือตามอ่านต้นฉบับกันเองครับ
เว็บไซต์ The Atlantic จัดอันดับกิจการไอทียอดเยี่ยมประจำปี 2010 โดยวัดจากราคาหุ้นที่เติบโตตลอดปี ปรากฎว่าแชมป์เป็นของ Baidu เว็บชื่อดังจากจีน ซึ่งมีอัตราการเติบโตของราคาหุ้นสูงเกือบ 140%
อันดับสองคือแอปเปิล ประมาณ 50% ตามด้วย Amazon, Oracle, Sony ตามลำดับ
ราคาหุ้นของยาฮูคงตัว ซึ่งกลับสูงกว่ากูเกิลที่ติดลบเล็กน้อย บริษัทอื่นๆ ที่ติดลบได้แก่ไมโครซอฟท์, Adobe, HP ส่วนอันดับบ๊วยในบริษัทที่ร่วมจัดอันดับคือโนเกีย -20%
ที่มา - The Atlantic
Peter Verterbacka แห่งบริษัท Rovio ผู้สร้างเกม Angry Birds ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Tech Marketing พูดหลายประเด็นที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมมือถือ
เขาเล่าว่า Rovio อยู่ในอุตสาหกรรมเกมบนมือถือมานาน ทำเกมมาแล้ว 50 กว่าเกม ไม่ใช่เพิ่งทำเกมแรกแล้วดังเลย ทีมงานที่ทำ Angry Birds มีด้วยกัน 12 คน แต่ตอนนี้ Rovio มีพนักงานเกิน 50 คน ซึ่งขยายตัวมากในปีนี้ เขาบอกว่าเกมคู่แข่งอย่าง Cut the Rope ก็เป็นทีมที่เคยสร้างเกมมานานเช่นกัน
ส่วนเกม Angry Birds เกิดจากคาแรกเตอร์ที่ Jaakko Iisalo เกมดีไซเนอร์ของบริษัทวาดขึ้นมา ตอนแรกมันไม่ใช่เกมแบบนี้เลย แต่ทุกคนในบริษัทชอบคาแรกเตอร์มาก เลยพยายามสร้างเกมให้กับมันตามมา ในช่วงแรกเกมขายได้เรื่อยๆ อยู่ครึ่งปี ก่อนจะบูมและติดอันดับหนึ่งแทบทุกชาร์ต
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รวม 10 ปรากฎการณ์เด่นในอุตสาหกรรมมือถือประจำปีนี้
(ต้นฉบับใช้คำว่า Android Explosion แต่ผมนึกคำไทยดีๆ ไม่ออก ก็ตัดเหลือ Android อย่างเดียวละกันนะครับ)
นิตยสาร Forbes พยากรณ์ว่าปีหน้า 2011 เราจะเห็นสมาร์ทโฟนขายดีระเบิด ด้วยยอดขาย 500 ล้านเครื่องตลอดทั้งปี (ปี 2010 ขายได้ประมาณ 270 ล้านเครื่อง) และคนทุกระดับจะมีโอกาสเข้าถึงสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนแทนพีซีแบบดั้งเดิม
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้สมาร์ทโฟนขายดีคือ เครือข่ายมือถือที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนราคาถูกมาก ซึ่งล่าสุด Broadcom ได้ออกชิป BCM2157 ที่รวมฮาร์ดแวร์พื้นฐานทุกอย่างสำหรับมือถือ Android โดยเฉพาะบนบอร์ดแผ่นเดียว ทำให้อาจกดราคามือถือ Android รุ่นล่างลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ หรืออาจลงไปถึง 75 ดอลลาร์ (2,300 บาท) ก็เป็นได้
ประเด็นเรื่องแท็บเล็ตแย่ง-ไม่แย่งตลาดของเน็ตบุ๊ก ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่มาก ตามข่าวเก่า ประธานของ Acer เคยบอกว่าไม่กระทบ แต่ตัวเลขจาก IDC บอกว่ามีผลอยู่พอสมควร
ล่าสุดมีผู้บริหารของไมโครซอฟท์ (ซึ่งทำเงินจากเน็ตบุ๊กได้ แต่แทบไม่มีส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตเลย) คือ Gavriella Schuster หัวหน้าฝ่าย Windows Product Management ออกมายอมรับแล้วว่า "อุปกรณ์ใหม่ๆ เหล่านี้กินส่วนแบ่งตลาดเน็ตบุ๊กจริง" สั้นๆ แต่มีความหมายครับ
ที่มา - Seattle PI
แอปเปิลเป็นบริษัทหนึ่งที่เป็นทั้งผู้นำและผู้ตามในการนำมาตรฐานทางด้านอุตสาหกรรมมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตน อาทิ แอปเปิลเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ใส่ USB และ FireWire ลงในเครื่องเดสก์ท็อป แต่จนถึงทุกวันนี้กลับยังไม่ใส่ HDMI ลงในเครื่องโน้ตบุ๊ก ต้องใช้อแด็ปเตอร์ Mini DisplayPort to HDMI (ซึ่งต่างจากโน้ตบุ๊กของบริษัทอื่นที่ส่วนใหญ่มี HDMI ในตัว) ล่าสุดคุณสตีฟ จ็อบส์ได้ตอบคำถามทางอีเมลในเรื่องที่อยากให้ฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลรองรับ USB 3.0 ว่า:
พวกเราไม่เห็นว่า USB 3.0 ได้รับความนิยมซักเท่าไรในตอนนี้ ตัวอย่างเช่น มันไม่ได้รับการสนับสนุนจากอินเทล
อันนี้เป็นมุมมองที่แย้งกับ JT Wang ประธานของ Acer ที่บอกว่า iPad กระทบยอดขายเน็ตบุ๊กน้อยมาก เมื่ออาทิตย์ก่อน โดยเขาบอกว่ายอดขายเน็ตบุ๊กตกลงไปเฉพาะในสหรัฐและสหราชอาณาจักรเท่านั้น
ตัวเลขล่าสุดของบริษัท IDC ระบุว่าภูมิภาคที่เรียกรวมๆ ว่า EMEA (Europe, the Middle East, and Africa) มีอัตราการเติบโตในไตรมาสที่สามของปีน้อยกว่าที่คาด (แต่ยังโตขึ้น 10.5%) ถ้าคิดเฉพาะเน็ตบุ๊กมีอัตราการเติบโตช้าลง (ลดลง 25%) ส่วนแท็บเล็ตเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ที่ยังโตสม่ำเสมอคือโน้ตบุ๊กขนาดมาตรฐาน ซึ่งยอดขายดีขึ้นเพราะนักเรียนเปิดเทอมใหม่ในช่วงนี้
นักวิเคราะห์จากบริษัท Screen Digest ประเมินตลาดเกมออนไลน์ (ในที่นี้หมายถึง MMO) ของซีกโลกตะวันตก อันประกอบด้วยอเมริกาเหนือ ยุโรป และประเทศฝรั่งอื่นๆ
ฝ่ายรับสมัครงานของไมโครซอฟท์ได้เขียนบล็อกแนะนำ 3 สาขาวิชาย่อยด้านเทคโนโลยีที่นักศึกษาอาจพิจารณาเลือกเรียน เพราะจะเป็นสาขาดาวรุ่งพุ่งแรงในอนาคตอันใกล้
คำอธิบายของแต่ละสาขาดูกันเองตามลิงก์ ถ้าใครจบมาด้านนี้แล้วอยากหางาน ก็อาจเลือกสมัครกับไมโครซอฟท์ได้
ที่มา - Microsoft JobsBlog
เป็นการตัดสินใจปรับโครงสร้างธุรกิจอีกครั้งของ Motorola เมื่อบริษัทประกาศว่าได้ทำการขายส่วนธุรกิจอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายให้กับ Nokia Siemens Networks คิดเป็นมูลค่า 1.2พันล้านดอลลาร์
Nokia Siemens ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนนี้คาดหวังว่าจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก Motorola และทำให้บริษัทขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทมีคู่แข่งหลักคือ Ericsson และ Huawei การควบรวมนี้ทำให้กลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทอย่าง China Mobile หรือ Sprint Nextel มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
หลังจากปิดข้อตกลงนี้ทาง Motorola จะพุ่งความสนใจไปยังธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายตามบ้านเป็นหลัก
Gartner เผยยอดขายพีซีทั่วโลกประจำไตรมาสที่สองของปี 2010 ตลาดรวมโตขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อันดับหนึ่งยังเป็น HP ด้วยส่วนแบ่ง 17.4% ตามด้วย Acer 13.0%, Dell 12.4%, Lenovo 10%, Asus 5.2% และ Toshiba 5.1% ส่วนรายเล็กที่เหลือรวมกันได้ 36.8% ของตลาด
ความน่าสนใจอยู่ที่อัตราการเติบโต (จากไตรมาสที่สองของปี 2009) ของผู้ผลิตจากเอเชีย ซึ่งโตอย่างก้าวกระโดดแซงหน้าอัตรารวมของทั้งอุตสาหกรรม 20% กันถ้วนหน้า รายที่โตที่สุดคือ Asus 78.5% จากเดิม, ตามด้วย Lenovo 47.2% และ Acer 31.6% ส่วนเจ้าตลาดอย่าง HP แม้จะเติบโตจากเดิม แต่ก็เติบโตด้วยอัตราที่น้อยกว่าอัตรารวมของตลาด
ที่มา - Gartner
ยุทธศาสตร์การหนุน Android ของ HTC เริ่มออกดอกออกผล เพราะกระแส Android บูมช่วยเพิ่มรายได้แก่ HTC มากมาย
HTC เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2010 ปรากฎว่ารายได้ (revenue) ของ HTC เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2009 ถึง 63% ส่วนกำไรเพิ่มประมาณ 36%
เราไม่มีตัวเลขยอดขายเครื่องของ HTC ชัดเจนนัก แต่ตัวเลขจากกูเกิลบอกว่าคนเปิดใช้เครื่อง Android ประมาณ 160,000 คนต่อวัน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 60% จากเดือนก่อน ซึ่งถ้าพิจารณาจากจำนวนเครื่องของ HTC ในท้องตลาด ก็ต้องบอกว่าไม่น้อยเลยล่ะ
ที่มา - jkOnTheRun
จากกรณี Foxconn ปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น 20% หลังจากพนักงานฆ่าตัวตายไปแล้ว 10 คน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าแรงงานราคาถูกในจีนเริ่มมีปัญหา บวกกับปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจอย่างเงินหยวนอ่อนค่าลง อัตราเงินเฟ้อและราคาที่พักอาศัยพุ่งสูงขึ้น เป็นผลรวมให้ต้นทุนของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในจีนเริ่มสูงขึ้น
ข่าวนี้ยกตัวอย่างของ Google Docs แต่ผมคิดว่ามันแทนแนวคิดของ cloud computing หรือ "บริการกลุ่มเมฆ" ที่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งของระบบไอทีในองค์กรแบบเดิมๆ ได้เช่นกัน
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย Jim Whitehurst ซีอีโอของ Red Hat โดยเขาเล่าว่ามี CIO ของบริษัทลอจิสติกส์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเล่าให้ฟัง
CIO คนนี้บอกว่า เขาได้รับมอบหมายงานจาก CMO (หัวหน้าฝ่ายการตลาด) ว่าต้องการระบบแชร์เอกสารระหว่างพนักงานของบริษัทที่อยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก เขากลับไปปรึกษากับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ภายใน ซึ่งได้คำตอบว่าสามารถทำได้ แต่ใช้ระยะเวลาพัฒนาโปรแกรม 9 เดือน และงบประมาณ 14 ล้านดอลลาร์
Blognone นำเสนอเรื่องความแรงของ Acer ในฐานะผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ไปหลายครั้ง (ยุคทองของไต้หวัน? Acer ใกล้แซง Dell เป็นผู้ผลิตพีซีเบอร์สอง, ยอดขายพีซีสหรัฐ: HP ใกล้แซง Dell, Acer พุ่ง, Apple ร่วง, Acer อาจเข้าซื้อ Fujitsu เพื่อครองที่หนึ่งตลาดโน้ตบุ๊ก) สถานการณ์ล่าสุดในตอนนี้คือเราอาจเห็น Acer ผงาดเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดโน้ตบุ๊กโลกในปีนี้แล้ว
ข่าวนี้ต่อจาก แอปเปิลชนะไมโครซอฟท์ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีอันดับ 1 แล้ว
เรื่องก็คือ ราคาหุ้นของแอปเปิลยังพุ่งสูงต่อไป ด้วยปัจจัยหนุนเรื่อง iPhone 4 ทำให้ราคาหุ้นทุบสถิติ all-time high ของบริษัทไปอยู่ที่ 275 ดอลลาร์ต่อหุ้น อันนี้ไม่มีอะไรมากครับ พรุ่งนี้ถ้าขึ้นอีกสูงกว่านี้ก็เป็นข่าวใหม่ หรือถ้าลงก็เป็นเรื่องปกติ ถามคนเล่นหุ้นได้
ที่เป็นข่าวคือมีคนเอาตัวเลข 275 ไปคูณจำนวนหุ้น แล้วได้ตัวเลขออกมาว่าแอปเปิลมีราคาตามมูลค่าหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 250,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นรองแค่เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นคือ Exxon Mobil บริษัทอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งมีมูลค่าตามตลาด 297,300 ล้านดอลลาร์ (ส่วนไมโครซอฟท์ตอนนี้ 230,400 ล้านดอลลาร์)
หลังสิ้นสุดเวลาการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq วานนี้ (26 พฤษภาคม) แอปเปิลมีมูลค่าการซื้อขายที่ 222.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าไมโครซอฟท์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 219.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปแล้ว นอกจากนี้ยังถือเป็นบริษัทในอเมริกาที่มีมูลค่าในตลาดสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Exxon Mobil
นักวิเคราะห์จาก Jacob Internet Fund ให้ความเห็นว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่เหนือว่าในขณะนี้เพราะบริษัทมองหาโอกาสที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และยังหาช่องทางในการสร้างกำไรที่สูงโดยตลอด ขณะที่นักลงทุนอีกรายให้ความเห็นว่าไมโครซอฟท์เป็นบริษัทที่พยายามคุมตลาดที่ตัวเองมีตั้งแต่ในอดีต แต่แอปเปิลพยายามสู้กับตัวเองโดยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆสู่ตลาดมากกว่า
Samsung ผู้ผลิตมือถืออันดับสองของโลก (เป็นรองแค่โนเกียเท่านั้น) ได้เบียด Motorola แชมป์ตลอดกาลของตลาดสหรัฐ ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งร่วมด้วยส่วนแบ่ง 21.9%
แต่เท่านั้นยังไม่พอ LG อดีตเบอร์สองของตลาดที่ตอนนี้กลายเป็นอันดับสาม ก็ตามมาติดๆ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21.8% เฉือนกันเพียง 0.1 จุดเท่านั้น อันนี้เป็นส่วนแบ่งตลาดของไตรมาสล่าสุด ซึ่งทั้ง Motorola และ LG มีส่วนแบ่งลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ Samsung มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น
อันดับสี่ก็เสมอเช่นกัน RIM และโนเกียมีส่วนแบ่ง 8.3% เท่ากัน แต่โนเกียส่วนแบ่งลด ขณะที่ RIM เพิ่มพรวดถึง 1.3 จุด
ส่วนแบ่งตลาดโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐ อันดับหนึ่ง Verizon 31.1% ตามด้วย AT&T 25.2%, Sprint 12% และ T-Mobile 12%
นิตยสาร Forbes ได้ทำการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี ในปีนี้บิล เกตส์ร่วงลงมาเป็นอันดับที่สอง หลังจากที่รวยเป็นอันดับหนึ่งในปีที่แล้ว โดยเกตส์มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากเดิม 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 53 พันล้านดอลลาร์
สำหรับมหาเศรษฐีที่น่าสนใจรายอื่นๆ ในโลกไอทีก็มีรายชื่อและมูลค่าทรัพย์สินดังต่อไปนี้
นิตยสาร Fast Company ได้มอบรางวัล Geeks of the Year ให้กับ geek ที่ทำผลงานโดดเด่นในรอบปี 2009 ซึ่งมีผู้รับรางวัลหลายคน ได้แก่