LinkedIn เปิดบริการใหม่ ในรูปแบบฟีเจอร์ Service Marketplace เป็นบริการช่วยคนหางานฟรีแลนซ์ แข่งกับแพลตฟอร์มที่ดังเรื่องนี้อยู่แล้วอย่าง Fiverr และ Upwork โดย LinkedIn ทดสอบ Service Marketplace เป็นเวอร์ชันเบต้า ผู้ใช้แล้ว 2 ล้านคนจากผู้ใช้เกือบ 800 ล้านคนตามรายงานผลประกอบการ ซึ่งล่าสุดเตรียมเปิดใช้งานทั่วโลกแล้ว
ไมโครซอฟท์ประกาศปิดให้บริการ LinkedIn เวอร์ชันในจีน โดยให้เหตุผลว่าแม้แพลตฟอร์มจะช่วยให้สมาชิกผู้ใช้งานในจีน สามารถค้นหางานและโอกาสใหม่ ๆ ได้ แต่ในมุมของการเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลนั้น มีความท้าทาย ต่อการปฏิบัติให้ได้ตามข้อกำหนดของทางการจีน ทำให้บริษัทตัดสินใจปิดบริการดังกล่าวภายในปีนี้
เนื่องจากไมโครซอฟท์ยังเห็นโอกาสในการให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับค้นหางานในจีน บริษัทจึงเตรียมเปิดตัว InJobs แอปแยกตัวใหม่สำหรับการหางานโดยเฉพาะ ซึ่งตัดฟีเจอร์โซเชียลออกไป แอปนี้จะเปิดตัวภายในปีนี้
LinkedIn เริ่มให้บริการในเวอร์ชันสำหรับจีนโดยเฉพาะในปี 2014 ซึ่งมีการปรับให้เป็นไปตามข้อกำหนด ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า LinkedIn ถือเป็นตลาดค้นหางานที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในจีน
Glassdoor แพลตฟอร์มที่เปิดให้ผู้ใช้งานรีวิวสถานที่ทำงาน, องค์กร เข้าซื้อ Fishbowl แอปพลิเคชันที่ให้แสดงความเห็นต่อเพื่อนร่วมงานแบบไม่ระบุตัวตน พร้อมทั้งสามารถเข้าร่วมกลุ่มสนทนาตามความสนใจเกี่ยวกับงานและค้นหางาน โดยในดีลครั้งนี้ ฟีเจอร์ของ Fishbowl จะ integrate เข้ากับแพลตฟอร์มหลัก Glassdoor ถือเป็นการรวมฟังก์ชันเพื่อให้สามารถแข่งขันกับ LinkedIn ได้
LinkedIn ประกาศหยุดการแสดงเนื้อหาแบบ Stories โดยจะมีผลตั้งแต่ 30 กันยายน 2021 เป็นต้นไป ทั้งนี้ LinkedIn ได้เริ่มเปิดใช้งาน Stories ตั้งแต่ปีที่แล้ว
Liz Li ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ LinledIn บอกว่า ในตอนแรก LinkedIn เพิ่ม Stories เพื่ออยากให้มีวิธีการแชร์วิดีโอสั้นที่สนุกและดูเป็นกันเอง แต่เมื่อเปิดใช้งานไป ก็พบว่าผู้ใช้งานต้องการสื่อผสมผสานที่นำเสนอความจริงจัง และเป็นไปในทิศทางเดียวกับหน้าโปรไฟล์มากกว่า
เก็บตกประเด็นจากงานแถลงผลประกอบการไมโครซอฟท์ไตรมาส 2/2021 เรื่องที่น่าสนใจคือซีอีโอ Satya Nadella เปิดเผยว่า LinkedIn กลายเป็นบริษัทที่มีรายได้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีแล้ว อัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 27%
ไมโครซอฟท์ซื้อ LinkedIn ในปี 2016 ด้วยมูลค่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ตอนนั้น LinkedIn มีรายได้ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือมีรายได้เพิ่มประมาณ 3 เท่าในเวลา 5 ปีหลังซื้อกิจการ ส่วนสถิติผู้ใช้งานอยู่ที่ 774 ล้านคน อัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น 30%
Confluent Inc. บริษัทที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Apache Kafka ยื่นเอกสารต่อ กลต. สหรัฐ เพื่อเตรียมเข้าขายหุ้น IPO แล้ว
Apache Kafka เป็นซอฟต์แวร์จัดการ event streaming (บ้างก็เรียก data pipeline) เพื่อนำข้อมูลปริมาณมากๆ เข้าระบบอย่างรวดเร็ว ตัวซอฟต์แวร์เริ่มพัฒนาโดยทีมวิศวกรของ LinkedIn ช่วงปี 2011 ก่อนเปิดเป็นโอเพนซอร์ส และยกให้ Apache Software Foundation ดูแลต่อ
หลายแพลตฟอร์มกำลังพัฒนาการสนทนาเสียงแบบ Clubhouse ไม่ว่าจะเป็น Twitter Spaces, Facebook ก็มีข่าวลือว่าจะทำคล้ายๆ กัน, Spotify ก็อาจจะเข้าร่วมวงด้วย ล่าสุด LinkedIn แพลตฟอร์มฝากประวัติและหางานก็ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนาการสนทนาเสียงด้วยเช่นกัน
LinkedIn กำลังทดสอบเครื่องมือตัวใหม่ Career Explorer เป็นฟีเจอร์แสดงให้คนหางานเห็นว่าทักษะของพวกเขาสามารถหางานได้ในตำแหน่งใดบ้าง และทักษะใดที่พวกเขายังต้องสร้างเพิ่ม เมื่อกดที่รายชื่อทักษะเสริมระบบจะเชื่อมต่อไปยังคอร์สเรียนออนไลน์เพื่อเสริมทักษะและรีสกิลตัวเองใหม่
LinkedIn ปรับโฉมหน้าเว็บและแอปพลิเคชั่นใหม่ในรอบ 5 ปี เพิ่มพื้นที่สีขาวสะอาดตามากขึ้น ลดพื้นที่สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของ LinkedIn ลง
Scribd แพลตฟอร์มสำหรับอ่าน PDF และอีบุ๊คออนไลน์ ประกาศเข้าซื้อกิจการ SlideShare ซึ่งปัจจุบันมี LinkedIn เป็นเจ้าของ ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย โดย SlideShare จะอยู่ภายใต้ Scribd มีผลตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน เป็นต้นไป
LinkedIn ซื้อกิจการ SlideShare ไปเมื่อปี 2012 และต่อมา LinkedIn ก็ถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไปในปี 2016
Trip Adler ซีอีโอ Scribd ให้ความเห็นว่าแม้สองบริษัทนี้จะมีผลิตภัณฑ์คล้ายกัน คือเป็นแพลตฟอร์มอ่านและแชร์เอกสาร แต่ในรายละเอียดก็แตกต่างกัน โดย Scribd เน้นที่ PDF, Word และบทความขนาดยาว (long-form) ขณะที่ SlideShare จะโฟกัสกับ PowerPoint และผู้ใช้งานธุรกิจมากกว่า
จากวิกฤตโรคระบาดส่งผลให้บริษัทปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย และระงับการจ้างงาน ซึ่งกระทบ LinkedIn แพลตฟอร์มหางานและรับสมัครงานเต็มๆ ล่าสุดทางบริษัทออกมาประกาศว่าต้องปลดพนักงานออก 960 ราย คิดเป็น 6% ของพนักงานทั้งหมด
Ryan Roslansky ซีอีโอ ระบุว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้ 10 สัปดาห์รวมถึงการประกันสุขภาพสำหรับพนักงานในสหรัฐฯ 1 ปี และถ้ามีการจ้างงานใหม่ จะเริ่มพิจารณาจ้างจากกลุ่มพนักงานที่ถูกปลดก่อน
ฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 14 ที่แจ้งเตือนผู้ใช้ว่าแอปมีการแอบเก็บข้อมูลคลิปบอร์ด ซึ่งหลายแอปก็ถูกจับได้ และล่าสุดแอปโซเชียลมีเดียสำหรับหางานอย่าง LinkedIn ก็ถูกจับได้ลักษณะเดียวกันและถูกฟ้องร้องแล้ว
LinkedIn ถูกฟ้องแบบกลุ่มที่ศาลกลาง (federal) ในซานฟรานซิสโก ฐานแอปเก็บข้อมูลผู้ใช้บน iPhone/iPad ผ่านคลิปบอร์ดรวมถึงเก็บข้อมูลจากอุปกรณ์แอปเปิลเครื่องอื่นด้วย (ไม่มีรายละเอียดว่าเก็บจากเครื่องอื่นอย่างไร)
ด้านหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ LinkedIn ยืนยันว่าไม่มีการเก็บข้อมูลผ่านคลิปบอร์ด แต่ก็ได้ตรวจสอบปัญหาของโค้ดที่ทำหน้าที่ "equality check" ที่ตรวจสอบความถูกต้องระหว่างเนื้อหาบนคลิปบอร์ดและเนื้อหาที่พิมพ์ลงไป
ในบางครั้ง การอ่านชื่อนามสกุลนั้นเป็นเรื่องยาก และการอ่านผิดๆ ถูกๆ ก็ดูไม่เป็นมืออาชีพ LinkedIn จึงช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นปุ่มอัดเสียง ให้เจ้าของโปรไฟล์กดอัดเสียงพูดชื่อนามสกุลตัวเองได้
เมื่อเจ้าของโปรไฟล์กดอัดเสียง ผู้ใช้งานคนอื่นจะพบไอคอนรูปลำโพงอยู่หลังชื่อ สามารถกดเพื่อฟังได้ ข้อความเสียงมีความยาวสูงสุด 10 วินาที ในการกดอัดเสียงสามารถทำได้เฉพาะบนแอป LinkedIn มือถือเท่านั้น แต่สามารถกดฟังได้ทั้งบนือถือและเดสก์ทอป
LinkedIn รุบะว่าจะปล่อยฟีเจอร์กดอัดเสียงหลังชื่อให้ผู้ใช้ทั้ง 690 ล้านรายใช้ภายในเดือนถัดไป
LinkedIn แพลตฟอร์มโปรไฟล์คนทำงานชื่อดัง ประกาศเปิดบัญชี Spotify ให้ผู้ใช้เข้าไปติดตามและฟังเพลย์ลิสต์ที่ LinkedIn ได้รวบรวมเพลงซึ่งมีความหมายเหมาะกับการเปิดฟังตามโอกาสต่างๆ ในชีวิตการทำงาน ตัวอย่างชื่อเพลย์ลิสต์ที่ LinkedIn จัดให้ก็อย่างเช่น
เมื่อสามปีก่อน Microsoft เข้าซื้อกิจการของ LinkedIn ล่าสุด Jeff Weiner ซีอีโอของบริษัทได้ประกาศลงจากตำแหน่งแล้ว
ในแถลงการณ์จาก LinkedIn ระบุว่า Ryan Roslansky รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์จะขึ้นมารับตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยมีหน้าที่ดูแลการวางยุทธศาสตร์ผลิตภัณฑ์และจะรายงานตรงต่อ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft
ด้าน Weiner ก็จะดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแทน เพื่อคอยดูแลทีมผู้บริหารอีกทีหนึ่ง โดยเขาเป็นซีอีโอของ LinkedIn มาแล้วกว่าสิบปี โดยนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2011 และทำรายได้ให้บริษัท 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว
Jeff Weiner ซีอีโอของ LinkedIn ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปีหลังไมโครซอฟท์ซื้อกิจการในปี 2016
ตอนนั้น Satya Nadella เสนอไอเดียการควบรวมผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์และ LinkedIn เข้าด้วยกัน 6 ข้อ ซึ่งเวลาผ่านมานานถึง 3 ปี แต่ไอเดียเหล่านี้กลับกลายเป็นจริงเพียงแค่ไม่กี่ข้อเท่านั้น เช่น เชื่อมโยงข้อมูล LinkedIn เข้ากับ Microsoft Dynamics 365, เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ Outlook.com และ Microsoft Word
ไมโครซอฟท์ซื้อ LinkedIn มาตั้งแต่ปี 2016 และทยอยควบรวมกิจการของ LinkedIn เข้ามาทีละส่วน ล่าสุดถึงคิวของระบบไอที โดย LinkedIn ประกาศย้ายระบบทั้งหมดขึ้น Azure แล้ว
ก่อนหน้านี้ LinkedIn ใช้วิธีสร้างระบบไอทีของตัวเอง วางศูนย์ข้อมูลเอง และพัฒนาซอฟต์แวร์บางส่วนใช้เอง (ตัวที่ดังที่สุดคือ Apache Kafka) โดยระบบหลักทำเอง และใช้คลาวด์ Azure สำหรับงานบางส่วนอยู่แล้ว
LinkedIn แพลตฟอร์มฝากประวัติหางาน ในระยะหลังพยายามทำตัวให้ดูมีความเป็นโซเชียลมีเดียมากขึ้น ล่าสุดเพิ่มปุ่ม reaction สี่แบบ ให้กดโต้ตอบบนไทม์ไลน์ คือ ปุ่ม like, ปรบมือ, หัวใจ, ปุ่มชาญฉลาด และปุ่มสงสัย
ถือเป็นปุ่มที่ออกแบบมาให้เหมาะกับ LinkedIn ที่ไม่มีปุ่มหัวเราะ ร้องไห้ เพราะผู้ใช้ LinkedIn คงจะไม่ปลื้มเท่าไรถ้ามีคนมาหัวเราะร้องไห้ใต้โพสต์ประวัติงานของตัวเอง
ฟีเจอร์ปุ่ม reaction เปิดใช้งานทั้งในมือถือและเวอร์ชั่นเว็บไซต์แล้ว
LinkedIn แพลตฟอร์มโปรไฟล์คนทำงานเปิดตัว LinkedIn Live ที่สามารถสร้างคลิปไลฟ์สดได้เหมือนโซเชียลมีเดียประเภทอื่น เจากลุ่มคนที่ต้องการทำไลฟ์ขณะ conference หรือประกาศสำคัญของบริษัท ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ เป็นต้น
ฟีเจอร์ LinkedIn Live จะปรากฏบนหน้าฟีด และยังเปิดให้ใช้เฉพาะในกลุ่มผู้ใช้จำนวนหนึ่งในสหรัฐฯ และยังไม่แน่ชัดว่าจะเปิดให้ใช้ทั่วไปเมื่อไร
คณะกรรมาธิการกำกับข้อมูลในไอร์แลนด์พบว่า LinkedIn นำอีเมล 18 ล้านบัญชีมาประมวลผลทำโฆษณาแบบเจาะกลุ่มหรือ targeted ads บน Faebook เพื่อเพิ่มยอดคนลงทะเบียนใช้งานบนแพลตฟอร์มโดยยังไม่ได้การยินยอมจากผู้ใช้
คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าวิธีการพยายามเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานของ LinkedIn แบบนี้นั้นละเมิดกฎการคุ้มครองข้อมูลในไอร์แลนด์
ข้อมูลดังกล่าวมาจากรายงานที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ทำการสรุปในช่วงครึ่งปีแรกของ 2018 ซึ่งนอกจากปัญหาข้อมูลส่วนตัวบน Facebook อย่างที่ทราบกันแล้ว ยังมีปัญหาใหม่ที่เกิดจาก LinkedIn ของไมโครซอฟท์ด้วย ทางคณะกรรมาธิการฯ
ได้แจ้งเรื่องนี้กับ LinkedIn ไปแล้ว และทาง LinkedIn ก็บอกว่าได้ยับยั้งกระบวนการประมวลผลข้อมูลแล้ว
LinkedIn เตรียมเข้าสู่ตลาดอีเวนท์กับเขาบ้าง จากปกติที่เป็นแพลตฟอร์มไว้โฆษณาผลงานของตัวเอง LinkedIn ทดลองใช้ฟีเจอร์อีเวนท์ มีหน้าตาและการใช้งานคล้าย Facebook คือมีการแสดงรายละเอียดงานอีเวนท์บนฟีด เชิญคนอื่นมาเข้าร่วม เห็นว่ามีสมาชิกคนไหนที่รู้จักเข้าร่วมอีเวนท์บ้าง ผู้สร้างอีเวนท์ยังจะสามารถสร้างอีเวนท์เฉพาะกลุ่มได้ด้วย
การทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ยังอยู่เฉพาะผู้ใช้งานบางกลุ่มในนิวยอร์กและซานฟรานซิสโกเท่านั้นในตอนนี้ ปัจจุบัน LinkedIn มีผู้ใช้งานราว 580 ล้านราย และมี LinkedIn Learning ที่เปิดตัวในปี 2016 ขยายตัวมายังธุรกิจด้าน e-learning มีคอร์สพัฒนาทักษะงาน ปัจจุบันมีคอร์สกว่า 13,000 คอร์สแล้ว
LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ 2 อย่างคือ QR Code ให้ผู้ใช้แชร์โปรไฟล์ตัวเองให้คนอื่นง่ายขึ้น กับฟีเจอร์แปลภาษาจากการทำงานของ Microsoft Text Analytics ที่แปลภาษาใน Bing, Skype, Office และ Twitter รองรับ 60 ภาษา
ตรง QR Code ผู้ใช้จะเห็นปุ่ม QR ที่แถบค้นหา มีทั้ง QR Code ของตัวเองกับกล้องไว้สแกน QR ของคนอื่น ต่อไปนี้เวลาไปฝากงาน ฝากประวัติที่ไหน ผู้ใช้ก็จะมีทางเลือกแชร์โปรไฟล์เพิ่มเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ส่วนฟีเจอร์ See Translation ก็สามารถแปลเนื้อหาได้ทั้งหมด รองรับ 60 ภาษา
QR Code ใช้ได้กับมือถือทั้ง iOS, แอนดรอยด์ ส่วนฟีเจอร์แปลใช้ได้บนเดสก์ทอป และเว็บแอป และจะใช้ได้บนมือถือ iOS, แอนดรอยด์ ภายใน 2-3 สัปดาห์หน้า
LinkedIn จัดอันดับบริษัทที่คนสหรัฐฯ อยากทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2018 จัดอันดับตามฐานผู้ใช้งาน 546 ล้านราย และเฉพาะสหรัฐฯ 146 ล้านราย การจัดอันดับยึดตามหลัก 4 ข้อคือ การแสดงความสนใจของผู้ใช้ต่อบริษัท, การมีส่วนร่วมกับพนักงานในบริษัท, ความต้องการงานและการเก็บรักษาพนักงาน
LinkedIn จัดอันดับมา 50 บริษัทในที่นี้จะกล่าวถึง 20 อันดับแรก โดยอันดับ 1 คือ Amazon ตามด้วย Alphabet และ Facebook
LinkedIn ประกาศฟีเจอร์ใหม่ Ask for a Referral ให้คนหางานสามารถหางานตามคอนเนคชั่นคนรู้จักได้ เริ่มจากเข้าไปยังเครือข่ายคนรู้จักบนแพลตฟอร์ม ใต้โปรไฟล์คนรู้จัก คนหางานจะเห็นปุ่ม Ask for a Referral กดปุ่มให้เขาคนนั้นแนะนำตนเข้าไปในบริษัทได้ และยังสามารถเขียนข้อความเป็นแชทไปหาคนที่เราอยากให้แนะนำเข้าไปได้ด้วย
LinkedIn ระบุว่า การแนะนำงานโดยคนรู้จัก มีแนวโน้มโอกาสที่จะได้งานมากกว่าการสมัครงานแบบปกติสี่เท่า และเกือบครึ่งของคนจ้างงานระบุว่า การแนะนำงานถือเป็นการจ้างงานที่มีคุณภาพ
การเขียน resume หรือ CV เป็นงานน่าเบื่อ ไมโครซอฟท์จึงออกฟีเจอร์ใหม่ Resume Assistant ให้กับ Microsoft Word เพื่อช่วยเขียน resume ให้เราดูดีขึ้น มีโอกาสได้งานมากกว่าเดิม
คุณสมบัติเด่นของ Resume Assistant คือนำข้อมูลจาก LinkedIn เว็บรวมประวัติการทำงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาช่วย เพื่อให้เราเห็นตัวอย่างของ resume ในตำแหน่งใกล้เคียงกันว่าเขียนอย่างไร และดูได้ว่าตลาดแรงงานต้องการทักษะอะไร เพื่อเขียน resume ให้ตรงกับความต้องการของนายจ้างมากขึ้น