เป็นเพราะทุกวันนี้มีแมวอยู่ทุกที่ในโลกอินเทอร์เน็ต LinkedIn จึงได้แนวคิดสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายประชากรแมวเข้าไว้เป็นชุมชนใหญ่ และเพื่อทำให้แพลตฟอร์มของ LinkedIn มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของ LinkedIn CYMK ซึ่ง CYMK นั้นย่อมาจาก Cat You May Know (แปลว่า "แมวที่คุณอาจรู้จัก") นั่นเอง

ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำให้ทำความรู้จักกับแมวที่มีศักยภาพน่าสนใจ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ติดต่อกับแมวที่รู้จักอยู่ก่อนแล้วได้ง่ายยิ่งขึ้น

CYMK นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้แมวผู้ช่ำชองได้มีโอกาสนำเสนอตนเอง อวดความสามารถพิเศษ และเชื่อมโยงแมวเหล่านั้นเข้าด้วยกันกับมนุษย์ตลอดจนญาติแมวในสายพันธุ์เดียวกัน

วิศวกรของ Facebook โดยความร่วมมือกับวิศวกรอีก 3 บริษัทที่ใช้ฐานข้อมูล MySQL ในเบื้องต้นคือ Google, LinkedIn และ Twitter เปิดโครงการ WebScaleSQL โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อร่วมกันเน้นพัฒนา MySQL ให้มีประสิทธิ์ภาพรวดเร็วและรองรับการขยายตัวเมื่อมีข้อมูลจำนวนมากให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีการใช้งาน MySQL และกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในแบบเดียวกัน

LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน ทุ่มเงินกว่า 120 ล้านดอลลาร์ เข้าซื้อกิจการ Bright ผู้ให้บริการจัดหางาน โดยแบ่งออกเป็นหุ้น 73 เปอร์เซ็นต์ และเงินสดอีก 23 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมงาน Bright บางส่วนจะย้ายไปร่วมทีมกับ LinkedIn และบริการของ Bright จะปิดตัวลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

Bright นั้นไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์สำหรับโพสต์ตำแหน่งงานว่างธรรมดาๆ เท่านั้น ความพิเศษอยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และอัลกอริทึม machine learning ที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อจับคู่ผู้สมัครที่เหมาะสมให้กับนายจ้าง ช่วยลดเวลาในการเฟ้นหาผู้สมัครที่ตรงกับความต้องการไปได้มาก

บริการเครือข่ายสังคม LinkedIn ได้เพิ่มการให้บริการเว็บไซต์ในภาษาไทยแล้ว นับเป็นภาษาที่สี่จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลังภาษาอินโดนีเซีย ภาษามาเลเซีย และภาษาตากาล็อก

ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้ LinkedIn ในภาษาไทย สามารถเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ linkd.in/changelanguage

ที่มา - Official LinkedIn Blog

มีรายงานข่าวผ่าน CNNMoney ว่ามีแฮกเกอร์ได้ทำการดักข้อมูลผู้ใช้ด้วยวิธี keylogging ทำให้แฮกเกอร์ได้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้เวบไซต์ต่างๆ เกือบ 2 ล้านบัญชี เช่น Facebook Twitter Yahoo Google และอื่นๆ

นักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์จากบริษัท Trustwave ได้ให้ข้อมูลว่าไวรัส(น่าจะเป็นมัลแวร์ - ผู้เขียน)นี้จะทำการดักจับข้อมูลการล็อคอินเว็บไซต์ของผู้ใช้ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และทำการส่งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ โดยจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสนี้ยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าใด

LinkedIn เข้าซื้อแอพอ่านข่าว Pulse ไปเมื่อต้นปีก่อน และวันนี้ก็ประกาศรวมระบบของ Pulse เข้ากับ LinkedIn เพื่อทำให้เป็นระบบอ่านข่าวสำหรับตลาดมืออาชีพแล้ว

โดย Pulse ในชื่อใหม่ LinkedIn Pulse จะมาแทนบริการหน้าแรกของ LinkedIn เดิมอย่าง LinkedIn Today ที่จะแสดงข่าว และโพสต์จากบุคคลน่าสนใจ สำหรับคนที่โหลดแอพเวอร์ชันใหม่บนสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตมาจะสามารถล็อกอินได้ผ่านบัญชี LinkedIn และสามารถแชร์ขึ้นไปยังเครือข่ายของตัวเองบน LinkedIn ได้ สำหรับคนที่เข้ามาครั้งแรกตัวแอพจะแนะนำแหล่งข่าวจากประวัติบน LinkedIn

LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับการทำงาน เปิดเซคชั่นใหม่ LinkedIn University ให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกสามารถเปิดเพจของตัวเองเพื่อประชาสัมพันธ์ และเชื่อมโยงระหว่างศิษย์ปัจจุบัน-ศิษย์เก่า

ในเบื้องต้น LinkedIn University จะคล้ายกับเพจบน Facebook คือมหาวิทยาลัยสามารถโพสต์ข้อมูลให้กับผู้ที่ติดตามเพจนั้นๆ ได้

LinkedIn เปิดตัวแอพ LinkedIn สำหรับโทรศัพท์ Nokia Asha ตระกูลหน้าจอสัมผัสทั้งรุ่นที่เป็น S40 อย่าง Asha 305, 306, 308, 309, 310 และ 311 จนถึงแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดอย่าง Asha Platform บน Asha 501

สำหรับตัวแอพ LinkedIn บน Nokia Asha นั้นจะรองรับตั้งแต่ระบบแสดงสถานะของเพื่อนเราล่าสุด, อ่านข้อความที่ส่งมาหาเรา, ค้นหางาน และบุคคลต่าง ๆ นอกจากนี้ถ้าใครที่ยังไม่มีบัญชี LinkedIn ก็สามารถสมัครผ่านตัวแอพนี้ได้ทันที

ผู้ใช้งาน Nokia Asha รุ่นที่กล่าวไปข้างต้นสามารถดาวน์โหลดแอพ LinkedIn ได้แล้วบน [Nokia Store](http://store.ovi.com/content/377865) ครับ

LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงานรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 มีรายได้ 363.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 59% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 238 ล้านคน

ซีอีโอ Jeff Weiner กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้งานที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้ตัวเลขการเงินออกมาสดใส ซึ่งบริษัทจะยังลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายแพลตฟอร์มรองรับการเติบโตในระยะยาว

รายละเอียดของ 2 ฟีเจอร์นี้ก็คือ

• ใครดูเรา ดูได้ว่ามีใครมาดูอัพเดตของเราบ้าง รวมไปถึงจำนวนไลค์และคอมเมนต์ โดยแสดงในรูปของกราฟการกระจายของคอนเทนต์ที่เราแชร์ (ใครงงดูภาพประกอบท้ายข่าว) โดยแสดงข้อมูลย้อนหลัง 14 วัน
• เราดูใคร สามารถดูได้ว่าเราไปดูประวัติของใครบ้างล่าสุด ฟีเจอร์นี้คงอยากให้เราได้เห็นว่าเราสนใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับใคร

นอกจากนี้ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะมาในหน้าโฮมก็คือ

LinkedIn เป็นบริการออนไลน์รายล่าสุดที่เริ่มใช้ระบบล็อกอินสองชั้น (two-step verification) เช่นเดียวกับบริการออนไลน์อีกหลายรายที่นำร่องไปก่อนแล้ว

กระบวนการทำงานก็ไม่ต่างจากยี่ห้ออื่นคือยืนยันตัวตนอีกชั้นผ่าน SMS และยังเป็นแค่ทางเลือก (optional) ให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานกันเองโดยไม่บังคับ วิธีการเปิดใช้คือเข้าไปยัง Settings > Account > Manage Security ครับ

ที่มา - LinkedIn Blog

LinkedIn ขยับขยายตัวจากเว็บฝากประวัติการทำงาน (resume) ออนไลน์ กลายมาเป็นเว็บฝากผลงานในอดีต (portfolio) แล้ว

ฟีเจอร์นี้เรียกว่า LinkedIn Professional Portfolio โดยใช้งานได้จากหน้า profile ของเราเอง สามารถแก้ไขและโพสต์ภาพหรือคลิปผลงานที่เราเคยทำในอดีตได้ด้วย และผลงานเหล่านี้จะแสดงบนหน้า profile ในรูปของ thumbnail (ดูตัวอย่างได้จากสไลด์)

ทิศทางการขยายตัวของ LinkedIn ในด้านประวัติการทำงานนั้นสอดคล้องกับการเข้าซื้อ SlideShare เมื่อปีที่แล้วนั่นเอง

ที่มา - LinkedIn Blog

LinkedIn ออกแอพบน iOS/Android โดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟซใหม่หมด หน้าตาสวยงามกว่าเดิม และหันมาเน้นข้อความสถานะมากขึ้น

หน้าแรกของ LinkedIn จะเปลี่ยนไปแสดงข้อความอัพเดตสถานะของเพื่อนๆ ในเครือข่าย (ลักษณะเดียวกับ Facebook/Twitter) รวมถึงข่าวและเนื้อหาจากคนดังที่น่าสนใจด้วย การอัพเดตแอพของ LinkedIn ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นทิศทางขององค์กรว่าต้องการเป็น "พื้นที่" สำหรับเครือข่ายคนทำงานมาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน มากกว่าการเป็นแค่เว็บโพสต์ประวัติการทำงานแบบนิ่งๆ นั่นเอง

ที่มา - LinkedIn Blog

ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ วันนี้ LinkedIn ประกาศซื้อกิจการแอพ-เว็บรวมข่าว Pulse ด้วยมูลค่า 90 ล้านดอลลาร์ โดย Pulse จะยังให้บริการต่อไปตามปกติ

LinkedIn ให้เหตุผลของการซื้อกิจการว่า Pulse เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเผยแพร่เนื้อหาสำหรับมืออาชีพ ซึ่งเป็นตลาดเดียวกับผู้ใช้ของ LinkedIn ที่ต้องติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นถ้า LinkedIn มีระบบการติดตามข่าวของตัวเอง ย่อมทำให้ผู้ใช้งานมีกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

หลังจากที่เครือข่ายสังคมอื่นๆ มีระบบเมนชันกันมาช้านาน ก็ถึงคราวที่ LinkedIn จะสามารถเมนชันหาบุคคลหรือบริษัทได้แล้ว วิธีเมนชันก็แค่พิมพ์ชื่อที่ต้องการ ระบบจะเดารายชื่อบุคคลและบริษัทมาให้เราเลือกเมนชันได้เอง โดยบุคคลหรือบริษัทก็จะได้รับการแจ้งเตือนว่ามีคนเมนชันหาอยู่นะ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไรก็กดเข้าไปดูและร่วมสนทนากันได้

ฟีเจอร์นี้ถูกเปิดให้ผู้ใช้ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ลองเมนชันแล้ว และจะเปิดให้สมาชิกใช้ฟีเจอร์เมนชันกันถ้วนทั่วในเร็ววันนี้

ที่มา - LinkedIn Blog

มีรายงานข่าวว่าเครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน LinkedIn ได้บรรลุการเจรจาเบื้องต้นในการขอซื้อกิจการแอพอ่านข่าว Pulse แล้วด้วยมูลค่าราว 50 ถึง 100 ล้านดอลลาร์ โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตกลงรายละเอียด ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่านอกเหนือจาก LinkedIn แล้วก็มีไมโครซอฟท์กับยาฮูที่สนใจเจรจาขอซื้อ Pulse ด้วย

Pulse เป็นแอพอ่านข่าวของบริษัท Alphonso Labs ซึ่งมีอยู่บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 20 ล้านบัญชี และมีข่าวถูกอ่านมากกว่า 10 ล้านเรื่องต่อวัน

Kai Fu Lee อดีตผู้อำนวยการของกูเกิลสาขาประเทศจีน และย้ายไปทำงานบริษัท Innovation Works ของเขาเอง เขาเป็นหนึ่งในคนจีนที่มีคนตามจำนวนมากใน Sina Weibo เว็บ microblogging ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน โดยล่าสุดมีคนตามถึงสามสิบล้านคน แต่การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในช่วงหลังทำให้เขาถูกลงโทษแบนจากเว็บไปสามวัน

ตัว Kai Fu Lee ยอมรับว่าวิจารณ์รัฐบาลในหลายประเด็น เช่น

LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงานและผู้ประกอบวิชาชีพที่โด่งดังแบบเงียบๆ ประกาศความสำเร็จยอดสมาชิก 200 ล้านรายแล้ว สถิติที่น่าสนใจมีดังนี้

LinkedIn ได้ออกมาเผยข้อมูล Most InDemand Employers 2012 โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากฐานข้อมูลเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้งานของ LinkedIn เองกว่า 175 ล้านคน พบว่ากลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมไฮเทคมาแรงเป็นอันดับต้น ๆ ตามด้วยกลุ่มบริษัทสินค้าบริโภคชั้นนำ

สำหรับองค์กรที่มีคนอยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ (1) กูเกิล (2) แอปเปิล (3) ไมโครซอฟท์ (4) Facebook และ (5) Unilever

ในส่วนของข้อมูลจากกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง นักพัฒนาซอฟต์แวร์อยากร่วมงานกับกูเกิลมากที่สุด ตามด้วยไมโครซอฟท์และ Facebook ในส่วนของนักเรียนและคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ อยากร่วมงานกับกูเกิลมากที่สุดอีกเช่นกัน ตามด้วยแอปเปิล และไมโครซอฟท์ สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ แนะนำให้ไปดู

ข่าวนานไปหน่อยครับ

LinkedIn ประกาศบนบล็อกของพวกเขาว่า LinkedIn จะทยอยปล่อยการปรับปรุงหน้าเว็บของแต่ละผู้ใช้แต่ละคน (ซึ่งผมก็พึ่งได้ไม่นานมานี้) โดยจะเน้นสีโทนดำและดูเรียบง่ายขึ้นทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเลือกว่าแสดงแค่เนื้อหาเด่น ๆ ได้ (ซึ่งมันน่าจะมีตั้งนานแล้ว)

ด้านการจัดหน้าเว็บจะจัดแบบมีเนื้อหาหลักอยู่ทางด้านซ้ายและมี widget ทางด้านขวา ซึ่ง widget ก็มีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาเช่น เพื่อนที่คุณน่าจะรู้จัก, จำนวนบุคคลที่ดูที่หน้าโปรไฟล์ของเรา (อันนี้เจ๋งมากเพราะว่าไม่เคยมีใครทำฟีเจอร์นี้มาก่อนบนหน้าแรกของเว็บ แต่ที่สำคัญคือ LinkedIn จะไม่เผยแพร่ตัวเลขนี้ให้กับใครนอกจากเรา), กลุ่มที่คุณน่าจะเข้าร่วม

จากกรณี LinkedIn ทำรหัสผ่านผู้ใช้หลุด 6.5 ล้านบัญชี ทางบริษัทก็ออกมายอมรับปัญหา และบอกว่าจะส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ที่รหัสผ่านหลุด ให้เข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านของตัวเอง

แต่ข้อมูลของบริษัท CloudMark ซึ่งให้บริการระบบกรองสแปมและความปลอดภัยด้านอีเมล เก็บสถิติของลูกค้าตัวเองและพบว่ามีลูกค้าจำนวนมากรับอีเมล (ของจริง) จาก LinkedIn แล้วแจ้งกับโปรแกรมว่ามันคือสแปม!

สถิติของ CloudMark บอกว่าผู้รับอีเมลเตือนให้แก้รหัสผ่านของ LinkedIn สูงถึง 4% ระบุว่ามันคือสแปม ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เยอะกว่าผู้รับเมลจากบริษัทอื่นๆ มาก (ผู้รับเมลจาก Facebook ประมาณ 1.3% บอกว่าอีเมลคือสแปม ส่วนตัวเลขของ Tumblr คือ 1%)

มีรายงานว่ารหัสผ่าน (ที่ถูกเข้ารหัส) ของ LinkedIn เครือข่ายสังคมของคนทำงานจำนวน 6.5 ล้านบัญชีหลุดไปโผล่บนเว็บไซต์แฮ็กเกอร์รัสเซีย

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก LinkedIn แต่คาดว่าเว็บไซต์โดนเจาะและไม่รู้ว่ามีข้อมูลอะไรหลุดออกมาบ้าง เนื่องจากสิ่งที่แฮ็กเกอร์นำมาโพสต์มีเพียงรหัสผ่าน เพื่อขอให้ชุมชนแฮ็กเกอร์ช่วยกันถอดรหัส

ผู้ใช้รายหนึ่งที่ได้รายการรหัสผ่านออกมา ทดลองคำนวณ hash รหัสผ่านของตัวเอง (แบบไม่ใส่ salt) และเจอ hash ชุดเดียวกันในรายการรหัสผ่านที่หลุดออกมา

ทาง LinkedIn บอกเพียงแค่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ระหว่างนี้ผู้ใช้ LinkedIn ทุกคนก็ควรเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านกันโดยด่วน และใครที่ใช้รหัสผ่านกับเว็บไซต์อื่นๆ ก็ควรเปลี่ยนด้วยทั้งหมดครับ

เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน LinkedIn เข้าซื้อเว็บไซต์แชร์สไลด์ออนไลน์ SlideShare เรียบร้อย มูลค่ารวม 119 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสดและหุ้น

LinkedIn ให้เหตุผลของการซื้อ SlideShare ว่าทั้งสองเว็บเป็นเครือข่ายสำหรับคนทำงานมืออาชีพ ส่วนของ LinkedIn ช่วยแสดงตัวตนของผู้ใช้ ในขณะที่ SlideShare จะแสดงความรู้และความสามารถผ่านออกมาในสไลด์ ซึ่งจะเสริมกันได้เป็นอย่างดี

ในขั้นต้น SlideShare จะให้บริการต่อไปเหมือนเดิมทุกประการ แต่ระยะยาวแล้ว LinkedIn จะหาวิธีประสานทั้งสองเว็บเข้าด้วยกันให้มากขึ้นต่อไป

LinkedIn เข้าซื้อกิจการบริษัท Rapportive บริษัทหน้าใหม่ที่สร้างส่วนขยายของเบราว์เซอร์ สำหรับแสดงข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ติดต่อบน Gmail เช่น Twitter, Facebook, Skype, Google Docs และ LinkedIn

โดย Rahul Vohra ซีอีโอของ Rapportive ได้ประกาศผ่านทางบล็อกของบริษัทในวันพุธที่ผ่านมาว่า "การเป็นหุ้นส่วนในทางธุรกิจก็เปรียบเสมือนการออกเดท เราเดทกับ LinkedIn มาหลายครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเราก็ตกหลุมรักกัน" และทางบริษัทจะยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

ที่มา - Mashable

ทิศทางการโฆษณาบน mobile device นั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มแอพชื่อดังที่มีคนใช้จำนวนมาก

ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าว Facebook จะเริ่มโฆษณา Sponsored Stories บน News Feed ในเดือนมกราคม 2012 กันไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของ LinkedIn บ้าง