ก่อนเข้าข่าวต้องปูพื้นก่อนนิดนึงว่า ผลิตภัณฑ์หลักของ Red Hat ในตอนนี้คือ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) ซึ่งเปิดซอร์สโค้ด แต่ไม่แจกไบนารี (ดังนั้นถ้าอยากได้อัพเดตก็ต้องเสียเงินค่า subscription/support)
เมื่อ RHEL เปิดซอร์สโค้ด ก็มีองค์กรหลายแห่งเอาซอร์สไปทำดิสโทรของตัวเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ CentOS (ฟรีทั้งหมดแต่อัพเดตช้าหน่อย)
ฝั่งของ Oracle ก็มี Oracle Linux ที่นำซอร์สโค้ดของ RHEL มาปรับแต่งให้เหมาะกับการรันแอพพลิเคชันของตัวเอง (แต่การทำงานข้างในยังเหมือน RHEL เกือบทั้งหมด) และใช้วิธีขาย subscription/support เหมือนกัน ซึ่งก็ถือว่าเจาะตลาดของ Red Hat ไปบางส่วน (โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยากรัน Oracle 11g บน RHEL ก็หันมาใช้ Oracle Linux แทนจะดีกว่า)
ลินุกซ์เคอร์เนลออกรุ่น 3.3 แล้ว โดยของใหม่ที่สำคัญคือเริ่มรวมโค้ดจากเคอร์เนลของแอนดรอยด์เข้ามา
เคอร์เนลของแอนดรอยด์เป็นลินุกซ์เวอร์ชันที่กูเกิลแยกไปพัฒนาเอง และส่งโค้ดกลับเข้ามาตามหลักการโอเพนซอร์ส เพียงแต่นักพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์เองกลับเสียงแตกเรื่องการรวมโค้ดของแอนดรอยด์กลับเข้ามา ทำให้ต้องคุยกันอยู่นานจนกว่าจะลงตัว สรุปว่าเคอร์เนล 3.3 ถือเป็นรุ่นแรกที่นำโค้ดจากแอนดรอยด์เข้ามาบางส่วน และจะตามเข้ามาอีกในอนาคต
ของใหม่อย่างอื่นได้แก่ ปรับปรุงการรองรับระบบไฟล์ Btrfs, รองรับซอฟต์แวร์สวิตช์เสมือน Open vSwitch, รองรับการบูตจากเฟิร์มแวร์ EFI เป็นต้น รายละเอียดอ่านได้จาก Kernel Newbies
ออราเคิลทำระบบปฏิบัติการลินุกซ์ของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2006 โดยนำซอร์สโค้ดของ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) มาพัฒนาต่อ (ซึ่งไม่ผิดสัญญาอนุญาตตาม GPL) และขายในชื่อ Oracle Enterprise Linux (ภายหลังเปลี่ยนเป็น Oracle Linux เฉยๆ)
สิ่งสำคัญที่เพิ่มเข้ามาคือเคอร์เนลของ Oracle Linux ที่ออราเคิลปรับแต่งให้เหมาะสมกับการรันฐานข้อมูลของตัวเองมากขึ้น ตัวเคอร์เนลนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Unbreakable Enterprise Kernel ซึ่งของเดิมพัฒนาอยู่บนเคอร์เนลเวอร์ชัน 2.6
ผู้อ่าน Blognone คงรู้จักโครงการ Songbird ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการไฟล์เพลงแบบโอเพนซอร์ส (รันอยู่บน XULRunner ของ Mozilla)
สำหรับผู้ใช้ลินุกซ์หลายท่านที่จำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชันจากฝั่ง Windows คงรู้จัก Wine เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.4 ออกมาแล้ว โดยในเวอร์ชันนี้ได้ปรับปรุงและเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากขึ้น นับได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งหลังการพัฒนามากว่า 20 เดือน ซึ่งมองว่าการปรับปรุงโดยรวมก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้แอพพลิเคชันจาก Windows โดยไม่มีสะดุดทั้งในขณะใช้งานและในการติดตั้ง
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้แก่
รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์ในไตรมาสที่สี่ของ IDC พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือมูลค่าตลาดรวมของตลาดเซิร์ฟเวอร์นั้นกำลังลดลง 7.2% เหลือ 14,200 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สี่ปี 2011 เหตุจากเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กราคาถูกที่กำลังกินส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง
เซิร์ฟเวอร์ในกลุ่มเครื่องขนาดเล็กซึ่งมักใช้ในศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการแบบกลุ่มเมฆนั้นมียอดขายมากขึ้นถึง 51.5% เป็นจำนวน 132,876 เครื่องในไตรมาสเดียว แต่มูลค่าตลาดในส่วนนี้กลับเพิ่มขึ้นเพียง 33.8% หรือเป็นมูลค่า 458 ล้านดอลลาร์ หรือราคาต่อเครื่องเพียง 3,446 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ขณะที่ราคาเฉลี่ยเซิร์ฟเวอร์ทั้งตลาดนั้นอยู่ที่เครื่องละ 6,651 ดอลลาร์ต่อเครื่อง
Ubuntu 12.04 ออกรุ่น Beta 1 มาให้ทดสอบแล้ว ของใหม่ที่สำคัญในรุ่นนี้คือ เปลี่ยนเมนูบาร์เป็น HUD ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ถูกวิจารณ์มาก (ต้องลองกันเองว่าสุดท้ายจะดีแค่ไหน)
จากข่าวก่อนหน้านี้ Canonical เปิดตัว Ubuntu for Android ที่มือถือสามารถรันระบบปฏิบัติการได้ 2 ตัวพร้อมกัน
หลายคนอาจนึกภาพไม่ออก ตอนนี้มีวิดีโอออกมาแล้วครับ จากวิดีโอจะเห็นว่าโหมด Ubuntu สามารถรันแอพจาก Android ได้ด้วย และแชร์ข้อมูลระหว่างกันได้ เช่น สมุดที่อยู่ ภาพถ่าย ไฟล์เพลง
ที่มา - OMG Ubuntu
Adobe ได้ประกาศแผนการหยุดอัพเดต Flash for Linux แล้วครับ โดยรุ่น 11.2 นี้จะเป็นรุ่นสุดท้าย หลังจากนี้แล้วจะรองรับเฉพาะ Pepper API ซึ่งเป็น API สำหรับ plugin ใน Google Chrome โดยแฟลชรุ่นนี้จะแจกมาพร้อมกับ Chrome อย่างเดียว ไม่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บ Adobe แล้วครับ
ทางด้าน Mozilla ยังไม่มีแผนการรองรับ Pepper API ครับ
ที่มา: Slashdot
บริษัท Canonical ผู้ผลิต Ubuntu ประกาศโครงการใหม่ Ubuntu for Android แล้ว โดยหลักแล้วมันคือ Ubuntu รุ่น ARM ที่ออกแบบมาเพื่อรันคู่ไปกับ Android โดยมันไม่ใช่เพียงแค่ระบบดูอัลบูตแบบเดิมๆ แต่ระบบเดสก์ทอปของ Ubuntu จะรันไปพร้อมๆ กับ Android ได้ในเวลาเดียวกัน
เรื่องที่น่าสนใจมากคือฟีเจอร์ของ Ubuntu for Android นี้จะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับโทรศัพท์ เช่นเมื่อสายเข้าก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา รวมถึงความสามารถในการรันแอพพลิเคชั่นของ Android บนเดสก์ทอป ข้อได้เปรียบของการใช้เดสก์ทอปนอกจากเรื่องของหน้าจอที่มีขนาดใหญ่แล้ว ยังได้โปรแกรมเต็มๆ อย่าง Chromium, VLC, PiTiVi, และ Shotwell เป็นต้น
สำหรับท่านใดที่ใจร้อนอยากสัมผัส Spark เป็นคนแรกๆ วันนี้ก็สามารถสั่งจองล่วงหน้าทางเว็บได้เลย โดยจะต้องไปลงทะเบียนที่ makeplaylive.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแท็บเล็ตดังกล่าว
หลายๆ ท่านคงพออนุมานได้ว่า Ubuntu น่าจะเป็นดิสโทรที่มีการปรับเปลี่ยนมากเป็นอันดับต้นๆ ในการอัพเดตแต่ละเวอร์ชัน และหลังจากทีมออกแบบของ Canonical เปิดรับธีมเสียงล็อกอินใหม่สำหรับ Ubuntu 12.04 จากบุคคลทั่วไป ในที่สุดทีมก็ได้คัดเสียงที่เข้ารอบล่าสุดมาสี่ตัวเลือกด้วยกัน
และตอนนี้ทีมออกแบบต้องการผลสำรวจว่าเสียงแบบใดจะเหมาะกับผู้ใช้งานมากที่สุด โดยการสำรวจจะใช้วิธีเลือกตัวเลือกตามความรู้สึกรวมถึงขอความเห็น หลังจากนี้ทางทีมจะคัดเลือกมาเพียงหนึ่งแบบและปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานต่อไป ซึ่งจะนำไปใช้จริงใน Ubuntu 12.04 อย่างแน่นอน
หลังจากเพิ่งเป็นข่าวไปไม่นานว่าจะเลิกใช้เมนูบาร์แล้วเปลี่ยนมาเป็น HUD แทน ล่าสุด Unity ได้มีฟังก์ชันใหม่ที่เรียกว่า Locally Integrated Menus หรือ LIM โดยจะปรับจากเมนูบาร์แบบเก่ากลายเป็น drop-down menu และมีเมนูย่อยๆ ลงไปอีก โดยบริเวณในการเรียกเมนูจะอยู่ที่พาเนลด้านบนในด้านหน้าของส่วนแสดงชื่อแอพพลิเคชัน ถ้านึกไม่ออกสามารถชมภาพได้ท
Linux Foundation เป็นมูลนิธิที่อำนวยการพัฒนาลินุกซ์อย่างเป็นทางการได้ออกรายงานศึกษาสำรวจผู้จัดการที่มีอำนาจในการจ้างงาน 2,000 คนต่อตลาดแรงงานผู้ที่เกี่ยวข้องกับลินุกซ์ สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้
จากข่าวก่อนหน้านี้ ความนิยม Ubuntu ร่วง Linux Mint กลายเป็นดิสโทรยอดนิยม ซึ่งกระบวนการวัด "ความนิยม" อาจไม่สะท้อนสภาพความเป็นจริงเท่าไรนัก เพราะวัดข้อมูลจากคนเข้าหน้าเว็บของดิสโทรแต่ละตัวบนเว็บ DistroWatch เท่านั้น
จากข่าวก่อนหน้านี้ "Spark" แท็บเล็ตตัวใหม่ใช้ KDE กับแนวคิดทำเองขายเอง เชื่อว่าคงมีคนแถวนี้สนใจไม่มากก็น้อย (โดยเฉพาะตัว KDE ที่รัน) วันนี้มีวิดีโอออกมาแล้วครับ
ต่อจากข่าวก่อนหน้านี้ Ubuntu 12.04 จะเลิกใช้ "เมนูบาร์" เปลี่ยนมาเป็น HUD แทน ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่ง KDE กำลังจะทำอะไรคล้ายๆ กัน เพียงแต่เป็นฟีเจอร์เสริม ไม่ได้บังคับเปลี่ยนแต่อย่างใดนะครับ
บริษัท Canonical ประกาศดิสโทรพิเศษสำหรับตลาดองค์กร ในชื่อ Ubuntu Business Desktop Remix
อย่างไรก็ตาม Business Desktop Remix ไม่ได้เป็นดิสโทรใหม่ แต่เป็นการ remix หรือปรับแพกเกจของ Ubuntu เดิม (อิงอยู่บน 11.10) ให้มีแพกเกจของซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในภาคธุรกิจ อย่างเช่น Flash, OpenJDK, VMware View และตัดแพกเกจด้านความบันเทิง เกม เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ โซเชียลเน็ตเวิร์ค ฯลฯ ออกไปจากดิสโทร
Canonical อธิบายว่าแพกเกจทุกอย่างที่อยู่ใน Ubuntu Business Desktop สามารถดาวน์โหลดได้จาก Software Centre ทำให้มันมีสถานะเป็นแค่ "Remix" เท่านั้น ไม่ได้แยกเป็นดิสโทรใหม่เหมือนกับที่ Red Hat ทำกับ RHEL
Canonical ประกาศหยุดให้การสนับสนุน "เป็นตัวเงิน" แก่โครงการ Kubuntu แล้ว
kubuntu เป็นโครงการพี่น้องของ Ubuntu แต่เลือกใช้ KDE แทน GNOME ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท Canonical สนับสนุนโครงการนี้โดยจ่ายเงินเดือนให้ Jonathan Riddell นักพัฒนาหลักของโครงการนี้เป็นเวลา 7 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม Jonathan Riddell เพิ่งโพสต์ผ่านเมลกลุ่มของ Kubuntu ว่า Canonical หยุดให้เงินสนับสนุนตัวเขาแล้ว เนื่องจาก Kubuntu ไม่ประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจเหมือนกับ Ubuntu
โครงการ Kubuntu จะยังอยู่ต่อไป เพียงแต่ Canonical จะสนับสนุนเซิร์ฟเวอร์และทรัพยากรอื่นๆ แทน (เช่นเดียวกับ Xubuntu หรือ Lubuntu ในปัจจุบัน) ดังนั้นถ้าแฟนๆ อยากใช้ก็ต้องช่วยกันทำเอง
ระบบจัดการสีเป็นเรื่องที่ลินุกซ์ทำได้แย่ตลอดมาในบรรดาระบบปฎิบัติการ (ตัวที่ทำได้ดีที่สุดคงเป็น OS X) แต่ตอนนี้นักพัฒนาของ Red Hat ที่พัฒนาระบบจัดการสีบน GNOME ก็ได้ผลิตเครื่องปรับสีหน้าจอออกวางขายแล้วแบบโอเพนซอร์ส
เครื่อง ColorHug เป็นเซ็นเซอร์ขนาด 64 พิกเซลวัดความเข้มสีแม่สีทั้งสาม (เขียว, แดง, น้ำเงิน) และความสว่าง จุดเด่นของมันคือการเปิดเผยการออกแบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำให้ลินุกซ์แทบทุกรุ่นน่าจะรองรับมันเป็นหลักภายในเร็วๆ นี้
ราคา 60 ปอนด์หรือประมาณ 3,000 บาท ถ้าใครสั่งในช่วงนี้ราคาจะลด 20% เหลือ 48 ปอนด์หรือ 2,400 บาท น่าซื้อมาลองเล่น
แอบคิดว่าอนาคตอาจจะมีคนเอาไดร์เวอร์ไปลงแอนดรอยด์ แล้วเราก็จะมีโทรศัพท์ที่หน้าจอสีตรงๆ ใช้งานกัน
Red Hat ขยายระยะเวลาการสนับสนุน Red Hat Enterprise Linux (RHEL) ดิสโทรสำหรับองค์กรจากเดิม 7 ปีเป็น 10 ปี
การขยายครั้งนี้จะนับเฉพาะ RHEL 5 และ RHEL 6 เท่านั้น โดยผู้ใช้ RHEL 6 จะสามารถใช้ได้นานถึงปี 2020 (ถ้าไม่เปลี่ยนเองก่อนหน้านั้น) ส่วน RHEL 5 จะได้ถึงปี 2017 และถ้าจะเอากันจริงๆ ทั้งสองรุ่นนี้ยังสามารถต่ออายุจากระยะเวลา 10 ปีตามมาตรฐานไปได้อีก 3 ปี แต่เป็นการสนับสนุนแบบ Extended Life ที่ไม่เต็มที่เท่ากับการสนับสนุนในช่วงเวลาปกติ (รายละเอียดดูจาก Red Hat)
Red Hat ให้เหตุผลว่าการขยายระยะเวลาครั้งนี้เป็นเพราะลูกค้าของตัวเองร้องขอมา
Aaron J. Seigo หนึ่งในนักพัฒนาคนสำคัญของโครงการ KDE ออกมาเผยข้อมูลของ "Spark" แท็บเล็ตขนาด 7" ที่รัน KDE ที่ใช้อินเทอร์เฟซ Plasma Active สำหรับแท็บเล็ต
แท็บเล็ตตัวนี้จะไม่ขายผ่านบริษัทใดๆ แต่เป็นทีมงาน KDE ทำขายกันเอง โดยรายได้จากการขายแท็บเล็ตจะถูกนำกลับมาสนับสนุนโครงการ KDE อีกทีหนึ่ง
สเปกฮาร์ดแวร์
ราคาอยู่ที่ประมาณ 200 ยูโร (8,200 บาท) ยังไม่ระบุวันวางขาย
Mark Shuttleworth ออกมาเผยแผนการล่าสุดของ Ubuntu 12.04 LTS ที่จะตัด "เมนูบาร์" ที่เราคุ้นเคยกันมานานนับสิบปีออกไป
Ubuntu รุ่นก่อนๆ หน้านี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ Global Menu หรือเมนูบาร์อยู่ด้านบนสุดของหน้าจอตลอดเวลา (แบบเดียวกับ Mac OS X) แต่นั่นเป็นเพียง "ขั้นแรก" ของแผนการปฏิรูประบบเดสก์ท็อปของ Ubuntu เท่านั้น เพราะในรุ่น 12.04 LTS เมนูบาร์อันนี้จะถูกนำออกไปเสียแล้ว
สิ่งที่เข้ามาแทนมีชื่อเรียกว่า HUD หรือ head-up display ซึ่งจะเป็น dialog ที่โผล่ขึ้นมาเวลาเราพิมพ์ข้อความใดๆ บนหน้าจอ โดย dialog นี้จะแสดงเมนูที่เกี่ยวข้องกับตัวอักษรที่เราพิมพ์ลงไป (อธิบายเป็นข้อความยาก แต่ดูภาพประกอบน่าจะเข้าใจกันทุกคน)
Jane Silber ซีอีโอหญิงของ Canonical ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TechWorld ของออสเตรเลียในหลายประเด็น ที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นแผนการของ Ubuntu เกี่ยวกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน
วันนี้ (12 มกราคม 2012) เว็บไซต์ The H Online ได้รายงานว่าเคอร์เนลลินุกซ์รุ่น 3.3 ตัวล่าสุดที่อยู่ใน Git ของสายพัฒนาหลัก (main Linux development tree) มีซอร์สโค้ดเป็นจำนวน 15,046,951 บรรทัด ตัวเลขนี้นับรวมพวก comments, blank lines, documentation, scripts และ userland tools ที่รวมอยู่ในเคอร์เนลทั้งหมด เป็นครั้งแรกที่จำนวนบรรทัดของซอร์สโค้ดเคอร์เนลลินุกซ์ทะลุหลักตัวเลข 15 ล้าน นับเป็นจุดหลักสำคัญอีกครั้งของโครงการลินุกซ์