เป็นประจำทุกปีที่ซีอีโอของเฟซบุ๊คจะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง อย่างในปีก่อนๆ คือการเรียนภาษาจีนและปีที่แล้วคือการอ่านหนังสือให้ได้ 2 เล่มในทุกๆ เดือน สำหรับในปีนี้ Mark Zuckerberg ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) สำหรับช่วยดูแลบ้านและเป็นผู้ช่วยในที่ทำงาน ในลักษณะเดียวกับ J.A.R.V.I.S ใน Iron Man
ข่าว Mark Zuckerberg ได้ลูกสาวแล้ว, ประกาศยกหุ้น Facebook เกือบทั้งหมดให้การกุศล ได้รับความสนใจอย่างสูง พร้อมกับคำถามและข้อสงสัยเรื่องรูปแบบการยกหุ้นของ Zuckerberg ว่าเป็นการหนีภาษีหรือไม่
วันนี้ Zuckerberg ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วว่าองค์กร Chan Zuckerberg Initiative มีสภาพนิติบุคคลเป็น Limited Liability Company (LLC) หรือ "บริษัทจำกัด" ที่อาจไม่หวังผลกำไร ซึ่งต้องเสียภาษีเหมือนบริษัทปกติ (Corporation)
จากที่เราทราบกันดีว่า Mark Zuckerberg กำลังจะได้ลูกสาว วันนี้ลูกสาวคลอดแล้ว ใช้ชื่อว่า Max
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ในฐานะที่มีลูก เขาประกาศยกหุ้น Facebook สัดส่วน 99% ที่ถือครองอยู่ (มูลค่าประมาณ 45 พันล้านดอลลาร์) ให้กับ Chan Zuckerberg Initiative หน่วยงานการกุศลของเขาและภรรยา โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถของมนุษย์ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมโลกที่ลูกสาวของเขาจะเติบโตขึ้นมา
สิ่งที่ Mark และภรรยา Priscilla สนใจเป็นเรื่องการศึกษาโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ตอนนี้เขาและภรรยากำลังทดลองการเรียนการสอนรูปแบบใหม่อยู่ ส่วนรายละเอียดของโครงการจะประกาศเพิ่มเติมในอนาคตเมื่อชีวิตครอบครัวเริ่มลงตัวแล้ว
Mark Zuckerberg ประกาศหยุดงาน 2 เดือน เพื่อให้เวลากับลูกสาวที่กำลังจะคลอดในเร็ววันนี้
นโยบายของ Facebook อนุญาตให้พ่อและแม่สามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้นาน 4 เดือนโดยที่ยังจ่ายเงินเดือนตามปกติ ซึ่งเขาก็ใช้สิทธินี้โดยลาเป็นเวลา 2 เดือน
เขายังโพสต์รูปสุนัข Beast พร้อมรถเข็นเด็กที่ซื้อมาเตรียมไว้แล้วด้วย
ที่มา - Mark Zuckerberg
จากเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อวันก่อน Facebook เปิดระบบยืนยันว่าตัวเองปลอดภัย (Safety Check) ให้ผู้ใช้งานที่อยู่ในปารีสแจ้งเพื่อนฝูงญาติสนิทไม่ให้ต้องเป็นกังวล (ข่าวเก่า)
อย่างไรก็ตาม Facebook ถูกวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติ เพราะไม่เปิดฟีเจอร์แบบเดียวกันกับเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ที่เกิดเหตุก่อนหน้านั้นไม่นาน
เรื่องนี้ Mark Zuckerberg ออกมาชี้แจงด้วยตัวเองว่า เดิมที Facebook มีฟีเจอร์ Safety Check ใช้กับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมเท่านั้น (เริ่มใช้ครั้งแรกกับสึนามิที่ญี่ปุ่นปี 2011) และเพิ่งนำมาใช้กับเหตุการณ์ก่อการร้ายเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสนี้เอง
ช่วงนี้ สหประชาชาติมีการประชุมใหญ่ประจำปี จึงมีผู้นำของประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปเยือนสหรัฐอเมริกาพร้อมๆ กัน แต่นอกจากผู้นำประเทศแล้ว ยังมีผู้นำจากโลกธุรกิจไปร่วมเวทีสหประชาชาติด้วย
หนึ่งในผู้นำเหล่านั้นคือ Mark Zuckerberg แห่ง Facebook โดยเขาพูดประเด็นเรื่องการผลักดันให้คนทั้งโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (ตามที่เขาริเริ่มโครงการ Internet.org มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว) ในการประชุมครั้งนี้ Zuckerberg ประกาศความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาชน ONE เพื่อผลักดันให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เป็นหนึ่งในเป้าหมาย Global Goals ของสหประชาชาติ (หน้าแคมเปญรณรงค์)
เป้าหมายของ Zuckerberg ได้รับการสนับสนุจากคนดังอย่าง Richard Branson, Shakira, Bono รวมถึงองค์กรอย่าง Bill & Melinda Gates Foundation และ TED ด้วย
ที่มา - Mark Zuckerberg
หลังจากที่ Mark Zuckerberg พาเราชมสำนักงานใหญ่เมื่อวันก่อน ก็ได้มีการตอบคำถามหลาย ๆ คำถาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องปุ่ม 'dislike'
"ผู้คนสอบถามเรื่องเกี่ยวกับปุ่ม dislike มาร่วมปีแล้ว และวันนี้ผมอยากจะบอกว่าพวกเรากำลังทำมันและจะเปิดให้ใช้งานเร็ว ๆ นี้" - Zuckerberg กล่าว
ที่จริงแล้วในตอนแรก Zuckerberg ไม่ต้องการให้ Facebook มีระบบการใช้งานแบบเดียวกับ Reddit ที่มีการโหวตบวก (upvoting) และโหวตลบ (downvoting) แต่เมื่อสังเกตการใช้งานของผู้ใช้ที่มีความต้องการแสดงความรู้สึกในรูปแบบอื่นด้วยนอกเหนือจากการกด 'like' เพียงอย่างเดียว
นิตยสาร Vanity Fair จัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหม่ (New Establishment) ประจำปี 2015 ผลคือบรรดาคนดังโลกไอทีติดอันดับเป็นจำนวนมาก
อันดับหนึ่งไม่ใช่ใครอื่น Mark Zuckerberg แห่ง Facebook ซึ่งถือเป็นผู้ที่ติดอันดับ 1 ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ Vanity Fair เคยจัดอันดับมาด้วย
การจัดอันดับของ Vanity Fair แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ The Disrupters ที่เน้นผู้สร้างนวัตกรรมพลิกโลก และ The Powers That Be ที่เน้นบทบาทและอิทธิพลต่อโลก
10 อันดับแรกของกลุ่ม The Disrupters ได้แก่
Mark Zuckerberg โชว์ระบบการสื่อสารด้วยแสงเลเซอร์ (laser communication system) ภายใต้โครงการ Internet.org เพื่อค้นหาวิธีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้กับพื้นที่ห่างไกลอย่างประสิทธิภาพและครอบคลุม
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาการเชื่อมต่อของโครงการกำลังพัฒนาระบบการสื่อสารด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความเร็วการรับส่งข้อมูลระยะไกลได้อย่างชัดเจน เพื่อนำไปใช้กับกรณีที่จุดส่งสัญญาณกับอุปกรณ์มีระยะห่างระหว่างกันมากๆ เช่น การส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านโดรนหรือดาวเทียมที่ทางโครงการอาจนำไปใช้จริง
ระบบนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และเมื่อใช้งานจริงจะไม่มีลำแสงที่มองเห็นได้ปรากฏ (แสงที่ปรากฏทำเพื่อการสาธิต)
ในงาน MWC 2015 ปีนี้นอกจากจะมีบรรดาแบรนด์ใหญ่มาร่วมเปิดตัวสินค้าแล้ว Facebook ที่ไม่มีสินค้าเป็นชิ้นๆ แต่ก็มีเวทีเช่นกัน และเป็น Mark Zuckerberg ซีอีโอที่มาพูดถึงทิศทาง มุมมอง และอนาคตของบริษัทให้ฟัง คัดเฉพาะส่วนที่น่าสนใจมาแบบย่อๆ มีดังนี้
Mark Zuckerberg ไปเปิดตัวโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อชาวโลก Internet.org ที่ประเทศอินเดีย และให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าเขามีแนวคิดอย่างไรกับโครงการนี้
หลังจากทำโครงการนี้มาได้พักใหญ่ เขาพบว่าอุปสรรคของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยได้รับการสนับสนุนอย่างท้วมท้นจากบริษัทไฮเทคในซิลิคอนวัลเลย์ แต่งานประชุมด้านความมั่นคงไซเบอร์ที่รัฐบาลจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวันนี้ (โอบามาบินมาพูดเอง รัฐมนตรีเข้าร่วมเพียบ และเชิญแขกสำคัญรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน) กลับไม่มีผู้นำโลกไอทีหลายคนเข้าร่วม
ตามรายงานข่าวบอกว่าบรรดาซีอีโอชื่อดัง Mark Zuckerberg, Marissa Mayer, Larry Page, Eric Schmidt ได้รับเชิญให้มางานนี้ แต่คนกลุ่มนี้ปฏิเสธไม่เข้าร่วมงานโดยตรง โดยส่งตัวแทนเป็นผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยของข้อมูลไปร่วมงานแทน
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2014 มีรายได้ 3,851 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,518 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 86%
รายได้หลักของ Facebook ยังคงเป็นโฆษณา โดยตอนนี้ส่วนแบ่งโฆษณาจากบนมือถือคิดเป็น 69% ของรายได้โฆษณารวมทั้งหมด ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานนั้นแบ่งเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน 890 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% และเป็นผู้ใช้งานบนมือถือ 745 ล้านคน ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำระดับทุกเดือนมีอยู่ 1,390 ล้านคน
วันนี้ในระหว่างงานเปิดตัวโครงการ Internet.org ที่ Bogota ประเทศโคลัมเบีย Mark Zuckerberg ได้ขึ้นเวทีในงานดังกล่าวและเปิดอกตอบคำถามที่มีคนกด like มากที่สุดบน Facebook โดยตอนหนึ่งเขาเผยว่าปัจจุบันแอพ Facebook ใช้ข้อมูลน้อยลงเหลือเพียง 1 ใน 10 ของการใช้ข้อมูลโดยแอพตัวเดียวกันเมื่อ 18 เดือนก่อน
เขายังบอกว่าในกระบวนการพัฒนาเพื่อให้ได้แอพที่ยังคงใช้งานได้ แม้อยู่ในพื้นที่อินเทอร์เน็ตแย่นั้น มีการสร้างห้องปฏิบัติการสำหรับทีมพัฒนาแอพ เพื่อจำลองสภาพอินเทอร์เน็ตในประเทศอื่นๆ ที่มีความเร็วต่ำกว่าใน Silicon Valley และให้ทีมได้ทดลองใช้งานแอพของพวกเขาเองว่ามันทำงานได้ดีหรือแย่ขนาดไหนในสภาพจำลองนั้นๆ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โพสแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ยิงหนังสือพิมพ์ในฝรั่งเศส ระบุว่าเหตุการณ์การยิงโดยกลุ่มหัวรุนแรงนี้และเหตุการณ์หลายปีก่อนที่ชายหัวรุนแรงในปากีสถานพยายามตัดสินโทษประหารต่อตัวมาร์กเอง เพราะเฟซบุ๊กไม่แบนข้อความเกี่ยวกับโมฮัมหมัดทีทำให้ชายคนนั้นไม่พอใจ แสดงว่าทุกคนต้องปฎิเสธความพยายามของกลุ่มหัวรุนแรงที่จะทำให้คนอื่นเงียบ
เขาระบุว่าแม้ว่าเฟซบุ๊กจะเคารพกฎหมายแต่ละประเทศ แต่เฟซบุ๊กไม่ยอมให้ประเทศไหนมากำหนดว่าใครแชร์อะไรได้บ้างในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และการกระทำของกลุ่มหัวรุนแรงในฝรั่งเศสเป็นเรื่องที่เราต้องไม่ยอมรับ
ที่มา - Facebook
คำแปลจากแถลงการณ์
Mark Zuckerberg ประกาศเป้าหมายประจำปี 2015 ว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มทุกสองสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ วัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายของคนทั่วโลก
ปกติแล้ว Zuckerberg จะตั้งโจทย์ประจำปีให้ตัวเองปีละหนึ่งเรื่อง (ตัวอย่างโจทย์ของปีก่อนๆ คือเรียนภาษาจีน และพบเจอคนใหม่ๆ ทุกสัปดาห์) แต่ปีนี้เขาเปิดให้แฟนๆ ช่วยกันแนะนำว่าเขาควรตั้งโจทย์อะไรดี และมีหลายคนเสนอเรื่องอ่านหนังสือ ซึ่งเขาคิดว่าน่าสนใจเลยเลือกเรื่องนี้
ระหว่างการสัมภาษณ์โดยนิตยสาร Time เรื่องโครงการ Internet.org เมื่อไม่นานมานี้ Mark Zuckerberg นายใหญ่แห่ง Facebook ได้กล่าวถึง Apple ว่าเป็นบริษัทที่ตั้งราคาสินค้าสูงกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า
จากข่าว Mark Zuckerberg เตรียมจัดเวทีตอบคำถามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กสงสัย เมื่อวานนี้เขาก็ตอบคำถามรอบแรกไปแล้ว มีคำถามยากๆ ในหลายประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องบังคับให้ดาวน์โหลด Messenger
เขายอมรับว่าการขอให้ผู้ใช้ Facebook ลงแอพ Messenger แยกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุผลเป็นเพราะการทำงานของแอพ Facebook หลักคือ News Feed ต่างไปจากการส่งข้อความมาก และเขามองว่าในอนาคตผู้คนจะส่งข้อความมากขึ้นเรื่อยๆ (ปัจจุบัน Facebook มีข้อความวิ่งผ่านวันละ 1 หมื่นล้านข้อความ) การเปิดแอพ Facebook มา รอโหลดเสร็จ แล้วเปลี่ยนแท็บเป็น Message เพื่อคุย ทำแบบนี้วันละประมาณ 15-20 ครั้ง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่ากับการเปิดแอพ Messenger โดยตรง
ทุกๆ วันศุกร์ เฟซบุ๊กจะมีกิจกรรมถามตอบที่พนักงานในบริษัทสามารถถามปัญหาต่างๆ กับ Mark Zuckerberg ในสิ่งที่อยากรู้ได้ ซึ่งการทำกิจกรรมนี้ Mark Zuckerberg ได้กล่าวว่ามันจะทำให้เห็นทิศทางการทำงานภายในองค์กร รวมถึงปรับปรุงบริการของเฟซบุ๊กให้ดีขึ้น ล่าสุด Mark Zuckerberg ได้เปิดกิจกรรมถามตอบนี้แก่บุคคลทั่วไป โดยจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. (เวลาไทยโดยประมาณ วันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 5.00 น.) ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมหรือสามารถชมย้อนหลังได้
หากมีคำถามอยากถาม Mark Zuckerberg สามารถฝากคำถามไว้ที่ได้เพจ Q&A with Mark ซึ่งคำถามไหนได้รับการกด Like มากที่สุด ก็จะได้รับการตอบคำถามจาก Mark Zuckerberg โดยตรง
Mark Zuckerberg เผยความลับใหม่ต่อโลกว่าเขาพูดภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ได้ โดยเขาไปพูดเรื่อง Internet.org ที่มหาวิทยาลัย Tsinghua ในปักกิ่งเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เมื่อพิธีกรแนะนำเขาด้วยภาษาอังกฤษเสร็จเรียบร้อย เขาก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและพูดภาษาจีนทันที ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากคนจีนที่เข้าฟัง
เขาบอกว่าหัดเรียนภาษาจีนด้วยตนเองมาตั้งแต่ปี 2010 โดยได้แรงบันดาลใจจากภรรยาเชื้อสายจีน Priscilla Chan โดยย่าของเธอพูดแต่ภาษาจีนเท่านั้น ซึ่งเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2012 ตัวของ Zuckerberg ก็เดินเข้าไปพูดกับย่าเป็นภาษาจีน ผลคือเธออึ้งไปเลย
ถึงแม้สำเนียงจีนของ Zuckerberg ยังไม่ดีเท่าไรนัก แต่ความมั่นใจที่จะพูดภาษาจีนของเขาก็ทำให้คนจีนจำนวนมากประทับใจ และคลิปการพูดจีนของ Zuckerberg ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมู่คนจีนทั่วโลก
เนื่องจากโรคอีโบลาในตอนนี้เดินทางเข้ามาสู่จุดวิกฤติ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 8,400 ราย และมีแนวโน้มว่าจะมีการกระจายตัวอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ มาร์คและภรรยาจึงเล็งเห็นว่า ถ้าจะหาทางหยุดยั้งไม่ให้โรคแพร่เชื้อไปมากกว่านี้จนกลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพระดับโลกในระยะยาว ก็ต้องหาทางควบคุมมันให้เร็วที่สุด การบริจาคเงิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 813 ล้านบาท) จึงเป็นหนทางหนึ่งที่เขาเชื่อว่าจะช่วยให้องค์กร CDC (Centers for Disease Control Foundation) สามารถนำไปใช้เป็นวิจัยและพัฒนาวิทยาการการต่อสู้กับโรคอีโบลาได้มากขึ้น
ที่มา - Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg และ Priscilla ภรรยา บริจาคเงิน 25 ล้านดอลลาร์ให้มูลนิธิศูนย์ควบคุมโรค (Centers for Disease Control Foundation) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อสู้กับอีโบลา
Zuckerberg บอกว่าเราต้องช่วยกันควบคุมไม่ให้อีโบลาแพร่กระจายในวงกว้างลักษณะเดียวกับโปลิโอหรือเอดส์ และวิธีที่เขาเห็นว่าเหมาะสมที่สุดคือช่วยสนับสนุนการทำงานของ CDC และผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ โดยเงินของเขาจะช่วยเหลือทั้งการตั้งศูนย์รักษา เทรนบุคลากร และตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสให้มากขึ้น
ที่มา - Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg ได้จัดงานประชุมในวาระ Internet.org ครั้งแรกในนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยสาระในการประชุมก็ยังเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับประชากร 2 ใน 3 ของประชากรโลกเช่นเดิม โดยจะมุ่งเน้นการสร้างบริการต่างๆ ที่รองรับภาษาถิ่นของประชากรให้มากขึ้น
และในงาน มาร์คได้ประกาศการจัดประกวดนวัตกรรมของ Internet.org ที่จะให้นักพัฒนาส่งไอเดียหรือแอพที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นและชนชั้นแรงงานเข้ามาประกวด การตัดสินจะมีกรรมการจาก Facebook, Ericsson และ Qualcomm โดยจะประกาศผู้ชนะในงาน Mobile World Congress 2015 และผู้ชนะจะได้รับรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากข่าวเดิม Mark Zuckerberg ยอมเอาน้ำเย็นรดตัว และท้า Bill Gates ให้ทำแบบเดียวกัน หลายคนที่สงสัยว่า Bill Gates จะยอมรับคำท้านี้หรือเปล่า หรือจะแค่บริจาคเงินแต่โดยดี วันนี้ก็มีคำตอบแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น Bill Gates ก็ไม่ได้เอาน้ำเย็นรดตัวแบบธรรมดาๆ แต่มีการใช้เครื่องกลไกในการทำให้ถังราดน้ำลงตัวเองได้เหมาะเจาะ และไม่วายไทอินสินค้าตัวเองด้วย.. (อยากรู้ว่าเป็นอะไรก็ดูในคลิปเอาเอง)
3 คนที่ถูก Bill Gates ท้า คือ On Air with Ryan Seacrest, Chris Anderson จาก TED และ Elon Musk
ที่มา - Bill Gates
เหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดมทุนเพื่อต่อสู้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) โดยผู้เล่นจะได้รับคำท้าให้เอาน้ำเย็นรดตัวใน 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกบริจาคเงิน หรือจะทำทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ความน่าสนใจของแคมเปญนี้คือคนดังเริ่มมาเล่นขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดก็คือ Mark Zuckerberg นี่เอง
Mark Zuckerberg ได้ลงมือท้า Bill Gates, Sheryl Sanberg และ Reed Hasting ก็ต้องมาดูว่าทั้ง 3 คน จะยอมรับคำท้านี้หรือไม่
ที่มา - The Verge