Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดคาสต์ The Joe Rogan Experience ตอนล่าสุด เผยว่าเฮดเซต VR ตัวใหม่ของ Meta จะออกมาในเดือนตุลาคมนี้
เขาให้รายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์เด่นในเฮดเซตรุ่นใหม่ ว่าจะรองรับการแสดงออกอารมณ์ได้ดีขึ้น เช่น สามารถแสดงผลทางสายตา ไปจนถึงใบหน้า ตัวอย่างหากเรายิ้ม ทำหน้าขมวดคิ้ว หรือไม่พอใจ สีหน้าดังกล่าวก็จะแสดงผลตามด้วยในอวาตาร์ ทำให้สะท้อนความรู้สึกออกมาได้แบบเรียลไทม์
เมื่อหลายวันก่อน Mark Zuckerberg ประกาศขยายบริการโลกเสมือน Horizon Worlds ให้กับผู้ใช้ในสเปนและฝรั่งเศส โดยเขาโพสต์ภาพอวตารของตัวเองถ่ายภาพกับโมเดลหอไอเฟล และโบสถ์ในสเปน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า "เรามาแล้ว"
อย่างไรก็ตาม คุณภาพของอวตาร Mark Zuckerberg ที่ปรากฏนั้นได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมากว่าไม่สวยงาม ดูโบราณ และนัยน์ตาของ Zuckerberg ดูน่ากลัว
ล่าสุด Zuckerberg ออกมายอมรับแล้วว่าภาพที่เขาโพสต์ก่อนหน้านั้น "ดูธรรมดาเกินไป" (pretty basic) และโชว์ภาพอวตารและกราฟิกภายในโลกเสมือน Horizon Worlds เวอร์ชันอัพเกรดว่ากำลังทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม
Javier Olivan คือผู้รับตำแหน่งสำคัญ ซีโอโอ ของ Meta และ Facebook หลังการประกาศลาออกของซีโอโอคนดัง Sheryl Sandberg ซึ่งตำแหน่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาคนสำคัญรองจาก Mark Zuckerberg สำนักข่าว Bloomberg ได้รวบรวมข้อมูลเท่าที่หาได้ของผู้บริหารคนใหม่นี้ แม้ตัวเขาไม่ชอบออกสื่อนัก และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายงานดังกล่าว
Olivan เกิดและเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ใกล้เทือกเขาพิรินีในสเปน เขาสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ซึ่งรวมทั้งญี่ปุ่นและเยอรมัน จบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอุตสาหการจากมหาวิทยาลัยในสเปน เริ่มงานที่ Siemens จากนั้นมาศึกษาต่อ MBA ที่ Stanford แล้วจึงได้มาทำงานที่ Facebook
ก่อนหน้านี้ Meta และอีกหลายบริษัท Tech ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง Metaverse Standards Forum เพื่อกำหนดมาตรฐานการพัฒนา metaverse ซึ่งไม่ปรากฏหลายบริษัทใหญ่ เช่น Apple, Alphabet หรือ Adobe
ในประเด็นนี้มีมุมมองที่ชัดเจนขึ้น โดย Meta จัดประชุมพนักงานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่ง The Verge ได้บันทึกการประชุมมา ซึ่งในช่วงถามตอบมีพนักงานถามว่าการที่แอปเปิลไม่เข้าร่วม Forum จะส่งผลอย่างไรบ้าง?
ในการแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Meta ซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบ Recommendations ที่จะแสดงโพสต์ของคนที่ผู้ใช้งานไม่ได้ติดตาม ซึ่งตอนนี้เริ่มมีแล้วทั้งใน Facebook และ Instagram ซึ่งหากไม่ชอบ นี่ก็คงเป็นข่าวร้าย
Zuckerberg บอกว่าปัจจุบันอัตราการแสดงผลโพสต์ประเภท Recommendations สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน อยู่ที่ประมาณ 15% บน Facebook และมากกว่านี้เล็กน้อยใน Instagram โดยตัวเลขจะเพิ่มเป็นเท่าตัว (คือประมาณ 30%) ภายในสิ้นปีหน้า
Mark Zuckerberg โชว์ต้นแบบแว่น VR ที่เคยพัฒนาในห้องแล็บของบริษัท Meta จำนวนทั้งหมด 4 รุ่น โดยทั้ง 4 รุ่นไม่ใช่แว่นรุ่นที่จะวางขายจริง
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้โพสต์ภาพเขานั่งในที่ทำงาน พร้อมกับเมนูหลายอย่างของแมคโดนัลด์ แคปชันบอกว่า ร่วมยินดีที่แมคโดนัลด์มาใช้งาน Workplace ด้วยแมคนักเก็ต 20 ชิ้น, เบอร์เกอร์ Quarter Pounder และเฟรนฟรายด์ I'm lovin' it.
Workplace คือแพลตฟอร์มทำงาน หรืออาจเรียกว่า Facebook เวอร์ชันสำหรับใช้งานภายในองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีหลายองค์กรที่เป็นลูกค้าอยู่
Sheryl Sandberg ซีโอโอ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศลาออกจากตำแหน่ง มีผลในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ Sandberg จะยังรับตำแหน่งในบอร์ดบริหารของ Meta ต่อไป
Javier Olivan หัวหน้าฝ่ายการเติบโตของ Meta (Chief Growth Office) จะมารับตำแหน่งซีโอโอต่อ ซึ่งจากนี้จะเป็นช่วงการส่งต่องานทั้งหมดให้
Mark Zuckerberg พูดในงานเทศกาลภาพยนตร์และสื่อ SXSW 2022 ระบุว่า Instagram กำลังเตรียมรองรับระบบ NFT “เร็วๆ นี้” โดยจะมีระบบที่ทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงงาน NFT ที่มีอยู่ ภายในสองสามเดือนข้างหน้านี้ รวมถึงยังหวังว่าจะสามารถทำระบบให้ผู้ใช้มินต์ หรือสร้างโทเค่น NFT ชิ้นใหม่ได้ในอนาคต
Mark ยังบอกอีกว่าในวันข้างหน้า NFT จะมีบทบาทที่สำคัญบนระบบ Metaverse ของบริษัท โดยยกตัวอย่างเป็นเสื้อผ้าของตัวอวตารใน Metaverse ว่าผู้ใช้อาจสามารถมินต์เสื้อผ้าของตัวละครออกมาในรูปแบบ NFT แล้วนำไปใช้ในที่ต่างๆ ได้ ส่วนรูปแบบของระบบ NFT บน Instagram จะเป็นแบบไหน คงต้องรอติดตามกันต่อไป
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวจากพนักงานที่เข้าร่วมประชุมใหญ่ภายในบริษัท Meta หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส และราคาหุ้นปรับลดลงถึงกว่า 26% โดยซีอีโอ Mark Zuckerberg บอกว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นลดลง เนื่องจากบริษัทประเมินรายได้ในไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหวัง
ประเด็นสำคัญจากการประชุมคือ Mark บอกพนักงานว่าบริษัทกำลังเผชิญการแข่งขันในระดับที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะจากแอปวิดีโอขนาดสั้น ซึ่งหมายถึง TikTok ที่สร้างทางเลือกในการใช้เวลากับมันมากขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน เขาย้ำว่าโฟกัสในตอนนี้คือสร้างการเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็นวิดีโอขนาดสั้น ซึ่งก็คือ Reels บน Instagram
ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปี 2020 Facebook เปิดระบบ Subscriptions ให้ครีเอเตอร์ที่ผ่านเกณฑ์ เก็บเงินจากแฟนๆ รายเดือนเพื่อสร้างรายได้สำหรับสร้างเนื้อหาต่อไปได้ (โมเดลคล้าย Patreon) ล่าสุด Facebook ประกาศความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม ครีเอเตอร์ใน 27 ประเทศ รวมไทยด้วย สามารถเปิด Subscriptions ได้ แต่ยังเป็นระบบ invite-only
ครีเอเตอร์สามารถโปรโมทระบบ Subscriptions ในหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง และใช้ระบบชำระเงิน Facebook Pay ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ Facebook ยังจ่ายโบนัสให้กับครีเอเตอร์ $5 - $20 ถ้ามีคนมาติดตามเพิ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเงินลงทุน 1,000 ล้านเหรียญเพื่อครีเอเตอร์ที่ Facebook ประกาศมาก่อนหน้านี้
นอกจาก Project Cambria ที่เป็นแว่น VR ระดับสูง Mark Zuckerberg ยังพูดถึงแว่นต้นแบบอีกตัวคือ Project Nazare เป็นแว่น AR ลักษณะคล้ายแว่นติดกล้อง Ray-Ban Stories ที่เปิดตัวไปแล้ว แต่เป็นแว่น AR สมบูรณ์แบบคือแสดงภาพบนจอแว่นได้ด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีภาพของ Project Nazare ให้ดูกัน แต่มีสาธิตภาพที่มองเห็นผ่านแว่น จะเป็นการแสดงกราฟิกขึ้นมาทับบนโลกจริง (เหมือน HoloLens) เพื่อให้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ผ่านเกมโซเชียลร่วมกันได้
แม้ Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta แล้ว แต่เอกสารตีแผ่เรื่องราวภายในที่หลุดมาก่อนหน้านี้ก็ยังดำเนินต่อไป เอกสารภายในอีกชุดระบุว่า Faceobok เจอปัญหาจ้างคนมาทำงานยาก โดยเฉพาะงานตำแหน่งวิศวกร โดย Facebook ไม่สามารถหาผู้สมัครที่เพียงพอต่อความต้องการด้านวิศวกรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสำนักงานใหญ่ Bay Area
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ถึงการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Metaverse นอกจากเหตุผลเรื่องวิสัยทัศน์ใหม่ที่ไปไกลกว่าโซเชียลแล้ว มีประเด็นอื่นที่น่าสนใจดังนี้
จากประเด็นเอกสารภายใน Facebook ชี้ชัดว่าวัยรุ่นใช้งานน้อยลง มองเป็นโซเชียลคนแก่ ล่าสุด ในการประชุมนักลงทุน Mark Zuckerberg เผยว่าบริษัทกำลังโฟกัสใหม่ เพื่อการใช้งานของคนหนุ่มสาว พร้อมบอกด้วยว่า อนาคตของ Facebook ก็คือคนหนุ่มสาวนี่แหละ
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญใน Facebook และ Instagram โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาใจคนหนุ่มสาวอายุ 18-29 ปีมากขึ้น แม้ว่าจะต้องแลกด้วยเงินจากผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่าก็ตาม รวมถึงการใช้เงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อสร้าง Metaverse ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร
จากเหตุ Frances Haugen อดีตพนักงานเปิดเผยเอกสารภายในหลายพันหน้าต่อหน่วยงานกำกับดูแล ฝ่ายนิติบัญญัติ และผู้สื่อข่าว หรือที่เรารู้จักเอกสารดังกล่าวในชื่อว่า Facebook Files นั้น ล่าสุด Facebook เตรียมรับมือด้วยการประกาศกับพนักงานว่า จะเริ่มทำให้กลุ่มสนทนาออนไลน์บางหัวข้อจัดขึ้นในที่ปิดหรือเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพื่อลดการรั่วไหลของข้อมูลและเอกสาร
Frances Haugen ที่ออกมาแฉ Facebook ว่าสนใจแต่ผลประโยชน์และสนับสนุน Hate Speech ล่าสุด Oversight Board บอร์ดอิสระที่กำกับดูแลเนื้อหาบนแพลตฟอร์มเรียก Frances Haugen เพื่อเข้าไปพูดคุยเรื่องนี้แล้ว
Haugen ทวีตว่า ได้ตอบรับคำเชิญ Oversight Board เรียบร้อย หลังบอร์ดโพสต์บนเว็บไซต์ ว่าได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการกำกับดูแลคอนเทนต์ของ Facebook หลัง Haugen ออกมาแฉ ซึ่งทางบอร์ดต้องการพูดคุยกับ Haugen เพิ่มเติม
Haugen ระบุด้วยว่า Facebook โกหกบอร์ดหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็รอคอยการเปิดเผยความจริงให้กับบอร์ดอยู่
Mark Zuckerberg โพสต์ข้อความตอบโต้ Frances Haugen อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Facebook ที่ออกมาแฉบริษัทว่าสนใจกำไรมากกว่าแก้ปัญหาความเกลียดชัง-ความปลอดภัย
Zuckerberg บอกว่าบริษัทสนใจประเด็นเรื่องความปลอดภัย สุขภาพจิต ความเป็นอยู่ของผู้ใช้อย่างมาก (เขาใช้คำว่า care deeply) และผิดหวังที่เห็นสื่อมองข้ามความพยายามของ Facebook ในการแก้ปัญหาเหล่านี้
เขาตอบโต้คำกล่าวหาต่างๆ ว่าไม่เป็นความจริง บริษัทไม่ได้มีเจตนาปิดบังผลการวิจัยต่อสาธารณะ เพราะถ้าบริษัทอยากปิดบังเรื่องนี้จริงๆ คงไม่จ้างทำวิจัยตั้งแต่แรก และถ้าบริษัทไม่สนใจเรื่องเนื้อหาที่เป็นภัย ก็คงไม่จ้างคนจำนวนมากกว่าบริษัทโซเชียลอื่นๆ มาคอยตรวจสอบเนื้อหาเหล่านี้
ดราม่าสดๆ ร้อนๆ จาก Facebook มาอีกแล้ว โดย Frances Haugen อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ใน Facebook ทำงานมาได้สองปีและเพิ่งลาออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ออกมาแฉ Facebook ในรายการข่าว 60 Minutes เปิดเผยทั้งหน้าและชื่อ
Haugen ระบุว่า Facebook รู้อยู่เต็มอกว่าแพลตฟอร์มสร้างปัญหาในสังคม ทั้งข้อความแสดงความเกลียดชัง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในเด็ก แต่ Facebook ไม่ยอมจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่ายอด Engagement จะหดตัว หรือเลือกผลประโยชน์มากกว่าความปลอดภัยในการใช้งาน
Facebook มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 2 พันล้าน และหนึ่งในงานยากของ Facebook คือการคัดกรองเนื้อหาที่ผิดนโยบายแพลตฟอร์มออกไป The Wall Street Journal เผยรายงานว่าใน Facebook มีโครงการ VIP ชื่อว่า XCheck แยกกลุ่มคนดัง นักการเมืองไว้ ไม่ต้องเข้าระบบคัดกรองเนื้อหา
The New York Times รายงานโดยอ้างอิงบุคคลวงในว่า Facebook เตรียมตั้งคณะกรรมการเพื่อมาดูเรื่องการเลือกตั้งโดยเฉพาะ ทำหน้าที่ตัดสินใจว่า Facebook ควรมีแนวทางอย่างไรในช่วงเลือกตั้ง เตรียมประกาศตั้งคณะทำงานในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพื่อให้ทันต่อการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ในปี 2022
คณะทำงานจะเข้ามาช่วยให้คำแนะนำในเรื่องสำคัญอย่างเช่น ความเป็นไปได้ของโฆษณาทางการเมืองและสิ่งที่ควรทำเกี่ยวกับข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นต้น
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โพสต์ Facebook ก่อนการเริ่มงาน WWDC ของ Apple ไม่กี่ชั่วโมง เขาประกาศว่า Facebook มีนโยบาย ไม่ตัดส่วนแบ่งเงินรายได้จากครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มไปจนถึงปี 2023 ครอบคลุมครีเอเตอร์ที่ใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ บน Facebook ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นท์ออนไลน์, การสมัครสมาชิกรายเดือน, badges รวมถึงแพลตฟอร์มนักเขียนอินดี้ที่กำลังจะเปิดตัว
มาร์กบอกด้วยว่า เมื่อถึงเวลาที่ Facebook ต้องหักเปอร์เซนต์ จะไม่มากเท่าหัก 30% ที่ Apple ทำอยู่แน่นอน
จากกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งทรงอิทธิพลในโซเชียลมีเดียมาก แม้เนื้อหาจะขัดต่อหลักสิทธิพลเมืองและกฎแพลตฟอร์ม ก็ตาม Facebook เองก็เคยยืนกรานว่า ถ้อยคำของประธานาธิบดี คือสิ่งที่ประชาชนมีสิทธิ์รับรู้ และแพลตฟอร์มไม่มีสิทธิ์ปิดกั้น แต่เหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้โซเชียลมีเดียต้องกลับมาคิดใหม่ เพราะอิทธิพลของทรัมป์ส่งผลต่อโลกจริงมากกว่าที่คิด
ล่าสุด มีรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวภายใน Facebook 2 ราย ระบุว่า Facebook จะเปลี่ยนนโยบาย บังคับใช้กฎแพลตฟอร์มกับนักการเมืองด้วย โดยจะแถลงนโยบายต่อสังคมเร็วๆ นี้
อัยการจาก 40 รัฐในสหรัฐ ส่งจดหมายถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้หยุดพัฒนา Instagram สำหรับเด็ก อายุต่ำกว่า 13 ปี ด้วยเหตุผลว่า ที่ผ่านมา Facebook ล้มเหลวในการปกป้องเด็กๆ ให้มีสุขภาวะที่ดีบนแพลตฟอร์ม
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ CNET ให้ประเด็นเรื่องแว่น VR นอกเหนือจากการอวดฟีเจอร์ของ Oculus Quest 2 แว่นรุ่นล่าสุด ที่ราคาถูกลงจากรุ่นเดิม (399 ดอลลาร์มาเป็น 299 ดอลลาร์ แม้รีวิวบอกว่าลดต้นทุนจนคุณภาพลด) ประเด็นที่น่าสนใจคือ Zuckerberg พูดถึงแว่นรุ่นท็อปที่มีชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า Oculus Pro ด้วย
Zuckerberg ยอมรับว่า Facebook กำลังพัฒนาแว่นระดับสูงอยู่ แต่คงไม่ได้เห็นกันในเร็วๆ นี้ ข้อมูลที่เรารู้แน่ๆ คือ