คอนเทนต์ผลิตเองประเภทหนึ่งที่ Netflix ให้ความสำคัญมากก็คือหมวดอนิเมะญี่ปุ่น โดยล่าสุด Netflix ได้ประกาศรายชื่ออนิเมะที่จะเตรียมฉายบนแพลตฟอร์มที่งาน Anime Expo 2018 ในลอสแองเจลิส ดังนี้
Netflix กำลังลบฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้อ่านและเขียนรีวิววิจารณ์หนังบนเดสก์ทอปได้ กำลังไล่ปิดภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยฟีเจอร์รีวิวที่ยังเหลืออยู่คือ กดนิ้วโป้ง thumbs up และ thumbs down
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Netflix เปลี่ยนฟีเจอร์รีวิว ก่อนหน้านี้ Netflix สามารถให้คะแนนหนังได้โดยกด 1-5 ดาวด้วย แต่ปัจจุบันเหลือแค่ thumbs up และ thumbs down
ปัจจุบัน Netflix มีมูลค่าบริษัทสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ในโลก มีผู้ใช้งาน 125 ล้านราย
มีผู้ใช้งานในยุโรปสังเกตเห็น Netflix เสนอแพ็กเกจราคาใหม่แบบ Ultra ราคา 16.99 - 19.99 ยูโร โดยเป็นทางเลือกที่เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 3 ทางเลือกคือ Basic, Standard, Premium
แพ็กเกจ Ultra สามารถสตรีมได้พร้อมกัน 4 อุปกรณ์ โดยความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาคือรองรับคุณลักษณะภาพ HDR นอกจากนี้เว็บไซต์ PhoneArena อ้างคำพูดผู้ใช้บางรายในอิตาลีว่า แผนบริการ Ultra อาจส่งผลกระทบต่อบางส่วนของแผนพรีเมี่ยมในปัจจุบัน โดยคนที่ใช้แพ็กเกจพรีเมี่ยมอาจใช้อุปกรณ์สตรีมได้น้อยลงจาก 4 เป็น 2 และผู้ใช้แพ็กเกจสแตนดาร์ดอาจสตรีมได้เพียง 1 หน้าจอ
ผู้ให้บริการวิดีโอออนดีมานด์แบบสมัครสมาชิกในอาเซียน ได้แก่ ASTRO, dimsum, Fox+, HOOQ, iflix, Netflix, tonton และ TVB ร่วมมือกันประกาศแนวปฏิบัติด้านเนื้อหาเพื่อกำกับดูแลกันเองในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ผู้บริโภค และให้แน่ใจว่าเนื้อหาถูกลิขสิทธิ์ ปราศจากถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง สื่อลามกอนาจาร และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ
เว็บ TechRedar อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัว ระบุว่า Netflix กำลังร่วมมือกับ Telltale Games พัฒนาเกม Minecraft บนบริการสตรีมมิ่งของ Netflix โดยตัวเกมจะถูกปรับแก้ให้ควบคุมได้ด้วยรีโมตเพียงอย่างเดียว ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่าบริการจะคล้าย Urthworx (วิดีโออยู่ท้ายข่าว)
เมื่อปลายปีที่แล้ว Netflix เคยมีข่าวว่ากำลังทำรายการที่ผู้ชมสามารถเลือกเส้นทางของเนื้อเรื่องเองได้
ทาง Netflix ติดต่อ TechRedar โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพียงว่ามีความร่วมมือกับ Telltale เพื่อทำซีรี่ยส์ Minecraft: Stranger Things อยู่ และไม่ได้มีการโต้ตอบกับผู้ใช้แต่อย่างใด
บริษัทวิจัยตลาด Jana ได้เผยข้อมูลส่วนแบ่งของบริการประเภทออนดีมานด์สตรีมมิ่งประจำไตรมาส 1 ปีนี้ในประเทศอินเดีย โดยที่น่าสนใจคือบริการจากคู่แข่งจากท้องถิ่นยังคงมาแรง
ในด้านวิดีโอสตรีมมิ่งนั้น Jana รายงานว่า ยอดการติดตั้งแอพคู่แข่งจากท้องถิ่นอย่าง Hotstar ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท Star India นั้นกินส่วนแบ่งไปจนถึง 69.7% ตามมาด้วย SonyLIV ที่ 14%, Voot ที่ 10.7%, Amazon ที่ 5%, Netflix ที่ 1.4% และ YuppTV ที่ 0.5%
Netflix มียุทธศาสตร์ช่วงที่ผ่านมา เน้นสร้างคอนเทนต์ของตนเอง โดยจะเพิ่มรายการภาษาท้องถิ่นประเทศต่าง ๆ ให้มากขึ้น คอนเทนต์หนึ่งที่น่าสนใจคือรายการ Busted! ที่เป็นวาไรตี้ของเกาหลีผลิตขึ้นโดยเฉพาะรายการแรก ซีซั่นแรกของ Busted! มีทั้งหมด 10 ตอน โดยออกอากาศสองตอนสุดท้ายในวันนี้ และ Netflix ก็ประกาศจะผลิตซีซั่นที่ 2 ต่อแล้ว
Busted! I Know Who You Are มีพิธีกรหลักคือ ยู แจ-ซ็อก, อี กวัง-ซู, คิมจงมิน, อันแจวุค, พัก มิน-ย็อง, เซ-ฮุน EXO และ คิม เซ-จ็อง Gugudan รูปแบบรายการเป็นวาไรตี้กึ่งเรียลลิตี้ ที่สมมติเรื่องราวของนักสืบกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์คดีต่าง ๆ และพยายามคลี่คลายปมปัญหานั้น ๆ
ยังไม่มีการยืนยันว่าทีมพิธีกรในซีซั่น 2 จะเป็นชุดเดิมหรือไม่
Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่กลยุทธ์ในช่วงหลัง เน้นการพัฒนาคอนเทนต์ขึ้นมาเอง ทำให้ถูกจับตามองว่าจะขึ้นมาเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของโลกได้หรือไม่ ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทได้สะท้อนความเชื่อดังกล่าวไปมาก โดยเมื่อกลางสัปดาห์ มูลค่ากิจการตามราคาหุ้น (Market Cap.) Netflix ได้แซง Comcast ยักษ์ใหญ่เคเบิ้ลทีวีในอเมริกา และล่าสุดก็กำลังจะแซงหน้า Disney แล้ว
มูลค่ากิจการล่าสุดของ Netflix อยู่ที่ 1.518 แสนล้านดอลลาร์ ส่วน Disney 1.522 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเหลืออีกไม่มาก Netflix ก็จะขึ้นเป็นบริษัทสื่อที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลกแล้ว
บารัก โอบามา และมิเชลล์ โอบามา อดีตประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เซ็นสัญญาผลิตคอนเทนต์ผ่านบริษัท Higher Ground Productions ที่ทั้งสองคนเป็นเจ้าของ โดยสัญญามีอายุหลายปี
ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าทั้งสองคนจะผลิตเนื้อหาแบบใดบ้าง แต่ประกาศของ Netflix ระบุว่าเป็นไปได้ทั้ง ซีรียส์แบบมีบทหรือแบบไม่มีบท, สารคดี, และเนื้อหาพิเศษอื่นๆ โดย Netflix จะได้สิทธิ์รวดเดียวทั้ง 190 ประเทศที่ทำตลาดอยู่
หากใครที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ผ่านทาง Netflix คงต้องตรวจสอบสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่กันเล็กน้อยแล้วว่าสามารถรองรับการแสดงบนแบบ HDR ด้วยหรือไม่
อัพเดตล่าสุดของ Netflix จะสนับสนุนการแสดงผลแบบ HDR บนสมาร์ทโฟนในรุ่นต่างๆ ได้แก่ Sony Xperia XZ2, Huawei Mate 10 Pro และ Huawei P20 ซึ่งเป็นรายชื่อรุ่นที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากของเดิมที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ประกอบไปด้วย LG V30, Razer Phone, Samsung Galaxy S8, Samsung Galaxy Tab S3, Samsung Galaxy S9, Sony Xperia XZ Premium และ Sony Xperia XZ1
Ted Sarandos หัวหน้าฝ่ายคอนเทนต์ของ Netflix บอก 85% ของเงินที่จะลงทุนใหม่ทุ่มไปกับการทำออริจินัลคอนเทนต์ ทั้งซีรีส์ หนัง โปรดักชั่น และยังบอกด้วยว่าภายในปี 2018 นี้ Netflix จะมีออริจินัลคอนเทนต์ทั้งหมดรวม 1,000 เรื่อง ซึ่งตั้งแต่เดือนนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะมีเข้ามา 470 เรื่อง
Sarandos บอกด้วยว่า ผู้สร้างและโปรดิวเซอร์ ต้องการที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งกับ Netflix และการที่เราจะรักษาซึ่งชื่อเสียงและคุณภาพเนื้อหาได้คือการที่เราร่วมมือกับผู้สร้างเก่งๆ
วันนี้ Netflix ประกาศสร้างซีรีส์อนิเมชั่นภาคแยก (Spinoff) ให้กับแฟรนไชส์หนังที่ทำเงินมากที่สุดแฟรนไชส์หนึ่งในปัจจุบันอย่าง Fast and Furious โดยจะร่วมสร้างกับ DreamWorks Animation Television ซึ่งเคยมีผลงานร่วมกันมาแล้วอย่าง Trollhunters, Spirit Riding Free และ All Hail King Julien
เนื้อเรื่องของฉบับอนิเมชั่นนี้จะมีโทนี่ ทอเร็ตโต ลูกพี่ลูกน้องของดอมเป็นตัวเอก โทนี่และเพื่อนของเขาได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลให้แฝงตัวเข้าไปในการแข่งรถที่มีองค์กรอาชญากรรมอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสร้างจากฉบับหนังอย่าง Vin Diesel, Neal Moritz และ Chris Morgan ก็จะมานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารให้กับซีรีส์นี้ด้วย
Netflix เดินหน้าทำออริจินัลคอนเทนต์ของตัวเองจนเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องใหม่นี้อาจสร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆ ไม่น้อย เมื่อ The Fast & The Furious จะทำเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนลง Netflix
เนื้อเรื่องจะไม่ใช่ Dom (ที่นำแสดงโดย Vin Diesel) เป็นตัวเอก แต่เป็นเรื่องราวของญาติของเขา หรือ Tony Toretto โดย Tony และเพื่อนๆ ถูกว่าจ้างโดยหน่วยงานของรัฐให้แทรกซึมเข้าไปในลีกแข่งขันระดับแนวหน้า ที่เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรอาชญากรรมร้ายแรงที่มีอิทธิพล
แอนิเมชั่นเป็นความร่วมมือระหว่าง Netflix และ Dreamworks Animation ที่มีซีรีส์การ์ตูน Boss Baby, Dino Trux ฉายแล้ว ส่วน The Fast & The Furious นั้นยังไม่มีรายละเอียดว่าจะฉายเมื่อไร
หลายๆ คนอาจพอได้ยินข่าวการสร้างซีรีส์ชุด The Witcher บน Netflix โดยจะอิงจากเรื่องราวในนิยายเป็นหลัก ล่าสุด Lauren S. Hissrich ผู้กำกับหญิงออกมาเปิดเผยบนทวิตเตอร์อย่างคร่าวๆ ว่า The Witcher ซีซันแรกจะมีทั้งหมด 8 ตอนและน่าจะได้ฉายราวปี 2020
Lauren ระบุว่า 8 ตอนอาจดูน้อยไป แต่ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสม แต่ละตอนจะอัดแน่นไปด้วยเรื่องราว แอคชันและตัวละคร พร้อมรีทวีตตอบแฟนๆ ว่าไม่น่าจะมีต่ำกว่า 3 ซีซัน เพราะไม่เพียงพอที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดจากนิยายแน่นอน (นิยายมี 8 เล่ม) โดยตอนนี้บททั้งหมดยังเขียนไม่เสร็จทว่า Lauren ระบุว่ามีภาพคร่าวๆ อยู่ในหัวแล้ว
ถึงแม้ Netflix จะเป็นแพลตฟอร์มชมรายการและภาพยนตร์ที่ยึดพื้นที่การชมผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก โดยเลือกฉายภาพยนตร์ผลิตเองบางเรื่องในโรงภาพยนตร์ทั่วไปด้วย เพื่อให้เข้าเกณฑ์การประกวดรางวัลภาพยนตร์ต่างๆ แต่ Netflix ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ Amazon ที่ Manchester by the Sea เคยได้ถึง 2 รางวัลออสการ์
Netflix ประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่กับผู้ใช้งาน โดยเพิ่มตัวอย่างรายการหรือเทรลเลอร์ (เรียกว่า Mobile Preview) สำหรับแอพบนมือถือ โดยนำเสนอในรูปแบบที่คล้ายกับ Stories บน Instagram ซึ่งผู้ใช้จะได้ชมตัวอย่างรายการเป็นคลิปสั้นๆ ประมาณ 30 วินาที แสดงบนหน้าจอแบบแนวตั้ง และวางไว้ตำแหน่งบนสุดของหน้าหลัก
แนวคิดของ Netflix ในการสร้างพรีวิวแบบนี้ คือให้ผู้ใช้ค้นหารายการที่น่าสนใจได้รวดเร็วขึ้น และไม่ต้องหมุนโทรศัพท์มาเป็นแนวนอนเพื่อชมรายการ
คุณสมบัติดังกล่าวมีให้ใช้แล้วสำหรับผู้ใช้ iOS ส่วน Android จะตามมาเร็วๆ นี้
ที่มา: Netflix
Netflix ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ GMM Grammy ให้นำซีรีส์ของช่องไปออกอากาศให้กับสมาชิกของ Netflix ที่มีผู้ใช้งาน 125 ล้านคนได้
ตัวอย่างซีรีส์ของค่าย GMM Grammy ที่จะนำไปลง Netflix คือบรรดาซีรีส์เก่าที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น Hormones, Bad Genius, O-Negative รวมทั้งซีรีส์เรื่องใหม่ 11 เรื่องที่กำลังจะออกอากาศ ไม่ว่าจะเป็น Girl From Nowhere The Series, The Judgement, Monkey Twins, Bangkok Love Stories Season 2 และ Sleepless Society
Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2018 มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 7.41 ล้านคน รวมเป็น 125 ล้านคน แบ่งเป็นในอเมริกา 56.71 ล้านคน และต่างประเทศ 68.29 ล้านคน โดยการเติบโตในอเมริกายังสูง มีสมาชิกเพิ่ม 1.96 ล้านคน
รายได้รวมอยู่ที่ 3,700.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 290.1 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ Netflix บอกว่าตลาดต่างประเทศมีรายได้คิดเป็น 50% ของรายได้รวม ส่วนจำนวนสมาชิกมี 55% ของสมาชิกทั้งหมด สะท้อนการขยายสู่ตลาดนอกอเมริกาที่ยังเติบโตสูง
ในขณะที่ Netflix เดินกลยุทธ์ผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาเองเพื่อฉายบนแพลตฟอร์ม ทำให้ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาคอนเทนต์จากผู้ผลิตรายอื่น และคอนเทนต์เหล่านั้นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี จนดูเหมือนว่า Netflix เลือกเดินถูกทาง แต่ผลสำรวจกลับให้มุมมองที่ตรงกันข้าม
บริษัทวิจัย 7Park Data เปิดเผยผลสำรวจผู้ชม Netflix ในอเมริกา พบว่าคอนเทนต์ที่กลุ่มตัวอย่างเลือกชม 80% คือซีรี่ส์ที่เคยฉายทางโทรทัศน์มาแล้ว ส่วน 20% เป็นคอนเทนต์ที่ Netflix ผลิตเพื่อฉายบนแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ โดยซีรี่ส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ซึ่งมีคนดูย้อนหลังบน Netflix สูง อาทิ Breaking Bad, Grey’s Anatomy, The Blacklist, Criminal Minds, Friends
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix กล่าวบนเวทีในงาน TED 2018 ที่เมือง Vancouver โดยพูดถึงเงินลงทุนที่เตรียมไว้สำหรับการผลิตคอนเทนต์ในปีนี้ 8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนจะเยอะมาก แต่เขายืนยันว่ายังไม่พอด้วยซ้ำ
Hastings บอกว่างบ 8 พันล้านดอลลาร์นี้เทียบเท่ากับเงินที่บริษัทระดับดิสนีย์ใช้ต่อไป แต่เงินของ Netflix นั้นลงทุนกับคอนเทนต์เพื่อขายไปทั่วโลกมันจึงไม่ได้เยอะมากเลย เขายังบอกว่าทุกวันนี้ยังมีรายการโทรทัศน์ที่ดีในช่องต่างๆ อยู่ทั่วโลก Netflix จึงยังมีพื้นที่ให้เติบโตอยู่อีกมาก
สุดท้ายเขาบอกแบบไม่มีกั๊กว่า ตัวเขาชอบการแข่งขัน และการอยากเอาชนะดิสนีย์ และ HBO ให้ได้ ก็ทำให้เขาพยายามอย่างหนักจนมาถึงจุดนี้ได้
Netflix ถูกสั่งแบนไม่ให้เข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เนื่องด้วยการฉายในโรงพร้อมกับบนแพลตฟอร์ม ทว่า Netflix ยังคงสามารถส่งภาพยนตร์มาฉายภายในงานได้อยู่
ด้วยเหตุดังกล่าวTed Sarandos หัวหน้าฝ่ายคอนเทนท์ของ Netflix ให้สัมภาษณ์ว่า Netflix จะถอนตัวจากการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพราะเมื่อไม่สามารถส่งเข้าร่วมประกวดได้ ก็ไม่เห็นประโยชน์ในการส่งภาพยนตร์ไปฉายในงาน รวมถึงหากยังนำไปฉาย ก็เหมือนทำให้ตัวภาพยนตร์และทีมงานสร้างถูกดูหมิ่นจากฝ่ายจัดงานกลายๆ
ที่มา - CGTN
ในมุมของผู้ใช้ Netflix อาจมองว่าแพลตฟอร์มสามารถทำการสื่อสารแนะนำซีรี่ส์ได้จบในตัวเอง แต่อาจไม่เป็นเช่นนั้น โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Netflix ได้ยื่นข้อเสนอของซื้อกิจการบริษัท Regency Outdoor Advertising ด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทนี้เป็นเจ้าของป้ายโฆษณาบิลบอร์ดกลางแจ้งหลายแห่งในลอสแอนเจลิส ที่ตั้งของฮอลลีวู้ด ศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงอเมริกา
มูลค่าในการเสนอซื้อบริษัทอาจจะคุ้มค่า เพราะปีที่ผ่านมา Netflix ใช้เงินกับการทำการตลาดซีรี่ส์ไปกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกิจกรรมหนึ่งคือการซื้อป้ายบิลบอร์ดโปรโมตซีรี่ส์อย่าง Stranger Things และ The Crown
Capital สื่อฝรั่งเศสรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่า Netflix กำลังเจรจาซื้อ Europa Corp สตูดิโอที่ก่อตั้งโดยลุค แบซง (Luc Besson) ผู้กำกับชื่อดัง และ Pierre-Ange Le Pogam ซึ่งการเจรจาสำเร็จ แบซง จะยังดูแล Europa และคุมงานด้านสร้างสรรค์
การซื้อสตูดิโอใหญ่มาเสริมทัพถือเป็นตัวเลือกที่เข้าใจได้สำหรับ Netflix ที่มีแผนจะสร้างออริจินัลคอนเทนท์เป็นตัวยืนบนแพลตฟอร์มมากกว่าจะพึ่งพาคอเนทท์หนังโรงจากค่ายอื่นๆ
Europa เป็นสตูดิโอที่ทำหนังดังๆ หลายเรื่องอาทิ Taken, Lucy, The Transporter
ที่มา - The Playlist
Theirry Fremaux หัวหน้าฝ่ายจัดงานเทศภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส งานเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับสูง เปิดเผยว่าภาพยนตร์ทั้งหมดที่ผลิตโดย Netflix จะไม่มีสิทธิเข้าร่วมการประกวดชิงรางวัลใดๆ อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เหล่านั้นยังสามารถฉายในงานได้
ปัญหาเกิดจากวิธีเผยแพร่ภาพยนตร์ของ Netflix ที่ต้องการให้มีภาพยนตร์ฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์ และบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ขณะที่แนวทางของคานส์ต้องการให้ฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ก่อนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ค่อยนำไปลงในสตรีมมิ่ง (Amazon Prime ปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้)
เราคงเห็นกันแล้วว่าบริษัทใหญ่ๆ มักชูเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการมีฟอนต์ของตนเองแล้วเอามาใช้ในโฆษณา, เว็บไซต์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่นแอปเปิลก็มี San Francisco ที่เริ่มใช้จาก Apple Watch ก่อนจะมาถึง iOS และ OS X ในภายหลัง, ซัมซุงก็มีฟอนต์ชื่อ SamsungOne, กูเกิลก็มี Roboto และ Product Sans ในขณะที่ไมโครซอฟท์ใช้ Segoe
ก่อนหน้านี้ Netflix ใช้ฟอนต์ชื่อ Gotham ในการโฆษณาต่างๆ แต่ก็เป็นเพียงฟอนต์ที่ซื้อสิทธิ์การใช้งานมา ใครก็สามารถจ่ายเงินซื้อมาใช้ได้ Netflix เลยตัดสินใจพัฒนาฟอนต์ของตัวเองในชื่อ Netflix Sans ด้วยเหตุผล 2 อย่างคือเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ฟอนต์ Gotham เนื่องจากระยะหลัง Netflix ขยายธุรกิจไปหลายประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายตรงนี้สูงขึ้นมาก การมีฟอนต์ของตัวเองจึงลดค่าใช้จ่ายไปได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ชมภาพตัวอย่างการใช้งานของฟอนต์ใหม่นี้ได้ท้ายข่าวครับ