ถึงแม้ Netflix ยังไม่เปิดให้บริการในเมืองไทย แต่ข่าวนี้แสดงให้เห็นทิศทางของโลกวิดีโอออนไลน์ได้ดีครับ
เจ้าพ่อแห่งบริการดูหนังออนไลน์ Netflix เดิมทีนั้นให้บริการผ่านระบบ Silverlight ของไมโครซอฟท์ (ด้วยเหตุผลเรื่อง DRM เป็นสำคัญ) แต่ก็เคยประกาศว่ากำลังเปลี่ยนผ่านจาก Silverlight มาเป็น HTML5 หลังจากวิดีโอบน HTML5 เริ่มมีฟีเจอร์ตามทัน Silverlight/Flash มากขึ้น
ที่งาน WWDC 2014 วันนี้ Apple เปิดตัว OS X 10.10 ตามคาด โดยใช้ชื่อว่า Yosemite (โย-ซิ-มิ-ตี) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติในแคลิฟอร์เนีย (ใช้สถานที่เช่นเดิม) OS X Yosemite นี้ได้มีการปรับปรุงอินเตอร์เฟซและหน้าตาไอค่อนใหม่ให้แบนราบกว่าเดิม ตามแบบของ iOS 7 และเพิ่ม dark mode เปลี่ยนอินเตอร์เฟสเป็นสีดำอีกด้วย
สำหรับงานประชุมเหล่านักพัฒนาประจำปีครั้งที่ 25 ของแอปเปิล ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านี้ โดยปกติก่อนวันงานก็จะมีการตกแต่งสถานที่ด้วยป้ายหลากหลายสีสันทั่วทั้งตึก Moscone ฝั่งตะวันตก ที่เมืองซานฟรานซิสโก ที่เห็นเด่นชัดก็จะมีสัญลักษณ์โลโก้แอปเปิลใหญ่ติดสองฝั่งภายนอกของตึกสามชั้นแห่งนี้ รวมไปถึงป้ายแบนเนอร์ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแอปเปิลภายในตัวตึกอีกด้วย และหนึ่งในป้ายที่น่าสนใจก็คือป้ายที่มีเลข 8 ตัวใหญ่ที่สื่อถึงการมาของ iOS 8 ซึ่งคาดหวังกันไว้ว่าจะได้เจอในวันงาน
การประชุมจะเปิดให้นักพัฒนาและผู้สื่อข่าวเข้าร่วมฟัง keynote ในเช้าวันจันทร์ ซึ่งจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็มาชมภาพการเตรียมงานจากภายนอกอาคารกันก่อนที่ท้ายข่าวครับ
กูเกิลเปิดซอฟต์แวร์ VirusTotal Uploader ที่ทำหน้าที่เป็นไคลเอนต์อัพโหลดไฟล์ไปสแกนหาไวรัสและมัลแวร์บนเวิร์ฟเวอร์ของกูเกิล โดยก่อนหน้านี้กูเกิลออกซอฟต์แวร์แบบเดียวกับสำหรับวินโดวส์มาก่อนแล้ว
บริการ VirusTotal เป็นบริการผ่านเว็บที่เปิด API ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดไฟล์ขึ้นไปตรวจสอบว่าติดไวรัสหรือไม่ ขณะเดียวกันกูเกิลก็สามารถเก็บข้อมูลของไฟล์ที่ติดไวรัสว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรเพื่อใช้ป้องกันตัวเองและป้องกันบริการอื่นๆ เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ได้ ตัว Uploader เองก็มีผู้ผลิตรายอื่นที่ช่วยผลิตซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อให้เชื่อมต่อกับบริการได้สะดวกขึ้น
ตัว VirusTotal Uploader for OS X นี้จะรองรับการอัพโหลดโดยการลากวางไฟล์, ตรวจสอบโฟลเดอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด และตรวจสอบแอพพลิเคชั่น
แอปเปิลออกอัพเดตย่อย OS X Mavericks 10.9.3 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
ที่มา - Apple Support
นโยบายของกูเกิลกับ Chrome เน้นการผสานเป็นส่วนหนึ่งของตัวระบบปฏิบัติการมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Chrome Metro บน Windows 8 ที่ใส่อินเทอร์เฟซแบบ Chrome OS มาด้วย
ล่าสุดฝั่งของ OS X ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยกูเกิลปรับปรุงให้ Chrome Apps (แอพออฟไลน์ที่ทำงานบนเดสก์ท็อป แต่เรียกใช้ผ่าน Chrome) เชื่อมต่อกับเมนู Open With ใน Finder ได้แล้ว
สรุปง่ายๆ ว่าเราสามารถคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Open With จากนั้นจะมีโปรแกรมสาย Chrome Apps โผล่ขึ้นมาให้เลือกเช่นเดียวกับโปรแกรมบนเดสก์ท็อปปกติ ใครอยากลองต้องดาวน์โหลด Chrome Canary บนแมคมาใช้งาน และเปิด flag พิเศษตามลิงก์ที่มาครับ
แหล่งข่าวของเว็บ 9to5Mac ได้ออกมาบอกว่าปีนี้แอปเปิลจะเน้นการโชว์ระบบปฏิบัติการ OS X 10.10 มากกว่าการโชว์ iOS 8 เนื่องจาก OS X 10.10 จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชันก่อนหน้ามากพอสมควร ซึ่งจุดนี้แหล่งข่าวบอกว่าจะคล้าย ๆ กับการเปลี่ยนแปลงจาก iOS 6 มาเป็น iOS 7 โดยทีมที่ออกแบบ UI ของ iOS ก็ได้ย้ายมาร่วมงานกับทีม OS X แล้วด้วย
UI ใหม่ของ OS X น่าใกล้เคียงกับ iOS 7 มากขึ้น บริเวณมุมของแต่ละหน้าต่างจะคมขึ้น และไอคอนต่าง ๆ จะมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับ iOS 7 มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แอปเปิลจะไม่เข้าไปยุ่งหรือลดทอนคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ OS X มีอยู่ทุกวันนี้อย่างแน่นอน
เว็บสัญชาติฝรั่งเศส Consomac ที่ได้พยายามเจาะหาข้อมูลเกี่ยวกับการจดเครื่องหมายการค้าของแอปเปิล เพื่อที่จะยืนยันว่าแอปเปิลกำลังทำ iWatch อยู่จริงหรือไม่ บังเอิญได้ไปพบกับการจดเครื่องหมายทางการค้าของบริษัทลมสองราย ที่ได้ยื่นขอเครื่องหมายการค้าชื่อที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ต่าง ๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เช่น:
ปกติแอปเปิลจะปล่อยซอฟต์แวร์เวอร์ชันทดลองให้เฉพาะนักพัฒนาของแอปเปิลทดลองใช้ก่อน แต่วันนี้แอปเปิลเปิดตัวซอฟต์แวร์ OS X Beta Seed Program สำหรับผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้และช่วยปรับปรุง OS X เวอร์ชันทดลองผ่าน feedback assistant โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
หลังจากให้ผู้ใช้งาน Android ต่างต้องอิจฉาผู้ใช้งาน iOS ที่ได้ใช้แอพอ่านอีเมล์ชื่อดังอย่าง Mailbox ในที่สุด ตามสัญญา Dropbox เปิดตัว Mailbox สำหรับ Android และเดสกท็อป
ช่วงนี้มีข่าวลือของ iOS 8 ออกมาค่อนข้างถี่ รอบนี้เป็น 9to5mac ได้ข้อมูลวงในว่าแอปเปิลจะนำแอพ Preview และ TextEdit มาใส่ใน iOS 8 ด้วย
แอพทั้งสองตัวนี้จะไม่ใช่เวอร์ชันของ OS X โดยตรง แต่จะถูกพัฒนาขึ้นให้เหมาะกับระบบสัมผัส และเน้นการพรีวิว-แก้ไขเอกสารที่อยู่บน iCloud แทน (ตามแนวคิดของแอปเปิลที่ต้องการแทนที่ระบบไฟล์แบบดั้งเดิม ด้วยคลังเอกสารบนกลุ่มเมฆ)
ตามข่าวบอกว่า แอพทั้งสองตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่นำโดย Craig Federighi ผู้บริหารฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ซึ่งเขาพยายามรวมสายการพัฒนาของทีม iOS และ OS X เข้าด้วยกัน (ของเดิมต่างคนต่างทำ)
รายงานจากบริษัทความปลอดภัย ESET รายงานว่าพวกเขาพบมัลแวร์ OSX/CoinThief.A ซึ่งตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ภายในแอพเถื่อนยอดนิยมอย่าง Angry Birds, Pixelmator, BBEdit และ Delicious Library
สำหรับขั้นตอนการขโมยเงินของ OSX/CoinThief.A นั้นจะทำโดยใช้วิธีติดตั้งเข้ามาเป็น add-on ในเว็บเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ โดยมันจะคอยดึงข้อมูลล็อกอินเมื่อผู้ใช้เข้าใช้งานเว็บ MtGox, BTC-e และ block chain.info
จากกรณีบั๊ก SSL ใน OS X แอปเปิลออกแพตช์แก้ให้กับ OS X เรียบร้อยแล้ว และในโอกาสเดียวกัน แอปเปิลก็ออกแพตช์ความปลอดภัยอื่นๆ ให้กับ 10.7 Lion และ 10.8 Mountain Lion ด้วย
OS X เวอร์ชันที่ไม่ได้รับแพตช์ในรอบนี้คือ OS X 10.6 Snow Leopard ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแอปเปิลหยุดสนับสนุนระบบปฏิบัติการตัวนี้แล้ว
ตามปกติแล้วแอปเปิลจะออกแพตช์ให้ระบบปฏิบัติการ 2 รุ่นล่าสุด (รุ่น n และ n-1) แต่กรณีของ Snow Leopard กลับมีระยะการสนับสนุนที่ยาวนานกว่าปกติมาก (สถานะตอนนี้นับเป็นรุ่น n-3 แล้ว) การหยุดสนับสนุนในตอนนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจนัก
จากปัญหาช่องโหว่ SSL ของ iOS/OS X ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง (ข่าวเก่า 1, 2, 3) ล่าสุดแอปเปิลออก OS X Mavericks 10.9.2 ที่แก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว
คนที่อัพเดตแล้วอยากทดสอบว่าช่องโหว่หายไปเพื่อความสบายใจ สามารถใช้ Safari เข้าไปทดสอบได้ที่ Apple SSL bug test site
OS X 10.9.2 ยังเพิ่มฟีเจอร์ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ FaceTime (โทรด้วยเสียง) และ iMessages (บล็อค SMS) มาอีกเล็กน้อย และปรับปรุงเสถียรภาพของแอพบน OS X ของแอปเปิลเองอีกหลายจุด รายการเปลี่ยนแปลงฉบับเต็มอ่านได้ตามลิงก์ที่มา
จากเหตุการณ์ที่ Apple ใส่โค้ด goto fail; เกินมา 1 บรรทัด จนทำให้เกิดช่องโหว่ในการตรวจสอบใบรับรอง SSL ซึ่งช่องโหว่ที่ว่านี้ถูกแก้ไปแล้วใน iOS 7.0.6 และ 6.1.6 แต่ OS X 10.9.x ยังไม่แก้ ในเบื้องต้นเชื่อกันว่าช่องโหว่นี้มีผลกระทบแค่ Safari ใน OS X แต่ล่าสุดพบว่าช่องโหว่นี้มีผลกระทบกับแอพพลิเคชันอื่นๆ ด้วย
หลังจากที่แอปเปิลนั้นได้ออกอัพเดต iOS 7.0.6 และ iOS 6.1.6 เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเชื่อมต่อแบบ SSL (ข่าวเก่า) ทำให้มีผู้พัฒนาหลายๆ คนได้ไปตรวจสอบโค้ดในส่วนนี้สำหรับ OS X Mavericks (10.9.x) และพบว่าข้อบกพร่องนี้ก็ปรากฏอยู่ใน Mavericks ด้วยเช่นเดียวกัน
ทำให้มีผู้พัฒนาชาวเยอรมันคนหนึ่งได้ทำการแพชต์ Mavericks ตัวนี้เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น โดยแพชต์ตัวนี้รองรับเฉพาะ Mavericks แบบ 64 บิตเท่านั้น หากนำไปใช้กับเครื่อง 32 บิต จะต้องทำการพอร์ตก่อน
สิ่งที่ผู้พัฒนาค้นพบก็คือโค้ดในไฟล์ sslKeyExchange.c นั่นเอง เพราะว่ามีคำสั่ง goto fail; ถึง 2 ครั้ง
จากปัญหา Apple ใส่โค้ด goto fail; เกินมา 1 บรรทัด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบใบรับรอง SSL ที่ผิดพลาดได้ ซึ่งปัญหาที่ว่าเกิดขึ้นทั้งใน iOS และ OS X นักวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลซอร์สโค้ดย้อนหลังแล้วพบว่าโค้ดเจ้าปัญหานี้ถูกใส่เข้ามาในระบบตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าเดือนตุลาคม ปี 2013 ทำให้ iOS 6.1, iOS 7 และ OS X 10.9 ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่ที่ว่านี้ (@thegrugq, @Pod2G)
หลังจากที่เมื่อเช้านี้ Apple ได้ปล่อยอัพเดต iOS 7.0.6 ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาช่องโหว่การตรวจสอบ SSL แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยหลายรายก็เลยพยายามที่จะวิเคราะห์ว่าปัญหาของช่องโหว่นี้เกิดจากอะไร และมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน
จนในที่สุดก็มีคนไปไล่ดูซอร์สโค้ดของฟังก์ชันที่ใช้แลกเปลี่ยนกุญแจ SSL เลยพบว่า สาเหตุของปัญหานี้เกิดจากการที่ Apple ใส่คำสั่ง goto fail; เกินมา 1 บรรทัด เลยทำให้ระบบไม่ตรวจสอบค่า hostname ที่ผิดพลาดในใบรับรอง SSL
แม้ว่าจะมีผู้ใช้พีซีอยู่ในเกาหลีเหนือไม่มากนัก (รวมถึงอินเทอร์เน็ตด้วย) แต่เกาหลีเหนือเองก็เป็นประเทศที่สามารถสร้างระบบปฏิบัติการแห่งชาติได้ รู้จักกันในชื่อของ Red Star
Red Star นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ฐานจากลินุกซ์ แต่ถูกปรับหน้าตาให้เหมือนกับ Windows 7 แต่แล้วกาลเวลาเปลี่ยนไป ความนิยมของแอปเปิลก็มามีผลกับ Red Star จนได้ ในการอัพเดตใหญ่ของเวอร์ชัน 3 มีการเปลี่ยนส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Red Star ไปอย่างมาก และทำให้หน้าตาปัจจุบันของ Red Star นั้นคล้ายกับ OS X ไปเสียแล้ว และมี Will Scott อาจารย์สัญชาติอเมริกัน ที่ทำงานในมหาวิทยาลัยเปียงยางเก็บภาพของ Red Star มาให้ดูกัน (ดูได้ท้ายข่าวครับ)
นิตยสาร Macworld ได้คุยกับผู้บริหารแอปเปิล นาย Phil Schiller (รองประธานฝ่ายการตลาด), Craig Federighi (รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์) และ Bud Tribble (รองประธานฝ่ายซอฟต์แวร์-เทคโนโลยี และหนึ่งในทีมริเริ่มออกแบบ Macintosh) เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีคอมพิวเตอร์ตระกูล Macintosh จากแอปเปิล โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอนาคตของ Macintosh ในยุคที่สินค้าตระกูลของแอปเปิลอย่างไอโฟน และไอแพ็ด ถูกคนทั่วไปให้ความสำคัญมากกว่า
ใจความจากบทสัมภาษณ์พอสรุปได้ตามนี้ครับ
เคยสัญญาไว้ว่าจะทำฟีเจอร์เดิมของ iWork กลับมาภายใน 6 เดือน ล่าสุดแอปเปิลก็ส่งอัพเดตใหม่ของ iWork ทั้งบน OS X, iOS และเว็บไซต์
ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาส่วนมากเป็นฟีเจอร์เดิมที่ถูกนำกลับมา โดยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้ครับ
เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนสำคัญของระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อป เพราะทั้ง Windows/OS X/Ubuntu ต่างก็ออกรุ่นใหม่ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการมีความเคลื่อนไหวพอสมควร
สถิติล่าสุดของ Net Applications ระบุว่า Windows 8.1 มีส่วนแบ่งตลาด 1.72% แล้ว โดยกินตลาดของ Windows 8 มาบางส่วน (Windows 8 ลดลงเหลือ 7.53%) แต่ส่วนแบ่งตลาดของ Windows 8.x ก็ขยับเพิ่มเป็น 9.25% แล้ว
สำหรับวินโดวส์รุ่นเก่าๆ Windows 7 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเล็กน้อยเป็น 46.42%, Vista เหลือ 3.63%, XP ลดลงเล็กน้อยเหลือ 31.24% (ใกล้หลุดระดับ 30% ทุกที)
ฝั่งของแมค OS X 10.9 Mavericks มีส่วนแบ่งในตลาด 0.84% แล้ว ตลาดรวมของแมคอยู่ที่ 7.73% ส่วนลินุกซ์มีส่วนแบ่งตลาด 1.61%
หลังจากปล่อย OS X Mavericks แบบฟรีๆ ให้กับผู้ใช้แมคไปแล้ว ล่าสุดในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส ทาง Peter Oppenheimer ซีเอฟโอของแอปเปิลก็ประกาศชัดเจนว่า OS X เวอร์ชันถัดๆ ไปในอนาคตก็จะยังแจกฟรีต่อไปอีก
การเปลี่ยนยุทธศาสตร์มาเป็นการแจกซอฟต์แวร์บนเดสก์ท็อปบางตัว ทำให้แอปเปิลสูญเสียรายได้ไปประมาณ 900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของแอปเปิล และน่าจะเป็นสัญญาณว่าแอปเปิลหันมาเน้นยุทธศาสตร์ "แจกซอฟต์แวร์ ทำเงินจากฮาร์ดแวร์" มากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา - TechCrunch
หลังจากที่ได้ประกาศชุดซอฟต์แวร์ iWork ใหม่ แอปเปิลยังได้เลือกที่จะเปลี่ยนวิธีการอัพเดตแอพของตัวเองทุกชนิดให้ทำผ่านทาง Mac App Store ทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้เลือกซื้อแอพเหล่านี้ผ่านทาง Mac App Store ก็ตาม โดยเว็บ MacTrast ได้บอกว่า OS X Mavericks จะทำการตรวจสอบว่าผู้ใช้ได้ติดตั้งแอพอะไรบ้างไว้ในเครื่องอยู่แล้ว โดยถ้ามีการติดตั้งไว้แล้ว ต่อจากนี้ไปการอัพเดตจะทำผ่าน Mac App Store เท่านั้น
หลังจากที่แอปเปิลเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปดาวน์โหลด OS X Mavericks ผ่าน Mac App Store แล้ว GoSquare ได้วิเคระห์ทราฟฟิกของเว็บไซต์ พบว่าในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง OS X Mavericks ก็ครองทราฟฟิกในโลกอินเทอร์เน็ตของ Mac ไปแล้ว 7% จากที่วัดก่อนเปิดตัวได้ประมาณ 0.5-0.7%
วิธีวัดทราฟฟิกของเว็บไซต์นั้น Games Gil ซีอีโอ GoSquare กล่าวกับ MacRumors ว่า GoSquare ได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์จากเว็บกว่า 4 หมื่นแห่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้วัดจำนวนครั้งที่ดูหน้าเว็บ (page view) นับพันล้านครั้งต่อเดือน