ก่อนที่ Battlefield V จะถึงกำหนดวางขายในวันที่ 19 ตุลาคม 2018 ระหว่างนี้ทีมงานจากเว็บไซต์ PCGames ได้นำจีพียูจาก AMD และ NVIDIA มาทดสอบประสิทธิภาพกับเกมดังกล่าวที่ตอนนี้เป็นเวอร์ชัน Closed Alpha
AMD เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับจีพียู 7 นาโนเมตรครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้ง Vega ที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรและจีพียูใหม่ภายใต้โค้ดเนม Navi
ล่าสุดมีข้อมูลหลุดจากแหล่งข่าวที่ค่อนข้างมีประวัติในการปล่อยข่าวลือ Ryzen ที่ค่อนข้างแม่นยำ โดย Vega รุ่น 7 นาโนเมตรแหล่งข่าวระบุว่าเป็นรุ่น Vega 20 เป็นการ์ดจอสำหรับเล่นเกม คล็อกสปีดสูงขึ้น กินพลังงานและปล่อยความร้อนน้อยลง ใช้แรม HBM2 ขนาด 16GB บัสแบนด์วิธขนาด 4096 บิต คาดเปิดตัวไตรมาสแรกปีหน้า
นอกจาก AMD โชว์ Threadripper รุ่น 32 คอร์ ในงานแถลงข่าวยังพูดถึงจีพียู Radeon Vega รุ่นใหม่ด้วย
AMD เคยประกาศแผนการออก Radeon ว่าจะออกรุ่นใหม่เป็นประจำทุกปี และจะใช้ระบบ Tick-Tock แบบเดียวกับซีพียูอินเทลในอดีต นั่นคือสลับการเปลี่ยนสถาปัตยกรรม และเปลี่ยนกระบวนการผลิตในแต่ละปี สำหรับปีนี้จะเป็นการลดขนาดของ Radeon Vega ลงมาใช้ระดับ 7 นาโนเมตร และจะออก Radeon Vega Instinct รุ่น 7nm ในครึ่งหลังของปีนี้ และเน้นลูกค้ากลุ่มเวิร์คสเตชันและ AI เป็นหลัก
Radeon Instinct รุ่นใหม่ของปี 2018 จะยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการใช้บัส Infinity Fabric (IF) ที่ใช้กับซีพียู Ryzen มาใช้กับจีพียู Radeon ด้วย เพื่อให้การทำงานหลายจีพียูทำได้ดีขึ้น
macOS High Sierra 10.13.4 อัพเดตล่าสุด เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือรองรับจีพียูภายนอก (external GPU หรือ eGPU) ผ่านพอร์ต Thunderbolt 3
ในโอกาสนี้แอปเปิลจึงอัพเดตข้อมูลบนเว็บไซต์ ระบุรายชื่อของจีพียูที่รองรับ ซึ่งตอนนี้ยังมีแค่ฝั่ง AMD เท่านั้น ไม่มีจีพียูฝั่ง NVIDIA แต่อย่างใด
แอปเปิลยังเตือนว่าให้ระวังเรื่องพลังงาน เพราะการต่อเชื่อมกับกล่อง eGPU ต้องมีไฟพอที่ทั้งรันจีพียูและชาร์จคอมพิวเตอร์ด้วย รายชื่อสินค้าที่รองรับทั้งหมดสามารถดูได้จากที่มา
ความนิยมในตลาดเงินคริปโต ส่งผลให้การ์ดจอหลายรุ่นราคาพุ่งสูงผิดปกติ และต่อให้มีเงินก็อาจไม่สามารถซื้อได้ เพราะของหมดสต๊อกเกือบตลอดเวลา
จากสถิติของเว็บไซต์ PC Part Picker ที่เก็บข้อมูลชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ พบว่าราคาการ์ดจอพุ่งสูงขึ้นมากนับตั้งแต่หลังปีใหม่ 2018 เป็นต้นมา โดยรุ่นยอดนิยมคือการ์ดจอรุ่นสูงๆ อย่าง GeForce GTX 1070 Ti หรือ Radeon RX 570/580 ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของชาวเหมือง
AMD ใช้เวทีงาน CES 2018 เปิดตัวสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะฝั่งซีพียู Ryzen
อย่างแรกคือ Ryzen เวอร์ชันเดสก์ท็อป แบบผนวกจีพียู Radeon Vega มาให้ด้วย มี 2 รุ่นย่อยคือ Ryzen 5 2400G (4 คอร์ 8 เธร็ด) และ Ryzen 3 2200G (4 คอร์ 4 เธร็ด) ซึ่งเราคงได้เห็นมันถูกนำมาใช้ในเดสก์ท็อปเกมมิ่งระดับล่างๆ
ฝั่งโน้ตบุ๊กก็ขยายไลน์ของ Ryzen Mobile เพิ่มเติม จากปีก่อนเปิดตัว Ryzen 5 และ Ryzen 7 ไป ปีนี้ก็ตามมาด้วย Ryzen 3 ที่มีสองรุ่นย่อยคือ 2300U (4 คอร์ 4 เธร็ด) และ 2200U (2 คอร์ 4 เธร็ด) นอกจากนี้ยังมี Ryzen Pro Mobile สำหรับโน้ตบุ๊กภาคธุรกิจด้วย มี 3 รุ่นย่อยคือ 2700U, 2500U, 2300U
จากที่ อินเทลเคยประกาศไว้ว่าจะใช้จีพียูของ AMD และเพิ่งมีข่าวหลุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้เวลาของข่าวอย่างเป็นทางการรับงาน CES 2018
ชื่ออย่างเป็นทางการของซีพียูตัวนี้คือ 8th Gen Intel Core processor with Radeon RX Vega M Graphics (ยาวมาก)
ข่าวลืออินเทลเตรียมใช้งานชิปกราฟิกจากเอเอ็ม มีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเมื่อต้นปีก็มีข่าวลืออีกรอบว่าจะใช้กราฟิกของเอเอ็มดีจับคู่กับชิป Core รุ่นที่ 7 ตอนนี้อินเทลก็เปิดข้อมูลชิป Core รุ่นที่ 8 โดยระบุว่า Core ตระกูล H จะใส่ส่วนกราฟิก AMD Radeon มาด้วยในแพ็กเกจ
ข้อได้เปรียบสำคัญของการรวมส่วนกราฟิกจากเอเอ็มดีเข้าไว้ในแพ็กเกจเดียวกันคือขนาดชิปโดยรวมจะเล็กลงมาก ทำให้ขนาดบอร์ดโน้ตบุ๊กโดยรวมเล็กลงและเบาลง
AMD เปิดตัว Ryzen Mobile อย่างเป็นทางการ หลังโชว์ข้อมูลครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ว่าจะวางขายสินค้าในช่วง Q3-Q4 ของปี
ซีพียูที่เปิดตัวมี 2 รุ่นคือ Ryzen 7 2700U และ AMD Ryzen 5 2500U ทั้งสองตัวมีอัตราการใช้พลังงาน TDP 15 วัตต์, เป็นซีพียู 4 คอร์ 8 เธร็ด และผนวกจีพียู Radeon Vega มาให้ในตัว
จุดต่างคือ Ryzen 7 2700U ใช้สัญญาณนาฬิกาซีพียูสูงสุดที่ 3.8GHz, จีพียู Radeon Vega 10 มี compute unit 10 ตัว สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 1.3GHz ส่วน Ryzen 5 2500U ใช้สัญญาณนาฬิกาซีพียู 3.6GHz, จีพียู Radeon Vega 8 มี compute unit 8 ตัว สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 1.1GHz
AMD เอาใจนักขุดเหมือง ด้วยการออกไดรเวอร์ AMDGPU-Pro Beta Mining Driver for Linux เป็นการเฉพาะ
ไดรเวอร์ตัวนี้ออกแบบมาสำหรับงานประมวลผล blockchain และไม่แนะนำสำหรับงานกราฟิกหรือเกมมิ่ง สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือรองรับ "เพจ" ของหน่วยความจำ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จากค่าดีฟอลต์ 64KB สามารถปรับเป็น 2MB ได้
จีพียูที่รองรับมีตั้งแต่ Radeon R5/R7/R9/RX 500 Series/RX Vega Series และจีพียูฝั่งเวิร์คสเตชัน FirePro ส่วนระบบปฏิบัติการที่รองรับคือ RHEL 7, CentOS 7, Ubuntu 16.04 LTS
จีพียูฝั่ง AMD Radeon มีแบรนด์ CrossFire ที่หมายถึงการต่อจีพียูคู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (ฝั่ง NVIDIA เรียก SLI) อย่างไรก็ตาม ล่าสุด AMD เลิกใช้แบรนด์ CrossFire ทำตลาดแล้ว
โฆษกของ AMD ระบุว่าบริษัทต้องการให้ใช้คำว่า multi-GPU หรือ mGPU แทน เหตุผลคือจีพียู Radeon รุ่นใหม่รองรับ DirectX 12 ที่มีวิธีการประมวลผลกราฟิกบนจีพียูหลายตัว แตกต่างไปจากยุคของ DirectX 11 เดิม โดยนักพัฒนาจะต้องปรับให้เกมของตัวเองรองรับจีพียูหลายตัวมาตั้งแต่แรก ในขณะที่สมัยก่อนหน้านี้ เกมจะมองไม่เห็นว่าใช้จีพียูกี่ตัว และต้องพึ่งพาไดรเวอร์ CrossFire/SLI คอยจัดการเรื่องนี้ให้
หลัง AMD เปิดตัว Radeon RX Vega ไม่นาน ก็มีรีวิวเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง GeForce GTX 1080/1070 ออกมาแล้ว
ผลการทดสอบจาก AnandTech โดยจับคู่เทียบตัวท็อป Radeon Vega 64 กับ GeForce GTX 1080 ที่ระดับราคา 499 ดอลลาร์เท่ากัน และตัวรองท็อป Radeon Vega 56 (399 ดอลลาร์) กับ GeForce GTX 1070 (449 ดอลลาร์)
ในที่สุด AMD ก็เปิดตัวจีพียูสายเกมมิ่งรุ่นใหม่ Radeon RX Vega ที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวใหม่ Vega สักที
ก่อนหน้านี้ AMD วางขาย Radeon RX Vega Frontier Edition ที่เน้นตลาด AI/data science มากกว่าเกมมิ่งไปแล้ว ถือเป็นตัวท็อปของซีรีส์ในราคาตัวละ 999 ดอลลาร์ คราวนี้ถึงเวลาของ Vega รุ่นปกติสำหรับเกมเมอร์บ้าง
มุกเปลี่ยนเลขรุ่นกราฟิกการ์ดแต่ยังใช้สถาปัตยกรรมชิปเดิมนี้เป็นเหตุผลทางการตลาดของผู้ผลิตจีพียูที่ทำอยู่เป็นนิตย์ ล่าสุดมีข่าวลือของจีพียู AMD Radeon RX 460 จะถูกแทนที่ด้วยรุ่น RX 560D ซึ่งยังใช้จีพียูเดิม การ์ดแบบเดิม แต่เปลี่ยน BIOS ที่จำนวน Stream Processor 896 หน่วยเท่าเดิม แต่ยังไม่ระบุความเร็วสัญญาณนาฬิกา
ทั้งนี้มีรายงานว่า RX 560D จะใช้พลังงานน้อยกว่า RX 560 ประมาณครึ่งหนึ่ง น่าจะเป็นผลดีกับงานขุดเหมืองครับ
เราทราบกันดีว่า จีพียู Radeon รุ่นถัดไปจะใช้ชื่อว่า Radeon RX Vega (ตามชื่อสถาปัตยกรรม Vega) แต่จีพียูตัวแรกในซีรีส์จะยังไม่ออกมาจับตลาดเกมมิ่งอย่างที่เคย เพราะจะเปลี่ยนมาเป็น Radeon Vega Frontier Edition สำหรับประมวลผล machine learning และ data science ก่อน แล้วค่อยออกจีพียูเกมมิ่งตามมาในภายหลัง
เราต้องมอง Radeon Vega Frontier Edition ว่าเป็นหนึ่งในสินค้ากลุ่ม Radeon Pro ที่จับตลาดมืออาชีพ (ใช้ไดรเวอร์ตัวเดียวกับ Radeon Pro) สมรรถนะของมันอยู่ที่ 26.2 TFLOPS (floating point 16 บิต) และ 13.1 TFLOPS (32 บิต), ประกอบด้วย stream processor จำนวน 4096 ตัว, หน่วยความจำแบบ HBC ขนาด 16GB
จริงๆ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ามีผู้ผลิตกราฟิกการ์ดหลายเจ้ากำลังพัฒนาการ์ดที่เฉือนพอร์ตต่อจอออกเพื่อทำงานเป็นการ์ดประมวลผลเพื่อหาค่าเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ ล่าสุด ASUS เข็นการ์ดสองรุ่นออกมาแล้ว ในชื่อ Mining RX 470 และ Mining P106 ซึ่งใช้จีพียู AMD Radeon RX 470 และ NVIDIA GeForce GTX 1060 ตามลำดับ
การ์ดทั้งสองใบชูจุดขายชัดเจนเรื่องการทำเหมือง ที่การ์ดต้องเน้นความทนทานเพราะต้องเปิดนานต่อเนื่อง เลือกใช้พัดลมลูกปืนคู่ กันฝุ่นระดับ IP5X และภาคจ่ายไฟแบบพิเศษ ซึ่งการ์ดทั้งสองรุ่นจะมีจำหน่ายในจีนและยุโรปตะวันออกเท่านั้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
เอเอ็มดีเปิดตัว Radeon Instinct มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว วันนี้ก็เริ่มเปิดสเปคเพิ่มเติม สำหรับการ์ด MI25 รุ่นสูงสุด และ MI8 รุ่นกลาง
MI25 เป็นชิปสถาปัตยกรรม Vega อัตราการปล่อยความร้อนสูงสุด 300 วัตต์ พลังประมวลผลที่ FP16 อยู่ที่ 24.6 TFLOPS และ FP32 ที่ 12.3 TFLOPS ตัวการ์ดมีแรม 16GB แบนวิดท์สูงสุด 484GB/s
MI8 เป็นชิปสถาปัตยกรรม Fiji อัตราการปล่อยความร้อนสูงสุด 175 วัตต์ พลังประมวลผลที่ FP16 อยู่ที่ 8.2 TFLOPS และ FP32 ที่ 8.2 TFLOPS ตัวการ์ดมีแรม 16GB แบนวิดท์สูงสุด 512GB/s
Dell เปิดตัวพีซีออลอินวัน (ผสานจอและส่วนฮาร์ดแวร์ไว้ในชิ้นเดียวกัน) รุ่น XPS27 ที่ปรับสเปคมาใหม่ ใช้ชิป Core i7-7700 แรม DDR4-2133 16GB จีพียู AMD Radeon RX 570 กับสตอเรจ HDD 2TB+SSD 32GB หรือ SSD 512GB วิ่งบน PCI-E x4
XPS 27 แยกเป็นสองรุ่นคือรุ่นจอทัชได้กับไม่ได้ โดยจอเป็นขนาด 27” IPS ละเอียด 4K กับค่าสี Adobe RGB 100% กับลำโพงหน้าเครื่อง 10 ลำโพง รุ่นจอทัชได้จะเอนหน้าจอให้นอนได้แบบ Surface Studio ของไมโครซอฟท์ได้ด้วย ราคาอยู่ที่ 1,999 และ 2,699 เหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ (ประมาณ 68,000 และ 92,000 บาท)
นอกจากเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว AMD ยังเผยแผนการพัฒนาสถาปัตยกรรมซีพียู-จีพียูในระยะยาวอีก 3 ปีข้างหน้า (2017-2020) ดังนี้
ซีพียู เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรม Zen 2 ที่ใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร และ Zen 3 ที่ใช้กระบวนการผลิต 7nm+ รุ่นปรับปรุง โดยกำหนดของ Zen 3 จะอยู่ราวปี 2020 และ Zen 2 จะอยู่ตรงกลางระหว่างนั้น
จีพียู ถัดจากจีพียูสถาปัตยกรรม Vega ตัวต่อไปคือสถาปัตยกรรม Navi ที่ใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตรเช่นกัน และ Radeon รุ่นถัดไปที่ยังไม่ระบุชื่อในปี 2020
หลังจากประโคมข่าวกันมานาน วันนี้ AMD ก็เปิดตัวจีพียูรุ่นถัดไปสถาปัตยกรรม Vega อย่างเป็นทางการ สินค้าตัวแรกมีชื่อว่า Radeon Vega Frontier Edition ไม่เน้นเกมมิ่ง แต่เน้นเจาะตลาด machine learning และ data science เป็นหลัก
AMD ระบุว่าตอนนี้ Radeon Vega Frontier Edition คือจีพียูที่เร็วที่สุดในโลก (the fastest graphics card on the planet) มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่ง NVIDIA Titan Xp ถึง 42% ในงานบางประเภท
ฮาร์ดแวร์อย่างกราฟิกการ์ดนี่เรียกได้ว่าตกรุ่นแทบทุกครึ่งปี ล่าสุดมีข่าวของการ์ด AMD Radeon RX Vega เพิ่มเติมมาอีกแล้วจากซอฟต์แวร์อัพเดต Direct Rendering Manager (DRM) บนลินุกซ์บ่งชี้ว่าชิป Radeon RX Vega ของ AMD จะมากับ GCN 64 หน่วย ทำให้มีจำนวน Stream Processor รวม 4,096 หน่วย (มากกว่า RX 480 หรือ 580 เกือบสองเท่า) สร้างเอาท์พุตได้ 12.5 TFLOPS สูงกว่า RX 480 เกือบสองเท่าเช่นกัน ซึ่งเป็นอานิสงส์จากแรมแบบ HBM2 ความจุ 8GB กว้าง 2,048 บิตนั่นเอง (RX 480 ใช้แรม GDDR5 8GB 256 บิต)
ทั้งนี้ไดรเวอร์ตัวดังกล่าวบนลินุกซ์เผยว่าจะมีการ์ดที่แรงกว่านี้ไว้ชนกับ GeForce GTX 1080 และ 1080 Ti เช่นกัน ก็ติดตามกันต่อไปในไตรมาสสองของปีนี้
Lisa Su ซีอีโอของ AMD เผยกำหนดวางขายสินค้าใหม่ของบริษัทในปีนี้ ดังนี้
ที่มา - PCWorld
AMD เปิดตัวการ์ดที่ใช้จีพียูคู่สองตัวพร้อมกัน Radeon Pro Duo รุ่นที่สอง ถือเป็นการอัพเกรดต่อจาก Radeon Pro Duo ตัวแรกที่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016
Radeon Pro Duo รุ่นที่สอง ใช้จีพียูสถาปัตยกรรม GCN 4th Gen (Polaris) ตัวเดียวกับใน Radeon RX 400/500 Series (อัพเกรดจากรุ่นแรกที่ใช้แกน GCN 3rd Gen ของ Radeon R9 Fury X) มีจำนวนแกน (stream processor) ทั้งหมด 2304 x2 แกน, แรม 32 GB GDDR5, มีสมรรถนะสูงสุดที่ 11.45 TFLOPS, รองรับการต่อออกจอ 4K ที่อัตรารีเฟรช 60Hz สูงสุด 4 จอพร้อมกัน
วันนี้ AMD ประเทศไทยประกาศเปิดตัวและวางจำหน่าย Ryzen 5 ทั้งหมด 4 รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้วราคาดังนี้
ลองพาดหัวให้เป็นข่าวหัวสีสักนิด หลังจากที่ AMD เปิดตัวกราฟิการ์ดตระกูล Radeon RX 500 วานนี้ หนึ่งในนั้นมี RX 580 ตัวท็อปของรุ่นเปิดตัวมาพร้อมกัน
ในขณะเดียวมีรายงานจากผู้ใช้รายหนึ่งจากต่างประเทศระบุว่าเขาสามารถแฟลชไบออสการ์ด RX 480 รุ่น 8GB จากผู้ผลิต XFX ให้กลายเป็น RX 580 ด้วยไบออสของการ์ดยี่ห้อ Sapphire รุ่น Limited Edition ผ่านซอฟต์แวร์ ATIFlash ที่ความเร็วจีพียูโอเวอร์คล็อกไปที่ 1.41GHz เหนือสเปค RX 480 และทดสอบด้วย Furmark และ The Witcher 3 อย่างไม่มีปัญหา ทั้งนี้ระวังเรื่องการจ่ายไฟ และไม่มีการรับประกันความเสียหายหากไปลองทำเองนะครับ