แม้ว่าซัมซุงอาจจะไม่สามารถทำรายได้และกำไรมาก

Ryan Bidan ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของซัมซุง ให้สัมภาษณ์กับ Laptop Mag ว่าซัมซุงเตรียมโต้กลับ Kindle Fire โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกหลายประการลงในแท็บเล็ตของตัวเอง

เขาบอกว่า Galaxy Note ประสบความสำเร็จอย่างดีในฐานะผลิตภัณฑ์ที่จับตลาดใหม่ และเขาคิดว่าปากกา S Pen เหมาะกับหน้าจอขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างแท็บเล็ตด้วย อย่างไรก็ตามเขายังไม่ชี้ชัดว่าแท็บเล็ตรุ่นไหนจะมีฟีเจอร์ปากกาเพิ่มเข้ามา

ใกล้งาน Mobile World Congress ในเดือนกุมภาพันธ์เข้ามาเรื่อยๆ ก็ทำให้มี "ข่าวลือ" ของมือถือที่เก็งกันว่าจะเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน

ปีที่แล้วซัมซุงใช้เวที MWC เปิดตัว Galaxy S II มาก่อนแล้ว ทำให้ปีนี้ Galaxy S III ถูกจับตามองว่าน่าจะเปิดตัวที่ MWC เหมือนกัน

ล่าสุด Eldar Murtazin แห่งเว็บมือถือรัสเซีย Mobile-review ที่ได้ภาพหลุดข้อมูลหลุดมาเรื่อยๆ (และส่วนใหญ่มักจะจริง) อ้างว่าได้จับ Galaxy S III แล้ว

บริษัทวิจัยตลาดมือถือ BGR เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐ พบว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐ 47% ใช้ Android, ตามด้วย 27% ใช้ iPhone

ส่วนมือถือ Android ยี่ห้อที่ผู้บริโภคสหรัฐให้ความนิยมสูงสุด (highest brand preference) คือ Samsung ตามด้วย Motorola, HTC, LG ส่วนยี่ห้อที่ได้คะแนนรั้งท้ายคือ ZTE และ Huawei

นอกจากนี้ผลสำรวจของ iGR ยังระบุว่า 45% ของผู้ใช้ Android รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการก่อนตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้ Android จำนวน 27% ตอบคำถามว่าเลือก Android เพราะชื่อเสียงของกูเกิลที่สั่งสมมานาน ถือเป็นปัจจัยยอดนิยมที่ช่วยสนับสนุนการซื้อ Android

รายงานฉบับเต็มก็ซื้อได้จาก iGR ครับ

คดีนี้เป็นอีกหนึ่งคดีที่แอปเปิลฟ้องซัมซุงในหลายประเทศ และขอให้ศาลสั่งห้ามขาย Galaxy Tab เนื่องจากข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์การดีไซน์

ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อปีที่แล้วว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของแอปเปิล ซึ่งแอปเปิลยื่นอุทธรณ์ และล่าสุดศาลอุทธรณ์ของเนเธอร์แลนด์ก็ยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น ว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์การดีไซน์ของแอปเปิลเช่นเดิม

ตามข่าวยังไม่บอกว่าแอปเปิลจะทำอย่างไรต่อไปในคดีนี้ แต่สองบริษัทนี้ยังมีคดีความกันอีกเยอะในหลายประเทศ

ที่มา - รอยเตอร์, FOSS Patents

วันนี้ซัมซุงประเทศไทยมีนัดคุยกับบล็อกเกอร์ เพื่อประกาศโปรโมชันสำหรับงาน Thailand Mobile Expo 2012 ในวันที่ 26-29 ที่จะถึงนี้ โดยมีทั้งเปิดตัวรุ่นใหม่ และหั่นราคาลงมาเอาใจแฟนๆ ด้วยดังนี้

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซัมซุงออกโฆษณาทางโทรทัศน์ของ Galaxy S II กัดแฟนๆ แอปเปิลที่ต้องไปต่อคิวรอซื้อมือถือใหม่กันข้ามคืน ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

วันนี้โฆษณาภาคต่อออกมาแล้ว โดยใช้ธีมแบบเดิมคือคนที่รอซื้อ iPhone 4S ตกใจกับความสามารถของ Galaxy S II ที่ใช้ความสามารถ Navigation ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ที่เหลือก็ดูเอาเองตามคลิปท้ายข่าว

ความคืบหน้าของคดีระหว่างแอปเปิลและซัมซุงในเยอรมนี สำหรับคดีที่แอปเปิลฟ้องซัมซุง ศาลตัดสินให้แอปเปิลชนะซัมซุงไปแล้ว ซึ่ง

ซัมซุงออกมาประกาศความสำเร็จของ Galaxy S II ในประเทศเกาหลีใต้ โดยนับจากการวางขายเมื่อเดือนเมษายน 2011 มาถึงตอนนี้ (9 เดือน) สามารถขายได้แล้ว 5 ล้านเครื่อง

ตัวเลขนี้เยอะแค่ไหน? ยอดผู้ใช้มือถือในเกาหลีใต้มีทั้งหมด 20 ล้านคน คิดง่ายๆ ก็คือ 1/4 ใช้ Galaxy S II ครับ (ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนเกาหลีใต้ 53%)

Kevin Packingham ตำแหน่งรองประธานฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของซัมซุง ให้สัมภาษณ์ที่ CES ว่าปัญหาเรื่องแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของวงการมือถือ และซัมซุงตั้งเป้าว่ามือถือที่จะวางขายในปี 2012 จะต้องใช้งานได้นานเกิน 1 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คิดจากการใช้งานเฉลี่ยค่อนข้างไปทางมาก ต้นฉบับใช้ว่า "average to moderately heavy use")

เว็บไซต์ BGR รายงานข่าววงในของ RIM ว่าตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่ในการขายกิจการ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งขายบางส่วนหรือขายทั้งบริษัท โดย Jim Balsillie ซีอีโอร่วมของบริษัทได้พบปะกับตัวแทนของบริษัทอื่นๆ หลายแห่งที่น่าจะสนใจซื้อ RIM

หนึ่งในบริษัทที่มีชื่อออกมาคือซัมซุง แต่แหล่งข่าวก็ระบุว่าที่ RIM ยังขายกิจการไม่สำเร็จเพราะเรียกราคาแพงไปที่ราวๆ 12-15 พันล้านดอลลาร์ (มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่าแค่นี้ก็แพงเกินไปแล้ว)

ส่วนฝั่งซัมซุงออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่าไม่สนใจซื้อ RIM แต่อย่างใด และไม่เคยได้รับการติดต่อจาก RIM ด้วย

แอปเปิลยื่นฟ้องศาลเขต Dusseldorf ในเยอรมนีใหม่อีกรอบ โดยรอบนี้ขอให้ศาลสั่งแบนสมาร์ทโฟนของซัมซุงอีก 10 รุ่น

ข่าวต้นทางไม่ได้บอกละเอียดว่าทั้ง 10 รุ่นมีอะไรบ้าง แต่ที่ระบุชื่อมี Galaxy S Plus และ Galaxy S II ครับ นอกจากนี้ยังมีอีกคดีที่ฟ้องแยกให้แบนแท็บเล็ตซัมซุงอีก 5 รุ่นด้วย

หลังจากที่บริษัทเล็ก ๆ จากรัฐยูท่าห์ชื่อ HzO ได้นำเทคโนโลยี WaterBlock ซึ่งทำให้อุปกรณ์พกพาสามารถกันน้ำได้มาโชว์ในงาน CES เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดเว็บ Pocket-lint รายงานว่าบริษัท HzO กำลังคุยกับทั้งแอปเปิลและซัมซุง โดยประธานบอร์ดของซัมซุงเมื่อเห็น Galaxy S ถูกจุ่มลงไปในถังน้ำเขาถึงกับตะลึง

เทคโนโลยี WaterBlock ใช้เทคนิคการเพิ่ม coating ให้กับชิ้นส่วนภายในของอุปกรณ์พกพา ทำให้อุปกรณ์ที่ถูกเคลือบ coating นี้ไปแล้วสามารถกันน้ำได้ โดยทั้งหมดนี้จะไม่กระทบกับการใช้งานอุปกรณ์แต่อย่างใด โดยผู้ใช้จะรู้สึกไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม

เมื่อปีที่แล้วกระแสแท็บเล็ตโทรได้ของ Galaxy Tab รุ่นแรกที่ถูกปรามาสว่าเป็น Galaxy S เวอร์ชันขยายร่าง แต่กลับได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้ใจสาวๆ ที่ชอบพกมือถือไว้ในกระเป๋าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป

วันนี้ Galaxy Tab กลับมาอีกครั้งในมาดใหม่ของ Samsung ยุคนี้ที่บางลง เบาลง และเสริมจุดเด่นด้วยการเพิ่มลำโพงสนทนามาให้เลย ไม่ต้องต่อสมอลทอล์ค หรือเปิดลำโพงกันอีกต่อไป

ในที่สุดซัมซุงก็พูดถึงอนาคตของระบบปฏิบัติการอีก 2 ตัวที่ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง นั่นคือ bada ที่ทุกคนรู้จักกันดี และ Tizen ที่จับมือกับอินเทล สืบทอดตำนานจาก MeeGo

สำนักข่าว DigiTimes รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในไต้หวันระบุว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่างน้อย 4 รายคือ HTC, RIM, Sony และ Motorola เตรียมปรับกลยุทธ์การขายสมาร์ทโฟน โดยจะออกรุ่นใหม่ๆ ในแต่ละปีให้น้อยลง และแต่ละรุ่นก็จะเพิ่มการสนับสนุนด้านการพัฒนาและการตลาดให้มากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทที่ดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวและได้ผลดีคือแอปเปิลและซัมซุง แอปเปิลนั้นคงไม่มีข้อสงสัยอยู่แล้วเพราะ iPhone ออกมาปีละรุ่น ส่วนซัมซุงนั้นจะเน้นการตลาดไปที่สมาร์ทโฟนอย่าง Galaxy S ที่จะออกมาปีละรุ่นให้เป็นสินค้าเรือธงซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างดี

สินค้าฮ็อตประจำวันเพราะเพิ่งประกาศราคาวันนี้ (รายละเอียดอ่าน Samsung Galaxy Tab 7.7 เคาะราคา 19,900 บาท วางขายงาน TME สิ้นเดือนนี้) จริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจไปจับ แต่ไปงานเลี้ยงของซัมซุงแล้วเจอเครื่องเอามาโชว์พอดี เลยมาเขียนถึงสักหน่อยเผื่อจะมีคนสนใจซื้อ

สื่อเกาหลีใต้ รายงานว่า Sharp ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่จะผลิตจอภาพ Retina Display ใหม่ให้แก่ iPad 3 ของแอปเปิล ไม่สามารถที่จะผลิตหน้าจอ "ตามที่แอปเปิลต้องการได้" (ไม่ระบุว่าเป็นสเปค หรือความสามารถในการผลิต) ทำให้เหลือเพียงแค่บริษัทใหญ่ยักษ์ของเกาหลีใต้สองรายเท่านั้น คือซัมซุง และ LG ที่จะป้อนหน้าจอให้กับแอปเปิล

ในรายงานเดียวกัน อ้างว่าแอปเปิลต้องการจอแอลซีดีจำนวน 65 ล้านจอสำหรับ iPad 3 ภายในปี 2012 โดยในระยะแรกซัมซุงและ LG จะต้องผลิตจอภาพ 5 ล้านจอให้กับแอปเปิลภายในไตรมาสแรกของปีนี้สำหรับการขายของในระยะเปิดตัว iPad

หลังจากเปิดตัว Galaxy Tab 7.7 มากว่า 4 เดือน ดูเหมือนจะได้ฤกษ์วางขายเสียที โดยซัมซุงเคาะราคา 19,900 บาท และจะเริ่มวางขายในงาน Thailand Mobile Expo 2012 ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 26 - 29 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้

สเปคของ Galaxy Tab 7.7 นั้นยังคงเหมือนที่ประกาศในวันเปิดตัว จุดเด่นคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากจอ Super AMOLED Plus ขนาด 7.67 นิ้ว ซึ่งนับเป็นแท็บเล็ตจอ AMOLED ตัวแรกของโลก และเป็นจอ AMOLED ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยผลิตออกมาวางขายจริง

สำหรับสเปคโดยละเอียดมีดังนี้ครับ

หลังจากที่ทาง Google ได้เปิดให้จอง (และขายไปแล้ว) Chromebook ซึ่งดูไม่ค่อยดังสักเท่าไร แต่ล่าสุด Samsung ประกาศปรับสเปคใหม่ให้กับ Chromebook Series 5 พร้อมกับ Chromebox ตัวใหม่อีกด้วย

สเปคของ Chromebook Series 5 ปรับปรุงมาเล็กน้อย มี CPU Intel Atom หรือ Celeron แล้วแต่ราคา หน่วยความจำภายใน 16 GB จอ 12.1 นิ้ว จำหน่ายในราคา 399 ดอลลาร์ ในรุ่น Wi-Fi และ 449 ดอลลาร์ ในรุ่น 3G

เมื่อปีที่แล้ว ซัมซุงสามารถขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลก (นำหน้าแอปเปิลและโนเกีย) ได้สำเร็จ แต่ตลาดมือถือโดยรวม

นอกจาก โน้ตบุ๊ก และ ทีวี ซัมซุงยังเปิดตัวกล้องดิจิทัลอีกชุดใหญ่ๆ (นอกจากกล้องแล้วยังมีบลูเรย์ กล้องวิดีโอ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ทำทุกอย่างจริงๆ รายละเอียดไปหาอ่านกันเองใน Samsung Tomorrow นะครับ)

เราเห็น 3D OLED TV จาก LG กันไปแล้ว คราวนี้ค่ายเกาหลีเกทับกันเอง เพราะซัมซุงเปิดตัว Super OLED TV ตามมา

ซัมซุงเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่อีก 2 รุ่นในงาน CES 2012 ได้แก่ Samsung Series 9 โน้ตบุ๊กตัวบางที่ยกเครื่องใหม่อีกครั้ง และ Samsung Series 5 Ultra ซึ่งถือเป็น ultrabook ตัวแรกของฝั่งซัมซุง

Samsung Series 9 โฉมใหม่

โซนี่ประกาศยกเลิกแผนการผลิตและพัฒนาทีวีที่ใช้เทคโนโลยี OLED สำหรับผู้ใช้ตามบ้านแล้ว แม้ว่าซัมซุงและ LG ต่างนำทีวี OLED ของตัวเองมาโชว์ในงาน CES 2012 สัปดาห์นี้ โดยจากรายงานแผนปฏิบัติงานเกี่ยวกับจอ OLED ของโซนี่มีส่วนทำให้โซนี่ขาดทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้ว