หลังงานเปิดตัว Facebook Home ก็มีคำถามเกี่ยวกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวตามมามากมาย จน Facebook ต้องออกมาแถลงข้อมูลดังนี้

Frank X. Shaw ผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กรของไมโครซอฟท์ เขียนบล็อกตอบสนองข่าว Facebook Home ลงบล็อกอย่างเป็นทางการของบริษัท

Shaw บอกว่าเขานั่งดูงานแถลงข่าว Facebook Home และพบว่าแนวคิดที่เน้น "คน" มากกว่า "แอพ" นั้นตรงกับนโยบาย Put People First ที่ไมโครซอฟท์ใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบ Windows Phone ตั้งแต่ปี 2011 แล้ว ดังนั้นการออกที่ Facebook ออก Facebook Home ถือเป็นการยืนยันว่าแนวคิดของไมโครซอฟท์นั้นถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม Shaw บอกว่า Facebook Home อยู่บนแพลตฟอร์ม Android ที่มีความซับซ้อนสูง ดังนั้นถ้าลูกค้าอยากได้ประสบการณ์การใช้มือถือที่เน้น "คน" ก็เปลี่ยนมาใช้ Windows Phone กันเถิด

พร้อมกับการเปิดตัว Facebook Home ในวันนี้ Facebook ได้จับมือกับ HTC เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในชื่อ HTC First ที่พรีโหลด Facebook Home มาให้แต่แรก

สเปคของ HTC First จัดว่าอยู่กลางๆ ค่อนไปทางล่างของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ไล่ได้ดังนี้ครับ

Google+ อนุญาตให้ผู้ใช้อัพโหลดรูปภาพที่มีขนาดด้านใดด้านหนึ่งยาวกว่า 2,048 พิกเซลแล้ว โดยผู้ใช้ต้องเปิดตัวเลือกนี้เองใน Settings > Photos > Upload my photos at full size

ก่อนหน้านี้กูเกิลอนุญาตให้อัพรูปที่ใหญ่กว่า 2,048 พิกเซล เฉพาะผ่านฟีเจอร์ Instant Upload ของ Android เท่านั้น ผู้ใช้ผ่านหน้าเว็บไม่สามารถอัพโหลดได้เองโดยตรง

การอัพโหลดภาพขนาดใหญ่น่าจะช่วยให้กลุ่มนักถ่ายภาพสะดวกมากขึ้น แต่ก็มีผลต่อพื้นที่ฟรี 5GB ที่กูเกิลนับรวมระหว่าง Google+ และ Google Drive ด้วยนะครับ

ที่มา - CNET

จากข่าว Facebook แถลงข่าว Android วันที่ 4 เมษายน โดยส่งข้อความในบัตรเชิญว่า "come see our new home on Android"

ล่าสุดมีสื่อหลายฉบับอ้างแหล่งข่าววงในว่า Facebook จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ตรงตัวตามข้อความ นั่นคือ home screen ของตัวเองที่รันอยู่บน Android อีกทีหนึ่ง (น่าจะคล้ายๆ กับ Blinkfeed ของ HTC One)

แหล่งข่าวบอกว่าเป้าหมายของ Facebook ต้องการขยาย "ระยะเวลา" ที่ผู้ใช้อยู่กับ Facebook เพื่อประโยชน์ด้านโฆษณา โดย home screen ตัวนี้จะแสดง newsfeed บนหน้าหลักของ Android ให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลจาก Facebook เป็นอย่างแรกเสมอ (เป็นไปได้ว่าอาจรวมถึง lock screen ด้วย)

Amazon เสริมทัพผลิตภัณฑ์ด้านหนังสือและอีบุ๊กของตัวเอง ด้วยการซื้อเว็บไซต์แนะนำหนังสือ Goodreads โดยไม่เปิดเผยมูลค่า

Goodreads เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับคนรักหนังสือมาแนะนำหนังสือให้กันและกัน เปิดตั้งแต่ปี 2007 ปัจจุบันมีสมาชิก 16 ล้านราย, ตั้งเป็นชมรมอ่านหนังสือบนเว็บกว่า 30,000 ชมรม, มีรีวิวหนังสือ 23 ล้านรีวิว ซึ่งข้อมูลพวกนี้ช่วยสนับสนุนระบบแนะนำหนังสือของ Amazon ได้เป็นอย่างดี

Amazon สัญญาว่า Goodreads จะยังให้บริการเป็นอิสระดังเดิม (แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า Goodreads จะนำลิงก์ซื้อหนังสือจากร้านคู่แข่งอย่าง Barnes & Noble ออกจากหน้าเว็บของตัวเองหรือไม่) ส่วนทาง Goodreads ก็ประกาศว่าเราจะได้เห็นการผสานกันของ Goodreads กับแพลตฟอร์ม Kindle อย่างแน่นอน

Twitter ประกาศวันจัดงานสำหรับนักพัฒนาในวันที่ 2 เมษายนนี้ งานในครั้งนี้จะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ โดยเน้นไปที่การทำให้นักพัฒนาควบรวมประสบการณ์บนมือถือเข้ากับ Twitter ได้อย่างไร

เดาจากข้อมูลที่ออกมาคาดว่าฟีเจอร์ใหม่ของ Twitter นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ Twitter Card ที่อาจเปิดสามารถลงแอพบนมือถือได้โดยตรงผ่าน Twitter Card ได้

งานครั้งนี้จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ Twitter ในซานฟรานซิสโก ใครที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้จากหน้านี้ครับ

ที่มา - The Next Web

Twitter ออกมาประกาศฉลองครบ 7 ปีนับตั้งแต่เปิดบริการเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2006 และเปิดเผยสถิติว่าตอนนี้มีผู้ใช้งานจริง (active user) จำนวน 200 ล้านราย ทวีตข้อความวันละ 400 ล้านครั้ง

ในโอกาสฉลองทั้งวันเกิดและยอดผู้ใช้ ทาง Twitter ก็ทำวิดีโอย้อนเหตุการณ์สำคัญๆ ตั้งแต่ปี 2006 มาจนถึงวันนี้ให้ระลึกถึงกันครับ

ที่มา - Twitter Blog

MOLOME ประกาศหลักชัยสำคัญว่าจำนวนผู้ใช้งานตอนนี้ได้ผ่านตัวเลข 1,111,111 คนแล้ว

MOLOME กล่าวว่าแนวคิดสำคัญคือการทำแอพให้มีในทุกแพลตฟอร์มจะยังคงดำเนินต่อไป โดยตอนนี้มีแอพแล้วบน Android, iOS, Symbian, MeeGo และ BlackBerry สำหรับอีกสองระบบปฏิบัติการคือ Windows Phone และ BB10 นั้นอยู่ในช่วงการพัฒนา

ที่มา: MOLOME

เว็บฝากรูป Flickr อัพเดตแอพเวอร์ชัน iOS ของตัวเอง โดยเพิ่มฟีเจอร์ hashtag ในชื่อหรือคำอธิบายภาพ (ลักษณะเดียวกับ Instagram ในปัจจุบัน)

ถึงแม้ Flickr จะรองรับระบบแท็กมายาวนาน แต่ความนิยมของการใส่ #hashtag ในชื่อหรือคำอธิบายภาพก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จน Flickr ต้องหันมารองรับการใช้งานลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้เราเพิ่งมีข่าวลือว่า Facebook เตรียมรองรับ hashtag เช่นเดียวกันครับ

ที่มา - The Next Web

เวลาที่เราโพสต์ข้อความหรือรูปภาพบนเฟซบุ๊ก (โดยเฉพาะโพสต์เรียกร้องความสนใจ :P) เราอาจมีคำถามว่า "จะมีคนเห็นโพสต์อันนี้ของเรามากน้อยแค่ไหนกัน"

คำถามนี้อาจตอบยาก แต่ล่าสุดนักสถิติของเฟซบุ๊กสามารถตอบคำถามนี้ได้บ้างแล้ว

นักสถิติของเฟซบุ๊กใช้กลุ่มตัวอย่างผู้ใช้ 220,000 ราย และใช้ข้อมูลจริงจากระบบมาวิเคราะห์ คำตอบของคำว่า "มีคนเห็นโพสต์ของเรามากน้อยแค่ไหน" ขึ้นกับจำนวนเพื่อนที่เรามีและไม่มีคำตอบเป็นตัวเลขตายตัวแต่เป็นช่วงตัวเลข แต่โดยเฉลี่ยแล้ว หนึ่งโพสต์จะผ่านสายตาเพื่อนประมาณ 20-30% ของเพื่อนที่เรามี (ยิ่งจำนวนเพื่อนเยอะ สัดส่วนเพื่อนที่เห็นโพสต์ยิ่งลดลง)

วันนี้ทวิตเตอร์ออกอัพเดตแอพบน iOS และแอนดรอยด์ เน้นการปรับปรุงไปที่ระบบการค้นหา โดยหากค้นหาช่วงเวลาสำคัญของทวิตเตอร์ จะพบทวีตดัง ๆ ตามคำค้นแยกเป็นช่วงเวลา

ทวิตเตอร์ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับ iOS โดยเฉพาะได้แก่

แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครใช้ในไทยแล้ว แต่ Path ก็ยังเติบโตเรื่อยๆ ในตลาดสหรัฐฯ ล่าสุดมีผู้ใช้ครบ 6 ล้านคน และประกาศอัพเดตครั้งใหญ่ในรุ่น 3.0 มาแล้ว

ในรุ่น 3.0 นี้ Path เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาอีกสองอย่าง อันแรกคือห้องแชทส่วนตัวที่สามารถส่งรูป ข้อความเสียง หนังสือ เพลง หนัง แชร์ที่อยู่ รวมถึงส่งสติ๊กเกอร์ได้ด้วย โดยเจ้าสติ๊กเกอร์นี้จะมีมาให้เริ่มต้นสองชุด และสามารถไปซื้อที่ร้านค้าในแอพได้ในราคาชุดละ 1.99 เหรียญ

จากการมาของร้านค้านี้ ฟิลเตอร์พรีเมียมที่้ปกติขายอยู่ในหน้าฟิลเตอร์ ก็ถูกรวบรวมมาขายในร้านค้าด้วยเช่นกัน และจากการอัพเดตครั้งนี้ของ Path ทำให้แอพแนวๆ โซเชียลเน็ตเวิร์คบนอุปกรณ์พกพายิ่งใกล้เคียงกันมากเข้าไปอีก (ถ้าในอนาคตจะมีคนเรียก Path เป็น LINE แห่งสหรัฐฯ ก็คงไม่ผิดนัก)

แนวความคิดกล้อง 2 ระบบ ที่รวมร่างกันระหว่างกล้องดิจิทัลและแบบใช้ฟิล์ม (*แบบโพลารอยด์) อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้ กับ Socialmatic โดยกล้องรุ่นนี้จะนำภาพไอคอนของอินสตาแกรม ที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมมุมโค้งมาเป็นมาใช้เป็นรูปทรงบอดี้ของกล้องเลย (ซึ่งไอคอนของ Instagram ก็ได้แนวคิดมาจากกล้องโพลารอยด์แบบเก่าอยู่แล้ว) และที่สำคัญ Scott Hardy ประธานบริษัทโพลารอยด์ ก็ได้แสดงความเห็นว่าได้ยืนยันข้อตกลงในการใช้งานรายละเอียดต่างๆ ร่วมกันกับ Socialmatic แล้ว ส่วนเรื่องของการออกแบบ สเปคยังอยู่ในระหว่างพัฒนาซึ่งน่าจะแล้วเสร็จภายในปีหน้า

ก่อนหน้านี้ Facebook เพิ่งปรับอินเทอร์เฟซของหน้าโปรไฟล์ให้เรียงโพสต์เป็นแถวเดียว และขยายขนาดฝั่งโพสต์ให้ใหญ่ขึ้นได้ไม่กีเดือน ล่าสุด Facebook เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้อีกครั้งแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกเลยก็คือฝั่งของการโพสต์ถูกย้ายจากขวาไปอยู่ทางซ้าย ส่วนฝั่งซ้ายก็ดึงข้อมูลส่วนตัวใน About จากเดิมที่อยู่ใต้ชื่อลงมาอยู่บล็อกบนสุดของฝั่งซ้ายแทน

อีกส่วนที่ปรับไปคือเมื่อโพสต์ลิงก์เว็บไซต์ที่มีเพจบน Facebook อยู่ นอกจากจะโชว์พรีวิวของลิงก์ดังกล่าวแล้ว ยังมีปุ่มไลค์เพจดังกล่าวเพิ่มมาด้วย

Viddy หนึ่งในสตาร์ทอัพที่มาแรงมากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการเพิ่มทุนจนบริษัทมีมูลค่ามากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ดูเหมือนจะไม่ค่อยร้อนแรงแล้ว โดยหลังจากซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Brett O’Brien ลาออกไป ล่าสุดบริษัทได้ประกาศปลดพนักงานออก 12 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมด

App.net โซเชียลเน็ตเวิร์คคล้าย Twitter ที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเงินเพื่อเล่นมาโดยตลอด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเพิ่งเปิดให้สมัครแบบรายเดือนบ้างแล้วก็ตาม

ดูเหมือนแค่การลดราคา และเปิดรายเดือนคงยังไม่เพียงพอสำหรับ App.net เสียแล้ว และได้ประกาศแผนใหม่เพื่อขยายแพลตฟอร์ม ด้วยการเปิดให้ผู้ใช้ในระบบสามารถชวนเพื่อนมาใช้งาน App.net ได้แล้ว

ผู้ใช้ที่ถูกชวนมาจะถูกจำกัดฟีเจอร์อย่างจำกัดการติดตามผู้ใช้อื่นอยู่ที่ 40 คน มีพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์เพียง 500MB (ปกติมี 10GB) และอัพโหลดไฟล์ได้ขนาดสูงสุดไม่เกิน 10MB

Facebook ได้อัพเดตแอพหลักบน iOS แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

• เปลี่ยนปุ่มไลค์, ปุ่มแสดงความคิดเห็น และปุ่มแชร์ให้ใหญ่และกดง่ายกว่าเดิม
• เพิ่มการโทรผ่าน VoIP ใช้ได้เฉพาะสหรัฐฯ และแคนาดา (ที่ทดสอบกับ Facebook Messenger ไปตั้งแต่เดือนมกราคม (ข่าวเก่า))

นอกจากนี้ ผมเห็นว่าการแตะแล้วแสดงภาพขนาดใหญ่ของรุ่นก่อนหน้าช้ามาก ตอนนี้ได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

ดาวน์โหลด Facebook for iOS ได้ที่ App Store

นอกจาก Skype ไมโครซอฟท์ยังมีซอฟต์แวร์ชื่อดังที่ซื้อมาอีกตัวคือ Yammer เครือข่ายสังคมภายในองค์กร

ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาเผยสถิติของ Yammer ในปี 2012 ว่ายอดขายเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าตัว จำนวนบัญชีผู้ใช้เพิ่มเป็น 7 ล้านราย และได้ลูกค้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ เพิ่มเป็นจำนวนมาก

ไมโครซอฟท์ประกาศยุทธศาสตร์ขั้นต่อไปของ Yammer ว่าจะเชื่อมมันเข้ากับเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ได้แก่ SkyDrive Pro สำหรับการเก็บไฟล์ และ Office Web Apps สำหรับการแก้ไขไฟล์ ซึ่งเราจะได้เห็นผลงานช่วงกลางปี 2013 นี้

ที่มา - Microsoft

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของ "Six degrees of separation" มาบ้าง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่บอกว่าถ้าเราลากเส้นเชื่อมโยงว่าคนไหนรู้จักกับคนไหนบ้างแล้วหาเส้นที่สั้นที่สุด ทุกคนบนโลกนี้จะเชื่อมโยงรู้จักกันภายในไม่เกิน 6 ลำดับขั้น เช่น ผมอาจจะมีคนรู้จักที่รู้จักกับคนที่รู้จักกับคนที่รู้จัก...ที่รู้จักกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าผมจะเป็นมนุษย์ที่สังคมรังเกียจกีดกั้นเพียงไร ระยะห่างที่สั้นที่สุดของห่วงโซ่ระหว่างผมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะน้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 ลำดับขั้น (ทฤษฎี Six degrees of separation ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่และไม่มีหลักฐานงานวิจัยรองรับอย่างตรงๆ ฉะนั้นโปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง)

เพิ่งฉลองครบรอบ 100 ล้านคนไปได้ไม่นาน LINE ก็ปล่อยแอพตัวใหม่มาอีกตัวในชื่อ LINE Band ที่ไม่ได้เป็นแอพใช้งานทั่วไป หรือเกมที่เคยปล่อยอย่างมาก่อนหน้า เพราะโดยฟีเจอร์แล้ว LINE Band เรียกได้ว่าเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คย่อมๆ เลยทีเดียว

ฟีเจอร์ของ LINE Band ในตอนนี้คือสามารถจัดกลุ่มเพื่อนเข้าไว้ในรูปแบบของสมุดโน้ต ซึ่งสามารถแชร์ภาพ ข้อความ และเก็บข้อมูลวันเกิดเพื่อนในกลุ่มไว้ ซึ่งจะมีแต่เพื่อนในกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเห็น และโพสต์ลงไปได้

แนวทางของ LINE Band นั้นคล้ายๆ กับแอพรุ่นพี่อย่าง Path หรือฟีเจอร์โซเชียลเน็ตเวิร์คของ WeChat อย่าง Moment ค่อนข้างมาก ทั้งการจัดกลุ่ม และการจำกัดจำนวนเพื่อน

Kai Fu Lee อดีตผู้อำนวยการของกูเกิลสาขาประเทศจีน และย้ายไปทำงานบริษัท Innovation Works ของเขาเอง เขาเป็นหนึ่งในคนจีนที่มีคนตามจำนวนมากใน Sina Weibo เว็บ microblogging ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน โดยล่าสุดมีคนตามถึงสามสิบล้านคน แต่การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในช่วงหลังทำให้เขาถูกลงโทษแบนจากเว็บไปสามวัน

ตัว Kai Fu Lee ยอมรับว่าวิจารณ์รัฐบาลในหลายประเด็น เช่น

มีรายงานว่า Facebook ทดสอบ Offers เวอร์ชั่นใหม่ โดยมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเลือกซื้อสินค้าจาก Offers นั้นๆ เลย หรือเลือกให้แจ้งเตือนในภายหลัง (Remind Me) ซึ่งฟีเจอร์นี้น่าจะทำให้ร้านค้าได้ประโยชน์ในกรณีที่ลูกค้าอยากซื้อก็สามารถซื้อได้เลย และผู้ใช้ก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของการสนใจสินค้านั้นแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อในทันที ก็จะมีตัวแจ้งเตือนในภายหลังได้

ดูความแตกต่างของ Offers แบบเก่าและใหม่ได้ที่ท้ายข่าว

ที่มา - Inside Facebook

หลังจาก Facebook เปิดตัวระบบค้นหา Open Graph ก็เกิดปัญหาที่หลายๆ คนคาดเดากันได้ คือมีคนนำระบบค้นหานี้ไปใช้หาบุคคลเพศตรงข้ามที่น่าสนใจ (เช่น ค้นหาผู้หญิงอายุ x ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียน y) ซึ่งอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้

Facebook จึงปรับเงื่อนไขของการใช้งานให้คุ้มครองผู้เยาว์อายุระหว่าง 13-17 ปีมากขึ้น โดยข้อมูลของผู้ใช้ที่อายุระหว่าง 13-17 ปีจะสามารถแชร์ให้เฉพาะ Friends หรือ Friends of Friends มองเห็นเท่านั้น (ไม่สามารถแชร์แบบ Public ได้) และการค้นหาด้วย Graph Search ในกรณีที่เจาะจงอายุหรือที่อยู่ ก็จะโชว์เฉพาะระหว่าง Friends หรือ Friends of Friends เช่นกัน

Posterous บริการบล็อกคู่แข่ง Tumblr เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2008 และถูกทวิตเตอร์เข้าซื้อเมื่อปี 2012 แต่ตอนนั้น Posterous ยังคงให้บริการต่อ จนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Posterous ได้เขียนประกาศไว้ในบล็อกของตัวเองว่า Posterous เตรียมปิดบริการในวันที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อย้ายทรัพยากรมาพัฒนาทวิตเตอร์

Posterous ได้เตรียมระบบนำข้อมูลบล็อกของตัวเองออกมา โดยทำตามขั้นตอน ดังนี้