ดิสนีย์มีโครงการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ใน Disney+ โดยตั้งเป้าหมายให้ผู้ใช้งานใช้เวลาบนแพลตฟอร์มนานขึ้น เพิ่ม Engagement ซึ่งเป็นแนวทางเหมือนกับที่ Netflix ให้ความสำคัญในปัจจุบัน
รายงานของ The Wall Street Journal บอกว่าการโฟกัสที่ Engagement ผู้ใช้งาน ช่วยสองเรื่องคือ ลดความเสี่ยงผู้ใช้งานหนีไปแพลตฟอร์มอื่น และสามารถขายโฆษณาในแพ็คเกจที่มีโฆษณาได้ดีขึ้น
ฟีเจอร์ใหม่ที่ Disney+ เตรียมนำมาเสริม หลายอย่างก็เป็นสูตรเดียวกับ Netflix ใช้ก่อนหน้านี้ เช่น อัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์แยกแต่ละผู้ใช้งาน, ภาพหน้าปกที่ปรับสำหรับแต่ละคน, อีเมลเตือนหากคอนเทนต์ที่ดูยังดูไม่จบ และการไม่ปล่อยซีรีส์ออริจินัลรวดเดียวจนจบ แต่ปล่อยเป็นชุด เพื่อให้มาตามดูทุกสัปดาห์
คณะกรรมการกำกับดูแลวิทยุและโทรทัศน์ของแคนาดา (CRTC) ออกคำสั่งให้แพลตฟอร์มออนไลน์สตรีมมิ่งรายใหญ่ ต้องจ่ายเงิน 5% ของรายได้ในแคนาดาให้กับรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าจะได้เงินประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเงินดังกล่าวจะนำมาใช้สนับสนุนรายการข่าวท้องถิ่น ตลอดจนผู้ผลิตคอนเทนต์ในประเทศ
คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับบริการสตรีมมิ่งทั้งวิดีโอและเพลง ที่มีรายได้มากกว่า 25 ล้านดอลลาร์ต่อปีในแคนาดา โดยก่อนหน้านี้ทั้ง Amazon, Apple, Disney, Google, Netflix, Paramount และ Spotify ได้ออกมาคัดค้านในช่วงการทำประชาพิจารณ์
คำสั่งดังกล่าวได้ยกเว้นการเก็บเงินจากกลุ่มหนังสือเสียง, พอดคาสต์, วิดีโอเกม และคอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้น (UGC) จึงทำให้ YouTube ไม่เข้าเงื่อนไขที่ต้องจ่ายเงิน
ข้อมูลจาก The Information เปิดเผยว่าแอปเปิลได้พูดคุยกับ China Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ในจีน เกี่ยวกับการให้บริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ ในประเทศจีน ซึ่งหากดีลนี้มีข้อสรุป จะทำให้ Apple TV+ เป็นบริการสตรีมมิ่งจากอเมริการายเดียว ที่เปิดให้บริการในจีน
รูปแบบการให้บริการนั้น แอปเปิลต้องการให้ China Mobile เป็นคนขายแพ็คเกจ Apple TV+ สำหรับลูกค้า คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มจะมีเท่าที่สามารถเผยแพร่ในจีนได้ และการรับชมทำได้ผ่านกล่องทีวีของ China Mobile เท่านั้น ไม่สามารถดูผ่านอุปกรณ์ของแอปเปิลได้
Canadian Radio-television and Telecommunications Commission (CRTC) หรือ กสทช. ของแคนาดา เตรียมเก็บส่วนแบ่งรายได้ 5% จากผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง
CRTC ใช้อำนาจตามกฎหมาย Online Streaming Act ฉบับใหม่ที่มีผลในปี 2023 เป็นการปรับปรุงกฎหมายโทรทัศน์ฉบับเดิม (Broadcasting Act) ให้เข้ากับยุคสมัย สิ่งที่ CRTC จะทำคือเก็บส่วนแบ่งรายได้ 5% ของรายได้ในแคนาดาจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง เพื่อนำเงินนี้ไปสนับสนุนกิจการด้านโทรทัศน์ในประเทศ เช่น ข่าวท้องถิ่น ข่าวภาษาฝรั่งเศส ข่าวภาษาของชนกลุ่มน้อย
Ted Sarandos ซีอีโอร่วม Netflix ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ในหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการมาถึงของ AI ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิง รวมทั้งมุมมองในเรื่องคอนเทนต์ที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม
เขาพูดถึงประเด็น AI ในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมองว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งเข้ามาช่วยการผลิต เหมือนการมีสตูดิโอสร้างฉากเสมือน ก็ไม่ได้แทนที่การถ่ายทำในสถานที่ทั้งหมด สมัยก่อนอนิเมชันวาดมือ แล้วคอมพิวเตอร์ก็เข้ามาช่วยให้งานรวดเร็วขึ้น ในยุคที่ทีวีเข้ามาใหม่ ๆ วงการภาพยนตร์ก็ต่อต้านการนำหนังไปฉายในทีวี เขาจึงมองว่าสุดท้าย AI จะช่วยให้คนเขียนบท ผู้กำกับ ฝ่ายตัดต่อ ทำงานได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น
Netflix จัดงานนำเสนอข้อมูลกับเอเจนซีผู้ลงโฆษณา Upfront ประจำปี 2024 ซึ่งเปิดเผยข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพ็คเกจรับชมแบบมีโฆษณา ที่เริ่มให้บริการในหลายประเทศตั้งแต่ปลายปี 2022
จำนวนลูกค้าที่สมัครใช้งานแพ็คเกจมีโฆษณาล่าสุดมี 40 ล้านบัญชีทั่วโลก ตัวเลขนี้เป็นการเติบโตสูงอย่างน่าสนใจเพราะเมื่อเดือนมกราคม Netflix บอกว่าลูกค้าที่สมัครแพ็คเกจนี้มี 23 ล้านบัญชี
Disney Entertainment และ Warner Bros. Discovery สองค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของโลกที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกันในธุรกิจสตรีมมิ่ง โดยจะออกแพ็กเกจสตรีมมิ่งใหม่ที่มัดรวมเอาบริการสตรีมมิ่งทั้งสองค่ายเข้าด้วยกัน
แพ็กเกจบันเดิลตัวใหม่จะได้ทั้ง Disney+, Hulu (ปัจจุบันเป็นของ Disney 100% แล้ว) และ Max (HBO Max เดิม) ตอนนี้ยังไม่ประกาศราคา แต่จะมีให้เลือกทั้งแบบมีและไม่มีโฆษณา และจะเริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูร้อนกลางปีนี้
เว็บไซต์ Variety เปิดเผยว่าซีรีส์ Fallout ของ Amazon Prime Video ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มีผู้ชม 65 ล้านคนภายใน 16 วันแรกที่เริ่มฉาย (10 เมษายน) กลายเป็นซีรีส์ที่มียอดชมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของ Prime Video เป็นรองแค่เพียง The Lord of the Rings: The Rings of Power ที่ฉายในปี 2022 และถ้านับเฉพาะผู้ชมกลุ่มอายุ 16-35 ปี Fallout กลายเป็นซีรีส์อันดับหนึ่งซะด้วย
แนวโน้มบริการสตรีมมิ่งจะปรับราคาค่าสมาชิกเพิ่มขึ้นยังมีมาเรื่อย ๆ แม้ส่วนใหญ่จะเกิดในฝั่งอเมริกา ล่าสุด Peacock บริการสตรีมมิ่งของ NBCUniversal ซึ่งยังไม่มีบริการในประเทศไทย เพราะมีแค่ในอเมริกาที่เดียว ประกาศขึ้นราคาสมาชิกอีกครั้ง โดยแพ็คเกจ Premium ซึ่งมีโฆษณา เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์เป็น 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน, Premium Plus ที่ไม่มีโฆษณา ก็เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์เป็น 13.99 ดอลลาร์ต่อเดือน เช่นเดียวกับราคาแบบจ่ายรายปีที่ปรับขึ้นด้วย
Peacock ขึ้นราคาค่าสมาชิกสตรีมมิ่งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว จึงเป็นการขึ้นราคาต่อเนื่อง 2 ปี
Mobile Index รายงานจำนวนบัญชีผู้ใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในเกาหลีใต้ พบว่าแพลตฟอร์มของบริษัทท้องถิ่น อย่าง Coupang Play, Tving, Wavve มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าแพลตฟอร์มข้ามชาติอย่าง Netflix และ Disney+ ได้แล้ว
รายงานพบว่าเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีบัญชีสตรีมมิ่งในเกาหลีใต้รวม 20.1 ล้านบัญชี เฉลี่ยผู้ตอบแบบสอบถามสมัครบริการคนละ 1.8 แพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มข้ามชาติกินส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง เฉพาะ Netflix เคยมีส่วนแบ่งถึง 47% เมื่อปี 2023 แต่ปีนี้เหลือเพียง 35% แต่แพลตฟอร์มท้องถิ่นอย่าง Coupang Play และ Tving เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ Coupang Play ที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 1.7 ล้านบัญชีจากช่วงปลายปี 2023 หลังมีซีรีส์ดัง Boyhood และถ่ายทอดสดฟุตบอล AFC
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Netflix ซึ่งมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 15% มีประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงมาก โดย Netflix บอกว่าจะเลิกรายงานจำนวนสมาชิกบนแพลตฟอร์ม มีผลตั้งแต่ปีหน้า ทั้งนี้ในไตรมาสที่ผ่านมา Netflix มีจำนวนสมาชิกอยู่ 269.60 ล้านบัญชีทั่วโลก
Disney+ เริ่มผนวกคอนเทนต์จาก Hulu เข้ามา ตามที่เคยประกาศไว้ ตัวอย่างคอนเทนต์ของ Hulu ที่เพิ่มเข้ามาใน Disney+ ได้แก่ Grey’s Anatomy, Only Murders in the Building, Poor Things, The Bear
Hulu เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีเฉพาะในสหรัฐ ที่ค่ายสื่อยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายเคยร่วมลงขันกัน หลังจากนั้น Disney ซื้อหุ้นทั้งหมดของ Hulu คืนมาได้สำเร็จในช่วงปลายปี 2023 และประกาศแผนระยะยาวในการควบรวมแอพ Hulu เข้ากับ Disney+
Disney+ เปิดเผยสถิติการรับชมภาพยนตร์บันทึกการแสดงคอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour (Taylor’s Version) โดยมีจำนวนการรับชม 4.6 ล้านครั้ง ใน 3 วันแรกที่ลงแพลตฟอร์ม ทำให้เป็นภาพยนตร์ดนตรีที่มีการรับชมสูงสุดที่เคยมีมา
ทั้งนี้จำนวนวิวที่ Disney+ คำนวณ ใช้จำนวนชั่วโมงที่ถูกสตรีมทั้งหมด หารด้วยความยาวของคอนเทนต์ ซึ่งกรณีคอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour นี้ มีความยาว 3 ชั่วโมง 30 นาที
Taylor Swift: The Eras Tour (Taylor’s Version) เป็นบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตจาก 3 รอบแรกที่แสดงในลอสแอนเจลิส เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว มีตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการว่าดิสนีย์จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์สำหรับเผยแพร่บันทึกการแสดงคอนเสิร์ตนี้ทั่วโลก ด้วยมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์
บริษัทวิจัยตลาด HarrisX สำรวจความเห็นของประชากรสหรัฐอเมริกาวัยผู้ใหญ่ราว 1,000 คน ว่ามีพฤติกรรมการดูภาพยนตร์อย่างไร พบว่าราว 1/3 อยากดูในโรงภาพยนตร์ ส่วนที่เหลืออีก 2/3 รอดูผ่านสตรีมมิ่ง
กลุ่มที่ชอบดูในโรง ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ "ประสบการณ์ดูหนังจอใหญ่" มากเป็นอันดับหนึ่ง 59% ตามด้วย "คุณภาพเสียงในโรง" และ "หนีจากสิ่งรบกวนในบ้าน"
กลุ่มที่รอดูสตรีมมิ่ง ให้เหตุผลเรื่อง "ค่าตั๋วหนังแพง" เป็นอันดับหนึ่ง 53% ตามด้วย "ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการไปดูหนัง" และ "ความสะดวกของการดูที่บ้าน"
สัญญาณการควบรวมของวงการสตรีมมิ่งในสหรัฐเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดย Wall Street Journal รายงานข่าวว่า Paramount Global กำลังเจรจากับ Comcast บริษัทแม่ของ NBCUniversal เพื่อเป็นพันธมิตรหรือตั้งบริษัทร่วมลงทุนด้วยกัน
Paramount มีบริการสตรีมมิ่ง Paramount+ ปัจจุบันมีสมาชิก 63 ล้านคน มีเนื้อหาเด่นคือ Star Trek และ Halo ส่วนฝั่ง Comcast มี Peacock มีสมาชิกราว 30 ล้านคน เนื้อหาเด่นๆ อย่าง Ted, Twisted Metal, Bel-Air
บริการสตรีมมิ่งเหล่านี้พบปัญหาต้นทุนค่าคอนเทนต์สูง ทำให้ขาดทุน โดย Peacock ขาดทุน 2.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023
AIS ประกาศความร่วมมือกับ Amazon Prime Video ออกแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับลูกค้า AIS
แนวทางของ AIS ในช่วงที่ผ่านมานั้นชัดเจนว่าต้องการเป็นพันธมิตรกับบริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลก โดยออกแพ็กเกจราคาพิเศษร่วมกัน ดังที่ก่อนหน้านี้เคยจับมือกับ Disney+ Hotstar, HBO Go รวมถึงบริการสตรีมมิ่งรายอื่น เช่น Viu, WeTV, iQiyi, Monomax, 3Plus
ก่อนหน้านี้ Netflix ออกมายืนยันว่าจะไม่มีแอปในสโตร์ของ Apple Vision Pro โดยให้เข้าใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Safari แทน ถึงแม้บริการสตรีมมิ่งหลายรายจะพัฒนาแอปมารองรับ และแอปเปิลเองก็เปิดให้พอร์ตแอปเวอร์ชัน iPad มาลงได้เลย
เมื่อวานนี้แอปเปิลประกาศรายชื่อแอปสตรีมมิ่งและวิดีโอ ที่รองรับการแสดงผลบนเฮดเซต Vision Pro โดยเฉพาะ แต่กลับไม่มีชื่อสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ซึ่งแปลว่าผู้ใช้งานจะยังไม่เห็นแอป Netflix บน Vision Pro ในตอนนี้
Kumiko Hidaka ตัวแทนของ Netflix ชี้แจงว่า ผู้ใช้ Vision Pro ยังสามารถชม Netflix ได้ผ่านการล็อกอินในเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการชม Netflix บน Mac
แอปเปิลเคยบอกว่า visionOS รองรับการพอร์ตแอปจาก iPhone และ iPad มารันบน Vision Pro ได้เลย แต่นักพัฒนาสามารถเลือกให้แอปไม่รองรับได้ ซึ่งกรณีของ Netflix นั้นก็ชัดเจนว่าบริษัทเลือกไม่รองรับก่อนในตอนนี้นั่นเอง
Amy Reinhard ประธานฝ่ายโฆษณาของ Netflix เปิดเผยข้อมูลในสัมมนาของ Variety ที่จัดในงาน CES 2024 โดยพูดถึงความสำเร็จของแพ็คเกจสมาชิกที่ราคาถูกลง แต่มีการแทรกโฆษณา ซึ่งเริ่มให้บริการในหลายประเทศตั้งแต่ปลายปี 2022
Reinhard บอกว่าในสมาชิกกลุ่มแพ็คเกจมีโฆษณานี้ 85% มีการรับชมคอนเทนต์อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน และจำนวนสมาชิกกลุ่มนี้มีอยู่ 23 ล้านบัญชีแล้ว เพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ Netflix บอกว่ามี 15 ล้านบัญชี ปัจจุบันในประเทศที่ให้บริการ 12 ประเทศ สมาชิกที่สมัครใหม่ 30% ก็เลือกแพ็คเกจแบบมีโฆษณา
จากที่เคยประกาศอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้านี้ว่า Amazon เตรียมจะแทรกโฆษณาในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเอง อย่าง Prime Video ตามรอยคู่แข่งเจ้าอื่นๆ อย่าง Netflix, Disney Plus, Paramount Plus ฯลฯ แต่ยังไม่ได้บอกวันที่ที่แน่ชัด
ณ วันนี้ (27 ธันวาคม 2023) Amazon ประกาศผ่านอีเมลที่ส่งไปให้ผู้ใช้บริการ ว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 29 มกราคมนี้ โดยผู้ใช้ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม 2.99 เหรียญ (ประมาณ 103 บาท) ต่อเดือน เพื่อยังคงใช้บริการโดยที่ไม่มีโฆษณามารบกวนเหมือนเดิม รวมเป็น 18 เหรียญ (ประมาณ 620 บาท) และ 12 เหรียญ (ประมาณ 413 บาท) ต่อเดือน สำหรับ Amazon Prime และ Prime Video ตามลำดับ
ถึงแม้เป็นคู่แข่งกันโดยตรงในวงการสตรีมมิ่ง แต่เมื่อรายการไม่ได้ซ้อนทับกัน ดีลธุรกิจก็เกิดขึ้นได้เสมอ ล่าสุด Netflix เซ็นสัญญากับ Disney ซื้อไลเซนส์รายการในเครือ Disney รวม 14 รายการไปฉายบน Netflix ตามกรอบเวลา 18 เดือน
รายการสำคัญในดีลรอบนี้คือซีรีส์ Grey’s Anatomy ของสถานีทีวี ABC ในเครือ Disney ที่กำลังจะออกซีซัน 20 (Netflix ได้ 19 ซีซันก่อนหน้าไปฉาย) นอกจากนี้ยังมีซีรีส์เรื่องอื่น เช่น Lost, This Is Us, Prison Break, Archer, How I Met Your Mother, White Collar, Home Improvement, The Resident, ESPN 30 for 30, My Wife and Kids, Reba, The Bernie Mac Show, Wonder Years รวมถึงซีรีส์ใหม่ The Hughleys ที่จะเริ่มฉายในปีหน้า
Sarandos บอกว่าเรื่องนี้บริษัทพอใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เป็นอยู่ การตัดสินใจที่ดีคือเริ่มต้นมีผลกับบางประเทศก่อน แล้วทยอยขยาย ไม่ได้เลือกกดปุ่มมีผลทีเดียวทั่วโลก
เขายังตอบคำถามเรื่องการขึ้นราคาค่าสมาชิก โดยพูดถึงสตรีมมิ่งค่ายอื่นด้วยว่า Netflix ปรับราคาขึ้น และเพิ่มคอนเทนต์ ขณะที่คู่แข่งลดคอนเทนต์แต่ก็ขึ้นราคาด้วย
ในงานสัมมนานี้เขายังพูดถึงการประท้วงของสหภาพนักแสดง SAG-AFTRA ซึ่งเขาเองก็ร่วมการเจรจาในฐานะฝั่งสตูดิโอผู้ผลิต ซึ่งตอนนี้การประท้วงยุติแล้ว ว่าเป็นเรื่องดีที่การเจรจามีข้อสรุปเร็วกว่าที่คาด ขณะที่คอนเทนต์รอฉายยังมีจำนวนมากพอ ทำให้ไม่เกิดผลกระทบสะดุด มีผลงานออกมาได้ต่อเนื่องตามปกติ
Netflix รายงานความก้าวหน้าหลังครบรอบ 1 ปี ของการให้บริการแพ็คเกจแบบใหม่ที่คิดราคาถูกลงแต่แสดงโฆษณา ซึ่งเพิ่มเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าในหลายประเทศ (ยังไม่มีไทย) และมีแนวโน้มเป็นช่องทางรายได้ใหม่ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ จากเดิมต้องพึ่งค่าบริการสมาชิกอย่างเดียว
โดย Netflix บอกว่าตอนนี้มีสมาชิกที่สมัครแพ็คเกจแบบมีโฆษณามากกว่า 15 ล้านบัญชีทั่วโลก (จากทั้งหมด 247 ล้านบัญชี) ให้บริการใน 12 ประเทศ นอกจากนี้ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ ๆ ให้กับผู้ลงโฆษณา เช่น ฟอร์แมตเวลาตั้งแต่ 10 15 20 30 และ 60 วินาที หรือรูปแบบ Binge Ad ที่หากผู้ชมดูคอนเทนต์เดียวกันต่อเนื่อง 3 ตอน อาจให้ดูตอนที่ 4 ได้แบบไม่มีโฆษณาแทรก และบอกว่าได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์นั้น ๆ
ดิสนีย์ประกาศซื้อหุ้นจำนวน 33% ของ Hulu แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ให้บริการในสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนที่ NBC Universal ถืออยู่ โดยดิสนีย์คาดว่าจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ราว 8.61 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้จึงสะท้อนมูลค่าของ Hulu ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ Hulu มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือดิสนีย์ถือหุ้นอยู่ 2 ใน 3 ซึ่งดิสนีย์ได้หุ้น Hulu จากการซื้อกิจการ 21st Century Fox เมื่อปี 2017 รวมกับอีกส่วนที่ WarnerMedia ขายให้ โดยมีอีก 1 ใน 3 ที่เป็นของ NBC Universal อย่างไรก็ตาม Comcast บริษัทแม่ของ NBC Universal ได้ทำข้อตกลงไว้ในปี 2019 ให้บริษัทสามารถขายหุ้น Hulu ส่วนนี้กับดิสนีย์ได้เมื่อครบกำหนดเวลา และทำให้ดิสนีย์เป็นเจ้าของ Hulu ทั้งหมด
ข้อมูลนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม โดยเขาบอกว่าแอปเปิลเตรียมยกเครื่องแอป Apple TV ใหม่ทั้งหมด ให้เป็นแอปรวมคอนเทนต์บันเทิงครบทุกอย่างภายในแอปเดียว ซึ่งจะมีผลประมาณเดือนธันวาคมนี้
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเห็นภาพชัดที่สุดในกล่อง Apple TV ที่เป็นระบบปฏิบัติการ tvOS เนื่องจากมีแอป Apple TV ที่ตอนนี้เป็นแอปหลัก แต่ก็มี Movies กับ TV Shows ที่เป็นคอนเทนต์แยกตามประเภทที่ซื้อจาก iTunes Store แยกออกมาอีกแอป
ส่วนการเปลี่ยนแปลงใน iOS และ iPadOS จะอยู่ที่แอป iTunes Store ซึ่งนำหัวข้อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ออกไป แล้วย้ายการซื้อนี้ไปอยู่ที่แอป Apple TV แทน ทั้งหมดนี้จะทำให้ Apple TV มีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในการเป็นแอปวิดีโอสตรีมมิ่งที่รวมทุกอย่างในแอปเดียว