ไมโครซอฟท์เปิดตัวส่วนขยายสำหรับ VS Code ในชื่อ Remote Development ทำให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์บนเครื่องอื่นผ่านการเชื่อมต่อ SSH, ใน Windows Subsystem for Linux (WSL), หรือแม้แต่ในคอนเทนเนอร์
ความสามารถนี้ไม่ใช่เพียงการเมาน์สตอเรจจากระยะไกลมาแก้ไขไฟล์บนเครื่องของเราเท่านั้น แต่ในเครื่องหรือคอนเทนเนอร์นั้นมี VS Code รันอยู่ด้วย และส่วนขยายบางส่วนก็จะไปรันอยู่บนเครื่องระยะไกลเหล่านั้น เช่น ส่วนขยายสำหรับรองรับภาษาที่ใช้ดีบั๊กก็จะรันอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ ขณะที่ส่วนขยายจำพวกธีมจะรันบนเครื่องของเรา
Atlassian ประกาศออกส่วนขยาย Atlassian for VS Code สำหรับเชื่อมต่อ Visual Studio Code เข้ากับบริการของตัวเอง 2 ตัวคือ Bitbucket Cloud และ Jira Software Cloud อย่างแนบแน่น
Atlassian บอกว่าปัจจุบัน นักพัฒนาใช้โปรแกรม 3 ตัวร่วมกันคือ แชท, IDE และ code repository ทำให้ต้องสลับแอพไปมาตลอดเวลา บริษัทจึงออกส่วนขยายตัวนี้ เพื่อให้ทุกอย่างรวมอยู่ที่เดียวกัน เราสามารถส่งโค้ดขึ้น Bitbucket, ทดสอบแอพผ่าน CI/CD (Bitbucket Pipelines) และคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อแก้บั๊กบน Jira ได้จากตัว IDE (ในที่นี้คือ VS Code) ได้เลย
สิ่งที่ขาดไม่ได้ของเบราว์เซอร์ยุคนี้คือ Developer Tools (DevTools) หรือเครื่องมือให้นักพัฒนาคอยดีบั๊กเว็บไซต์ ฝั่งไมโครซอฟท์ก็เผยหน้าตาของ DevTools ใน Microsoft Edge ตัวใหม่ยุค Chromium
หน้าตาของ DevTools ของ Edge ในตอนนี้ต้องบอกว่าไม่ต่างจากของ Chrome แต่อย่างใด สิ่งที่ไมโครซอฟท์เพิ่มเข้ามาเป็นอย่างแรกคือปรับธีมเป็นสีดำ โดยใช้ธีมสีเดียวกับ Visual Studio Code เพื่อให้หน้าตาเครื่องมือของไมโครซอฟท์ไปในทางเดียวกันหมด
ไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลว่าผู้ใช้ VS Code สัดส่วน 85% เลือกใช้ธีมสีเข้ม จึงตัดสินใจใช้ธีมสีเข้มเป็นดีฟอลต์ใน DevTools ด้วย แต่ก็มีธีมสีอ่อนให้เลือกใช้ถ้าต้องการ
Google เปิดตัว Cloud Code ในงาน Google Cloud Next โดย Cloud Code นี้คือเซ็ทของปลั๊กอินสำหรับ IntelliJ และ VS Code เพื่อช่วยให้ระบบพัฒนาเป็น automate มากขึ้น สามารถคุม software development lifecycle ได้ดีขึ้นผ่านเครื่องมือที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่แล้ว
Google ระบุว่า Cloud Code เวอร์ชันแรกนี้ จะโฟกัสที่การพัฒนาแอปสำหรับรันบน Kubernetes (รวม GKE) ซึ่งปลั๊กอินนี้จะต่อขยายให้ IDE ทั้งสองตัวสามารถใช้พัฒนาแอปแบบ cloud-native Kubernetes ได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีเบื้องหลังเป็นเครื่องมืออย่างเช่น Skaffold, Jib หรือ Kubectl รันอยู่เบื้องหลัง
Visual Studio Code มีเวอร์ชันลินุกซ์มานานแล้ว โดยมีแพ็กเกจให้เลือกหลากหลายทั้ง .deb, .rpm ที่ใช้กันทั่วไป หรือแพ็กเกจแปลกๆ หน่อยอย่าง AUR (Arch Linux) หรือ Nix (NixOS)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกแพ็กเกจแบบ Snap ที่เริ่มพัฒนาโดย Ubuntu และปัจจุบันมีหลายดิสโทรนำไปใช้งาน จุดเด่นของแพ็กเกจ Snap คือแยกแอพขาดจากตัวระบบปฏิบัติการ ติดตั้งง่าย ลบออกง่าย ไม่ติด dependency และอัพเดตจากต้นทางได้เลย
ไมโครซอฟท์ปล่อยโปรแกรมเช็คชนิดตัวแปรก่อนรัน (static type checker) ในชื่อ Pyright โดยที่ตัวโปรแกรมเองพัฒนาจากภาษา TypeScript เนื่องจากต้องการให้รันร่วมกับ VSCode ได้โดยไม่ต้องการรันไทม์อื่นเพิ่มเติม
Pyright มีความสามารถในการตรวจสอบชนิดตัวแปรตามเอกสาร PEP 484, PEP 526, PEP 544 สามารถดูชนิดตัวแปรที่คืนค่าจากฟังก์ชั่น, ตัวแปรของออปเจกต์, หรือตัวแปรของคลาส สำหรับไลบรารีมาตรฐาน จะใช้สำเนาจาก Typeshed มาในตัว
เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคมไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.32 ให้ Visual Studio Code มาพร้อมการปรับปรุงหลายอย่าง
การปรับปรุงที่น่าสนใจอย่างแรกคือ การเพิ่มความสามารถให้ IntelliSense แสดงผลคำอธิบาย ARIA attribute และ DOM event ขณะเขียนโค้ด HTML (ใช้ข้อมูลจาก W3C และ MDN) ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาเว็บเลือกใช้งาน attribute ข้างต้นได้สะดวกกว่าเดิม
เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.31 ให้กับ Visual Studio Code มาพร้อมกับความสามารถใหม่และการปรับปรุงที่น่าสนใจหลายอย่าง
อย่างแรกคือการเปลี่ยนมาใช้ tree widget ตัวใหม่ตามแผนพัฒนาปี 2019 ของทีม VS Code เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับ tree (ทั้งในส่วนของ File Explorer, Debug, Search และ Peek References) ตัวอย่างเช่น
ทีมงาน Visual Studio Code ประกาศ roadmap ของปี 2019 ว่าจะพัฒนาซอฟต์แวร์ในด้านใดบ้าง ประเด็นที่น่าสนใจมีดังนี้
GitHub ออกประกาศให้บริการเก็บโค้ดเป็นส่วนตัวให้ฟรีตามที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ โดยจำกัดผู้ร่วมโครงการไม่เกิน 3 คน ระบุว่านักพัฒนาจำนวนหนึ่งต้องการพัฒนาโค้ดบางส่วนในพื้นที่ปิดก่อนจะเปิดสู่สาธารณะ หรือบางทีก็ใช้งานในโครงการย่อยที่ไม่ต้องการเปิดเผย
นอกจากการเปิดบริการฟรีแล้ว ทาง GitHub ยังปล่อยส่วนขยายสำหรับ VS Code ทำให้สามารถสร้าง Pull Request (PR) ได้จากใน editor โดยตรง นอกจากแค่สร้าง PR แล้ว ยังสามารถเปิดเป็น "suggested code edits" เพื่อแสดงเป็นคอมเมนต์แทนที่จะสร้าง PR ตรงๆ และยังดูสถานะของแพตช์ได้ว่าทดสอบผ่านหรือยัง
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.30 ให้กับ Visual Studio Code มาพร้อมความสามารถใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในอัพเดตนี้อย่างแรกคือเพิ่มหน้า References view บน Side Bar เพื่อใช้กับการแสดงผลการค้นหาโค้ดด้วยเมนูคลิกขวา Find All References โดยเฉพาะ (บางท่านอาจเคยใช้งานในชื่อ List All References ซึ่งเป็นเมนูทดลองบนเวอร์ชันก่อน) ช่วยให้ค้นหาการอ้างอิงโค้ดในลักษณะดังกล่าวทำได้สะดวกกว่าการแสดงผลขึ้นมาลอยทับตัว editor แบบเดิม
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Visual Studio Code ขยับเวอร์ชันเป็น 1.29 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอย่างแรกคือการรองรับการค้นหาโค้ดหลายบรรทัดด้วย regular expression โดยเมื่อผู้ใช้ค้นหาโค้ดด้วยสัญลักษณ์ \n (ซึ่งมีความหมายแทนการขึ้นบรรทัดใหม่) VS Code จะช่วยแสดง block ของโค้ดที่ตรงตามเงื่อนไข ช่วยให้นักพัฒนาค้นหาโค้ดที่ต้องการได้สะดวกขึ้น
ปีนี้ไมโครซอฟท์เพิ่งโชว์ฟีเจอร์ IntelliCode ของ Visual Studio ที่ใช้ AI เรียนรู้โค้ดจากโครงการบน GitHub แล้วมาช่วยแนะนำการเขียนโค้ดให้เรา สถานะของมันยังเป็นโครงการทดลอง ต้องติดตั้งส่วนขยายเพิ่มเติม และรองรับเฉพาะภาษา C# (Visual Studio) และ Python (VS Code) เท่านั้น
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้กับ Visual Studio Code เป็นเวอร์ชัน 1.27 มาพร้อมการปรับปรุงหลายอย่าง
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในอัพเดตนี้คือการปรับหน้า Settings ของ VS Code จากเดิมที่ใช้วิธีแก้ไขไฟล์ settings.json มาเป็น GUI ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าท่านใดใช้แบบเก่าจนคุ้นชินแล้วก็ยังสามารถสลับกลับไปใช้หน้า Settings เดิมได้ได้ผ่านการตั้งค่าที่ใช้ชื่อว่า "workbench.settings.editor"
นี่คงเป็นเรื่องดีๆ ที่จับต้องได้ชัดเจน หลัง ไมโครซอฟท์ซื้อ GitHub ล่าสุดทีม Visual Studio Code ประกาศออกส่วนขยาย GitHub Pull Requests ให้ใช้งานกัน
หน้าที่ของมันก็ตรงตามชื่อ คือเราสามารถสั่ง pull request ซอร์สโค้ดใน GitHub ได้จากตัว Visual Studio Code เลย กระบวนการมีตั้งแต่ล็อกอินและยืนยันตัวตนบัญชี GitHub, ดูรายการ pull request, รีวิวและคอมเมนต์ได้จากตัว editor
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้กับ Visual Studio Code ขยับเวอร์ชันเป็น 1.26 มาพร้อมกับของใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง
ของใหม่ที่น่าสนใจอย่างแรกคือการเพิ่ม breadcrumb เข้ามาที่ด้านบนของ editor ช่วยแสดงตำแหน่งที่อยู่ของเคอร์เซอร์ปัจจุบันเทียบกับพาธของไฟล์และโครงสร้างของโค้ด และยังสามารถคลิกที่ breadcrumb เพื่อเลือกโฟลเดอร์, ไฟล์ หรือตำแหน่งของโค้ดที่ต้องการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เปิดใช้งานได้ที่เมนู View > Toggle Breadcrumbs
ในงาน Microsoft Build 2018 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว IntelliCode ฟีเจอร์ช่วยเติมโค้ดที่ใช้ความสามารถของ AI ซึ่งจะช่วยให้ Visual Studio แนะนำโค้ดได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม โดยในขณะนั้น IntelliCode ยังถูกจำกัดใช้งานไว้เพียงแค่ Visual Studio 2017 ที่เป็นรุ่นใหญ่และยังใช้ได้กับภาษา C# เท่านั้น
ตอนนี้ก็ได้เวลาของนักพัฒนาสายโอเพ่นซอร์สกันบ้าง เมื่อไมโครซอฟท์ได้ดำเนินการเพิ่มฟีเจอร์ IntelliCode ให้กับ Visual Studio Code เป็นที่เรียบร้อย โดยมาในรูปแบบของส่วนเสริมให้นักพัฒนาดาวน์โหลดไปติดตั้ง สามารถใช้กับภาษา Python ได้เป็นภาษาแรก
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Visual Studio Code ขยับเวอร์ชันเป็น 1.25 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง
การปรับปรุงที่น่าสนใจอย่างแรกคือการเปลี่ยนเลย์เอาต์ของ editor ไปใช้ระบบ grid ทำให้สามารถแบ่งส่วนหน้าต่างได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอนในเวลาเดียวกัน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการใช้หน้า editor ไปอย่างมาก
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้กับ Visual Studio Code ขยับเลขรุ่นเป็น 1.24 มาพร้อมกับการปรับปรุงและความสามารถใหม่ให้เริ่มทดลองใช้งานหลายอย่าง
ของใหม่ที่น่าสนใจอย่างแรกคือการปรับปรุงให้ VS Code สามารถเปิด workspace เดียวกันได้ทีละหลายหน้าต่าง ผ่านคำสั่ง Duplicate Workspace in New Window ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อต้องการใช้งาน VS Code บนจอมอนิเตอร์มากกว่าหนึ่งจอ
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ VS Code ขยับเลขเวอร์ชันเป็น 1.23 มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายอย่าง
โดยมีของใหม่ที่น่าสนใจอย่างแรกคือการเพิ่มสีไฮไลท์ให้กับเส้นไกด์ย่อหน้า ช่วยให้นักพัฒนาไล่ดูจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโค้ดภายใต้ block เดียวกันได้สะดวกขึ้น
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Visual Studio Code ขยับเลขรุ่นเป็น 1.22 โดยมาพร้อมกับการปรับปรุงใหม่ๆ หลายอย่าง
การปรับปรุงที่น่าสนใจของอัพเดตนี้อย่างแรกคือ code folding ให้สามารถซ่อน / แสดงโค้ดตาม syntax ของภาษา CSS, HTML, JSON และ Markdown ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องอาศัยการจัดย่อหน้าโค้ดด้วยตัวเองอย่างเวอร์ชันก่อนๆ
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Visual Studio Code ขยับเลขรุ่นเป็น 1.21
สิ่งใหม่ที่น่าสนใจของอัพเดตนี้อย่างแรกคือการปรับปรุง UI ในส่วนของ notification จากเดิมที่เป็นแถบลอยขึ้นมาในส่วนบนของ VS Code ซึ่งหลายครั้งมักจะทับการแสดงผลแท็บทำให้นักพัฒนาจำเป็นต้องจัดการปิด notification ณ ขณะที่แจ้งเตือนเลย
โดยได้เปลี่ยนมาเป็นตัวจัดการ notification ที่สามารถซ่อนและเรียกดูอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยการกดที่ไอคอนระฆังที่มุมล่างขวาของ VS Code และยังได้ย้ายการแสดงผลมาไว้ในบริเวณเดียวกันอีกด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ Anaconda, Inc. ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม data science ชื่อดังได้ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อนำ Anaconda Python ไปใช้งานภายในผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์เริ่มต้นจาก Azure Machine Learning, Machine Learning Server, Visual Studio และ SQL Server (อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่นี่)
ผลจากข้อตกลงดังกล่าวทำให้ทางฝั่ง Anaconda ได้รับสิทธิแจกจ่ายเครื่องมือพัฒนาของไมโครซอฟท์อย่าง Visual Studio Code เช่นกัน โดยตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ผนวก VS Code เข้ามาในตัวติดตั้งของ Anaconda distribution เครื่องมือจัดการแพคเกจ Python ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Anaconda ใช้งาน VS Code ได้สะดวกขึ้น
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Visual Studio Code ตัวแก้ไขโค้ดฉบับโอเพนซอร์สครั้งใหญ่ขยับเลขรุ่นเป็น 1.20
ของใหม่ที่น่าสนใจที่เพิ่มเข้าในอัพเดตนี้อย่างแรกคือ การปรับปรุงแถบ Explorer ให้สามารถเลือกไฟล์ได้ทีละหลายไฟล์ ด้วยการใช้คีย์ Ctrl/Cmd หรือ Shift + การคลิกเมาส์ ช่วยให้สามารถลบ/ลากเพื่อย้ายโฟลเดอร์ทีละหลายไฟล์ หรือจะลากเพื่อนำไฟล์ทั้งชุดไปเปิดบนแถบ editor ใหม่ก็ทำได้
และหากเลือกไฟล์ขึ้นมาเพียงสองไฟล์ก็จะสามารถใช้คำสั่ง Compare Selected บนเมนูคลิกขวาเพื่อช่วยเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสองไฟล์ที่เลือกได้อย่างรวดเร็ว
Visual Studio Code ออกเวอร์ชันใหม่ 1.18 มาพร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น