นับจากวันนี้เราคงต้องห้ามคิดว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อผู้ผลิตการ์ดเครือข่าย Wi-Fi ได้วางตลาดการ์ดพิเศษที่ใช้แฮกเครือข่ายแลนไร้สายเพื่อใช้งานในราคาเพียง 35 ดอลลาร์หรือ 1000 บาทเท่านั้น
ผู้ผลิตที่ชื่อว่า Card King จากมณฑลกวางสูเป็นผู้ผลิตการ์ด Wi-Fi ตัวนี้ โดยโฆษณาว่าเป็นการ์ดเครือข่ายที่ช่วยให้เราเล่นอินเทอร๋เน็ตฟรีได้ตลอดชีพ แต่แท้จริงแล้วมันคือการรวมเอาการ์ดเครือข่าย กับเสาอากาศความไวสูงพิเศษ 5dB พร้อมกับซอฟต์แวร์แฮกเครือข่ายที่ไม่เข้ารหัส หรือเข้ารหัสด้วย WEP และ WPA ในรูปแบบที่ความปลอดภัยไม่มากพอโดยอัตโนมัติ
คำว่าไร้สาย (wireless) เป็นคำฮิตติดปากของผู้บริโภครุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, หรือ แม้กระทั่งเกม ก็ไม่จำเป็นต้องเสียบสายอะไร แต่ก็ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง เพราะฉะนั้น ของไร้สายก็ยังไม่ไร้สายเต็มตัว เพราะกลับมาบ้านก็ต้องกลับมาเสียบปลั๊กไฟ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่แล้ววันนี้ก็มาถึง วิดีโอนี้มาจาก Ted Talks Eric Giler โชว์พลังงานไร้สาย
ถึงแม้ว่าบริษัทปาล์มจะออกเครื่องชาร์จไฟไร้สายให้กับ Palm Pre ในชื่อ Touchstone แล้ว (ดูรูปได้ในข่าวเก่า โดยคุณ mk) แต่ก็ยังไม่มีมาตรฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charging) แต่อย่างไร จนกระทั่ง Wireless Power Consortium (WPC) ได้ออกมาบอกว่าในขณะนี้มาตรฐานการชาร์จแบบไร้สายใกล้เสร็จสิ้นแล้ว หากมาตรฐานดังกล่าวเสร็จสิ้นก็จะช่วยให้ผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถทดสอบความเข้ากันได้ระหว่างอุปกรณ์ได้โดยมีแบบแผนที่ชัดเจน
InfoWorld ได้รายงานว่า ขณะนี้ ZigBee Alliance กำลังพัฒนามาตรฐานใหม่สำหรับอุปกรณ์ที่ทำงานบนเครือข่ายไร้สาย ในชื่อ ZigBee Green Power โดยตัวอุปกรณ์จะสามารถเก็บเกี่ยวพลังงานจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวอุปกรณ์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่แต่อย่างไร
หลายคนคงรู้กันมาบ้างว่าหากไม่มีเราท์เตอร์อยู่ใกล้ๆ และต้องการส่งไฟล์ผ่านคอมพิวเตอร์นั้นเราสามารถสร้างวงเครือข่ายแบบ Ad Hoc ได้แต่ปัญหาคือถ้าเครื่องของเราต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ เราต้องตัดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเสียก่อนเพื่อสร้างเครือข่าย Ad Hoc แต่ถ้าใครใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปของอินเทลรุ่น WiFi Link ตัว 5300, 5100 และ 1000 แล้วซอฟต์แวร์ของอินเทลในชื่อ My WiFi Technology ก็ถูกเปิดตัวมาเพื่อแก้ปัญหานี้
โดยตัวซอฟต์แวร์นี้จะมีความสามารถในการ "แตก" การ์ดไวร์เลสของเราให้กลายเป็นทั้งตัวลูกข่ายของแอกเซสพอยต์ไปพร้อมๆ กับเป็นแอกแอกเซสพอยต์ให้อุปกรณ์ตัวอื่นๆ ได้อีก 8 ตัวทำให้สามารถโอนถ่ายไฟล์ได้โดยตรง
คนใช้อาจจะชอบ แต่งานนี้ผมว่าคนดูและด้านความปลอดภัยอาจจะร้องกันระงม
TransferJet คือเทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบไร้สายความเร็วสูงระหว่างอุปกรณ์ ซึ่งพัฒนาโดยโซนีนั้นใกล้จะมีการนำมาใช้จริงแล้ว หลังจากที่ทางโซนีได้ยอมรับใบสมัครจากบริษัทที่สนใจจะนำระบบนี้ไปใช้
โดยบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัทได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีนี้ด้วยการลงนามเป็นสมาชิกในกลุ่มพันธมิตร TransferJet ได้แก่ ซัมซุง, โตชิบา, แคนอน, นิคอน, พานาโซนิก, โอลิมปัส, ไพโอเนียร์ และโซนี อิริกสัน และในอนาคตจะเข้าร่วมอีก 5 บริษัท คือ คาสิโอ, NEC, NTT DoCoMo, ชาร์ป, Softbank Mobile
โดยเทคโนโลยี TransferJet สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วถึง 375 เมกะบิทต่อวินาที ในระยะห่างไม่กี่เซนติเมตร (ประมาณ 3 เซนติเมตร) โดยส่งสัญญาณในย่านความถี่ 4.5 GHz
หลังจากไมโครซอฟท์ได้ซุ่มทำโครงการ Virtual WiFi (VWiFi) ภายใต้ Microsoft Research มาได้สักพักใหญ่ก็ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วใน Windows 7 RC
AMIMON ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีการส่งข้อมูลไร้สายความละเอียดสูง ได้ออกมาเปิดตัวชิพรุ่นที่สอง ซึ่งจะถูกบรรจุลงใน FlyWire (เครื่องส่งสัญญาณในย่านความถี่ 5GHz ผลิตโดย Belkin)
โดยทาง AMIMON ได้เคลมไว้ว่า อุปกรณ์ตัวนี้จะทำให้สามารถเล่นภาพยนตร์แบบไร้สาย ในความละเอียด 1080p ความถี่ 60Hz โดยที่ไม่มีการบีบอัดใดๆ ทั้งสิ้น มีระยะทำการประมาณ 100 ฟุต และรองรับมาตรฐาน HDCP 2.0
อุปกรณ์ชิ้นนี้ ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่น่าจับตามองว่าจะได้รับความนิยมแค่ไหน แต่ถ้าหากว่าราคาของเจ้า FlyWire ยังคงสูงลิ่วเหมือนรุ่นแรก (ประมาณ 1500เหรียญ) ก็ท่าทางจะลำบากในการเข้าถึงพอสมควร
ถ้าใครติดตามข่าวด้านความปลอดภัยบนเครือข่าย คงจะรู้กันว่าการเข้ารหัสแบบ WEP ของ Wi-Fi นั้นไม่สามารถใช้ป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก โดยแฮกเกอร์สามารถเจาะระบบได้ในเวลาประมาณ 120 วินาทีหากมีข้อมูลส่งในอากาศมากพอ แม้จะเป็น WEP2 ปัญหานี้ก็ไม่ได้ถูกแก้ไขไปมากนัก โดยยังมีงานวิจัยที่ลดเวลาในการเจาะระบบออกมาเรื่อยๆ
ความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งนั้นมาจากการเปิดให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.4 กิกะเฮิร์ตอย่างเสรี และจากประเด็นนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้ผู้บริหารกูเกิลออกมาแสดงท่าทีเรียกร้องให้ทาง FCC เปิดคลื่นความถี่ช่องสัญญาณโทรทัศน์ที่เหลืออยู่ให้ประชาชนใช้งานอย่างเสรี
แต่ปัญหาหนึ่งของแนวคิดนี้คือคลื่นความถี่ช่วงสัญญาณโทรทัศน์นั้นว่างไม่เท่ากันใจแต่ละส่วนของประเทศ ทำให้ชิปสัญญาณวิทยุที่จะนำมาใช้งานต้องมีความสามารถในการตรวจจับคลื่นและปรับช่องสัญญาณหลบสัญญาณโทรทัศน์ได้ และชิปที่มีความสามารถเช่นนี้ในวันนี้เองก็ยังทำงานได้ไม่ดีนัก ทำให้เมื่อทดสอบการใช้งานแล้วมีการรบกวนกับสัญญาณโทรทัศน์อยู่มาก
หลาย ๆ คนคงกำลังรอมาตรฐาน IEEE 802.11n ให้ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในระหว่างนี้ IEEE ก็ได้อนุมัติมาตรฐาน IEEE 802.11r ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับการใช้งานระหว่างเครือข่าย (Roaming) ของเครือข่ายแบบไร้สายตามมาตรฐาน IEEE 802.11 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Wi-Fi นั่นเอง
ช่วงนี้เหมือนเป็นฤดูกาลแถลงข่าวมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบใหม่ๆ คราวก่อนเพิ่งมีเรื่อง TransferJet ไป
คราวนี้กลุ่มบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าฝั่งเอเชียซึ่งประกอบด้วย Sony, Samsung, Sharp, Hitachi ร่วมกับ Motorola และ AMIMON บริษัทเจ้าของเทคโนโลยี ได้ประกาศความร่วมมือผลักดันมาตรฐาน WHDI (Wireless Home Digital Interface) ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน ใช้ความถี่ 5GHz ความเร็วยังไม่ระบุแต่ตามสเปกบอกว่าสามารถสตรีมภาพยนตร์แบบ 1080p แบบไม่บีบอัดผ่านเครือข่ายไร้สายได้
ความสำเร็จของเราเตอร์ Linksys ในตระกูล WRT54G ทำให้วงการเฟิร์มแวร์โอเพนซอร์สคึกคักขึ้นมาก และเป็นต้นแบบให้ผู้ขายรายอื่นหันมาปฏิบัติตาม
ฝั่ง NETGEAR เลยวางขายเราเตอร์สำหรับ 802.11g ที่เจาะตลาดแฮ็กเกอร์หรือนักพัฒนาที่สนใจการแก้ไขเฟิร์มแวร์โดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า "Open Source WGR614L Wireless-G Router" ความพิเศษคือมีซีพียูและแรมที่มากกว่าปกติ เพื่อให้พัฒนาแอพพลิเคชันบนเราเตอร์ได้สะดวกมากขึ้น
หลายๆ คนอาจจะกำลังมองหาทางเร่งความเร็วของเครือข่ายไร้สายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดคงเป็น 802.11n ที่ให้ความเร็วประมาณ 300 เมกกะบิตต่อวินาที แต่ความเร็วที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะไม่เต็มประสิทธิภาพนักเพราะตอนนี้ความถี่ย่าน 2.4 กิกะเฮิร์ตนั้นมีอุปกรณ์ใช้งานเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบลูทูธ, Wi-Fi, หรือกระทั่งโทรศัพท์ไร้สายในบ้าน
ล่าสุดทาง D-Link ก็ส่ง DIR-628 เราท์เตอร์ตัวใหม่ที่ทำงานตามมาตรฐาน 802.11n ในความถี่ 5 กิกะเฮิร์ตซึ่งคนใช้งานน้อยกว่าออกมาแล้ว ที่น่าสนใจคือราคาไม่แพงมาก (Engadget รายงานว่าราคาขายปลีกอยู่ที่ 79 ดอลลาร์)
คณะกรรมการโทรคมนาคมของสหรัฐ (FCC - Federal Communications Commission เทียบได้กับ กทช. ของบ้านเรา) ได้เตรียมการเปิดประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ โดยช่วงคลื่นที่จะเปิดประมูลถูกเรียกว่า Advanced Wireless System (AWS) ซึ่งประกอบด้วยช่วง 1915-1920 MHz, 1995-2000 MHz และ 2155-2180 MHz
สิ่งน่าสนใจอยู่ในกติกาที่ FCC เสนอ ซึ่งระบุว่าผู้ที่ประมูลชนะจะต้องให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ฟรี ความเร็วอย่างต่ำ 768 kbps (downstream) โดยใช้ช่วงความถี่ไม่เกิน 25% ของทั้งหมดที่ประมูลได้ บริการอินเทอร์เน็ตนี้ต้องมีระบบกรองภาพโป๊ที่ "always on" และสามารถมีโฆษณาได้เพื่อชดเชยกับค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป
จากการประชุม International WiMax Conference ที่กรุงเทพที่ผ่านมานี้ ซีอีโอของบริษัทที่ให้บริการ WiMax ในออสเตรเลียได้กล่าวว่า WiMax นั้นในทางปฏิบัติไม่ได้ดีอย่างที่คิด
โดยบริษัทของเขา Buzz Broadband นั้นได้เริ่มให้บริการ WiMax เมื่อปีที่แล้ว เขาได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับ WiMax โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อจำกัดของ WiMax ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จริง
เขาได้กล่าวว่าถ้าอยู่ห่างจาก Base Station ประมาณ 2 กิโลเมตรกลางแจ้ง ก็ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว และถ้าหากอยู่ภายในอาคาร ระยะสัญญาณจะลดเหลือเพียง 400 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีค่า Latency สูงถึง 1000ms ทำให้การใช้งาน VoIP แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
วันนี้ วันที่สองของการประมูลคลื่นความถี่ 700MHz ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้มีผู้เสนอราคาสูงสุดที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว หลังจากที่เมื่อวานตัวเลขอยู่ที่ 2.78 พันล้านดอลลาร์
แต่ตามกฏของ FCC นั้น จำเป็นจะต้องสงวนชื่อบริษัทที่เสนอราคาสูงสุดไว้จนกว่าการประมูลจะเสร็จสิ้น
สำหรับบริษัทที่ได้รับอนุญาตได้การเสนอราคาได้แก่ AT&T, Verizon Wireless, EchoStar, Cablevision Systems แต่ที่น่าสนใจที่สุด ดูเหมือนจะเป็นกูเกิล ที่ได้พูดเอาไว้ว่าคลื่นความถี่นี้สามารถนำไปใช้เป็นคลื่นโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถใช้ฟรี ๆ ได้แต่ต้องแลกกับการรับโฆษณาแทน
ผลการวิจัยของ FDA ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร National Research Council of the National Academies of Science ได้ระบุว่ายังคงต้องมีการศึกษาความปลอดภัยของสัญญาณไร้สายต่อเด็ก สตรีมีครรภ์ต่อไป ในผลระยะยาวและระยะสั้น รวมถึงความแรงและความถี่ของสัญญาณวิทยุแต่ละแบบที่ตัวเครื่องปล่อยออกมา เพื่อการพัฒนาอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพต่อไป
ซึ่งนั้นหมายความว่ายังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดสำหรับสัญญาณไร้สายต่อไป เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังสามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นต่อได้
ที่มา - Engadget.com
ถัดจากเครือข่ายระยะใกล้ๆ แบบ Bluetooth ที่เรียกกันว่า Personal Area Network (PAN) แล้ว ตอนนี้ทาง IEEE ก็ได้จัดตั้งกลุ่มทำงานใหม่เพื่อร่างมาตรฐานในเครือข่ายที่ใกล้ตัวยิ่งขึ้น อยู่ในระดับบุคคล เรียกว่า Body Area Network (BAN)
การใช้งานเครือข่ายระยะสั้นเช่นนี้จะสร้างแนวทางใหม่ๆ เช่นการตรวจการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ให้แจ้งสถานะเครื่องไปยังนาฬิกาข้อมือ เป็นต้น หรือการแลกเปลี่ยนนามบัตรอิเลกทรอนิกส์ในระยะสั้นๆ
อ่านไปอ่านแล้วดูเหมือน Bluetooth ยุคแรกๆ ไปแล้ว แต่ขณะนี้ทาง Bluetooth ก็มุ่งไปพัฒนามาตรฐานใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความเร็วและระยะทางกันเสียมาก
รายงานการศึกษาล่าสุด เรื่องผลของ Wi-Fi ต่อสุขภาพ เปิดเผยว่า สัญญาณ Wi-Fi มีผลต่อทารกในครรภ์มารดา ซึ่งรายงานนี้ได้ตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการ ที่มีชื่อว่า the Australasian Journal of Clinical Environmental Medicine
โดยรายงานนี้ได้ระบุว่า สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยจากอุปกรณ์ที่มีสัญญาณ Wi-Fi เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวกันของธาตุโลหะในเซลล์สมอง ซึ่งการสะสมนี้จะทำให้เกิดอาการออทิสติกอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาย้ำรายงานของตนว่า สัญญาณ Wi-Fi ไม่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
FON เป็น Wi-Fi community ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกประมาณ 530,000 ราย หลักการของ FON คือ สมาชิกเปิด share wireless Internet access ที่บ้านตัวเอง จากนั้นสามารถเข้า Internet ผ่าน Fonero's Access Point ได้ทุกที่ทั่วโลก
Idea มาจากแนวคิดง่ายๆ ที่ว่าทำไมเราต้องจ่ายค่าบริการ Wi-Fi Hotspot อีกในกรณีต้องการเข้า Internet ในขณะอยู่นอกบ้าน ในเมื่อเราก็จ่ายค่าบริการ broadband Internet ที่บ้านอยู่แล้ว concept ของ FON เกิดขึ้นเพื่อสร้าง Wi-Fi community จากผู้ใช้ Internet broadband ทั่วไป ผลที่ได้คือทุกคนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการที่นำ Internet connection ที่มีอยู่แล้วมา share กัน
หลังจากที่มีการพัฒนาการนำสัญญาณ Wi-Fi เข้ามาให้แทนที่สายแลน
มากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ผู้ใช้กำลังกังวลใจอยู่คือเรื่องความปลอดภัยของสัญญาณว่าจะส่งผลกระทบต่อสุภาพร่างกายมาน้อยเพียงใด ทำให้องค์กร Heath Protection Agency (HPA)
ในประเทศอังกฤษเข้ามาศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถึงแม้ว่าจากการศึกษาและการวิจัยในปัจจุบันยังไม่พบผลกระทบทางสุขภาพของการใช้
Wi-Fi และสัญญาณโทรศัพท์ แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางได้มีรายงานเกี่ยวกับสัญญาณความถี่คลื่น ที่ส่งผลให้การไหลเวียนของโปรตีนในร่างกายทำงานผิดปรกติ ซึ่งอาจส่งผลทำให้การผลการตรวจวัดเกี่ยวปัญหาทางสุขภาพไม่ถูกต้องเท่าที่ควร
กลุ่มนักวิจัยของ Georgia Electronic Design Center (GEDC) ใน Georgia Tech ได้แสดงตัวอย่างการวิจัยในการปล่อยข้อมูลผ่าน Wi-Fi ด้วยความเร็วที่คงที่ถึง 15Gbps ณ ระยะ 1 เมตร ถึงแม้จะอยู่ในการวิจัยช่วงเริ่มต้น สัญญาณอาจจะมีตกเล็กน้อยเมื่อมีการเพิ่มระยะทางเพียงนิดเดียว (10Gbps ณ ระยะ 2 เมตรและ 5Gbps ณ ระยะ 5 เมตร)
นักวิจัยยังกล่าวว่าสามารถส่งหนังดีวีดีเรื่อง Beaches ไปยังมือถือภายในเวลา 5 นาที อย่างไรก็ตามสัญญาณนี้ใช้ความถี่สูงที่ 60GHz ซึ่งไม่สามารถส่งผ่านร่างกายมนุษย์ได้ ตอนนี้ระบบนี้ถูกตั้งชื่อเป็น 802.15.3C ซึ่งอาจจะถูกใช้่ในการรับส่งถ่ายเนตเวิร์กส่วนตัว
ความแปลกประหลาดในการใช้งานเครื่อง Nintendo DS ที่สร้างขึ้นมาไว้เล่นเกมเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ นับแต่มีการประยุกต์เอาไปใช้ด้านความงามกันเป็นระยะ ล่าสุดมีบริษัทในสหรัฐฯ เตรียมพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทำให้ Nintendo DS กลายเป็นอุปกรณ์สำหรับการชมกีฬากันแล้ว
บริษัทในสหรัฐที่ชื่อว่า The Redmond กำลังพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ Nintendo DS สามารถติดตั้งลงไปในเครื่องของตนเพื่อติดต่อกับเครือข่ายไร้สายในสนามกีฬา ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ง่ายกว่าเดิม เช่น การสั่งน้ำ และของขบเคี้ยวก็สามารถสั่งได้จากที่นั่งโดยตรง
อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันนี้ Wireless Lan ที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายในไทยนั้น คือมาตรฐาน 802.11b/g ซึ่งใช้ความถี่ในย่าน 2.4GHz แต่เนื่องจากความถี่ย่านนี้ เป็น unlicensed ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต จึงทำให้มีอุปกรณ์หลายตัวที่แย่งกันใช้ความถี่ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น Wireless Lan, Bluetooth, Cordless Phone หรือแม้กระทั่ง เตาอบไมโครเวฟ ทำให้อาจเกิดการรบกวนซึ่งกันและกันได้
อย่างไรก็ตามย่านความถี่ที่ไม่ต้องขออนุญาตนี้ยังมีอีกหลายช่วงที่กำหนดโดย ITU-R แต่เนื่องจากกฏหมายในแต่ละประเทศไม่จำเป็นต้องสงวนคลื่นไว้ตามที่ ITU-R กำหนดไว้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ ทำไม ประเทศไทยถึงใช้ 802.11a ไม่ได้