หลังจากทะเลาะกันไม่เลิกกับมาตรฐานยุคต่อไป ในที่สุดกลุ่ม IEEE 802.11n ก็ได้ข้อสรุปในมาตรฐานของมาตรฐาน MIMO ซึ่งจะทำใ้ห้ไวร์เลสแลนมีความเร็วเกินกว่า 100 เมกกะบิตต่อวินาทีแล้ว โดยทันทีที่ดราฟท์ของมาตรฐานนี้ออกมา บริษัทผลิตชิปอย่าง Broadcom ก็ออกมาประกาศทันทีว่าตนมีชิปที่เข้ากันได้กับมาตรฐานนี้แล้ว
มาตรฐาน 802.11n เป็นมาตรฐานที่เปิดโอกาสให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถสื่อสารกันด้วยช่องสัญญาณมากกว่าหนึ่งช่อง เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน โดยคาดว่าความเร็วสูงสุดที่มาตรฐานนี้จะทำได้คือ 600 เมกกะบิตต่อวินาทีเลยทีเดียว
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ HyperTransport ไปชุดใหญ่ เอเอ็มดีก็ประกาศซื้อสิทธิ์การใช้เทคโนโลยี ZRAM จากบริษัท Innovative Silicon เพื่อใช้เทคโนโลยี ZRAM ในชิปรุ่นต่อไปของเอเอ็มดี
ZRAM คือหน่วยความจำรุ่นใหม่ที่ให้ความได้เปรียบในด้านต้นทุน โดยการใช้ทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียวในการเก็บข้อมูลแต่ละบิต แต่ไม่ทำให้เวลาในการเขียนและอ่านลดลงแต่อย่างใด ทำให้ ZRAM มีความเร็วพอๆ กับ SRAM ที่มีราคาแพงกว่า ข้อได้เปรียบของมันนี้ทำให้เราอาจจะได้เห็นซีพียูของเอเอ็มดีมีขนาดแคชใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะลดต้นทุนได้มากกว่า โดยเชื่อว่าซีพียูตัวต่อไปของเอเอ็มดีน่าจะมีขนาดแคชถึง 5 เมกกะไบต์
ปุ่ม Delete นี้เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Gmail เรียกร้องกันมากที่สุด และสุดท้ายกูเกิลก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว
ถ้ามี Gmail ลองเปิดดูได้ เมื่อก่อนปุ่มข้างบนรายการเมลจะมี 2 ปุ่ม คือ Archive กับ Report Spam เพราะว่ากูเกิลจงใจให้ผู้ใช้ไม่ลบอีเมลของตัวเอง ตามโฆษณาเนื้อที่เก็บเมลเยอะๆ โดยไม่ต้องลบ แต่บางครั้งเรารู้ว่าเมลบางฉบับเก็บไปก็ไม่มีประโยชน์ เช่น ฟอร์เวิร์ดไร้สาระบางอันที่ส่งมาซ้ำๆ หรือเมลคอนเฟิร์มเวลาสมัครสมาชิกเว็บ ถ้าต้องการลบจริงๆ ต้องเลือกเมนู More Actions ทีนึงก่อนแล้วค่อยเลือก Delete
BusinessWeek อ้างการวิเคราะห์ของบริษัท iSuppli ในการแยกส่วน iMac รุ่นใหม่ที่มีราคาขายอยู่ 1,299 เหรียญว่า น่าจะมีต้นทุนหลังประกอบ (ก่อนโหลดซอฟต์แวร์และค่าแพกเกจ) ที่ 898 เหรียญ ถ้าเอาแค่ตอนนี้แอปเปิลจะได้กำไรต่อเครื่องราว 400 เหรียญ
ส่วนประกอบที่แพงที่สุดในเครื่องคือ Intel Core Duo ตัวละ 265 เหรียญ ที่คาดว่าแอปเปิลซื้อในราคาลดแล้วแน่นอน เมื่อรวมกับชิปอื่นๆ ของอินเทล (ในข่าวไม่ได้บอกว่าชิปอะไร แต่เดาว่าเป็นนอร์ธบริดจ์ หรืออาจจะนับแยกเป็นเมโมรีคอนโทรลเลอร์ก็ได้) เงินที่จ่ายให้อินเทลทั้งหมด 310 เหรียญต่อเครื่อง
มีผลการทดสอบบนเว็บของ WINE อีมูเลเตอร์ในการรันโปรแกรมวินโดวส์บนลินุกซ์ พบว่าหลายๆ การทดสอบนั้น WINE เอาชนะ Windows XP!!!
ผลการทดสอบดูได้จากลิงก์ โดยผู้ทดสอบรัน WINE 0.9.5 บน Gentoo เทียบกับ XP SP2 บนเครื่องเดียวกัน ต้องเตือนไว้ก่อนว่า
ถ้าเปิดเว็บแอปเปิลตอนนี้จะเห็น 2x กับ 4x เต็มไปหมด ถึงเราจะรู้กันดีว่ามันเป็นตัวเลขโฆษณา แต่ถ้าอยากได้ผลการทดสอบจริงๆ ก็มีให้อ่านแล้ว
นิตยสาร Macworld ได้ทดสอบ iMac G5 กับ iMac Core Duo และผลลัพธ์ที่ได้คือ Core Duo เร็วกว่าประมาณ 1-1.5 เท่า ขึ้นกับการทดสอบแต่ละอย่าง รายละเอียดและตัวเลขกดเข้าไปอ่านกันเอง
สองสามปีก่อนอาจเคยได้ยินข่าวความสัมพันธ์ที่แตกหักของดิสนีย์และพิกซาร์ โดยหลังจากหมดสัญญาหนัง 7 เรื่อง (Cars คือเรื่องสุดท้าย) พิกซาร์จะหาสตูดิโอจัดจำหน่ายใหม่ ซึ่งกรณีนี้พิกซาร์ได้เปรียบว่ามาก เนื่องจากทำหนังออกมาแล้วดังทุกเรื่อง ส่วนหนังการ์ตูนของดิสนีย์รายได้ไม่ค่อยจะดีเท่าไร (หนังเรื่องถัดจาก Cars จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนูในภัตตาคารฝรั่งเศส)
ปีที่แล้วดิสนีย์จึงเปลี่ยนซีอีโอจาก Michael Eisner มาเป็น Robert Iger ความสัมพันธ์จึงกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ก็มีข่าวว่าดิสนีย์จะเข้าซื้อกิจการของพิกซาร์ Iger เองเคยให้สัมภาษณ์ว่ายุคนี้ดิสนีย์ควรจะ"คิดใหม่"บ้าง
หลังจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการค้นหาเว็บรายหลักๆ เช่น กูเกิล ยาฮู และไมโครซอฟท์ ต้องส่งรายการคำที่มีการค้นหาทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนดให้รัฐบาล ในเวลานี้ทั้งยาฮูและไมโครซอฟท์ ต่างก็ตกลงส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับรัฐบาลสหรัฐแล้ว โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้เว็บทั้งสองแต่อย่างใด เนื่องจากจะไม่มีข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้ไว้ในข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด
เมื่อวานนี้ศาลเยอรมันนีมีคำสั่งปิดเว็บวิกิพีเดียภาษาเยอรมันลงด้วยการฟ้องร้องของครอบครัวของแฮกเกอร์ชาวเยอรมันที่รู้จักกันในชื่อ Tron โดยครอบครัวของ Tron เนื่องจากมีการเปิดเผยชื่อจริงของแฮกเกอร์รายนี้ในวิกิพีเดีย
Tron เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1998 โดยครอบครัวของเขาเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม เรื่องของเขาถูกเผยแพร่ในวิกิพีเดียโดยใช้ชื่อจริงทำให้ศาลสั่งปิดเว็บ wikipedia.de ลง อย่างไรก็ตามบทความนี้ยังหาอ่านได้ใน de.wikipedia.org
กระแสดิจิตอลกลืนตำนานอีกหน้าหนึ่งของวงการถ่ายภาพไปอีกแล้ว เมื่อบริษัทกล้องอย่างโคนิกา มินอลต้าประกาศถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมภาพถ่าย โดยบริษัทระบุว่าวงการนี้มีการแข่งขันสูงเกินความคุมค่าที่จะดำเนินกิจการ โดยจะขายธุรกิจกล้องดิจิตอลให้กับโซนี่
โคนิกา มินอลต้าเป็นการรวมตัวกันของสองบริษัทที่เคยเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการมาก่อน การถอนตัวของบริษัทนี้อาจจะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนไปสู่อีกยุคหนึ่ง บริษัทระบุว่าต่อไปจะเน้นที่ธุรกิจภาพทางการแพทย์และเครื่องถ่ายเอกสารเท่านั้น
หลังจากที่เราใช้ GPLv2 กันมานานถึง 15 ปี เมื่อหลายเดือนก่อนริชาร์ด สตอลแมน ก็เริ่มพูดถึงการออกรุ่นปรับปรุุงของ GPL มาถึงวันนี้รุ่นดราฟท์ก็มีให้อ่านกันในอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่หลักๆ ของ GPLv3 ที่เปลี่ยนแปลงจาก GPLv2 มีอะไรบ้าง เรามาดูกันดีกว่า
- ชัดเจนขึ้นในหลายๆ ด้านเช่นการใช้ชื่อ LGPL ซึ่งเป็นรุ่นที่เบากว่า GPL โดยแต่เดิมนั้นใน GPL ใช้ชื่อเต็มของ LGPL ว่า Library General Public License ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Lesser General Public License ซึ่งเป็นตัวใหม่ที่ใช้กันทั่วไปแล้ว
หากรอวิสต้ากันมาจนเหงือกแห้งแล้ว ข่าวนี้อาจจะทำให้เซ็งหน่อยๆ เพราะวินโดว์กำลังจะมีน้องเล็กโผ่มาอีกคนในชื่อเวียนนา (Vienna เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย) โดยข่าวระบุว่าเวียนนานั้นแต่เดิมถูกวางตัวให้เป็นตัวต่อจากวินโดว์เอ็กซ์พี แต่ถูกเปลี่ยนแผนให้คั่นด้วยวิสต้าเสียก่อน โดยเจ้าเวียนนานี้จะถูกยกเครื่องการแสดงผลใหม่ทั้งหมด "อีกครั้ง"
วิสต้าก็เลื่อนมาจนเซ็งๆ แล้วกว่าเวียนนาจะออกสงสัยผมได้เอาไปลงในเครื่องแมค
ที่มา - M-Dollar (ArsTechnica)
แถวนี้แฟน Firefox เยอะ จะพยายามเอาข่าวที่น่าสนใจมาเขียนให้บ่อยๆ
Ben Goodger ซึ่งเป็นนักพัฒนาหลักของ Firefox (ปัจจุบันเป็นพนักงานกูเกิล แต่ยังทำ Firefox อยู่) ได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับอนาคตของ Firefox 2.0 และ 3.0 รวมไปถึง Thunderbird ที่ใช้นโยบายเดียวกันด้วย
ตอนนี้เรามี Firefox 1.5 ที่ใช้ Gecko 1.8
ใครเคยเขียนโปรแกรมกับวินโดวส์ น่าจะคุ้นกับชื่อ Win32 ซึ่งเป็นชุด API ที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ปี 1993 (NT3.1) สำหรับ Vista ที่จะออกปลายปีนี้จำเป็นต้องใช้ API ชุดใหม่ที่เรียกว่า WinFX ซึ่งกำลังจะออกชุดพัฒนามาให้ใช้กัน
WinFX รุ่น "Go-Live" จะมาในชุด January Community Technology Preview ของ MSDN มุ่งเป้าไปยังการพัฒนาโปรแกรมแบบเซิร์ฟเวอร์ โดยให้ส่วนประกอบสำคัญของ WinFX มา 2 อัน คือ
เคยเขียนเรื่องแผนระยะสั้นไปแล้ว
Phil Hester CTO ของ AMD ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทมีแผนจะแยกไลน์ microarchitecture ซีพียูของตนเองในอนาคต โดยจะแบ่งเป็น microarchitecture สำหรับตลาดโมบายประหยัดพลังงาน และตลาดเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งสามารถเอาซีพียูรุ่นโมบายไปใช้กับเดสก์ท็อป หรือจะขยับลงมาใช้กับอุปกรณ์กึ่งพีดีเอกึ่งโน้ตบุ๊คได้เช่นกัน
จริงๆออกมาหลายวันแล้วแต่เพิ่งได้เห็นกับ Skype Mouse จาก Sony ที่เมื่อดูเผินๆก็เป็นเมาส์ธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาคือเราสามารถเปิดฝาขึ้นมาคุยเป็นโทรศัพท์ผ่านบริการ VoIP อย่าง Skype ได้ด้วย นึกภาพไม่ออกไปดูได้ที่ gizmag แต่ไม่ใช่มีแต่ Sony ที่ทำ เปิดไปเจอที่ The Inquirer ก็เจอว่ามีบริษัท Yiyi Electronics ทำ mouse phone แบบนี้ออกมาเหมือนกันไม่แน่ใจว่าใครออกก่อนแน่ แต่ดูแล้วหน้าตาของ Sony กินขาด
หลังจากเคยรายงานไปว่า Revolution จะออกภายในปีนี้ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะเป็นตอนไหน ล่าสุด Satoru Iwata ประธาน Nintendo ก็ให้สัมภาษณ์ว่าแม้จะยังระบุวันที่แน่นอนไม่ได้ แต่เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทองทางธุรกิจ เครื่องจะต้องออกก่อนช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าแน่นอน (ช่วงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน) เพราะถือเป็นช่วงเวลาที่คนอเมริกันใช้จ่ายเงินมากที่สุด โดย XBox 360 เองก็เลือกเปิดตัวในช่วงประมาณนี้เหมือนกัน (XBox 360 เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2005)
หลังจากเปิดตัวให้ฮือฮากันมาซักอาทิตย์ Ars Technica ก็ได้ของมาพร้อมรีวิวทันที ถ้ามีคนแอปเปิลประเทศไทยอ่านอยู่ Blognone ก็พร้อมจะรีวิวให้อย่างละเอียดเช่นกันนะครับ หุๆ
บริษัท XiTi ในฝรั่งเศสได้สำรวจเว็บประมาณ 32 ล้านแห่ง และพบว่าส่วนแบ่งตลาดของ Firefox ในยุโรปขึ้นไปที่ 20% แล้ว ประเทศที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดคือฟินแลนด์ (38%) ตามมาด้วยสโลวีเนีย (36%) และเยอรมนี (30%) ส่วนประเทศในยุโรปที่ตัวเลขต่ำสุดคือสหราชอาณาจักร (11%)
เราเพิ่งเห็นข่าวเมื่อประมาณปลายปีที่แล้วว่าตัวเลขรวมของทั้งโลกนั้น Firefox เพิ่งผ่าน 10% ไป การที่ยุโรปมีตัวเลขสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากความรู้สึกลึกๆ ว่าซอฟต์แวร์จำนวนมากมาจากฝั่งอเมริกา ทำให้ยุโรปพยายามหาลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์จากฝั่งอเมริกาให้ได้มากที่สุด โดยการใช้โอเพนซอร์สที่เป็นซอฟต์แวร์นานาชาติมากกว่า
หลังจากที่คาดการณ์กันว่าไมโครซอฟท์จะปล่อย SP3 ออกมาก่อน Windows Vista (คาดว่าจะออกภายในปีนี้) ล่าสุดกลายเป็นว่าตอนนี้ไมโครซอฟท์มีแผนจะปล่อย SP3 ในปี 2007 แทนซะแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าจะทิ้งช่วงจาก SP2 (ซึ่งออกตอนเดือนสิงหาคม 2004) เกือบ 3 ปีเลยทีเดียว
สงสัยจะได้ขยับไปใช้ Vista ก่อนจะได้อัพเดท XP เป็น SP3 แฮะ
ที่มา
Microsoft Watch: Windows XP Service Pack 3: Not Until 2007
Newsweek ได้สัมภาษณ์ Steve Jobs หลังจากเสร็จสิ้น keynote ที่ผ่านไปหยกๆ (จริงๆ ก็หลายวันแล้วล่ะ)
ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามแบบพื้นๆ อย่างโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ Mac หลังจากมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซึ่ง Jobs ก็เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นสองเท่าได้ เพียงแค่เปลี่ยน 4% ของผู้ใช้ Windows ให้หันมาใช้ Mac หรือทำไมหน้าตาของ iBook และ MacBook Pro ถึงเหมือนของเดิม Jobs บอกว่าดีไซน์เดิมดีจนไม่รู้จะแก้ยังไงแล้ว
หลังจาก Blognone รายงานว่าอินเทลแมคจะไม่สามารถรันวินโดว์ เนื่องจากติดเทคโนโลยีอย่าง EFI ของอินเทล
แต่งานนี้อาจจะไม่เป็นจริงเมื่ออินเทลเองมีการให้โหลด Compatibility Support Module (CSM) ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ระบบปฏิบัติการที่ต้องการใ้ช้ไบออสสามารถทำงานบนเครื่อง EFI ได้ด้วย ซึ่งก็น่าจะรวมถึงวินโดว์เอ็กซ์พีด้วย
งานนี้คำถามเลยกลายเป็นเรื่องของเมื่อใหร่ที่เหล่าแฮกเกอร์จะไปซื้ออินเทลแมคมาลงวินโดว์โชว์กัน อดใจรอได้อีกไม่นาน
กว่าจะเข้าบ้านเราอาจจะมี Dual-Boot ให้เสร็จเลย...
หลังจากประกาศแยกทางกับซอฟต์แวร์บางตัวบนแมคไปแล้ว (Internet Explorer กับ Windows Media Player) แต่ยัง...ยังไม่หมดหนทางนักสำหรับชาวแมคที่เป็นแฟนไมโครซอฟท์ (??)
ในงาน Mac World ไมโครซอฟท์ได้ให้สัญญาว่าจะยังคงพัฒนาไมโครซอฟท์ออฟฟิศบนแมคต่อไป และจะพัฒนา Virtual PC ให้กับแมคอินเทลด้วยเช่นกัน แต่การพัฒนาที่ว่าจะเป็นการพัฒนาใหม่จากเริ่มต้นเพราะ Virtual PC ปัจจุบันนั้นเข้ากันไม่ได้กับ Rosetta ซึ่งเป็น Emulator ของอินเทลแมค
เมื่อวันศุกร์ทีผ่านมา สภาไต้หวันมีมติให้มีการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์ลงร้อยละ 25 ด้วยเหตุผลว่าต้องการการอิงกับซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตเจ้าใดเจ้าหนึ่ง (ในที่นี้คือไมโครซอฟท์) มากกว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ
แหล่งข่าวระบุว่ามตินี้อาจจะเป็นโมฆะได้ หากตีความให้ขัดกับกฏหมายการค้าของไต้หวันเอง ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนกันต่อไป
แต่ประเด็นที่เห็นได้ชัดเจนคือสภาบ้านเค้ามีความคิดที่ว่า ถ้ารัฐต้องไปพึ่งบริษัทเอกชนเพียงบริษัทเดียวในการทำอะไรซักอย่าง มันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงอย่างมาก บ้านเราจะหาคนคิดอย่างนี้ได้มั่งมั้ยเนี่ย
หลังจากเพนเทียมอยู่คู่เรามานานแสนนาน ตอนนี้อินเทลก็ปล่อยแบรนด์เพนเทียมที่ใช้มานานตั้งแต่ 586 ยุคแรกออกจากมือแล้ว โดยเพนเทียมนั้นเป็นชื่อที่อินเทลตั้งขึ้นเพื่อใช้แทนหมายเลขชิป ซึ่งสามารถใช้ตามโดยผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้อินเทลจึงเลือกใช้ชื่อทางการค้าแทน
ชื่อเพนเทียมนั้นถูกใช้ครั้งแรกในชิปเพนเทียม 75 เมกกะเฮิร์ตเืื่มื่อปี 1993 นับเวลารวมเกือบสิบสองปีที่อินเทลใช้ชื่อนี้มาโดยในตอนนี้ชิปรุ่นต่อๆ ไปของอินเทลจะกลายเป็นตัวเลขไปหมดเช่น D 800 หรืืือ D 900
อีกหน่อยลูกเราจะถามว่าเพนเทียมคืออะไร คงเหมือนเราถามอาจารย์รุ่นเก่าๆ ว่า 086 มันเป็นยังไง