Apple ประกาศเตรียมหยุดให้บริการ Apple Music Connect ฟีเจอร์ด้านโซเชียลเน็ตเวิร์คของ Apple Music หลังจากที่ถูกทิ้งร้างและแทบไม่มีผู้ใช้งานมาเป็นเวลานาน ตามรอย iTunes Ping อดีตโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เคยปิดตัวไปก่อนหน้านี้
Apple ระบุว่า Apple Music Connect จะไม่อนุญาตให้ศิลปินโพสต์ตั้งแต่ 13 ธันวาคมเป็นต้นไป และโพสต์ทั้งหมดจะยังอยู่ให้ค้นหาได้จนถึง 24 พฤษภาคมปีหน้าเท่านั้น
มีรายงานว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพชื่อ Platoon ซึ่งเป็นบริษัทในอังกฤษด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย เพื่อนำทีมงานและสินทรัพย์มาเสริมทัพให้กับ Apple Music
Platoon เป็นบริษัทให้บริการรับพัฒนาแผนการตลาด ทั้งในรูปสื่อเสียง, วิดีโอ ตลอดจนการตลาดออนไลน์ ให้กับศิลปินนักร้องที่กำลังเริ่มต้นในวงการ ซึ่งมีผลงานคือการผลักดันจนศิลปินหลายคนได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงขนาดใหญ่ แหล่งข่าวเผยว่าดีลนี้แอปเปิลจะช่วยให้ Platoon สามารถผลักดันศิลปินที่มีความสามารถและน่าสนใจได้ในอีกช่องทางหนึ่ง ผ่านการนำเสนอรูปแบบต่าง ๆ ใน Apple Music นั่นเอง
ต่อจาก Google Play ก็มาถึงคิว iOS บ้าง โดยแอปเปิลได้ประกาศผลที่สุดแห่งปี 2018 (Best of 2018) ซึ่งมีทั้งแอป, เกม, เพลง, ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, Podcast และอื่น ๆ รายละเอียดดังนี้
Apple Music ถือเป็นหนึ่งในบริการเพียงไม่กี่อย่างของ Apple ที่เปิดให้ใช้บนอุปกรณ์อื่นนอกจากอุปกรณ์ Apple เอง และวันนี้ Amazon ก็ประกาศว่า ลำโพงอัจฉริยะ Echo กำลังจะสตรีมมิ่ง Apple Music ได้แล้ว
Amazon ระบุว่า ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า (สัปดาห์ของวันที่ 17 ธันวาคม แต่ Amazon ยังไม่ระบุชัดว่าจะเป็นวันไหน) Apple Music จะเปิดให้บริการบน Echo โดยผู้ใช้สามารถสั่ง Alexa ให้เล่นเพลงบนคลังเพลงของ Apple Music ได้ตามต้องการ และรวมถึงสถานีวิทยุ Beats 1 ของ Apple ด้วย
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้ Apple Music บน Alexa จะต้องเปิดใช้งาน Apple Music skill บนแอพ Alexa และเชื่อมต่อเข้ากับ Apple ID ก่อนจึงสามารถเล่นเพลงได้
มีรายงานว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการบริษัททำ Analytic วงการดนตรี Asaii ซึ่งก็ตรงกันกับกรอบเวลาที่ Asaii ประกาศว่าจะหยุดให้บริการในวันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป ทำให้ Asaii เป็นดีลซื้อกิจการที่สองของแอปเปิลเกี่ยวกับวงการดนตรีต่อจาก Shazam ที่เพิ่งปิดดีลไปเมื่อเดือนก่อน
Asaii เป็นบริการแดชบอร์ด Analytic ที่ดึงข้อมูลจากบริการดนตรีออนไลน์ต่าง ๆ รวมเข้ากับข้อมูลในสื่อโซเชียล เพื่อพยากรณ์ว่าศิลปินหน้าใหม่คนใดมีโอกาสที่เพลงจะติดอันดับเพลงยอดนิยม ในระยะเวลา 10 สัปดาห์ถึง 1 ปีข้างหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับการเป็นเครื่องมือค้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่มีโอกาสโด่งดัง ซึ่งอัลกอริทึมนี้น่าจะเป็นสิ่งที่แอปเปิลอยากได้มาใช้กับ Apple Music
Genius เว็บไซต์บริการเนื้อเพลงและข้อมูลเพลง ประกาศความร่วมมือกับบริการฟังเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music เพื่อนำเนื้อเพลง และข้อมูลเพลงที่น่าสนใจ มาแสดงผลสำหรับผู้ใช้ Apple Music
ก่อนหน้านี้ Genius ก็ประกาศความร่วมมือกับ Spotify ในการนำเนื้อเพลงไปใส่ในแพลตฟอร์ม จึงเท่ากับว่า Genius สามารถเป็นพันธมิตรได้ทั้งสองข้างที่เป็นคู่แข่งกัน
ที่น่าสนใจสำหรับดีลนี้คือ Genius เองก็ประกาศว่า ตัวเล่นเพลงหลักในเว็บและแอปของ Genius จะเปลี่ยนมาใช้ Apple Music ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันนั่นเอง
ที่มา: Genius
รายได้วงการเพลงนั้นมาจากสองส่วนสำคัญคือ ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ซึ่งยอดสตรีมก็เป็นบวกมากขึ้นจนสามารถทำรายได้แซงการดาวน์โหลดในปี 2015 ล่าสุด สมาคมอุตสาหกรรมสื่อบันทึกแห่งอเมริกาหรือ RIAA รายงานตัวเลขรายได้ของการจำหน่ายเพลงของสหรัฐฯ ว่า 75% ของรายได้ มาจากสตรีมมิ่ง
โดยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10% เป็น 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 75% ของรายได้มาจากสตรีมมิ่ง มีเพียง 12% ที่มาจากดาวน์โหลดผ่านดิจิทัล ซึ่งยอดได้ตกลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เท่าการขายแผ่นที่มีเพียง 10%
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ Fast Company เกี่ยวกับบริการเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music และอุตสาหกรรมเพลงในภาพรวม โดยเขาให้มุมมองน่าสนใจว่า การให้อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์เป็นตัวคัดเลือกเพลงล้วน ๆ นั้น เป็นการทำลายจิตวิญญาณของวงการดนตรี
ประโยคดังกล่าวถือเป็นการพุ่งไปที่คู่แข่งอย่าง Spotify ซึ่งที่ผ่านมาใช้อัลกอริทึมในการจัดเพลย์ลิสต์มาตลอด (เพิ่งเริ่มใช้คนคัดเลือกไม่นานมานี้) ขณะที่ Apple Music พยายามเน้นเพลย์ลิสต์ที่มีคนคัดเลือกมาตั้งแต่แรก
ทั้ง Spotify และ Apple Music มีเพลย์ลิสต์ที่จัดอันดับตามความชอบ และเพลย์ลิสต์เพลงใหม่จากศิลปินที่เราติดตามมาให้ ด้าน Apple Music มาแปลกกว่าคือ จะจัดทำเพลย์ลิสต์เพลงที่เพื่อนเราฟังมาให้ทุกวันจันทร์ หรือที่เรียกว่า "Friends Mix"
ใน Friends Mix มี 25 เพลง ซึ่งมาจากฟีเจอร์ทางโซเชียลใน iOS 11 ที่เพื่อนๆ สามารถติดตามเราได้ และสามารถกดดูบนโปรไฟล์ของเพื่อนๆ ได้ด้วยว่าเพื่อนๆ เราฟังอะไรบ้าง
เว็บไซต์ Digital Music News รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผย พูดถึงอันดับของจำนวนสมาชิกแบบเสียเงินของบริการเพลงสตรีมมิงในสหรัฐ ปรากฎว่าสมาชิกของ Apple Music นำมาเป็นอันดับหนึ่งนำ Spotify, Tidal และ Sirius XM
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวขอไม่เปิดเผยตัวเลขจำนวนสมาชิก ระบุแต่เพียงว่า Apple Music และ Spoitfy ต่างมีผู้ใช้ในสหรัฐเกิน 20 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งข้อมูลนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับตัวเลขที่ Wall Street Journal เปิดเผยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่าสมาชิก Apple Music ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5% และ Spotify เพิ่ม 2% และคาดว่าสมาชิก Apple Music น่าจะแซง Spotify ในเร็ววัน
Billboard รายงานสถิติใหม่ของวงการเพลงสตรีมมิ่ง โดยบอกว่าอัลบั้ม Scorpion ของ Drake ได้ทำสถิติถูกสตรีมมากกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์แรก (29 มิถุนายน-5 กรกฎาคม) โดยสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้คืออัลบั้ม Beerbongs & Bentleys ของ Post Malone ถูกสตรีม 700 ล้านครั้งในสัปดาห์
ข้อมูลบอกว่าเฉพาะในอเมริกานั้นอัลบั้ม Scorpion ถูกสตรีมมากกว่า 750 ล้านครั้ง
ตัวเลขการฟังผ่านสตรีมมิ่งที่สูงมากนี้ยังช่วยให้อัลบั้มของ Drake ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Billboard 200 ที่เพิ่มน้ำหนักการคำนวณการฟังผ่านสตรีมมิ่งเป็นสัปดาห์แรกด้วย
ก่อนต้องบอกว่าข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากทั้งแอปเปิลและ Spotify แต่เป็นตัวเลขอ้างอิงของผู้จัดจำหน่ายเพลงรายใหญ่ในอเมริกา ซึ่งระบุว่าจำนวนผู้สมัครใช้งานแบบเสียเงินของ Apple Music สูงกว่า Spotify แล้ว ในพื้นที่อเมริกา (Apple Music ไม่มีตัวเลือกใช้ฟรี มีแต่เสียเงิน)
ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายเพลงนั้นบอกว่าทั้งสองผู้ให้บริการมีผู้สมัครใช้งานแบบจ่ายเงินมากกว่า 20 ล้านคนทั้งคู่ แต่ตอนนี้ Apple Music มีจำนวนสูงกว่าเล็กน้อย
เว็บไซต์ The Information รายงานว่า Apple กำลังพิจารณาผูกบริการต่างๆ ของ Apple เข้าไว้ด้วยกัน โดยให้ผู้ใช้จ่ายราคาเดียวเข้าถึงบริการได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Apple Music, ข่าวสาร, นิตยสาร, พื้นที่ iCloud ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับราคาออกมา
ปัจจุบัน Apple Music มีผู้ใช้งาน 40 ล้านราย และบริษัทก็มีแผนจะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ในการผลิตเนื้อหาวิดีโอแบบ exclusive ในปี 2018 ส่วนช่องทางข่าวสารก็มีแอปพลิเคชั่นบน MacOS แล้ว และยังมีการเช้าซื้อ Texture ช่องทางนิตยสารออนไลน์มาก่อนหน้านี้เพื่อเสริมสร้าง ecosystem ทางเนื้อหาของตัวเอง
ก่อนอื่นต้องบอกว่าข่าวนี้สถานะคือข่าวลือล้วน ๆ ที่มาก็คือ เราได้เห็นแอปเปิลทำบริการฟังเพลง Apple Music โดยเก็บเงินค่าใช้บริการเป็นรายเดือนอยู่แล้ว และก็มีข่าวว่าแอปเปิลเริ่มต้นผลิตรายการโทรทัศน์ สร้างคอนเทนต์ขึ้นมาเองสำหรับฉายบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีข่าวเรื่อง Apple News จะเก็บเงินรายเดือนอีก ในเมื่อมีบริการรายเดือนหลากหลายแบบนี้ ทำไมไม่มัดห่อรวมขายทีเดียวไปเลย?
Apple Music เตรียมจัดตั้งฝ่ายค่ายเพลงของตนเอง หลังจากการรับตำแหน่งโดยหัวหน้าคนใหม่ Oliver Schusser เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารายงานว่า ตอนนี้ทีมบริหารของ Apple Music ใหม่ภายใต้ Schusser เตรียมจัดตั้งค่ายเพลงภายในของตนเอง ซึ่งแหล่งข่าวของ Music Business Worldwide เผยว่าผู้บริหารคนใหม่ของ Apple Music นี้ต้องการให้เห็นความสำคัญของการมีค่ายเพลงและนักแต่งเพลงอยู่ภายใน Apple
จากดราม่านักดนตรี R.Kelly นักร้องแนว R&B มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่าถูกเขาคุกคามทางเพศ และ XXXTentacion มีความเกี่ยวข้องกับข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว จน Spotify และ Pandora ออกนโยบายไม่โปรโมทศิลปินสองคนนี้ ล่าสุด Apple Music เอาด้วย
Rolling Stone รายงานว่าทั้งสามแพลตฟอร์มตอนนี้ จะไม่มี R.Kelly และ XXXTentacion อยุ่ในคอลเลคชั่นเพลงที่ได้รับการโปรโมท โดย Apple Music ใช้นโยบายนี้อยางเงียบๆ อย่างไรก็ตามยังหาเพลงของศิลปินทั้งสองคนได้บนแพลตฟอร์ม
มีรายงานจากผู้ใช้งานบางส่วนในหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่า Apple Music ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนพวกเขา ให้กลับมาทดลองใช้งานฟรีเพิ่มอีก 1 เดือน ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้มีลักษณะเหมือนกัน คือเคยทดลองใช้ Apple Music ฟรีเป็นเวลา 3 เดือน แต่ตัดสินใจไม่สมัครใช้งานแบบเสียเงินต่อ
ทั้งนี้พบว่าผู้ใช้กลุ่มดังกล่าวล้วนทดลองใช้ Apple Music ตั้งแต่สมัย iOS 9 ซึ่งตอนนั้นมีคำวิจารณ์มากในการออกแบบการใช้งานแอพ และมีการยกเครื่องใน iOS 10
แอปเปิลรายงานจำนวนผู้ใช้ Apple Music ล่าสุดอยู่ที่ 40 ล้านคน โดยรวมบัญชีทดลองใช้งานด้วย
การจะได้สิทธิ์ทดลองใช้ฟรีต่ออีกเดือนนั้นเป็นแบบสุ่ม ฉะนั้นถ้าใครเคยสมัครทดลองใช้งานแล้วอยากได้ฟรีอีกเดือน ก็คงต้องลุ้นกันหน่อย
แอปเปิลประกาศแต่งตั้ง Oliver Schusser ขึ้นเป็นรองประธานดูแล Apple Music และดูแลคอนเทนต์ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งจะขึ้นตรงกับ Eddy Cue โดยก่อนหน้านี้เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างฐานผู้ใช้งาน Apple Music ที่จีน, ญี่ปุ่น และโซนละตินอเมริกา รวมทั้งเป็นผู้ทำดีลซื้อ Shazam
นอกจากนี้แอปเปิลยังอัพเดตจำนวนผู้ใช้ Apple Music ล่าสุด ซึ่งอยู่ที่ 48 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ใช้แบบเสียเงิน 40 ล้านคน และอยู่ในช่วงทดลองใช้ฟรี 8 ล้านคน
จำนวนผู้ใช้แบบเสียเงิน 40 ล้านคน ทำให้ Apple Music เป็นบริการที่มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มต่อเนื่อง และไล่ตามเบอร์หนึ่งอย่าง Spotify ที่ตอนนี้มีผู้ใช้แบบเสียเงิน 74.5 ล้านคน
Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์และบริการอินเทอร์เน็ตของแอปเปิล ขึ้นเวทีให้สัมภาษณ์ในงาน SXSW (South by Southwest) ให้การถามตอบในหลายประเด็น โดยเฉพาะกลยุทธ์การพัฒนาคอนเทนต์ของแอปเปิล
Cue เริ่มด้วยที่มาที่ไปของดีลซื้อกิจการแอพอ่านนิตยสาร Texture ว่าแอปเปิลต้องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพ และเนื่องจากแอปเปิลไม่ได้โฟกัสการทำเงินจากโฆษณา จึงไม่ต้องเสนอข่าวที่ผู้อ่านอยากอ่าน แต่สามารถนำเสนอข่าวที่ผู้อ่านควรได้อ่านมากกว่า
The Wall Street Journal รายงาน Apple Music กำลังมียอดผู้ใช้งานเติบโตสูง และโตในอัตราที่เร็วกว่า Spotify โดยโต 5% ต่อเดือน ในขณะที่ Spotify โตประมาณ 2% ถ้าหาก Apple Music ยังรักษาอัตราการโตแบบนี้ไว้ได้ คาดว่าภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ยอดผู้ใช้งาน Apple Music ในสหรัฐฯ จะแซง Spotify ได้สำเร็จ
The Wall Street Journal รายงานด้วยว่า Apple ยืนยันตัวเลขผู้ใช้งาน Apple Music ทั่วโลกขณะนี้มี 36 ล้านราย จากที่เคยระบุในเดือนกันยายน 2017 ว่ามี 30 ล้านราย
ปัจจุบัน ส่วนแบ่งรายได้ของการสตรีมมิ่งนั้น กำหนดว่าต้องจ่ายให้เจ้าของลิขสิทธิเพลง 10.5% ขึ้นกับจำนวนการสตรีมมิ่งในช่วงนั้น ล่าสุดมีกฎใหม่จาก United States Copyright Royalty Board (CRB) กำหนดให้ส่วนแบ่งรายได้ต้องเพิ่มถึง 43.8% เป็น 15.1% ในปี 2022 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า
Jimmy Iovine ผู้บริหาร Apple Music ที่มีข่าวลือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาเตรียมลาออก หลังได้รับหุ้นแอปเปิลครบตามเงื่อนไขเวลา ให้สัมภาษณ์กับ Variety โดยปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
Iovine บอกว่าถึงแม้ตอนนี้ Apple Music มีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านคน ส่วน Beats ก็ยังเติบโตได้ดี แต่เขาก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ส่วนประเด็นเรื่องได้หุ้นครบตามเงื่อนไข เขาบอกว่าหุ้นส่วนใหญ่เขาได้รับไปแล้ว เหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้น แต่นั่นไม่ประเด็นสำคัญ เพราะเขายังสนุกกับการทำงานที่แอปเปิล กับคนที่แอปเปิล และยังได้ทำงานในวงการดนตรี ส่วนข่าวพวกนั้นไปสนใจแต่เรื่องเงินที่เขาจะได้ซึ่งไม่เป็นความจริง
หลังจากมีข่าวไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แอปเปิลได้ออกจดหมายยืนยันการเข้าซื้อกิจการ บริการค้นหาเพลงด้วยเสียง Shazam แล้ว โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า แต่คาดอยู่ราว 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าล่าสุดจากการเพิ่มทุนที่ 1 พันล้านดอลลาร์
แอปเปิลกล่าวว่า พวกเขารู้สึกยินดีที่ Shazam และทีมงานจะเข้ามาร่วมทีมกับแอปเปิล ซึ่งทั้ง Apple Music และ Shazam นั้นเป็นสิ่งที่เข้ากันได้ดี ร่วมกันค้นหาเพลง และส่งมอบประสบการณ์เพลงกับผู้ใช้งาน ด้าน Shazam กล่าวว่า แอพนี้เป็นหนึ่งในแอพที่คะแนนสูง มีผู้ใช้งานกว่าร้อยล้านคนทั่วโลก และพร้อมจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่เพื่อส่งมอบนวัตกรรมแก่ผู้ใช้งาน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าตัวแทนของศิลปินสาว Taylor Swift ได้แจ้งกับผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายต่างๆ ในเบื้องต้นว่าจะไม่นำอัลบั้มใหม่ Reputation ให้ฟังผ่านบริการสตรีมมิ่งทั้งหลาย อย่างน้อยในช่วงสัปดาห์แรกที่อัลบั้มวางจำหน่าย ซึ่งกำหนดอยู่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ (รวมทั้งช่องทางดาวน์โหลดอย่าง iTunes)
Billboard ประกาศปรับวิธีการจัดอันดับเพลงฮิตในอเมริกา มีผลตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป โดยที่ผ่านมา Billboard นำข้อมูลการฟังเพลงสตรีมมิ่งมาใช้อยู่แล้ว แต่ด้วยความหลากหลายของบริการสตรีมมิ่ง จึงมีการปรับการให้น้ำหนักของการฟังสตรีมมิ่งแต่ละแบบ
โดย Billboard แบ่งบริการสตรีมมิ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ เสียเงิน (Apple Music, Spotify, Tidal), มีโฆษณา (Spotify, YouTube) และรายการวิทยุ (Pandora) ซึ่งอันดับเพลง Billboard Hot 100 จะให้น้ำหนักข้อมูลจากกลุ่มเสียเงินสูงกว่ากลุ่มอื่น (ปัจจุบันเท่ากัน) และอันดับอัลบั้ม Billboard 200 ก็ปรับไปในแนวทางเดียวกัน