DeepMind ประกาศสาธิตปัญญาประดิษฐ์สำหรับเล่นเกม StarCraft II หลังจากแสดงความสนใจว่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปหลังจาก AlphaGo มาตั้งแต่ปี 2016 โดยจะสาธิตผ่านสตรีมบน YouTube เวลาตีหนึ่งวันศุกร์นี้ตามเวลาประเทศไทย (คืนวันพฤหัส-ศุกร์) ทางช่อง YouTube ของ DeepMind
Kevin Scott ซีทีโอไมโครซอฟท์ มีความเชื่อว่าการเข้าใจ AI จะช่วยให้ผู้คนกลายเป็นพลเมืองที่ดีขึ้น การเป็นพลเมืองที่ดีในศตวรรษที่ 21 นั้น คนจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ AI สักนิดก็ยังดี เพราะคนจะได้มีส่วนร่วมในการอภิปรายและถกเถียงเรื่องนี้แทนที่จะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจาก AI
Scott บอกว่าการจะทำสิ่งนี้ได้เป็นเรื่องท้าทายมาก แม้จะเป็นคนที่อยู่ในวงการเทคโนโลยี มีการฝึกอบรม AI ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ AI ที่มีความเปลี่ยนแปลงเร็ว และเขายังบอกด้วยว่าตอนนี้กำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับวิธีที่ AI สามารถเป็นกำลังสำคัญสำหรับเศรษฐกิจในอเมริกา แต่ยังไม่รู้จะตีพิมพ์เมื่อไร
Gartner ได้ทำผลสำรวจ 2019 CIO Survey โดยว่าภาคองค์กรตื่นตัวในการใช้ AI มากขึ้น โดยจำนวนองค์กรที่มีการใช้งาน AI เมื่อสี่ปีที่แล้วยังอยู่ที่ราว 10% แต่ในปี 2019 อยู่ที่ 37% ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 270% ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา
จากผลสำรวจของ Gartner ระบุว่า ภาคองค์กรค่อนข้างตื่นตัวกับการใช้ AI โดยเหตุผลที่ทำให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายนั้น เนื่องจากความสามารถของ AI ได้พัฒนาสูงขึ้นมาก ดังนั้นทางฝั่งองค์กรจึงเต็มใจในการใช้งานเทคโนโลยีนี้มากขึ้น ซึ่ง AI ถูกนำไปใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย โดยจากผลการสำรวจพบว่า 52% ของบริษัทโทรคมนาคมมีการดีพลอยแชทบอทแล้ว และ 38% ของผู้ให้บริการด้านสุขภาพมีการใช้งานระบบวินิจฉัยโรคด้วยคอมพิวเตอร์
Facebook ร่วมกับ Technical University of Munich สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วิจัยจริยธรรม AI ในชื่อตรงไปตรงมาว่า Institute for Ethics in Artificial Intelligence (สถาบันจริยธรรมในปัญญาประดิษฐ์) โดย Facebook สนับสนุนเงินในรอบห้าปีเป็นเงิน 7.5 ล้านดอลลาร์
Facebook ระบุว่า ตัวสถาบันจะดำเนินการวิจัยอย่างอิสระ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึก และให้คำแนะนำแก่อุตสาหกรรม, ผู้ออกกฎหมาย และผู้มีอำนาจตัดสินทั้งภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับจริยธรรม AI และจะสื่อสารในวงกว้างถึงกรอบกำหนดใช้ AI อย่างไม่เกิดปัญหาทางจริยธรรม
ท่ามกลางการแข่งขันของผู้ช่วยอัจฉริยะ 3 ค่ายใหญ่อย่าง Google Assistant, Alexa และ Cortana ที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดว่า Cortana ของไมโครซอฟท์ตามคู่แข่งไม่ทันและแทบจะแพ้ในสนามนี้ไปกลายๆ แล้ว จนมีการวิเคราะห์ว่าไมโครซอฟท์อาจจะถึงขึ้นเลิกทำเลยด้วยซ้ำ
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ออกมาแสดงทัศนะเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เกี่ยวกับมุมมองและยุทธศาสตร์ของบริษัทที่มีต่อ Cortana ในเชิงกึ่งๆ ยอมแพ้ว่า ไม่ได้มอง Cortana เป็นคู่แข่งของ Alexa และ Google Assistant อีกแล้ว พร้อมยอมรับการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (ลำโพง+ผู้ช่วยอัจฉริยะ) ค่อนข้างท้าทายมาก
สำนักข่าว The Korea Herald อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของซัมซุง ระบุว่าบริษัทเตรียมเปิด Samsung Research หรือศูนย์พัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพิ่มอีก 2 แห่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์และเยอรมนีในปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่ 7 แห่งทั่วโลก ซึ่งสาเหตุของการเปิดศูนย์ในหลายประเทศเป็นเพราะเรื่องของการแข่งขันจ้างงาน
ก่อนหน้านี้ซัมซุงเคยประกาศแผนว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในสาขาต่างๆ อย่างน้อย 1,000 คน ภายในปี 2020 พร้อมกับเปิดศูนย์วิจัย ซึ่งปีที่ผ่านมาซัมซุงเปิดศูนย์วิจัย 6 แห่ง ได้แก่ Silicon Valley, Cambridge, Toronto, Moscow, New York และ Montreal โดยมีสำนักงานใหญ่สำหรับงานวิจัยตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
ไมโครซอฟท์เผยได้ร่วมมือกับ Kroger ร้านค้าปลีกรายใหญ่ ทำดิจิทัลโซลูชั่นสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ โดยใช้พลังจาก Microsoft Azure เตียมเปิดทดลองใช้งานในร้านค้าที่ Monroe ใน Ohio และ Redmond ใน Washington
ฟินแลนด์อาจไม่ใช่หนึ่งในรายชื่อผู้นำเทคโนโลยี แต่ฟินแลนด์มีนโยบายด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตามองอย่างมาก คือความพยายามในการเทรนความรู้และการใช้งาน AI ขั้นพื้นฐานให้กับประชากรทุกเพศทุกวัย เริ่มต้นจากคน 1% ของประเทศ (ราว 55,000 คน) และค่อยๆ ขยายจำนวนไปเรื่อยๆ
รอบปีที่ผ่านมา Google รุกหนักอย่างมากทั้งในแง่การตลาดและการขยายจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ Google Assistant ล่าสุด Google ระบุอย่างเป็นทางการแล้วว่า อุปกรณ์ที่รองรับ Google Assistant น่าจะครบ 1 พันล้านชิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ หลังตัวเลขอยู่ที่ราว 500 ล้านชิ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน
ขณะที่จำนวนผู้ใช้ (active user) ก็โตขึ้นกว่า 4 เท่าในรอบปีที่ผ่านมา ทว่าไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่ชัด ส่วนหนึ่งเพราะ Google เองก็เพิ่มภาษาและประเทศที่รองรับอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 30 ภาษาและ 80 ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 8 ภาษาและ 14 ประเทศเมื่อปีก่อน
Google Assistant ไปขนาดนี้แล้ว เหลืออย่างเดียวคือหวังว่าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ จะเร่งขยายตลาดตามมาด้วย
ทุกวันนี้คนใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะกันมาก เช่น ส่งเสียงบอกให้ผู้ช่วยเปิดเพลง เปิดแผนที่ให้ แต่การส่งเสียงใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะในที่สาธารณะอาจทำให้เขินอยู่บ้าง
ไมโครซอฟท์จึงผุดไอเดียจดสิทธิบัตร silent voice input อุปกรณ์รับคำสั่งแบบที่ผู้ใช้กระซิบคำสั่ง ผู้ช่วยอัจฉริยะก็สามารถรับคำสั่งไปทำงานต่อได้ แต่ผู้ใช้งานต้องกระซิบในระยะที่ใกล้กับอุปกรณ์มากจริงๆ ถึงจะรับคำสั่งได้
LINE ประกาศเตรียมขายไลเซนส์เทคโนโลยีด้าน AI ให้บริษัทอื่นๆ ใช้งานด้วย โดยจะเริ่มในช่วงต้นปี 2019
ตัวอย่างเทคโนโลยีด้าน AI ของ LINE คือ text/image recognition รวมถึง OCR โดยเน้นไปที่ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก เป้าหมายก็เพื่อให้บริษัทอื่นๆ ที่ไม่มีกำลังนักพัฒนาเท่ากับ LINE สามารถตอบสนองลูกค้าผ่านแช็ทบ็อต หรือแปลงข้อความจากภาพเป็น text แล้วนำไปแปลภาษาอัตโนมัติ
การขายไลเซนส์ของ LINE จะไม่บังคับให้ต้องเชื่อมต่อแอพกับ LINE ด้วย แต่ LINE ก็มองว่าการเปิดเทคโนโลยีให้บริษัทอื่นๆ ใช้งานจะช่วยเร่งการพัฒนาของตัวเอง รวมถึงสร้างรายได้เข้าบริษัทได้อีกช่องทางหนึ่ง
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและกูเกิลรายงานถึงการใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ CycleGAN เพื่อสร้างโมเดลที่แปลงภาพถ่ายทางอากาศมาเป็นแผนที่โดยอัตโนมัติ แต่ปรากฎว่าโมเดลที่ได้กลับพยายาม "ซ่อน" ข้อมูลภาพถ่ายที่มองไม่เห็นเอาไว้ในแผนที่ เพื่อให้แปลงแผนที่กลับมาเป็นภาพถ่ายได้อย่างแม่นยำ
CycleGAN เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกเสนอเมื่อปี 2017 โดยเสนอว่าแทนที่จะสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับแปลงข้อมูลทางเดียว เช่นโมเดลแปลงภาพม้าเป็นภาพม้าลาย ก็ให้สร้างโมเดลที่แปลงภาพกลับ จากม้าลายเป็นภาพม้า วนกลับมาเป็นวงกลม แนวทางนี้ทำให้สามารถสร้างภาพโดยไม่ต้องมีภาพที่คู่กันเป็นเฉลยไว้ล่วงหน้า มีเพียงภาพแต่ละประเภทก็เพียงพอ (unpaired training data)
The Wall Street Journal ออกบทวิเคราะห์คาดเดาสิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวงการเทคโนโลยีของปี 2019 มีรายละเอียดดังนี้
June Oven เตาอบอัจฉริยะบริษัท June ในซานฟรานซิสโกอาจเปลี่ยนวิถีชีวิตคนทำอาหารไปตลอดกาล เมื่อตัวเตาอบมาพร้อมกล้องในตัว ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นไลฟ์วิดีโออาหารในเตาอบได้ตลอด กล้องยังมาพร้อมระบบจดจำวัตถุ แยกแยะชนิดและจำนวนของอาหารได้ และยังสามารถแนะนำเวลาที่เหมาะสมในการอบอาหารแต่ละชนิดได้ด้วย
Loup Ventures บริษัทลงทุนในด้านการวิจัยได้จัดการทดสอบวัดความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะ 4 รายได้แก่ Google Assistant, Siri, Alexa และ Cortana ซึ่ง Google Assistant ก็ยังคงสามารถตอบคำถามได้มากที่สุดและเข้าใจทุกคำถามได้เหมือนเดิม ไม่แตกต่างจากการทดสอบเมื่อกลางปี
ระเบียบวิธีทดสอบยังคงเหมือนเดิมคือ ถามคำถาม/คำสั่งทั้งหมด 800 ชุดแก่ผู้ช่วยอัจฉริยะแต่ละตัว แบ่งเป็น 5 หมวดหมู่ได้แก่ ข้อมูลในท้องที่ต่างๆ (Local), สั่งของออนไลน์ (Commerce), นำทาง (Navigation), ข้อมูลทั่วไป (Information) และคำสั่ง (Command) โดยรอบนี้ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ทั้งลำโพงที่ใช้สั่งงาน รวมถึงสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ในบ้านก็หลากหลายมากขึ้น
Andrew Ng นักวิจัยผู้บุกเบิกวงการ deep learning ออกคู่มือการพัฒนาธุรกิจสู่ยุค AI ชื่อว่า "AI Transformation Playbook" ระบุแนวทางที่บริษัทธุรกิจเดิมจะสามารถปรับตัวไปสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์
คู่มือยาวเพียง 12 หน้า ระบุ 5 ขั้นตอนของการปรับตัว ได้แก่
Kent Walker รองประธานอาวุโสและผู้บริหารฝ่ายกฎหมายของกูเกิล (สัมภาษณ์ใน Blognone) เขียนบล็อคถึงงาน AI for Social Good Summit ที่ประกาศงานวิจัยเบาหวานขึ้นตาในไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยตอนท้ายระบุถึงเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) เป็นพิเศษ ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก แต่ขณะเดียวกันก็ถูกใช้เพื่อละเมิดสิทธิ์ได้ง่าย ทำให้กูเกิลเลือกที่จะไม่ให้บริการนี้บน Google Cloud
เมื่อวานนี้กูเกิลได้แถลงข่าวความร่วมมือระหว่างกูเกิลและโรงพยาบาลราชวิถีถึงกรตรวจโรคเบาหวานขึ้นตา ผู้บริหารที่มาเปิดงานนี้คือ Kent Walker รองประธานอาวุโสและผู้บริหารฝ่ายกฎหมายของกูเกิล นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในคนผลักดัน AI Principle หรือหลักการพัฒนาและใช้งานปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลที่กลายเป็นหลักการที่กูเกิลไม่ต่อสัญญาพัฒนาระบบให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
ภายใต้ความหวังว่าปัญญาประดิษฐ์จะมาเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น และความกลัวว่าปัญญาประดิษฐจะสร้างหายนะต่อมนุษยชาติ มุมมองของ Kent น่าจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทอย่างกูเกิลมีมุมมองต่อปํญญาประดิษฐ์ในอนาคต
ไมโครซอฟท์ชี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องออกกฎหมายเพื่อกำกับดูแลเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ที่เห็นได้ชัดว่าเริ่มจะถูกนำไปใช้ในทางที่แย่ลงโดยเฉพาะการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ไมโครซอฟท์ชี้ว่าตอนนี้เทคโนโลยีกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และรัฐควรเริ่มมีกฎควบคุมภายในปี 2019 เพราะหากปล่อยให้มีการใช้ในทางไม่ดีไปอีกหลังจากนี้การกลับมากำกับดูแลก็จะยากแล้ว โดยข้อเสนอการกำกับดูแล ไมโครซอฟท์ระบุให้ทุกบริษัทมีความรับผิดชอบพื้นฐานร่วมกัน จะได้ไม่ต้องแข่งขันตามความต้องการตลาดไปเสียทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดและมี 3 ประเด็นที่รัฐควรตระหนักและจัดการคือ
Google เผยความสามารถใหม่ของ Google Assistant ว่าสามารถพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษและออสเตรเลียได้แล้ว มีผลแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ
Google บอกว่า ในการพัฒนาภาษาได้ใช้ WaveNet จาก DeepMind โมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างเสียงสังเคราะห์ได้จากรูปแบบคลื่นเสียงของมนุษย์ในการใช้งานสำเนียงใหม่ ให้ผู้ใช้เข้าไปที่เมนู “Settings” ในโทรศัพท์ เลือกเมนู “Assistant” และเลือกให้พูดสำเนียงอังกฤษหรือออสเตรเลียได้โดยเลือก “British Racing Green” หรือ “Sydney Harbour Blue”
ตั้งแต่งาน Google I/O 2018 กูเกิลเปิดตัวโครงการวิจัยที่ใช้ AI วิเคราะห์อาการเบาหวานขึ้นตา ด้วยการใช้ AI อ่านภาพถ่ายนัยน์ตาและวิเคราะห์ว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ และเปิดเผยในภายหลังว่าจะทำวิจัยในประเทศไทยด้วย
วันนี้กูเกิลแถลงข่าวประกาศความร่วมมือกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วยในพื้นที่ที่ได้รับการคัดเลือกทั่วประเทศ
DeepMind เผยแพร่รายละเอียดเพิ่มเติมใน The Journal Science เกี่ยวกับการพัฒนา AI ตัวใหม่ AlphaZero ที่พัฒนาต่อจาก AlphaGo ให้สามารถเรียนรู้พัฒนาด้วยตนเองได้ นอกจากการเล่นโกะ มาสู่การเล่นหมากรุก และหมากรุกญี่ปุ่น (โชงิ) โดยสามารถเอาชนะบ็อตที่เก่งที่สุดในโลกได้ จากการเรียนรู้เองในเวลาไม่นาน
ช่วงนี้เป็นมีการประชุมวิชาการ NeurIPS 2018 ( ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อย่อไป) Andrew Ng ก็ระบุว่าเป็นการครบรอบ 10 ปีพอดี ที่รายงานวิจัย "Learning Large Deep Belief Networks using Graphics Processors" ตีพิมพ์ออกมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้ชิปกราฟิกเพื่อรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์
การใช้ชิปกราฟิกรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ทำให้โมเดลที่เคยมีขนาดเล็ก ใช้งานได้จำกัด สามารถขยายเป็นขนาดใหญ่ที่มีประโยชน์มากกว่า สามารถใช้งานที่ซับซ้อน
เว็บไซต์ Computerworld มีบทวิเคราะห์ว่า ไมโครซอฟท์น่าจะเลิกทำผู้ช่วยส่วนตัว Cortana ในไม่ช้า
เหตุผลคือ Cortana ตามหลังคู่แข่งไกลมาก ในกลุ่มของผู้ช่วยส่วนตัวบนลำโพงอัจฉริยะ Alexa และ Google Assistant นำไปไกลมากในแง่ยอดขาย ในขณะที่ Cortana มีลำโพงแค่รุ่นเดียวคือ Harman Kardon Invoke ที่วางขายเมื่อปีที่แล้ว และไม่มีใครพูดถึงอีกเลย
ฝั่งของมือถือก็ไม่ต่างกัน เพราะ Windows Phone/Mobile ถือว่าล่มสลายลงไปแล้ว ไม่มีระบบปฏิบัติการมือถือที่ผูกกับ Cortana อีกแล้ว ตรงนี้ต่างจากฝั่งแอปเปิลที่ยอดขาย HomePod ก็ไม่เยอะนัก แต่ Siri ยังพอเอาตัวรอดไปได้จากฐานผู้ใช้ iOS จำนวนมาก
ที่งาน LINE Developer Day 2018 บริษัท LINE เปิดตัวบริการ Chatbot Engine เครื่องมือสำหรับสร้างแชทบ็อต
ก่อนหน้านี้ LINE เปิดให้ทำแชทบ็อตอยู่แล้ว แต่กระบวนการยังค่อนข้างยุ่งยากและนักพัฒนาต้องทำงาน manual เยอะ แต่ด้วย Chatbot Engine ทำให้การสร้างแชทบ็อตง่ายขึ้น มี GUI ให้พร้อมสรรพสำหรับการกำหนดคำถาม-คำตอบของบ็อตด้วย
ทีมพัฒนาของ LINE ระบุว่าเบื้องต้นยังรองรับบ็อตที่แชทแบบข้อความเท่านั้น แต่ในอนาคตจะทำให้รองรับการคุยด้วยเสียงเช่นกัน