ในช่วงกลางปีที่ผ่านมาเกิดประเด็นอื้อฉาวขึ้นกับ Baidu และระบบสาธารณสุขจีน เมื่อมีข่าวว่าผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิต จากการเข้ารับการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเกิดจากการพบเห็นโฆษณาการรักษาดังกล่าวบนเว็บไซต์ Baidu (ข่าวเก่า) ซึ่งล่าสุดทางการจีนได้ออกคำสั่งห้าม Baidu โฆษณาด้านสาธารณสุขแล้ว
คำสั่งห้ามดังกล่าว ทำให้ Baidu ออกมายอมรับว่ารายได้ของบริษัทน่าจะได้รับผลกระทบ เพราะธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่ง Baidu สูญเสียลูกค้าไปแล้วราว 16% เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตือนนักลงทุนด้วยว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คำสั่งห้ามโฆษณาด้านสาธารณสุขจะส่งผลต่อรายได้บริษัทมากยิ่งขึ้น
ด้วยปัญหาจำนวนแพทย์ไม่เพียงพอต่อจำนวนคนไข้ในหลายประเทศ รวมทั้งจีน Baidu ได้เปิดตัว Melody แช็ทบ็อทบนแอพ Baidu Doctor เพื่อช่วยย่นระยะเวลาในการวินิจฉัยโรคลง ก่อนที่คนไข้จะได้พบแพทย์
แอพ Baidu Doctor มีเอาไว้ให้คนไข้สามารถติดต่อ ถามคำถามและนัดคิวพบแพทย์ได้ ซึ่ง Melody จะมีหน้าที่พูดคุย สอบถามและรวบรวมอาการของคนไข้และจำกัด (narrow down) ขอบเขตของโรคและกลุ่มอาการที่คนไข้มีแนวโน้มจะเป็น ก่อนส่งให้แพทย์ในท้ายที่สุด โดย Andrew Ng หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์วิจัย Baidu เน้นย้ำว่าแช็ทบ็อตตัวนี้ ไม่ได้ถูกพัฒนาออกมาเพื่อทดแทนแพทย์แต่อย่างใด
Baidu ได้ปล่อย TalkType แอพคีย์บอร์ดของตัวเองให้ดาวน์โหลดบน Play Store ซึ่งพัฒนาโดย Baidu Research และเป็นแอพที่เน้นอินพุดโดยใช้คำสั่งเสียงเป็นหลัก
ถึงแม้แอพคีย์บอร์ดของกูเกิลและไมโครซอฟท์เองจะรองรับการอินพุดโดยอาศัยการพูดก็ตาม แต่ก็มักจะไม่ใช่ฟีเจอร์หลักที่ถูกให้ความสำคัญเหนือการอินพุดด้วยการพิมพ์แบบเดิมๆ แต่ทว่าตรงกันข้ามกับ TalkType ที่จะปรากฎปุ่มไมโครโฟนสีแดงสำหรับป้อนคำพูดเป็นหลัก
หลัง Baidu ตั้งศูนย์วิจัยในแคลิฟอร์เนียเพื่อทดสอบรถไร้คนขับ ล่าสุดได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งของแคลิฟอร์เนียให้ทดสอบวิ่งบนถนนจริงแล้ว
การทดสอบวิ่งในแคลิฟอร์เนียมีข้อกำหนดคือจะต้องมีคนขับนั่งไปด้วย รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมจะยังต้องอยู่ในรถ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทาง Baidu ได้ร่วมลงทุนกับ Ford ในบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของชิ้นส่วนประกอบเซ็นเซอร์ LIDAR ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์ LIDAR ซึ่งปัจจุบันยังค่อนข้างมีราคาแพง หากต้องการผลิตจำนวนมาก ได้มากยิ่งขึ้น
Baidu ได้ประกาศพัฒนารวมทั้งทดสอบรถไร้คนขับมาซักพักแล้ว โดยเป็นการดัดแปลงจาก BMW รุ่น 3-Series ซึ่งใช้น้ำมัน ขณะที่การทดสอบรถไร้คนขับล่าสุดของ Baidu เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงจากรถ Cherry EQs
หนึ่งในเป้าหมายเชิงธุรกิจของ Baidu คือนำรถยนต์ไร้คนขับมาให้บริการเป็นรถชัทเทิลบัสสาธารณะอย่างเร็วที่สุดในปี 2018 หลังเริ่มทดสอบนำรถไร้คนขับมาวิ่งบนถนนสาธารณะครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วในประเทศจีนและล่าสุดกำลังทดสอบอยู่ในสหรัฐ รวมถึงก่อตั้งศูนย์วิจัยรถไร้คนขับใกล้กับสำนักงานใหญ่กูเกิลด้วย
Baidu ประกาศโชว์ DuSee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Augmented Reality ของตัวเองเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทาง Baidu เผยว่ามีแผนจะนำเทคโนโลยี AR นี้ไปใส่ไว้ในแอพเรือธงของตัวเอง อย่างแอพเสิร์ช Baidu
Yuanqing Lin หัวหน้าฝ่าย IDL (Interactive Data Language) ของ Baidu เปิดเผยว่าเทคโนโลยี AR ในปัจจุบันอย่างที่ใช้เล่นกันใน Pokemon Go เป็นการเอาตัวการ์ตูนมาแปะบนหน้ากล้อง ขณะที่ AR ในอนาคตซึ่งรวมถึงของ Baidu เป็นการสร้างวัตถุเสมือนจริงขึ้นมาจากการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมจริงของ AI
ที่มา - TechCrunch
Baidu ได้เปิดตัวบริการใหม่ 3 อย่างที่อยู่ภายใต้บริการ Baidu Open Cloud ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐาน public coud ของบริษัท เพื่อเป็นการเติมเต็มบริการให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่
ถึงแม้จะยังอยู่เพียงในขั้นทดลอง แต่ผู้บริหาร Baidu ก็ออกมาสัญญาเชิงบลัฟเรียบร้อยแล้วว่า รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทจะไม่มีวันเกิดอุบัติเหตุเหมือนกับกรณีของ Tesla Model S ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
Wang Jin รองประธานอาวุโสของ Baidu ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของจีน อธิบายว่าเพราะกล้องและเซ็นเซอร์บนรถ Tesla Model S ถูกติดตั้งต่ำเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้เซ็นเซอร์ตรวจไม่พบรถบรรทุก ที่มีท้องรถยกสูงได้ โดยผู้บริหาร Baidu ยืนยันว่ารถไร้คนขับของบริษัท ใช้เซ็นเซอร์เรด้าร์ที่สามารถแยกแยะวัตถุได้จากสี ทำให้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ Model S จะไม่มีวันเกิดกับ Baidu ขณะเดียวกันจำนวนของเซ็นเซอร์บนรถก็มีจำนวนมากกว่าและมีราคาแพงกว่าที่ใช้บนรถของ Tesla ด้วย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ได้หารือและจับมือกับผู้บริหารของ Baidu ในประเทศจีน เพื่อผลักดันให้สินค้าโอท็อป และสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เผยแพร่และสร้างความรู้จักในประเทศจีนให้มากขึ้น ผ่านทางตลอดออนไลน์
นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังมีความร่วมมือกับทาง Baidu เพื่อจัดทำแหล่งข้อมูลการท่องเที่ยวของไทยบน Baidu Map ในภาษาอื่นๆ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงเผยแพร่สินค้าจากชุมชนด้วย
ที่มา - ผู้จัดการออนไลน์
Baidu เดินหน้าเรื่องรถไร้คนขับมาซักพักแล้ว ตั้งแต่การทดสอบวิ่งในกรุงปักกิ่ง ไปจนถึงตั้งศูนย์วิจัยและนำรถไร้คนขับไปทดสอบในสหรัฐ ล่าสุดนิตยสาร Forbes รายงานว่า Baidu เตรียมจะผลิตรถยนต์ไร้คนขับ (Mass Production) ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้
Forbes ระบุว่า Baidu จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตรถด้วยตัวเอง แต่อาศัยการจัดจ้าง (outsource) จากบริษัทผลิตรถยนต์ของจีน โดย Baidu ได้ติดต่อไปยังผู้ผลิตหลายเจ้าแล้ว แต่ยังไม่มีข้อตกลงกับบริษัทใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ รถที่ Baidu นำมาทดสอบระบบไร้คนขับคือ BMW 3-Series GT และเริ่มทดสอบครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
เรื่องราวอื้อฉาวครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่นาย Wei Zexi นักเรียนชาวจีนวัย 21 ปีที่ป่วยเป็นมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissue sarcoma) เลือกที่จะเข้ารับการรักษาแบบเสริมสร้างภูมิคุ้นกัน (immunotherapy) ซึ่งยังเป็นกระบวนการรักษาที่อยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิก และยังไม่ได้รับการยอมรับในการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ จากการค้นหาบน Baidu จนทำให้นาย Wei เสียชีวิต
กรณีจะไม่เกี่ยวข้องกับ Baidu เลยหากผลการค้นหานั้น ไม่ใช่ผลการค้นหาที่ได้รับการสนับสนุนและถูกนำขึ้นมาแสดงผลเป็นอันดับต้นๆ โดยโรงพยาบาลที่นาย Wei เลือกที่จะไปเข้ารับการรักษาคือ Beijing Armed Police Corps Second Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทหาร และได้จัดจ้าง (outsource) การรักษาแบบ immunotherapy นี้จากกลุ่มเวชศาสตร์ Fujian ที่ดูแลโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ในประเทศจีน
เราเห็นข่าว Baidu เตรียมทดสอบรถอัตโนมัติในสหรัฐ กันมาได้สักพัก ล่าสุดบริษัทตั้งศูนย์วิจัยรถไร้คนขับในเมือง Sunnyvale รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเดียวกับสำนักงานใหญ่ของ Yahoo และอยู่ติดกับเมือง Mountain View สำนักงานใหญ่ของกูเกิล
บริษัทเรียกทีมวิจัยนี้ว่า Autonomous Driving Unit (ADU) คาดว่าจะจ้างวิศวกรและนักวิจัยมาร่วมทีมมากถึง 100 คนภายในปีนี้ บริษัทยังได้ Liang Heng วิศวกรด้านรถยนต์ไร้คนขับจาก Tesla Motors มาร่วมทีมในฐานะ Software Architect ด้วย ส่วน Jing Wang หัวหน้าทีม ADU ก็เคยทำงานกับกูเกิลมาก่อน
Andrew Ng ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่าทางไป่ตู้กำลังจะนำรถอัตโนมัติไปทดสอบในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้ หลังจากปีที่แล้วรถอัตโนมัติของบริษัททดสอบในปักกิ่งสำเร็จเป็นอย่างดี
นอกจากการทดสอบรถในสหรัฐฯ แล้วไป่ตู้มีแผนจะให้บริการรถอัตโนมัติเชิงการค้าในจีนภายในปี 2018 โดยเป็นรถรับส่งที่วิ่งให้บริการในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และพื้นที่ให้บริการจะค่อยๆ ขยายไปภายหลัง
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานข่าว อ้างข้อมูลจากทีมวิจัยของ Citizen Lab ประเทศแคนาดา ระบุว่าพบปัญหาในชุดพัฒนาแอพแอนดรอยด์ของบริษัท Baidu ที่ส่งผลให้แอพหลายตัวรวมถึงเบราเซอร์วินโดส์ของ Baidu และแอพของผู้พัฒนาอื่นๆ ที่ใช้ชุดพัฒนาดังกล่าว แอบส่งข้อมูลของผู้ใช้ เช่น ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้ การค้นหาและเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เปิดดู ไปยังฐานข้อมูลของบริษัท Baidu
เมื่อรอยเตอร์สได้ติดต่อไปทาง Baidu ก็ได้รับคำตอบว่าการเก็บข้อมูลของผู้ใช้นั้นเพื่อนำไปใช้พัฒนาเชิงการค้าของทางบริษัทเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าได้ขายหรือส่งต่อข้อมูลของผู้ใช้ให้กับบริษัทอื่นๆ ด้วยหรือไม่
ที่มา - รอยเตอร์ส
อาจไม่เกี่ยวกับวงการไอทีตรงๆ แต่เมื่อนับว่าเป็นคำชี้แนะจากแอนดรูว์ อึง (Andrew Ng) ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera เว็บไซต์คอร์สเรียนออนไลน์ และเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์จาก Baidu ก็ขอนำมาเล่าตรงนี้ครับ
มีคำถามหนึ่งใน Quora ถามถึงเขาว่า มีคำแนะนำอะไรสักอย่างหนึ่งถึงเหล่านักเรียนบ้างหรือไม่? เขาก็ตอบว่า เมื่อคิดว่าจะใช้เวลากับอะไรสักอย่าง ให้คำนึงถึงสองข้อนี้ คือ สิ่งที่กำลังจะทำนั้นจะเปลี่ยนแปลงโลกได้หรือไม่ และ คุณจะได้เรียนรู้อะไรกับการทำสิ่งนี้ (ต่อด้านในครับ)
ห้องวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของ Baidu Research ในซิลิคอนวัลเลย์ประกาศปล่อยซอฟต์แวร์ Warp-CTC (Connectionist Temporal Classification) เป็นซอฟต์แวร์จัดกลุ่มข้อมูล (classification) สำหรับข้อมูลเป็นลำดับ โดยใช้สัญญาอนุญาตแบบ Apache ทำให้คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ต่อได้แม้จะนำไปใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะหรือซอฟต์แวร์เพื่อการค้า
แนวทางการใช้งานของ Warp-CTC ที่สำคัญคือการจดจำเสียง โดยทาง Baidu ใช้ Warp-CTC เป็นส่วนประกอบของ Deep Speech แต่พบว่า CTC ใช้ซีพียูเปลืองมากทำให้ต้องไปใช้ชิปกราฟิกมาช่วยประมวลผล
WARP-CTC ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานทั้งบนซีพียูธรรมดาและการ์ดกราฟิกของ NVIDIA ผ่านทาง CUDA
ทาง Baidu บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนเคยประกาศไว้ว่าจะเปิดตัวรถไร้คนขับในช่วงปลายปีนี้ ตอนนี้คิดว่าน่าใกล้ได้ฤกษ์แล้ว เมื่อ Baidu ออกมาประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดลองวิ่งรถไร้คนขับในกรุงปักกิ่ง
Baidu ที่จับมือกับ BMW ได้ดัดแปลงรถรุ่น 3-Series มาเป็นรถไร้คนขับ โดยการทดสอบบนถนนจริงครั้งแรก ได้วิ่งรอบเมืองหลวงของจีนไปราวๆ 30 กิโลเมตร และไม่ใช่เฉพาะบนทางหลวงหรือถนนหลัก แต่ทดสอบวิ่งในถนนเส้นเล็กๆ ด้วย
Trend Micro รายงานบทวิเคราะห์ Moplus SDK ของ Baidu ที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชั่นยอดฮิตหลายตัว เช่น Qiyi, Baidu Video, Baidu Map, Hao123 รวมแล้วทั้งหมดถึง 14,112 รายการที่มี SDK ตัวนี้ติดมาด้วย โดยเป็นของ Baidu โดยตรง 4014 รายการ พบว่า SDK ตัวนี้จะเปิดช่องทางให้ภายนอกเข้าควบคุมเครื่องได้โดยไม่มีการตรวจสอบ
ตัว SDK จะมาพร้อมกับ NanoHttpd เมื่อติดตั้งแล้วจะเปิดพอร์ตรอการเชื่อมต่อตลอดเวลา แต่เลขพอร์ตต่างกันออกไปตามแต่แอปพลิเคชั่น เช่น com.ufo.dcb.lingyi นั้นจะเปิดพอร์ต 6259 และ Baidu Map จะเปิดพอร์ต 40310
Baidu Research เปิดตัวแอป FaceYou แปลงภาพและวิดีโอให้กลายเป็นภาพสยองเข้ากับเทศกาลฮาโลวีน โดยมีรูปแบบให้เลือก เช่น หน้าตาหน้ากลัว, ซอมบี้, โครงกระดูก ไปจนถึงการแปลงเป็นสัตว์หรือบุคคลในประวัติศาสตร์
โครงการนี้อาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงสามารถจับเอาลักษณะใบหน้า 72 รายการ เช่น ปาก, จมูก, ตา, คาง รูปร่างของส่วนประกอบต่างๆ และลักษณะการแสดงออกของหน้าตา จากนั้นจึงนำลักษณะเหล่านี้ไปวางลงกราฟิกลงไป
เทคโนโลยีแบบนี้ถูกใช้งานในวงการภาพยนตร์มานาน แต่ต้องอาศัยโรงถ่ายที่ควบคุมสภาพแสง มีเซ็นเซอร์ติดตามตัวผู้แสดง และซอฟต์แวร์ราคาแพง แต่ FaceYou สามารถทำงานบนสมาร์ตโฟนธรรมดาได้
ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ Baidu เพื่อผลักดัน Windows 10 ในประเทศจีน รายละเอียดภายใต้ข้อตกลงมีดังนี้
ดูเหมือนบริษัทไอทีรายใหญ่ของโลกจะอยากมีผู้ช่วยส่วนตัวให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกันทุกราย ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟท์ หรือแม้แต่ Facebook ล่าสุดยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Baidu ไม่ยอมแพ้ ส่งผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟนมาบ้างแล้วในชื่อ Du Secretary
Du Secretary เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Baidu World ที่จัดขึ้นในวันนี้ เป็นฟีเจอร์ใหม่อยู่ในแอพค้นหา Mobile Baidu เวอร์ชัน 6.8 เป็นต้นไป ฟีเจอร์พื้นฐานจะมีตั้งแต่การสั่งงานในตัวเครื่อง ไปจนถึงการสั่งซื้อสินค้า และบริการ เช่นซื้อตั๋วภาพยนตร์ สั่งอาหาร ซึ่งเหนือไปกว่านั้นยังสามารถแนะนำบริการได้ด้วย ถ้าหากใช้งานจนเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้เมื่อใช้งานไปซักระยะ
ให้หลังการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมบริการออฟไลน์ที่มีอยู่แล้ว ให้เบ่งบานบนโลกออนไลน์มากขึ้นของ Baidu ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลบ้างแล้วกับบริการที่กำลังปั้นอย่าง Zuoyebang ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนรอบแรก (Series A) จาก Sequoia China และ Legend Capital แต่ไม่ได้ระบุเม็ดเงินลงทุนมาด้วย
Zuoyebang เป็นหนึ่งในบริการที่เดินตามแนวทางการเปิดระบบให้ผู้ใช้ และธุรกิจภายนอกเข้ามาร่วมใช้บริการ โดยเริ่มต้นจากการเป็นส่วนให้บริการถามตอบด้านการศึกษาในแพลตฟอร์มถามตอบของ Baidu อย่าง Baidu Zhidao ก่อนจะขยับไปเน้นให้บริการแยก และเพิ่มการจับคู่ผู้ใช้ที่มองหาที่ปรึกษาอยู่ด้วย
Baidu ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินจากจีน เผยแอพตัวใหม่ AskADoctor ที่ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับแอพเพื่อหาอาการเจ็บป่วยได้ก่อนไปเข้ารับการรักษาจากแพทย์ และมีฟีเจอร์เด่นที่ใช้เทคโนโลยีการรับรู้ภาษามนุษย์มาเสริมอีกต่อ
Wei Fan นักวิจัยของ Baidu ผู้ริเริ่มแอพตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่แม่ของเธอต้องรอแพทย์เป็นเวลานานถึงสองชั่วโมงด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่คาดคิดอย่างการปวดหัวเข่า เป็นที่มาของ AskADoctor ที่นอกจากจะตอบคำถามอาการเจ็บป่วยได้แล้ว ยังสามารถติดต่อไปยังคลินิกข้างเคียงให้ได้อีกด้วย
Baidu มีชื่อขึ้นมาจากการทำระบบค้นหาในประเทศจีน แต่ล่าสุดทิศทางของบริษัทมุ่งสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดย Robin Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอให้สัมภาษณ์กับ Re/code ว่าแผนการของเขาคือการเชื่อมต่อโลกออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ (Online to Offline หรือ O2O)
Robin บอกว่าบริษัทเปลี่ยนผ่านจากเดสก์ท็อปสู่โมบายล์ได้สำเร็จในปี 2014 แต่เขาพบว่าโลกของโมบายล์ถูกจำกัดด้วย "แอพ" ที่ระบบค้นหาของ Baidu เข้าไปเก็บข้อมูลได้ไม่เยอะเหมือนยุคของเว็บ เขาจึงต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งมาจบด้วยการขายบริการที่มีอยู่ในโลกออฟไลน์ เช่น ซื้อตั๋วหนัง ขายสินค้า รวมถึงลงทุนใน Uber
เมื่อวานนี้หลังประเด็น Google Photos แท็กหญิงผิวดำเป็นกอริลลาจนทางกูเกิลต้องออกมาขอโทษ วันนี้ Andrew Ng นักวิจัย Deep Learning คนสำคัญก็ออกมาโพสแสดงความเห็นใจกูเกิลที่ถูกต่อว่าอย่างหนักในกรณีนี้
เขาระบุว่าเทคโนโลยีการจดจำภาพด้วยคอมพิวเตอร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และกรณีนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นความผิดพลาดหนึ่งในล้านที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์อย่างกูเกิล, เฟซบุ๊ก, และไป่ตู้ ก็เป็นชุมชนที่เป็นมิตรต่อกัน เขาหวังว่าชุมชนจะร่วมกันหยุดเอาความผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นอารมณ์แล้วผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อไป
ที่มา - Facebook: Andrew Ng