แนะนำหนังสือออกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับแวดวงสตาร์ตอัพ (รวมถึงวงการเทคโนโลยีรวมๆ) ครับ หนังสือเล่มนี้ชื่อ Zero to One เขียนโดย Peter Thiel (หนึ่งในทีมผู้ก่อตั้ง PayPal และนักลงทุนคนแรกๆ ที่เห็นคุณค่าของ Facebook) และ Blake Masters นักเรียนของ Thiel
Peter Thiel เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของซิลิคอนวัลเลย์ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เขานำพา PayPal เข้าตลาดหุ้นในปี 2002, ก่อตั้งบริษัท Palantir ทำด้าน big data ให้หน่วยงานภาครัฐของอเมริกา ภายหลังเขายังเปิดบริษัทลงทุน Founders Fund ที่ร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพรุ่นหลังอย่าง Facebook, Spotify, Lyft, Oculus, Airbnb และ SpaceX (คนที่เคยดูหนัง The Social Network มีบทของเขาโผล่มานิดนึงด้วย)
ร้านหนังสือที่วางจำหน่ายหนังสือภายในตัวร้านท่ัวโลกกำลังประสบปัญหาหนัก หลังจากที่มีคู่แข่งใหม่เกิดขึ้นนั่นก็คือการขายหนังสือผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งแบบส่งหนังสือถึงบ้าน และหนังสือแบบ e-book ล่าสุดรายงานจาก BookStats เผยว่าสำนักพิมพ์ในสหรัฐฯ สามารถสร้างรายได้จากการขายหนังสือผ่านสื่อออนไลน์ มากกว่าการขายผ่านร้านค้าทั่วไปแล้ว
ในรายงานระบุว่าในปี 2013 ยอดขายหนังสือออนไลน์และ e-book รวมกันแล้วมีมูลค่าอยู่ที่ 7.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนยอดขายโดยรวมของร้านขายหนังสือแบบเดิมอยู่ที่ 7.12 พันล้านดอลลาร์
หลายเดือนก่อนหน้าไมโครซอฟท์จะเข้าซื้อกิจการมือถือและบริการของโนเกียเสร็จสิ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์และโนเกียได้จัดทำหนังสือเล่มพิเศษ "One" ให้กับพนักงานโนเกียเกือบ 20,000 คนที่เข้าร่วมงานกับไมโครซอฟท์ หนังสือเล่มนี้มีความหนาถึง 128 หน้าจัดทำโดยบริษัทสิ่งพิมพ์ TCOLondon และได้รับการแจกจ่ายให้กับพนักงานในเมืองต่างๆ กว่า 90 เมืองใน 53 ประเทศ
สำหรับคนที่ติดตามอ่านหนังสือเกี่ยวกับด้านไอที คงพอจะทราบว่ามีหนังสือที่เขียนถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ Facebook ชื่อว่า think like ZUCK ขณะนี้มีฉบับแปลภาษาไทยแล้วครับ
think like ZUCK แต่งโดย Ekaterina Walter ได้เขียนวิเคราะห์ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ facebook.com โดยเฉพาะวิธีการและแนวคิดแบบอัจฉริยะ แปลเป็นฉบับภาษาไทยโดย ดร. พิมพ์ใจ สุรินทรเสรี ใช้ชื่อว่า "think like ZUCK คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก"
Eric Schmidt ประธานของกูเกิลเพิ่งเขียนหนังสือเล่มแรกไปเมื่อต้นปีนี้ (The New Digital Age พูดถึงเทคโนโลยีในโลกอนาคต) ล่าสุดมีข่าวว่าเขาจะออกหนังสือเล่มที่สองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2014
หนังสือเล่มใหม่มีชื่อว่า No Adult Supervision Required: How To Build Successful 21st Century Companies โดยเขาจะเขียนร่วมกับ Jonathan Rosenberg รองประธานอาวุโสของกูเกิล เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเน้นเรื่องการบริหารธุรกิจจากประสบการณ์การบริหารบริษัทไอทีอย่างกูเกิล (รวมถึงซัน และแอปเปิล) ที่ซึ่งแนวทางการบริหารแบบเดิมๆ ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
Tom Clancy นักประพันธ์ชื่อดังผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ดังอย่าง Splinter Cell และ Ghost Recon ได้ถึงแก่กรรมแล้ว เมือวันที่ 1 ตุลาคม 2013 ด้วยวัย 66 ปี
โดยในปี 1996 Tom Clancy ได้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอเกมในชื่อ Red Storm Entertainment และผลิตแฟรนไชส์เกมดังออกมามากมาย ทั้งอิงจากนิยายที่เขาแต่งหรือแต่งขึ้นใหม่เองทั้งหมด เช่น Rainbow Six หรือ The Sum of All Fears ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน
ผม กฤษฏิ์ จ่างตระกูล เป็นตัวแทนของบริษัท Woof Woof Studio เป้าหมายของเราคือการสร้างนิทานเด็กบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยที่ยังทำให้นิทานเด็กมีความสนุกสนานและมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถโต้ตอบกับตัวเด็กได้
สำนักพิมพ์ Simon & Schuster เจ้าของสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือชีวประวัติสตีฟ จ็อบส์ ที่เขียนโดย Walter Isaacson ประกาศตีพิมพ์ฉบับปรับปรุงใหม่ในวันที่ 10 ก.ย. นี้ และจะเปลี่ยนรูปหน้าปกใหม่เป็นรูปจ็อบส์ในวัยหนุ่มแทน
รูปจ็อบส์ในวัยหนุ่มนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อปี 1984 โดย Norman Seeff ซึ่งเป็นช่วงสำคัญในชีวิตของจ็อบส์ในแอปเปิล เห็นได้จากผลงานโฆษณาชุดก้องโลกก็เกิดขึ้นในปีนี้เช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือเมื่อเทียบกับรูปปกเดิมที่ถ่ายในปี 2006 โดย Albert Watson นั้น จ็อบส์ไม่ได้มีแววตาที่เปลี่ยนไปเลย สายตาของเขายังคงแข็งกร้าวอยู่เช่นเดิมแม้รูปที่ถ่ายนั้นจะห่างกันถึง 22 ปีก็ตาม (ชมภาพท้ายเบรคครับ)
Eric Schmidt ประธานกูเกิลกำลังเขียนหนังสือเล่มแรกของตัวเองชื่อ The New Digital Age: Reshaping the Future of People, Nations and Business โดยเขียนร่วมกับ Jared Cohen ผู้บริหารของ Google Ideas คลังสมองของกูเกิล
เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมของมนุษย์ เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน ความมั่นคงและความเป็นส่วนตัว และการทำธุรกิจของบริษัทออนไลน์อย่างกูเกิล ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยอินเทอร์เน็ต
หนังสือเล่มนี้จะวางขายในเดือนเมษายน 2013 มีทั้งแบบกระดาษและอีบุ๊ก หลายคนอาจรู้สึกว่ามันคล้ายหนังสือ The Road Ahead ของบิล เกตส์ ในปี 1995 ที่เขียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคตเหมือนกัน
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ทางเว็บไซต์ KindleOK.com ได้จัดทำการสำรวจผู้ใช้ และผู้ที่สนใจใช้ Kindle ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 527 ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม เพื่อคาดการณ์ และศึกษาพฤติกรรมวิธีการใช้งาน Kindle ในประเทศไทย และได้ข้อมูลต่างๆ มาดังนี้
เว็บไซต์ Fortune เปิดเผยว่า คุณ Walter Isaacson ผู้เขียนชีวประวัติของคุณ สตีฟ จ็อบส์ ได้พูดถึงสิ่งที่เขาอยากจะเพิ่มเติมเนื้อหาในหนังชีวประวัติ โดยไอเดียหนึ่งคือการเพิ่มหมายเหตุประกอบ (annotation) และไอเดียหนึ่งคือการเพิ่มบทแทรกที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่คุณจ็อบส์เสียชีวิต
คุณ Isaacson ได้เสร็จสิ้นการเขียนหนังสือชีวประวัติก่อนที่คุณจ็อบส์จะเสียชีวิตในวันที่ 5 ต.ค. และหนังสือก็ได้ถูกวางขายในวันที่ 24 ต.ค. ซึ่งเขาก็ระบุว่าหนังสือฉบับที่วางขายนั้นเป็นต้นร่าง (draft) เวอร์ชันหนึ่งหรือสองเท่านั้น ยังไม่ใช่ต้นร่างฉบับสุดท้าย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เครือเนชั่นได้เปิดตัวพร้อมมอบหนังสือชีวประวัติของ "สตีฟ จ็อบส์" ของ Walter Isaacson ฉบับภาษาไทย สำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าไปก่อนที่ เทอร์มินัล ทเวนตี้วัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ @suthichai ได้ทวีตว่าหนังสือดังกล่าวได้วางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้ว ราคาอยู่ที่ 395 บาทสำหรับปกอ่อน และ 595 บาทสำหรับปกแข็งครับ
และในวันนี้เวลา 15:30 น. จะมีงานเสวนาเรื่อง "สตีฟ จ็อบส์" ของ Walter Isaacson ฉบับภาษาไทย จัดขึ้นที่ร้านบีทูเอส ชั้น 7 เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 โดยสุทธิชัย หยุ่นเช่นกัน ใครว่างก็ไปฟังกันได้ครับ
Amazon ประกาศอันดับหนังสือขายดี (นับทั้งฉบับกระดาษและอีบุ๊กรวมกัน) ประจำปี 2011 แชมป์เดาไม่ยาก เป็นของ Steve Jobs โดย Walter Isaacson ตามความคาดหมาย
อันดับสองเป็นของหนังสือ Bossypants โดย Tina Fey พิธีกรรายการทีวีชื่อดัง และอันดับสามเป็นชีวประวัติเช่นกันคือ A Stolen Life โดย Jaycee Dugard
ที่น่าสนใจที่สุดคืออันดับสี่เป็นหนังสือที่ขายแบบอีบุ๊กบนแพลตฟอร์ม Kindle เท่านั้น เป็นนิยายชื่อ Mill River Recluse โดย Darcie Chan
อันดับที่เหลือดูได้จาก Amazon: The Best-Selling Books of 2011
แนะนำหนังสือเล่มใหม่เกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์อีกเล่มหนึ่ง Letters to Steve: Inside the E-mail Inbox of Apple's Steve Jobs เขียนโดย Mark Milian คอลัมนิสต์ด้านไอทีของ CNN
หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงการตอบอีเมลแฟนๆ ของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับบุคคลระดับซีอีโอ โดย Mark Milian ได้รวบรวมอีเมลของแฟนๆ จากที่ต่างๆ ที่อ้างว่าส่งไปคุยกับสตีฟ จ็อบส์ มาไว้ให้อ่านในหนังสือเล่มนี้ รวมถึงสัมภาษณ์คนที่เคยได้สนทนากับสตีฟ จ็อบส์ทางอีเมลว่าคิดอย่างไรด้วย
มีขายเฉพาะเวอร์ชันอีบุ๊กบน Kindle Store ราคา 4.99 ดอลลาร์ครับ บทสัมภาษณ์ผู้เขียนอ่านได้จาก Mashable
ยอดขายของหนังสือชีวประวัติสตีฟ จ็อบส์ ใน 7 วันแรกหลังเริ่มขายอยู่ที่ 379,000 เล่ม ตามสถิติของ BookScan US
แน่นอนว่าตัวเลขนี้ถือว่า "ขายดีมาก" เพราะเยอะกว่าอันดับสอง The Litigators ของ John Grisham นักเขียนชื่อดังในสัดส่วน 3:1 และตัวเลข 379,000 เล่มนี้ช่วยให้หนังสือของสตีฟ จ็อบส์ ขึ้นมาเป็นหนังสือขายดีอันดับ 18 ประจำปี 2011 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอดขายนี้ยังไม่ถือว่า "ดีที่สุด" เพราะสถิติยอดขายสูงสุดของหนังสือในสัปดาห์แรกคือ 430,000 เล่ม โดยมีหนังสือสองเล่มที่ร่วมกันครองสถิตินี้ ได้แก่ Diary of a Wimpy Kid: The Ugly Truth ของ Jeff Kinney และ Decision Points ของอดีตประธานาธิบดี George W Bush
เครือเนชั่นได้ลิขสิทธิ์หนังสือชีวประวัติของ "สตีฟ จ็อบส์" ของ Walter Isaacson ในฉบับภาษาไทย โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า "สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะพลิกโลก" ไม่ระบุชื่อผู้แปล (คาดว่าแปลเป็นทีม) และมีสุทธิชัย หยุ่น เป็นบรรณาธิการหนังสือ
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางจำหน่าย แต่เปิดให้สั่งจองได้แล้ว โดยจะลดจากราคาปก 15% ครับ ภาพปกฉบับภาษาไทยก็ดูกันเองท้ายข่าว
ที่มา - @adisaklive
หลังจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสตีฟ จ็อบส์ ทางสำนักพิมพ์ Simon & Schuster เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการของสตีฟ จ็อบส์ ก็ได้ออกมาประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายให้เร็วขึ้น จากเดิมวันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 24 ตุลาคมแทน นอกจากนี
หลังจากที่มีทั้งข่าว iPhone 5 ปลอมบ้าง Apple Store ปลอมบ้าง จนตอนนี้ปลอมได้แม้กระทั่งหนังสือประวัติของ Steve Jobs โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Steve Jobs Gives 11 Advices To Teenager" แปลเป็นไทยประมาณว่า Steve Jobs ให้ 11 เคล็ดลับสำหรับวัยรุ่น
ผู้แปลหนังสือเล่มนี้ใช้ชื่อว่า John Cage ซึ่งดูๆ แล้วจะไม่มีคนชื่อนี้จริงๆ อยู่บนโลกซะด้วย โดยหนังสือเล่มนี้ได้วางจำหน่ายในร้าน KingStone ซึ่งติดอันดับ 5 ของหนังสือขายดีหมวดหมู่การเงิน สร้างยอดขายไปแล้วกว่า 4,000 เล่ม ทำรายได้ไปแล้วราวๆ 39,000 ดอลลาห์สหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 1,200,000 บาท
ข่าวเพิ่มเติมของหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ฉบับได้รับอนุญาตจากสตีฟ จ็อบส์ (และใช้ชื่อว่า "สตีฟ จ็อบส์")
แม้หนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการของสตีฟ จ็อบส์จะยังไม่วางขาย แต่ล่าสุดได้มีการตัดสินใจเปลี่ยนชื่อหนังสือจากเดิม "iSteve: The Book of Jobs" มาเป็นชื่อสั้นง่าย "Steve Jobs" แล้ว
Walter Isaacson ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้บอกว่าชื่อเดิมนั้นทางสำนักพิมพ์เป็นผู้เลือก ซึ่งคนใกล้ตัวเขาให้ความเห็นว่าชื่อ iSteve มันฟังดูน่ารักเกินไป เขาจึงมองหาชื่อใหม่ที่เรียบหรูดูง่ายกว่านี้ จึงออกมาเป็นชื่อสั้นๆ ว่า "Steve Jobs"
หนังสือจะเริ่มวางจำหน่าย 6 มีนาคม 2012 นี้
ที่มา: CNN Money
Peter Vesterbacka หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Rovio ผู้ผลิตเกม Angry Birds เปิดเผยในงาน Open Mobile Summit ที่ลอนดอนว่า Angry Birds มีแผนออกสินค้าใหม่นั่นคือ ตำราทำอาหาร ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ในนั้นมีไข่เป็นส่วนประกอบหลัก โดยจะวางจำหน่ายทั้งแบบเป็นเล่มและแบบอีบุ๊ค
ตำราทำอาหารเป็นส่วนหนึ่งของการเติมเต็มกลุ่มสินค้าของที่ระลึกทั้งหลายภายใต้แบรนด์ Angry Birds ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่ระลึกทั้งตุ๊กตา เสื้อ เคสไอโฟน โดย Rovio ต้องการขยายกลุ่มสินค้าที่ระลึกให้กว้างมากกว่านี้อีก
ถ้าเล่มแรกนี้มีไข่เป็นหลัก เล่มหน้าก็เดาว่าจะมีเนื้อหมูเป็นหลัก!
ที่มา: Mashable
วันนี้ Amazon และ iBookStore ได้เปิดให้จองหนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการของ สตีฟ จ็อบส์ ในชื่อ iSteve: The Book of Jobs ซึ่งเขียนโดย Walter Isaacson โดยมีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มีนาคม 2555 ครับ
เหมาะสำหรับบรรดาหนอนหนังสือและสาวกทั้งหลายอาจจะสนใจนำไปบูชา (รวมถึงผมด้วย)
ภาพปกหลังเบรกครับ
สำนักพิมพ์ Simon & Schuster เปิดเผยว่า "iSteve: The Book of Jobs" จะเป็นหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ที่ได้รับอนุญาตจากจ็อบส์เล่มแรก โดยมีกำหนดวางขายต้นปี 2012 นักเขียนของหนังสือเล่มนี้คือ Walter Isaacson อดีตผู้บริหารของ CNN และนิตยสาร Time ซึ่งมีงานเขียนด้านชีวประวัติของคนดังอย่าง Benjamin Franklin และ Albert Einstein มาแล้ว
New York Times รายงานว่าสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริัษัทแอปเปิลและเป็นหนึ่งใน CEO ที่มีคนรู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของโลก กำลังที่จะออกหนังสือชีวประวัติของตัวเอง โดยหนังสือเล่มนี้จะเขียนโดย Walter Isaacson อดีตบรรณาธิการบริหารของนิตสาร Time
คุณโสทร รอดคงที่ เจ้าของบล็อก linux.sothorn.org ได้แจกหนังสือ การติดตั้งและใช้งาน CentOS ลีนุกซ์เซิร์ฟเวอร์ ให้ดาวน์โหลดฟรีในรูปแบบ PDF
สารบัญของหนังสือตามนี้ครับ