Wal-Mart หันมาร่วมวงขายเพลงออนไลน์เมื่อเดือนสิงหาคม 2007 โดยช่วงแรกเป็นเพลงแบบติด DRM ก่อนจะฝืนกระแสต้าน DRM ไม่ไหว หันมาขายเพลง MP3 แบบไร้ DRM แทน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 เช่นเดียวกับร้านขายเพลงออนไลน์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น iTunes หรือ Amazon (อ่าน ลาก่อน DRM ... MP3 รีเทิร์น!)
ถึงแม้จะฟาดฟันเอาชนะ HD DVD มาได้ แต่อนาคตของ Blu-ray กลับไม่สดใสนัก
ตัวเลขยอดขายภาพยนตร์จาก Nielsen VideoScan พบว่าในสัปดาห์เมื่อกลางเดือนกันยายน ส่วนแบ่งตลาดของ Blu-ray (เฉพาะของสัปดาห์นั้น) ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 13.35% (ลงมาเหลือ 8% ของยอดขายรวม) และส่วนแบ่งตลาดของดีวีดีกลับเพิ่มขึ้น 0.15% แทน
ซีอีโอของ Netflix ธุรกิจให้เช่าแผ่นหนังรายใหญ่ของสหรัฐอธิบายว่า นอกจากปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐแล้ว ปัจจัยเรื่องราคาของ Blu-ray (เครื่องเล่น+จอ+แผ่น) ก็ยังมีผลสูง เขาให้ข้อมูลว่าลูกค้าของ Netflix มีเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่เช่า Blu-ray ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มี HDTV อยู่แล้ว Blu-ray ก็เจอคู่แข่งคือการเช่าหรือขายหนังออนไลน์ ที่ถูกกว่าหรือบางครั้งฟรีเพราะมีโฆษณาสนับสนุน
SanDisk จับมือพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นเครือร้านค้าปลีกอย่าง Best Buy และ Wal-Mart กับค่ายเพลงได้แก่บิ๊กโฟร์ทั้งสี่ Sony BMG, EMI, Warner และ Universal ขายเพลงเป็นอัลบั้มที่อยู่ใน SD card โดยใช้ชื่อว่า slotMusic
เปรียบเทียบง่ายๆ slotMusic คือซีดีเพลงที่แปลงร่างมาเป็น SD card ขนาด 1GB ภายในจะมีเพลงในอัลบั้มที่เป็นไฟล์ MP3 แบบไร้ DRM บีบอัดที่ 320 kbps โดยแพกเกจที่ขายจะให้หัวเสียบ USB มาด้วย เผื่อในกรณีที่เครื่องไม่มีตัวอ่าน SD แต่น่าจะพอนึกภาพออกว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือโทรศัพท์มือถือที่มีตัวอ่าน SD ในตัว ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา
สำนักข่าวหลายแห่งมีความเห็นตรงกันโดยไม่นัดหมายว่า ไม่น่ารอด
Best Buy ห้างค้าปลีกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐ เข้าซื้อกิจการ Napster ตำนานอันหนึ่งของวงการเพลงออนไลน์ ด้วยมูลค่า 121 ล้านดอลลาร์
การซื้อกิจการรอบนี้บ่งชี้ว่า บรรดายักษ์ค้าปลีกในสหรัฐกำลังปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจเพลงออนไลน์แทนการขายซีดีเพลงแบบเดิม นอกจาก Best Buy แล้วยังมี Walmart ที่เปิดบริการ Walmart Music Download ส่วนร้านออนไลน์อย่าง Amazon เองก็เพิ่มการขายเพลง MP3 เข้ามานอกเหนือจากการขายซีดี
ที่มา - GigaOm
เทคโนโลยี DRM เตรียมกลับมาอีกครั้ง คราวนี้บรรดาค่ายหนังค่ายเพลง รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผนีกกำลังมาอย่างหนาแน่น โดยชื่อของมันคือ Digital Entertainment Content Ecosystem (DECE)
เป้าหมายหลักของ DECE คือหลุดพ้นจากพันธนาการของแอปเปิลและดิสนีย์ ซึ่ง (ค่อนข้าง) ผูกขาดการขายเพลงและหนังออนไลน์ผ่าน iTunes Store ด้วย FairPlay DRM ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้มีอำนาจต่อรองกับแอปเปิลน้อยมาก ก่อนหน้านี้ได้มีความพยายามหลายครั้งที่จะสร้างระบบ DRM ขึ้นมาแข่งกับ FairPlay แต่ก็ไม่สำเร็จด้วยเหตุผลด้านขนาดของตลาด (เทียบกับ iTunes Store แล้วเล็กกว่ากันมาก) และบรรดา DRM คู่แข่ง ต่างมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป ทำให้ลูกค้าสับสนว่าเพลงจากร้านนี้เล่นได้กี่เครื่องกันแน่ ก็อปปี้ได้หรือเปล่า
หัวข่าวผมไม่ได้พาดเองแต่พยายามแปลมาจากของ Wired ว่า "Zune's Recommendations Make Genius Look Average" ถ้าสาวกท่านใดไม่พอใจ กรุณาบ่นไปยัง Wired โดยตรงละกัน
เรื่องมีอยู่ว่าไมโครซอฟท์กำลังจะออกซอฟต์แวร์ Zune (สำหรับเดสก์ท็อปที่ไว้ต่อกับเครื่องเล่น Zune) เวอร์ชัน 3.0 ซึ่งมีฟีเจอร์แนะนำเพลงแบบเดียวกับ Genius ใน iTunes 8 แต่ใช้ชื่อว่า MixView
YouTube ได้เปิดบริการใส่ซับไตเติล (หรือที่ YouTube เรียกว่า caption) ในวิดีโอแล้ว โดยหนึ่งไฟล์วิดีโอจะสามารถมีซับไตเติลหลายไฟล์หลายภาษาได้ ตอนนี้ YouTube มีภาษาให้เลือกถึง 120 ภาษา (เช็คแล้วมีภาษาไทย) ไฟล์ที่สนับสนุนคือ SubViewer (.SUB) กับ SubRip (.SRT) ผู้ที่อัพโหลดได้คือเจ้าของวิดีโอเท่านั้น
ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดซับไตเติลภาษาต่างๆ (ถ้ามี) โดยคลิกที่ปุ่มเมนูของตัวเล่นวิดีโอ ภาพดูด้านใน วิดีโอตัวอย่างตามลิงก์
ที่มา - YouTube Blog ผ่าน TechCrunch
ปุ่มเพิ่มซับไตเติล
เว็บไซต์ Pandora ซึ่งเป็นสถานีวิทยุออนไลน์ (ให้บริการเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น) อาจต้องปิดกิจการตัวเอง เนื่องจากไม่สามารถจ่ายค่าลิขสิทธิ์ของเพลงที่นำมาเปิดได้
สถานีวิทยุปกตินั้นไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ ส่วนสถานีวิทยุผ่านดาวเทียมจะเสียในอัตรา 1.6 เซ็นต์ต่อชั่วโมงต่อผู้ฟังหนึ่งคน ส่วน Pandora และสถานีวิทยุออนไลน์อื่นๆ จะเสียในอัตรา 2.91 เซ็นต์ในปี 2010 เหตุผลที่เสียเยอะกว่าเป็นเพราะ Pandora มีอำนาจต่อรองกับทางค่ายเพลงน้อย
Pandora ให้ข้อมูลว่าจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไปแล้ว 70% ของเงินลงทุนที่ได้รับมา 25 ล้านดอลลาร์ และสถานการณ์ของสถานีวิทยุออนไลน์อื่นๆ (เช่น Last.fm และ iMeem) นั้นแย่กว่านี้
Paul McGuiness ผู้จัดการของวง U2 ออกมาขอร้องให้แฟนเพลงหยุดปล่อยเพลงใหม่ของ U2 ใน BitTorrent
ส่วนสาเหตุที่เพลงใหม่จำนวน 4 เพลงในอัลบั้ม No Line On The Horizon ซึ่งจะวางขายในเดือนพฤศจิกายนนี้หลุดมาในอินเทอร์เน็ต เป็นเพราะว่า Bono นักร้องนำของวง ได้เล่นเพลงนี้กับสเตอริโอของเขาในบ้านซึ่งอยู่ทางใต้ของฝรั่งเศส แล้วมีคนผ่านไปผ่านมารู้เข้าและอัดเพลงของเขามา
ถึงแม้คุณภาพเสียงย่อมห่วย แต่ว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับแฟนเพลงของ U2 ที่ได้เพลงมาจาก BitTorrent เพราะถือว่าได้ฟังเพลงใหม่ของ U2 ก่อนใคร McGuinness ยังกังวลถึงไฟล์แบบผิดกฎหมายที่จะรั่วออกมาอีกครั้งก่อนอัลบั้มวางขายไม่นาน
Getty Images เว็บไซต์ขายภาพถ่ายสำหรับนำไปใช้ต่อในทางธุรกิจ (เช่น หนังสือพิมพ์) ได้ทำข้อตกลงกับ Flickr โดยจะเชิญผู้ใช้ Flickr ที่ถ่ายภาพเจ๋งๆ มาเข้ากลุ่ม และนำภาพจากผู้ใช้เหล่านี้ไปไว้ใน Getty Images ซึ่งถ้าขายได้ เจ้าของภาพก็จะได้ส่วนแบ่งด้วย
ตัวแทนจาก Getty Images บอกว่าด้วยกลยุทธนี้ Getty Images จะมีภาพในสต็อกเพิ่มขึ้น เป็นการขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง ส่วนตัวแทนของ Flickr บอกว่าเป็นสัญญาณว่าชุมชนนักถ่ายภาพบน Flickr ได้รับการยอมรับจากมืออาชีพแล้ว
ผู้ใช้อย่างเราๆ ก็มีโอกาสได้เงิน นับว่าเป็น win-win-win เหลือแค่จะถ่ายรูปออกมาเข้าตาทีมงานของ Getty Images หรือเปล่าเท่านั้น
บริการวิดีโอออนไลน์อันดับหนึ่งอย่าง YouTube ได้ขยายกิจการของตัวเองออกไปเรื่อยๆ อย่างเช่น การรายงานข่าวโดยสื่อภาคประชาชน หรือการดีเบตของผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐ รอบนี้เป็นคิวของผู้กำกับภาพยนตร์ โดยช่องใหม่มีชื่อว่า YouTube Screening Room และเป้าหมายของมันคือ "connect films and audiences in the world's largest theater" หรือช่วยเผยแพร่ภาพยนตร์ดีๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักออกไปในวงกว้างมากขึ้นนั่นเอง
วันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ชมรายการทีวียอดฮิตอย่าง American Gladiators และ Medium ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐอเมริกา ผ่านทาง Digital TV Recorder ที่ใช้ Windows Media Center ของ Windows Vista พากันพบว่า พวกเขาไม่สามารถบันทึกรายการดังกล่าวเอาไว้ชมภายหลังได้ โดยข้อความแจ้งเตือนว่า ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ห้ามการบันทึกรายการดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ FCC (Federal Communications Commission) ได้มีความพยายามที่จะเสนอกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ผลิต อุปกรณ์บันทึกรายการเหล่านี้ให้ ต้องปฏิบัติตาม "สัญญาณการถ่ายทอด" (broadcast flags) ซึ่งเป็นรหัสที่ถูกส่งมาพร้อมกับรายการโทรทัศน์ เพื่อป้องกันการบันทึกรายการโทรทัศน์ที่สถานีโทรทัศน์ไม่ต้องการให้มีการบันทึก
ถึงแม้สงครามฟอร์แมตแผ่นดิสก์จะจบลงไปแล้วเมื่อต้นปี แต่เส้นทางของ Blu-ray ก็ยังไม่สดใสอย่างที่อยากเป็น เนื่องจากต้องเจอกับคู่แข่งอย่างดีวีดี และการดาวน์โหลดภาพยนตร์ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรง
รายงานของบริษัทวิเคราะห์ Bernstein & Co. ให้ข้อมูลว่ายอดขายของ Blu-ray นั้นช่วยให้ตลาดดีวีดีโตเพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น ปัญหาสำคัญคือราคา ซึ่ง Blu-ray มีราคาเฉลี่ยต่อแผ่นสูงกว่าดีวีดี 11 ดอลลาร์ และราคาเครื่องที่หลัก 400 ดอลลาร์เทียบกับเครื่องเล่นดีวีดี 60 ดอลลาร์ แถมเมื่อเทียบความแตกต่างกับดีวีดีแล้ว Blu-ray ให้ประโยชน์เพิ่มมาไม่เยอะนัก เมื่อเทียบการเปลี่ยนแปลงจากวิดีโอเทปมาเป็นดีวีดี ความละเอียดที่เพิ่มสูงขึ้นจะเห็นผลชัดเจนเฉพาะกับหนังแอคชันเท่านั้น
ข้อเสียของ DRM เริ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อไมโครซอฟท์ประกาศว่าลูกค้าที่เคยซื้อเพลงแบบติด DRM (PlayForSure) ของ MSN Music (ซึ่งปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) จะไม่สามารถสร้างคีย์สำหรับย้ายเพลงไปลงอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกหลังวันที่ 31 สิงหาคมนี้
ตามขั้นตอนปกติแล้ว ถ้าลูกค้าต้องการย้ายเพลงไปยังคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเพลงพกพาเครื่องใหม่ (ได้ไม่เกิน 5 เครื่อง) จะต้องขอคีย์ใหม่เป็นรายเพลงจากไมโครซอฟท์ก่อน
MSN Music เป็นบริการขายเพลงออนไลน์ในยุคแรกของไมโครซอฟท์ และปิดตัวไปหลังไมโครซอฟท์ออก Zune ซึ่งเชื่อมต่อกับร้านขายเพลง Zune Marketplace ซึ่งใช้ DRM รูปแบบใหม่แทน
ลองจินตนาการว่าถ้าในอนาคต มีข่าวแอปเปิลเลิกสนับสนุน FairPlay?
สารานุกรม Britannica มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1768 แต่ในช่วงหลังต้องเจอกับคู่แข่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีครั้งสำคัญ นั่นคือ Microsoft Encarta ในยุคซีดีรอม และ Wikipedia ในยุคอินเทอร์เน็ต Britannica จึงต้องปรับตัวตาม โดยปัจจุบันยังขายสารานุกรมเป็นหนังสือยกชุดอยู่ และมีเวอร์ชันเว็บที่ต้องเสียเงินก่อนเข้าใช้งาน
หยุดไม่อยู่เสียแล้วสำหรับ BitTorrent ที่นับวันยิ่งโตวันโตคืน โดยล่าสุด เว็บ ImageShack ผู้ให้บริการรับฝากรูปชื่อดัง ได้เริ่มให้บริการใหม่ "รับฝากโหลดบิท" ออกมาแล้ว
โดยขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เริ่มจากสมัครสมาชิก หลังจากนั้นก็เอาไฟล์ .torrent ที่เราได้มา กดอัพโหลดไปไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ จากนั้นก็รอจนเซิร์ฟเวอร์โหลดไฟล์ที่ต้องการมาจนครบ เราก็จะสามารถดาวโหลดกลับลงมาสู่เครื่องเราได้ด้วยวิธีปกติ ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม
จากที่ทดสอบดู พบว่าไม่สามารถนำไฟล์ที่ต้องมี key ในการโหลดได้ คือเว็บที่ต้องสมัครสมาชิกทั้งหลายหมดสิทธิ์ ในส่วนของความเร็วก็เรียกได้ว่าดีพอสมควร ประมาณ 50kB/s
Adobe ประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่สองตัวรวด ตัวแรกคือ Adobe Media Player เป็นโปรแกรมของ AIR เอาไว้ดูวิดีโอออนไลน์ทั้งแบบดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง (คล้ายๆ กับ Joost หรือ Miro ที่เคยรีวิวไป) โดยตอนนี้วิดีโอที่มีให้ดูนั้นมาจากทั้งทีวีปกติอย่าง CBS, PBS, MTV และทีวีออนไลน์อย่าง TED หรือ Blip.tv รวมไปถึงวิดีโอจากค่ายเพลง Universal Music โดยตรงด้วย
ถ้าใครตามเล่น AIR มาจะเห็นทาง Adobe เอาตัวนี้มาโชว์หลายรอบแล้ว คราวนี้ได้ฤกษ์ออก 1.0 เสียที อ่านรายละเอียดและดาวน์โหลดได้จาก Adobe Media Player (ต้องมี AIR ติดตั้งอยู่ในเครื่อง)
ระบบ Steam ของค่าย Valve ยังได้รับความสนใจจากค่ายเกมใหญ่อย่างต่อเนื่อง คราวก่อนแคปคอมประกาศขายเกมผ่าน Steam ไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของ Ubisoft บ้าง
Ubisoft ประกาศว่าจะขายเกมมากกว่า 40 เกมผ่าน Steam โดยมีทั้งซีรีย์ดังอย่าง Tom Clancy's, Heroes of Might & Magic, FarCry (ทั้งภาค 1 และ 2) รวมถึง Assassin's Creed เวอร์ชันพีซีด้วย อย่างไรก็ตามจะยังจำกัดเฉพาะลูกค้าในอเมริกาเหนือเท่านั้น
ปัจจุบันมีผู้ใช้ Steam ประมาณ 15 ล้านคน มีเกมขายประมาณ 250 เกม โดยค่ายเกมรายใหญ่ที่เข้าร่วมอย่างเช่น id Software, Rockstar, 2K Games และ Sega เป็นต้น
ทางทรู ดิจิตอลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ส่งจดหมายหาผู้ใช้บริการแล้วว่าจะทำการปิดการให้บริการ e-book เนื่องจากสัญญากับทาง Zinio หมดลง ส่วนลูกค้าที่ยังมีเงินอยู่ในระบบทางทรูจะจัดการโอนยอดเงินคงเหลือเข้าบัญชีธนาคารของลูกค้าให้ สำหรับผู้ที่สมัครหนังสือรายปี ก็จะได้รับหนังสือรูปเล่มแทนในเดือนถัดไป แต่กรณีนี้ไม่รวมผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ จะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่มีในประเทศไทยแทน
ที่มา - True E-book Forum
สถานีโทรทัศน์ CBC ของแคนาดาเตรียมทดลองแจกรายการ Canada’s Next Great Prime Minister ให้คนทั่วไปดาวน์โหลดทาง BitTorrent โดยไม่มี DRM ใดๆ
รายการนี้จะฉายทางโทรทัศน์ในเย็นวันอาทิตย์ ซึ่งทาง CBC จะนำไฟล์ขึ้นเผยแพร่ในวันถัดไป โปรดิวเซอร์ของ CBC ยังยืนยันว่าการดาวน์โหลดนี้ถูกกฎหมาย ฟรี ไม่มี DRM และสามารถนำไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ การทดลองของ CBC ครั้งนี้ถ้าได้รับเสียงตอบรับดี เราจะได้เห็นการเผยแพร่ไฟล์อย่างถูกกฎหมายผ่านเครือข่าย P2P มากขึ้น
วง The Beatles เป็นหนึ่งในไม่กี่วงที่ไม่ยอมขายเพลงออนไลน์ ซึ่งมีสาเหตุด้านกฎหมายเป็นสำคัญ อย่างแรกคือค่ายเพลงที่ถือสิทธิ์อย่าง EMI นั้นมีปัญหาฟ้องร้องกับสมาชิกในวง (และครอบครัวของสมาชิกคนที่เสียชีวิตไปแล้ว) ส่วนอย่างที่สองเป็นกรณีพิเศษสำหรับแอปเปิล เพราะบริษัทต้นสังกัดของ The Beatles นั้นชื่อว่า Apple Corps เหมือนกัน และมีปัญหาฟ้องร้องเรื่องเครื่องหมายการค้ามายาวนาน (คดีเพิ่งยุติในปี 2007)
บริษัท Revision3 ผู้ผลิตรายการทีวีออนไลน์ชื่อดังหลายรายการ (รวมถึง Diggnation) ได้บรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับสายการบิน Virgin America เพื่อนำรายการของ Revision3 ขึ้นไปฉายบนเครื่องบินแล้ว
รายการทีวีเหล่านี้จะฉายในเที่ยวบินภายในประเทศ ข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ Revision3 ที่จะขยายฐานแฟนๆ ของรายการให้มากขึ้น ปัจจุบัน Revision3 มีผู้ชมวิดีโอประมาณ 4.2 ล้านครั้งต่อเดือน
ในข่าวบอกว่าสายการบิน Virgin America มีให้พร้อมทั้งปลั๊กไฟและพอร์ตอีเธอร์เน็ตในทุกที่นั่ง
ที่มา - TechCrunch
แม้ทางด้านสมาคมอุตสาหกรรมเพลงของสหรัฐฯ (RIAA) จะมีท่าทีแข็งกร้าวต่อการแชร์เพลงผ่านอินเทอร์เน็ต สมาคมผู้แต่งเพลงของทางแคนาดากลับมีท่าทีที่สวนทางกัน ด้วยการร่างข้อเสนอในการเก็บค่าธรรมเนียมการแชร์เพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
ด้วยข้อเสนอนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ต้องการแชร์เพลง จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นคนละ 5 ดอลลาร์ต่อเดือน และจะทำให้เขาสามารถแชร์เพลงได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ตราบใดที่ยังไม่มีการสร้างผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจจากการแชร์เพลงนั้น โดยค่าธรรมเนียมที่เก็บนี้จะกระจายไปตามผู้ถือสิทธิในตัวเพลง และศิลปิน
Amazon ออกมาประกาศในวันนี้ว่าจะทำการเปิดตัว MP3 Store International ภายในปี 2008 นี้
สำหรับสาเหตุนั้น Amazon ได้ออกมาบอกว่าทางบริษัทได้รับอีเมลจากลูกค้ารอบโลกถามมาว่า เมื่อใด Amazon จะทำให้ลูกค้านอกสหรัฐซื้อเพลง MP3 ไร้ DRM ได้ ... และเราก็ตื่นเต้นที่จะออกมาบอกว่าเรายินดีที่จะประกาศเปิดบริการ MP3 Store International ในปีนี้
ขณะนี้ Amazon MP3 Store มีคอเลคชั่นเพลงไร้ DRM ที่ใหญ่ที่สุดบนอินเทอร์เน็ต และสามารถเล่นได้บนเครื่องเล่นดนตรีพกพาได้ทุกเครื่องอย่างไม่มีปัญหา
ที่มา - MacRumors
จากข่าว Warner Music ยอมขายเพลงไร้ DRM แล้ว เมื่อปลายปี ทุกคนคงเดากันได้ว่าค่ายยักษ์ค่ายสุดท้ายอย่าง Sony BMG นั้นต้องดำเนินรอยตามแน่ ขึ้นกับว่าเมื่อไรเท่านั้น
ข้ามปีมาไม่ทันไร BusinessWeek ก็มีรายงานจากวงในของ Sony BMG แล้วว่าบริษัทเตรียมขายเพลง "อย่างน้อยส่วนหนึ่ง" เป็นแบบไร้ DRM ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และมีข่าวออกมาว่า Sony BMG ยังจะเข้าร่วมแคมเปญแจกเพลงฟรี 1 พันล้านเพลงร่วมกับเป๊บซี่และ Amazon ในช่วงการแข่งขันซูเปอร์โบล์วเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วยเช่นเดียวกับ Warner ในข่าวที่แล้ว
ตัวแทนของ Sony BMG ยังไม่ให้รายละเอียดใดๆ ส่วนโฆษกของ Amazon บอกให้รอดูในการแถลงข่าว