จากข่าว Richard Branson จะทำนิตยสารบน iPad เหมือนกัน วันนี้มันมาแล้วครับ
นิตยสารดิจิทัลฉบับนี้มีชื่อว่า "Project" (ลิงก์ใน iTunes Store) ออกเป็นรายเดือน คิดราคาฉบับละ 2.99 ดอลลาร์ หัวข้อที่สนใจคือ Design, Entertainment, Technology Entrepreneurs เว็บไซต์ paidContent วิจารณ์ว่ายังใช้ยาก และออกแบบมาสำหรับกระดาษมากกว่า iPad
Branson พูดถึงการแข่งขันกับ The Daily นิตยสารของ News Corp ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้แข่งกันโดยตรง แต่เป็นการบุกไปยังโลกอนาคตของสิ่งพิมพ์ด้วยกัน ถ้าจะแข่งคงเป็นเรื่องคุณภาพมากกว่า
นิตยสาร Playboy ร่วมกับบริษัท Bondi Digital Publishing นำ Playboy ทุกเล่มตั้งแต่เล่มแรก ฉบับเดือนธันวาคม 1953 จนถึงฉบับเดือนธันวาคม 2009 นับเป็นเวลา 56 ปี 650 ฉบับ และนับเป็นหน้าได้มากกว่า 100,000 หน้า ทำเป็นไฟล์ดิจิทัลและขายในรูปฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก
ฮาร์ดดิสก์มีขนาด 250GB แต่ตัวไฟล์มีแค่ 50GB ทั้งหมดขายราคา 299.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 9,000 บาท) ผู้ที่สนใจสั่งเข้าไปดูได้ที่ Playboy Cover to Cover
ก่อนหน้านี้ Bondi Digital Publishing เคยรวมนิตยสาร New Yorker และ Rolling Stone ขายแบบฮาร์ดดิสก์มาก่อนแล้วเช่นกัน
ไม่เพียงแต่ News Corp กำลังทำ "หนังสือพิมพ์บน iPad" ชื่อว่า Daily เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น แต่ Richard Branson ซีอีโอสุดซ่าของเครือ Virgin Group ก็จะทำสื่อดิจิทัลเช่นกัน
สื่อของ Branson มีชื่อเรียกว่า "Project" ตอนนี้เรายังไม่มีรายละเอียดมากนัก รู้แค่เพียงว่าจะมีเนื้อหาด้านบันเทิง ท่องเที่ยว ธุรกิจ การออกแบบ และวัฒนธรรมนานาชาติ กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันอังคารหน้า
ที่มา - AFP
ข่าวเก่าที่ The Beatles เตรียมขายเพลงใน iTunes Store ซึ่งผลจากการวางขายผ่าน iTunes ได้ผลการตอบรับที่ดีเกินคาดครับ เพราะเมื่ออัลบัมของ The Beatles ถูกวางขายได้เพียง 1 สัปดาห์ก็มียอดซื้อ (ผ่านการดาวน์โหลด) มากกว่า 2 ล้านครั้งแล้ว โดยอัลบัมที่ขายดีที่สุดคืออัลบัม "Abbey Road" และเพลงที่มียอดขายมากที่สุดก็คือเพลง "Here Comes the Sun"
ที่มา - Mashable
มีข่าวลือว่าเครือสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง News Corporation กำลังซุ่มทำ "หนังสือพิมพ์" ฉบับแรกบน iPad โดยตรง ไม่มีฉบับกระดาษหรือฉบับเว็บมาก่อนหน้า
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้จะใช้ชื่อว่า Daily ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารูปแบบที่แน่ชัดจะเป็นอย่างไร คาดว่าเป็นแอพฯ ตัวหนึ่งบน iPad, ราคาที่มีข่าวรั่วออกมาคือ 99 เซนต์ต่อสัปดาห์, และจะมีเนื้อหาเป็นลูกผสมระหว่างหนังสือพิมพ์ฉบับปกติ (broadsheet) ที่เข้มข้นจริงจัง กับหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่เน้นสีสัน
ตามข่าวบอกว่า Daily จะมีบน iPad เท่านั้น และน่าจะเปิดตัววันที่ 9 ธันวาคมนี้ โดยงานเปิดตัวจะมีทั้ง Rupert Murdoch เจ้าของ News Corp. และสตีฟ จ็อบส์ เข้าร่วม
ร้านหนังสือจากแดนปลาดิบอย่างคิโนะคุนิยะ ประกาศให้บริการจำหน่ายอีบุ๊กออนไลน์ (ที่มีอยู่เดิมเป็นแบบส่งหนังสือเป็นเล่ม ๆ) ในชื่อ Kinokuniya Shoten BookWebPlus พร้อมรายชื่อหนังสือกว่า 1,200 รายการ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์ Kobunsha กับ Kodansha ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดหนังสือการ์ตูนและนวนิยายญี่ปุ่นชื่อดังมากมาย
คิโนะคุนิยะคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจำนวนอีบุ๊กขึ้นเป็น 30,000 รายการในปีถัดมา และต้องการจำหน่ายให้ได้มากกว่า 800,000 รายการ ในแต่ละปี ในขั้นต้นจะรองรับเฉพาะ iPhone กับ iPad ก่อนและจะเปิดตัวสำหรับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง
ที่มา - Japan Today
บริษัทสิ่งพิมพ์ขนาดยักษ์ของสหรัฐ 5 รายคือ Conde Nast, Hearst, Meredith, News Corp และ Time Inc. ประกาศจับมือกันตั้งสมาคมสิ่งพิมพ์ดิจิทัลชื่อ Next Issue Media สำหรับนิตยสารยุคหน้า และจะมีผลิตภัณฑ์ลงสู่ตลาดช่วงต้นปีหน้า
อุปกรณ์เป้าหมายของ Next Issue คืออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น ทาง Next Issue ให้ความเห็นว่า "ยินดีทำงานร่วมกับแอปเปิล แต่ตอนนี้ Android สำคัญที่สุด"
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal วิเคราะห์ว่าบริษัทสิ่งพิมพ์ต้องการขายนิตยสารแก่ผู้บริโภคโดยตรง และต้องการสถิติการใช้งานของลูกค้า ซึ่งแอปเปิลไม่อนุญาตให้ทำทั้ง 2 อย่าง หวยจึงไปออกที่ Android ในที่สุด
อธิบายง่ายๆ มันคือ Steam ภาคไมโครซอฟท์นั่นเองครับ
ไมโครซอฟท์เปิด Games for Windows Marketplace ร้านขายเกมบนพีซีแบบ digital download โดยสามารถเข้าได้ผ่านหน้าเว็บ และดาวน์โหลดผ่านตัว client
ร้านขายเกมนี้จะเชื่อมกับ Xbox Live และ Windows Live ID สามารถใช้แต้มจาก Xbox มาซื้อเกมบนพีซีได้ด้วย (แต่ใช้บัตรเครดิตตามปกติก็ได้เช่นกัน) เปิดขายของวันที่ 15 พ.ย. นี้ แต่หน้าเว็บเข้าได้แล้ว
Stephen McGill ผู้อำนวยการฝ่าย Xbox ของไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Xbox360Achivements ในหลายประเด็น แต่ที่เป็นข่าวคือความเห็นของเขาต่อ Blu-ray
ผู้สัมภาษณ์ถาม McGill ว่าข้อจำกัดของแผ่นดีวีดีมีผลกระทบต่อคุณภาพของเกมบน Xbox หรือไม่ เขาตอบว่าในช่วงแรกมีคนวิจารณ์ไมโครซอฟท์กันมากว่าไม่ยอมใส่หัวอ่านแผ่นแบบใหม่เข้ามา แต่ตอนนี้กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าไมโครซอฟท์ตัดสินใจถูกต้อง การเลือกดีวีดีทำให้ตัวเครื่องมีราคาถูก
เขายังบอกว่าคนกำลังเมินแผ่น Blu-ray เพราะคนข้ามจากดีวีดีไปสู่การดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งเลย และไมโครซอฟท์ก็มีบริการสตรีมหนัง 1080p คุณภาพเดียวกับ Blu-ray แล้ว ไม่มีใครต้องการแผ่น Blu-ray อีก
ไมโครซอฟท์ประกาศการขยายบริการออนไลน์ของ Zune ในการซื้อหนัง-เพลง, เช่าหนัง, สมัครบริการเพลงไม่อั้นรายเดือน ออกจากสหรัฐไปยังหลายประเทศในยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโกและแคนาดา
สื่อที่ซื้อจาก Zune Marketplace สามารถเล่นได้ทั้งบนพีซี, Xbox Live และ Windows Phone นอกจากนี้โปรแกรม Zune client กำลังจะออกรุ่น 4.7 สำหรับใช้ต่อ Windows Phone 7 กับพีซีเช่นกัน
การขยายบริการของ Zune ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันน้อยนิดอาจไม่น่าสนใจนัก แต่ถ้าเรามองว่านี่คือการเตรียมพร้อมสำหรับ WP7 แทนล่ะ?
เราเห็น iBookstore สำหรับหนังสือกันไปแล้ว ถ้าข่าวลือเป็นจริง อีกไม่นานเราคงมี iNewsstand สำหรับหนังสือพิมพ์และนิตยสารกันบน iPad
ตอนนี้มีข่าวว่าแอปเปิลกำลังเจรจากับเครือสื่อใหญ่เจ้าของหนังสือพิมพ์ในสหรัฐ เพื่อขายหนังสือพิมพ์ดิจิทัลบน iPad และอุปกรณ์ใกล้เคียงอื่นๆ ข้อมูลตอนนี้ยังมีน้อยมาก บอกแค่ว่าโปรแกรมอ่านหนังสือพิมพ์จะแยกต่างหากจาก App Store และน่าจะเปิดตัวอย่างเร็วในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ที่น่าจะเป็นไปได้เช่นกันคือคงเปิดตัวพร้อมกับ iPad รุ่นที่สองต้นปีหน้า
นอกจากตัวโปรแกรมสำหรับอ่านแล้ว แอปเปิลยังพัฒนาโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสือพิมพ์ ซึ่งสามารถใส่วิดีโอลงไปในหนังสือพิมพ์ได้แบบ Harry Potter ด้วย
สำหรับ Apple TV รุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบเช่าวิดีโอแทนการซื้อไฟล์ มีบริษัทสื่อเจ้าของรายการทีวีมาเข้าร่วมคือเครือ Disney และ News Corporation
ส่วนเครือ Warner Bros. นั้นหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่วันนี้มีข้อมูลออกมาแล้ว เมื่อผู้บริหารของ Warner Bros. ให้สัมภาษณ์ว่าราคาเช่า 0.99 ดอลลาร์ต่อตอนนั้น "น้อยเกินไป" และการให้เช่ารายการทีวีเป็นตอนๆ อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายซีรีส์รวมทั้งปี
อย่างไรก็ตาม Warner Bros. ยังร่วมมือกับแอปเปิลในการขายขาดไฟล์หนัง โดยคิดตอนละ 2.99 ดอลลาร์ ตัวอย่างซ๊รีส์ชื่อดังได้แก่ Gossip Girl, The Big Bang Theory และ Fringe
อธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ iTunes Store ภาคซัมซุง สำหรับ Galaxy S และ Galaxy Tab นั่นเอง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีเพลง มีแต่รายการทีวีและภาพยนตร์เท่านั้น
พาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วม Media Hub ในสหรัฐได้แก่ NBC, Universal Home Entertainment, MTV และ Paramount ส่วน Warner Brothers ยังอยู่ในขั้นเจรจา วิดีโอที่ซื้อสามารถแชร์กับอุปกรณ์ได้ทั้งหมด 5 เครื่อง ตอนนี้ยังไม่มีราคาออกมาว่าขายตอนละเท่าไรครับ
ถ้ามีแท็บเล็ตที่ดู "ระบำดวงดาว" ตอนละสัก 20 บาทก็น่าจะมีคนซื้อนะ
ช่วงนี้เราเห็นข่าวลักษณะนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดสำนักพิมพ์ HarperCollins ออกมาให้ข้อมูลว่า นิยายสยองขวัญชื่อ “I’d Know You Anywhere” ของ Laura Lippman ซึ่งเริ่มวางขายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม มีตัวเลขยอดขาย 5 วันแรกดังนี้
สำนักพิมพ์ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่ยอดขายฉบับอิเล็กทรอนิกส์แซงหน้าฉบับกระดาษในสัปดาห์แรก และเสริมว่าถ้ารีวิวออกมาดี คนจะซื้อเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์กันเยอะเพราะซื้อสะดวกกว่า ชนิดว่าอ่านรีวิวจบแล้วกดสั่งได้ทันที
ที่มา - Wall Street Journal
หลังจากมีข่าว นักเขียนชื่อดัง Seth Godin ได้ประกาศเลิกพิมพ์หนังสือ คราวนี้ Nigel Portwood ซีอีโอของ Oxford University Press สำนักพิมพ์พจนานุกรมภาษาอังกฤษยอดฮิต ได้ออกมากล่าว "ตลาดพจนานุกรมที่เป็นเล่มๆ กำลังจะหมดความหมายไป ที่ผ่านๆ มายอดจำหน่ายพจนานุกรมในแต่ละปีลดลงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ อันเนื่องมาจากผู้ใช้หันไปใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น" และได้กล่าวต่อมาว่า "เอดิชั่นที่ 3 อาจจะไม่มีการพิมพ์ออกมาเป็นเล่มอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ทางบริษัทได้ทำพจนานุกรมฉบับดังกล่าวคืบหน้าไปแล้ว 28 เปอร์เซ็นต์"
วันก่อนได้ข่าวนี้มาจาก Blogger คนนึงใน Silicon Valley และ @markpeak ทวีตมาบอก เพื่อนๆ หลายคนบน Twitter ก็กล่าวกันถึงเรื่องนี้เยอะ ไม่เขียนคงไม่ได้แล้ว --
ตกเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก เมื่อ Seth Godin นักคิดนักเขียนด้านธุรกิจและการตลาดชื่อดังในแวดวงธุรกิจออนไลน์ เจ้าของหนังสืออย่าง Linchpin, Tribes, Purple Cow, All Marketers Are Liars, ออกมาประกาศทางบล็อกของตัวเองว่าจะเลิกพิมพ์หนังสือในแบบกระบวนการบรรณาธิกรแบบดั้งเดิม
มีรายงานว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กูเกิลได้วิ่งขายไอเดีย Google TV ให้กับเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ใหญ่ของสหรัฐ เช่น ABC, CBS, Fox, NBC เพื่อชักจูงให้นำรายการทีวีมาลง Google TV แต่กลับพบปัญหาว่าเจ้าของรายการทีวีไม่เชื่อมั่นว่า Google TV จะทำเงินได้
เหตุผลสำคัญของเจ้าของรายการก็คือ การนำรายการทีวีไปฉายผ่านอินเทอร์เน็ต (เช่น กรณีของการนำคลิปขึ้น YouTube) ทำให้คนดูทีวีลดลง และอาจส่งผลต่อรายได้ของเจ้าของเนื้อหา (เช่น กรณีของเคเบิลทีวี) และเจ้าของรายการยังไม่เห็นว่ารายได้จาก Google TV จะมากพอจนชดเชยรายได้ที่หายไป มิหนำซ้ำ บางรายอาจพิจารณาบล็อครายการบนอินเทอร์เน็ตไม่ให้ Google TV เข้าถึงได้อีกด้วย
นี่อาจเป็นข่าวประวัติศาสตร์ของทั้งวงการสิ่งพิมพ์ และวงการ e-book
Amazon ผู้ขายหนังสือรายใหญ่ของโลก ประกาศว่ายอดขายหนังสือในรอบ 3 เดือนล่าสุด พบว่าสามารถขายหนังสือเวอร์ชัน Kindle เทียบกับหนังสือปกแข็ง (hardcover) ได้ในอัตราส่วน 143:100 เล่ม และอัตราส่วนนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยรอบ 4 สัปดาห์ล่าสุดกลายเป็น 180:100 เรียบร้อยแล้ว ตัวเลขนี้ไม่รวมหนังสือฟรีบน Kindle นะครับ
ปัจจุบัน Amazon มีหนังสือขายบน Kindle ประมาณ 630,000 เรื่อง ส่วนหนังสือฉบับกระดาษมีมากกว่าเยอะ (เป็นหลักล้าน)
หลังจากมีข่าวว่า กูเกิลจะเปิดร้านขายหนังสือออนไลน์ของตัวเองในชื่อ Google Editions ล่าสุดมีข่าวมาจากหนังสือพิมพ์ Japan Today ของญี่ปุ่น (ไม่รู้ไปโผล่ได้ไง) รายงานว่า สำนักพิมพ์เกือบทุกแห่งของสหรัฐให้การสนับสนุน Google Editions เป็นอย่างดี
ตัวเลขที่รายงานตอนนี้ มีนักเขียนและสำนักพิมพ์รวมกันประมาณ 25,000 ราย ที่จะขายหนังสือบน Google Editions มีหนังสือรวมกันประมาณ 2 ล้านเรื่อง และยังมีหนังสือที่หมดลิขสิทธิ์แล้วอีก 2 ล้านเรื่อง
Google Editions น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนมิถุนายน
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal อ้างคำพูดของ Chris Palma ผู้บริหารของกูเกิลว่า กูเกิลกำลังจะเปิดร้านขายหนังสือออนไลน์ของตัวเอง ในชื่อ Google Editions ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม
ร้านขายหนังสือนี้จะกลายมาเป็นคู่แข่งของ iBookstore ของแอปเปิล และ Kindle Store ของ Amazon แต่กูเกิลจะพยายามสร้างความแตกต่างโดยเปิดกว้างให้อุปกรณ์จำนวนมากเข้าถึงหนังสือของตัวเองได้ ต่างจากคู่แข่งที่ล็อคติดกับอุปกรณ์บางชนิดเท่านั้น
กูเกิลยังบอกว่าลูกค้าของ Google Editions สามารถอ่านหนังสือได้จากหน้าเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย (คงใช้ระบบเดียวกับ Google Books ในปัจจุบัน)
ที่มา - Wall Street Journal
ทุกวันนี้เราคงจะรู้จักกับมาตรฐาน Blu-ray กันมากขึ้น ถึงแม้มันจะยังไม่มาแทน DVD เต็มตัว แต่ตอนนี้ Blu-ray นั้นก็ขยับมาตรฐานใหม่ให้จุได้มากกว่าเดิมแล้วครับ
บริษัท Canonical ประกาศให้ทดสอบร้านขายเพลงออนไลน์ Ubuntu One Music Store แล้ว
ถ้าดูจากชื่อจะเห็นว่ามันเป็นแบรนด์ Ubuntu One บริการ cloud storage ที่มีใน 9.10 Karmic Koala อันนี้เข้าใจถูกแล้วครับ เพราะ Ubuntu เลือกใช้ร้านขายเพลงออนไลน์ 7digital อีกต่อหนึ่ง ความต่างจากการซื้อเพลงบนอินเทอร์เน็ตทั่วไป (เช่น iTunes) คือเพลงที่ซื้อจะถูกส่งไปเก็บที่ Ubuntu One ก่อน แล้วค่อยดาวน์โหลดมาที่เครื่องผ่านระบบ sync ของ Ubuntu One อีกต่อหนึ่ง
การซื้อเพลงจะทำผ่านโปรแกรม Rhythmbox โปรแกรมจัดการเพลงมาตรฐานของ Ubuntu แต่ทาง Canonical สัญญาว่าจะค่อยๆ ขยายไปยังโปรแกรมฟังเพลงตัวอื่นผ่านระบบปลั๊กอินในอนาคต
หลายคนอาจคิดว่า iPad นั้นเป็นเครื่องอ่าน e-Book หรือ iPhone ขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันยังเป็นเครื่องสร้างความบันเทิง และเป็นอุปกรณ์ที่เปิดโลกมิติใหม่ของสื่ออิเล็กทรอนิกส์และบันเทิงอีกด้วย
ล่าสุด VIVMag นิตยสารหัวบันเทิงและสาระเกี่ยวกับผู้หญิง ได้เปิดตัวนิตยสารสำหรับ iPad ที่มีความสวยงามมาก จากวีดิโอ (มีให้ดูด้านใน) ทำให้เห็นว่า iPad นั้นสามารถฉีกกฎของหนังสือเดิมๆ ให้บรรณาธิการสามารถสร้างผลงานที่ยิ่งกว่านิตยสารรูปแบบฉบับหนังสือทั่วไป
สงครามหนังสือพิมพ์-นิตยสารบนเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อโซนี่ประกาศว่า เจ้าของ Sony Reader สามารถซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังของสหรัฐได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ใน Reader Store มีหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังประมาณ 5-6 หัว แต่ตอนนี้ขยายเป็น 20 และกำลังจะตามมาอีกไม่น้อย รายชื่อหนังสือดูได้ด้านใน
เรารู้กันมานานแล้วว่าอินเทอร์เน็ตกำลังเป็นสื่อที่ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คำถามคือมันทรงพลังซักแค่ไหนกันในวันนี้ ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Internet and American Life Project ชี้ให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตเพิ่งแซงหน้าหนังสือพิมพ์ (แบบรูปเล่ม) ไปแล้วในสหรัฐฯ
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทั้งท้องถิ่นและระดับชาติยังคงครองอันดับหนึ่งและสองของสื่อที่ชาวอเมริกาบริโภคมากที่สุด อินเทอร์เน็ตก้าวขึ้นมาเป็นที่สาม และผลักหนังสือพิมพ์ลงไปเป็นอันดับสี่