ห้องสมุดคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เดิมทีมีหนังสือ 80,000 เล่ม แต่หลังจากมหาวิทยาลัยปรับปรุงห้องสมุดแห่งนี้ใหม่ จำนวนหนังสือลดลงเหลือแค่ 10,000 เล่มเท่านั้น
ฟังดูแปลกๆ แต่หลายคนคงเดากันได้ว่าเพราะอะไร
หัวหน้าฝ่ายห้องสมุดของสแตนฟอร์ดให้สัมภาษณ์ว่า ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีหนังสือจำนวนมากที่ถูกวางทิ้งไว้บนชั้น โดยไม่มีใครยืมออกไปเลย บวกกับแนวทางของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ใช้ประโยชน์จากหนังสือเฉพาะบางหน้าเท่านั้น (เช่น หาสูตรคำนวณเพียงสูตรเดียว) ทางห้องสมุดจึงตัดสินใจเปลี่ยนหนังสือจำนวนมากเป็นหนังสือดิจิทัล เพื่อให้นักศึกษาสามารถค้นข้อมูลได้จากทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องมาห้องสมุด
นอกจากจะขาย eReader อย่าง Kobo, Aluratek Libre, Sony Touch,
Amazon ได้รับสิทธิบัตร "เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบจอคู่" เรียบร้อยแล้ว
สิทธิบัตรชิ้นนี้ Amazon ยื่นจดกับทางสำนักสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2006 และเพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อเร็วๆ นี้
Amazon เลือกจดสิทธิบัตรชิ้นนี้เฉพาะในสหรัฐ ซึ่งทำให้ไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดของสิทธิบัตรต่อสาธารณะ (อันนี้ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน) จึงเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็น Kindle จอคู่ เพราะดูไม่ใช่การจดสิทธิบัตรเพื่อกันไว้ก่อนเสียแล้ว
เว็บไซต์ Engadget บอกว่าเนื้อหาแบบคร่าวๆ ของสิทธิบัตร อาจทำให้ Nook ซึ่งมีสองจอ มีความเสี่ยงจะโดน Amazon ฟ้องข้อหาละเมิดสิทธิบัตรได้ด้วย
หลังจากที่ Barnes & Noble เริ่มต้นสงครามราคา eBook Reader (ที่เรารอคอยกันมานาน) ด้วยการลดราคา NOOK ลง (ตามข่าว Barnes & Noble หั่นราคา NOOK ลงเหลือ 149 ดอลลาร์) จนทำให้ Amazon ต้องยอม หั่นราคา Kindle 2 Global เหลือ 189 ดอลลาร์ และ ตัดราคา Kindle DX ลงอีก 110 ดอลลาร์ ตอนนี้ผู้ชิงชัยสุดท้าย (หรือเปล่า) อย่าง Sony ก็ได้เข้าร่วมสงครามราคาครั้งนี้เร
จากรายงานของ Dr. Jakob Neilsen แห่ง Neilsen Norman Group บริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าได้พบจากการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้รักการอ่านหนังสือ 24 คน สามารถอ่านหนังสือได้บนกระดาษจริงเร็วกว่าอ่านหนังสือจาก Tablet อย่าง iPad และ Kindle 2 โดยพบว่าการอ่านหนังสือบนอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์นั้นช้ากว่าประมาณ 10.7 เปอร์เซ็นต์
แต่ที่น่าสนใจคือจากผลการศึกษานั้น ผู้อ่านกลุ่มตัวอย่างสามารถอ่านหนังสือบน iPad ได้เร็วกว่าบน Kindle 2 แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความต่างนี้เล็กจนไม่สามารถที่จะสรุปอะไรได้ตามหลักสถิติ ผู้ใช้ไม่ควรจะเปลี่ยนใจจากการซื้อ Kindle 2 มาซื้อ iPad ด้วยเหตุผลนี้
เมื่อ Barnes & Noble เริ่มต้นสงครามราคาไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกอย่างก็ดูจะหยุดไม่ได้แล้วหลังจากที่อเมซอนตัดราคา Kindle 2 ลงมาสู้หลังการลดราคา NOOK ไม่กี่ชั่วโมง วันนี้อเมซอนก็ทำราคาอีกครั้งด้วยการลดราคา Kindle DX ลงมาอีก 110 ดอลลาร์ เหลือ 379 ดอลลาร์หรือประมาณ 12,000 บาท
นอกจากลดราคาแล้ว Kindle DX ยังอัพเกรดเล็กน้อยด้วยการใส่ e-Ink รุ่นปรับปรุงที่อ่านได้ง่ายขึ้นและคอนทราสสูงขึ้น 50% ภายนอกนั้นเปลี่ยนเป็นสีกราไฟต์แทนสีขาวเดิม
หวังว่าของจีนจะลดราคาลงเหลือ 79-99 ดอลลาร์ในเร็ววัน
ที่มา - ArsTecnica
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและประธานของ Amazon ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune มีใจความคร่าวๆ ดังนี้
Amazon ส่ง Kindle for Android ตัวจริง โดยถือเป็นโปรแกรม Kindle บนมือถือแพลตฟอร์มที่สาม ต่อจาก iPhone/iPad และ BlackBerry
ฟีเจอร์ก็ตามมาตรฐาน Kindle ทั่วไปคือดาวน์โหลดหนังสือ อ่านหนังสือ และ sync ตำแหน่งที่อ่านบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับ Kindle ได้
ใช้กับ Android 1.6 ขึ้นไปครับ เท่าที่ดูยังไม่มีฟีเจอร์ audio-video แบบรุ่น iPhone ที่เพิ่งอัพเดตไป
ที่มา - Amazon
ปล่อยให้คู่แข่ง Barnes & Noble หั่นราคา NOOK ลงเหลือ 149 ดอลลาร์ ยังไม่ทันไร ฝั่ง Amazon ก็ตอบโต้โดยการหั่นราคาของ Kindle ลงมาสู้เช่นกัน
Amazon ลดราคา Kindle ลงมาอีก 70 ดอลลาร์ ตอนนี้ขายอยู่ 189 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,000 บาทเท่านั้น แม้เทียบกับ NOOK รุ่น Wi-Fi 149 ดอลลาร์แล้วจะแพงกว่า แต่ Kindle รุ่นนี้รวม 3G ที่ดาวน์โหลดหนังสือได้จากทุกที่ ในขณะที่ NOOK รุ่น 3G ขายอยู่ที่ 199 ดอลลาร์
ที่มา - Business Insider
สงครามราคา e-Book เริ่มแล้ว หลังจากที่ B&N ประกาศลดราคา Nook ลง Amazon ตัดสินใจเกทับประกาศหั่นราคาตาม โดย Kindle 2 Global จากเดิม 259 ดอลลาร์ลงมา 70 ดอลลาร์เหลือ 189 ดอลลาร์ โดยราคาต่ำกว่า Nook รุ่นที่เป็น 3G+Wi-Fi อยู่ 10 ดอลลาร์
สงครามเครื่องอ่าน e-book กำลังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จากการเปิดตัวของ Kindle และการเข้ามาของ iPad ล่าสุดมวยรองอย่าง Barnes & Noble NOOK ก็ต้องเปิดสงครามราคาด้วยการลดราคาลงเหลือ 149 ดอลลาร์ในรุ่นที่ตัด 3G ออกไปเหลือแต่ Wi-Fi ทำให้มันเป็น eInk ที่มีราคาต่ำกว่า 5,000 บาทแล้วในตอนนี้
สำหรับรุ่น 3G นั้นก็ลดราคาลงมา 60 ดอลลาร์เหลือ 199 ดอลลาร์ ถูกกว่า Kindle ที่มี 3G และยังทำราคาอยู่ที่ 259 ดอลลาร์
สมุดโน้ต Moleskine จากประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงโด่งดังในแง่สเน่ห์และความลุ่มลึก และนิยมใช้ในหมู่นักเขียนรวมถึงปัญญาชนชื่อดังทั่วโลก ส่วน Kindle คงไม่ต้องอธิบายกันยาวว่ามันคือการปฏิวัติวงการหนังสือโดย Amazon ร้านขายหนังสือรายใหญ่
ล่าสุด Moleskine จับมือกับ Amazon ออก "ปกหนังสือ" ให้กับ Kindle แล้ว หน้าตายังคงอารมณ์ของ Moleskin ทุกประการ แต่ออกแบบมาให้พอดีกับขนาดของ Kindle แถมมีสมุดโน้ตเล็กๆ แถมมาให้ในชุด
ราคาชุดละ 39.99 ดอลลาร์ ใครมี Kindle อยู่แล้วก็ไปซื้อหากันได้ที่ Amazon
ถ้าใครเป็นคนเขียนนิยายอิสระ ตอนนี้สามารถส่งหนังสือไปขายบน iBookstore ได้เองโดยไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์แล้ว
สิ่งที่จำเป็นต้องมีก่อนส่งหนังสือไปขายบน iBookstore มีดังนี้ครับ
ตอนนี้ยังขายได้เฉพาะ iPad ในสหรัฐ แต่อนาคตคงไม่แคล้ว ขายได้บน iPhone ในหลายประเทศเช่นกัน แอปเปิลไม่ได้ให้ข้อมูลว่าจะหักค่าหัวคิวเท่าไรครับ
เอเซอร์เปิดตัวเครื่องอ่านอีบุ๊ก LumiRead โดยสามารถซื้ออีบุ๊กอ่านได้จาก Barnes & Noble, Libri.de (ร้านขายหนังสือออนไลน์ในเยอรมนี) และ Founder (บริษัทในประเทศจีน) ตัวเครื่องมีรายละเอียดดังนี้
วางขายเป็นทางการในไตรมาสสามของปีนี้ ส่วนหน้าตาจะเป็นอย่างไรดูได้จากท้ายข่าวเช่นเคย
ที่มา: Engadget
Barnes & Noble เตรียมเปิดตัว "PubIt!" เว็บท่าให้สามารถอัพโหลดและขายอีบุ๊กหรือดิจิทัลคอนเทนต์บนเครื่องอ่านอีบุ๊ก Nook รวมถึงพีซี แมค ไอแพด ไอโฟน แบล็คเบอร์รี่ และอุปกรณ์อื่นๆ (โดยใช้ซอฟต์แวร์ eReader เข้าไปซื้ออีบุ๊ก) ได้ด้วยตัวเองในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ สำหรับรูปแบบค่าตอบแทนที่เจ้าของคอนเทนต์จะได้รับนั้น B&N จะประกาศในเร็วๆ นี้
ใครสนใจต้องการก็สามารถไปขอ invitation ได้ที่เว็บไซต์ B&N
หลังจากมีข่าวว่า กูเกิลจะเปิดร้านขายหนังสือออนไลน์ของตัวเองในชื่อ Google Editions ล่าสุดมีข่าวมาจากหนังสือพิมพ์ Japan Today ของญี่ปุ่น (ไม่รู้ไปโผล่ได้ไง) รายงานว่า สำนักพิมพ์เกือบทุกแห่งของสหรัฐให้การสนับสนุน Google Editions เป็นอย่างดี
ตัวเลขที่รายงานตอนนี้ มีนักเขียนและสำนักพิมพ์รวมกันประมาณ 25,000 ราย ที่จะขายหนังสือบน Google Editions มีหนังสือรวมกันประมาณ 2 ล้านเรื่อง และยังมีหนังสือที่หมดลิขสิทธิ์แล้วอีก 2 ล้านเรื่อง
Google Editions น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนมิถุนายน
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal อ้างคำพูดของ Chris Palma ผู้บริหารของกูเกิลว่า กูเกิลกำลังจะเปิดร้านขายหนังสือออนไลน์ของตัวเอง ในชื่อ Google Editions ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม
ร้านขายหนังสือนี้จะกลายมาเป็นคู่แข่งของ iBookstore ของแอปเปิล และ Kindle Store ของ Amazon แต่กูเกิลจะพยายามสร้างความแตกต่างโดยเปิดกว้างให้อุปกรณ์จำนวนมากเข้าถึงหนังสือของตัวเองได้ ต่างจากคู่แข่งที่ล็อคติดกับอุปกรณ์บางชนิดเท่านั้น
กูเกิลยังบอกว่าลูกค้าของ Google Editions สามารถอ่านหนังสือได้จากหน้าเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย (คงใช้ระบบเดียวกับ Google Books ในปัจจุบัน)
ที่มา - Wall Street Journal
บทความพิเศษโดย ดร. ทวีศักดิ์ กออนันตกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
ต้นฉบับอยู่ที่ Viewpoints for Thailand ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนให้เผยแพร่ต่อ โดยมีการดัดแปลงรูปแบบนำเสนอเล็กน้อยครับ
และ
หลังจาก แอปเปิลให้ผ่าน Kindle App for iPad ทำให้ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของ iPad ในช่วงวางขายวันแรก ไปอยู่ที่ศึกโปรแกรมอ่านอีบุ๊ก ระหว่าง iBooks ของแอปเปิล กับ Kindle for iPad ทันที
เว็บไซต์ ReadWriteWeb ได้เปรียบเทียบโปรแกรมทั้งสองตัว รวมถึงร้านขายหนังสือจากทั้งคู่ด้วย
ข่าวสั้นครับ เมื่อวานนี้อเมซอนได้ปล่อย Kindle เวอรชั่น 2.0 โปรแกรมอ่านอีบุ๊กสำหรับไอโฟน ไอพอดทัช และล่าสุดกับไอแพดแล้ว โดยฟีเจอร์เฉพาะไอแพดก็มีทั้งแอนิเมชั่นขณะพลิกหน้าหนังสือ รวมถึงรองรับการ scroll และการซูม และสามารถปรับความสว่างหน้าจอได้ด้วย
ใครสนใจก็เชิญดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน App Store
เว็บไซต์ App Advice ได้เปิดเผยภาพหน้าจอของ iBooks Store ร้านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บน iPad ซึ่งแสดงราคาของหนังสือที่อยู่ใน Top 10 ไว้ที่ 9.99 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีบางเล่มตั้งราคาไว้ที่ 12.99 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเท่าที่มีข้อมูล
ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินข่าวว่า iBooks Store มีนโยบายให้สำนักพิมพ์ตั้งราคาได้อิสระ ต่างจาก Kindle Store ของ Amazon ที่ตั้งราคา 9.99 ดอลลาร์ทุกเล่ม ส่งผลให้เกิดวิวาทะระหว่าง Amazon กับสำนักพิมพ์ Macmilan, Amzon ยอม Macmilan และสำนักพิมพ์อื่นเริมทำตาม Macmilan
ในเมื่อคู่แข่งอย่าง Amazon มีท่าทีดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับ iPad ไปเสียแล้ว Barnes & Noble นั้นจึงได้คิดจะลุยตลาด iPad ร่วมไปกับเครื่องอ่าน eBook ที่ชื่อ nook ของตน (ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเมื่อเทียบกับ Kindle) แล้วครับ
Barnes & Noble ได้เปิดเผยออกมาว่าจะมีการผลิตโปรแกรมอ่าน E-Book สำหรับ iPad โดยเฉพาะ โปรแกรมนี้นั้นจะสามารถอ่านหนังสือและนิตยสารที่อยู่ในร้านหนังสือออนไลน์ eBookstore ของ Barnes & Noble ที่ในปัจจุบันมีกว่าหนึ่งล้านเล่มได้เหมือนโปรแกรมที่มีอยู่แล้วบนวินโดวส์ แมค และไอโฟน สำหรับโปรแกรมดังกล่าวนี้ B&N จะเปิดตัวพร้อมกับเวลาที่ iPad ออกจำหน่ายในตลาดจริงๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ครับ
สงครามหนังสือพิมพ์-นิตยสารบนเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อโซนี่ประกาศว่า เจ้าของ Sony Reader สามารถซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังของสหรัฐได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ใน Reader Store มีหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังประมาณ 5-6 หัว แต่ตอนนี้ขยายเป็น 20 และกำลังจะตามมาอีกไม่น้อย รายชื่อหนังสือดูได้ด้านใน
สำนักพิมพ์ Condé Nast เจ้าของนิตยสารชื่อดังหลายฉบับในสหรัฐ เตรียมวางขายนิตยสารฉบับอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ iPad ในเร็วๆ นี้
นิตยสารฉบับแรกที่จะขายบน iPad คือ GQ ฉบับเดือนเมษายน (GQ มีฉบับ iPhone อยู่แล้ว - ข่าวเก่า) และจะตามมาด้วย Wired กับ Vanity Fair ฉบับเดือนมิถุนายน อีกสองฉบับคือ The New Yorker กับ Glamour นั้นมีแผนจะขายบน iPad แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาที่แน่ชัด
ในช่วงแรกนี้ Condé Nast จะทดลองรูปแบบที่เป็นไปได้บนนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การตั้งราคา โฆษณา การแปลงฟอร์แมตจากกระดาษมาเป็นดิจิทัล ฯลฯ เพื่อดูเสียงตอบรับจากผู้บริโภค ก่อนจะมาสรุปอีกครั้งในช่วงปลายปีว่าจะมุ่งไปในทิศทางใดดี
ตลาด e-Book อาจเป็นของยอดฮิตประจำปีนี้ เพราะนินเทนโดประกาศว่า Nintendo DSi XL (ชื่อในญี่ปุ่นคือ DSi LL) ซึ่งจะขายในสหรัฐเดือนมีนาคมนี้ จะสามารถอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย
นินเทนโดจะขาย "หนังสือคลาสสิก" จำนวน 100 เรื่องในวันที่ 14 มิถุนายน โดยตั้งราคาที่ 19.99 ดอลลาร์ต่อทั้งชุด ตอนนี้ยังไม่มีรายชื่อหนังสือทั้ง 100 เรื่อง แต่ตามข่าวบอกว่ามีทั้งหนังสือของ Shakespeare และ Mark Twain ผู้อ่านสามารถปรับขนาดตัวอักษรได้ตามต้องการ
นินเทนโดบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะลุยตลาด e-Book เท่าไรนัก แต่มันช่วยให้การเล่น DSi นั้นสนุกมากขึ้น