มีข่าวลือต้นตอจากเว็บไซต์ DigiTimes อ้างว่า Asus นั้นเตรียมที่จะออกเครื่องอ่าน e-book ในยี่ห้อ Eee ภายในปลายปีนี้เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้นั้นเนื่องจากว่าตลาดของเครื่องอ่าน e-book นั้นใช้เงินทุนจำนวนน้อยกว่าสงครามเน็ตบุ๊ค แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากนั้นคือแพลตฟอร์มสำหรับการกระจายสื่อ (Content Delivery Platform)
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังอ้างว่าเครื่องอ่าน e-book นั้นมีตลาดหลักอยู่ที่อเมริกาเหนือและยุโรป แต่ไม่ค่อยโตมากในเอเซียเนื่องจากพฤติกรรมในการอ่านแตกต่างกัน ทำให้ยังอาจไม่ทำตลาดในไต้หวัน (หรือในเอเซียก็ตาม)
ที่มา: DigiTimes
โซนี่เปิดตัวเครื่องอ่าน e-book ตัวใหม่ในแบรนด์ Sony Reader ชื่อว่า Daily Edition หน้าจอ 7 นิ้ว ฟีเจอร์เทียบเท่า Kindle ของอเมซอน
อเมซอน ไมโครซอฟท์ และยาฮูเตรียมเข้าร่วมกับ Open Book Alliance ซึ่งมีหน่วยงานที่จัดสร้างและดูแลห้องสมุดดิจิตอลออนไลน์โดยไม่หวังผลกำไรอย่าง Internet Archive เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นความพยายามในป้องกันการผูกขาดการค้นหาหนังสือดิจิตอลออลไลน์อย่าง Google Books
ในขณะนี้ได้มีหน่วยงานเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแล้วหลายราย รวมถึงไมโครซอฟท์และยาฮู แต่ทางอเมซอนยังสงวนท่าทีเนื่องจาก Open Book Alliance ยังไม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับวันสิ้นสุดการตอบรับการร่วมเป็นพันธมิตรดังกล่าวคือวันที่ 4 ก.ย.ที่จะถึงนี้
C|net รายงานว่าจากแบบสอบถามสำรวจข้อมูลของ Borders แบรนด์ร้านหนังสือชื่อดังได้มีการอ้างอิงถึงสินค้าแอปเปิลที่ใช้ชื่อว่า iPad อยู่ด้วย
โดยคำถามของ Borders ในข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความคุ้นเคยของลูกค้ากับอุปกรณ์อ่านหนังสือดิจิตอลที่มีคำตอบเกี่ยวกับ Kindle, Sony eBook Reader แต่ที่สำคัญคือมีตัวเลือกคำตอบข้อหนึ่งเขียนว่า "I plan to buy an Apple iPAD (large screen reading device) this year"
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เราไม่มีทางรู้ว่า Borders ได้ข้อมูลนี้มาจากไหน หรือเป็นเพียงแค่ข่าวลือในวงการธุรกิจหนังสือกันแน่
ที่มา - C|net
วงการ e-Book เริ่มขยายตัวอันเป็นผลมาจากการรุกตลาดของ Kindle ยอดขาย e-Book รวมทุกค่ายเดือนมิถุนายน 2009 โตขึ้นถึง 136.2% และถึงแม้ว่าอเมซอนจะไม่เปิดเผยยอดขาย e-Book ของตัวเอง แต่นักวิเคราะห์ก็คาดว่ากินส่วนแบ่งเกือบทั้งหมด
ผู้มาก่อนกาลอย่างโซนี่จึงต้องปรับกลยุทธ์เป็นการด่วน และรอบนี้ถึงขนาดว่าโซนี่ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องฟอร์แมตเฉพาะของตัวเองไม่ยุ่งกับใคร เปลี่ยนมาสนับสนุนมาตรฐานเปิดอย่างเต็มที่
หลังจากที่ทางโซนี่ได้ทำตลาดเครื่องอ่าน eBooks โดยใช้เทคโยโลยี eInk มาแล้ว สามตัวตอนนี้ทางโซนี่ได้เปิดตัวเครืองอ่าน eBooks รุ่นใหม่อีกสองตัว คือ
PRS-600 Touch
หน้าจอ 6 นิ้ว ระบบสัมผัส
มี Oxford American English Dictionary ในตัว
ราคา 299 US$
PRS-300 Pocket edition
หน้าจอ 5 นิ้ว
ราคา 199 US$
หลังจากที่เป็นข่าวครึกโครมไปเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับกรณีที่อเมซอนถอดถอนหนังสือหลายๆ เล่มที่ผิดลิขสิทธิ์ออกจากร้านขายออนไลน์รวมไปจนถึง Kindle ของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต (ถึงจะโอนเงินคืนเต็มจำนวนเข้าแอคเคานท์ของผู้ซื้อแล้วก็ตาม) ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจเกี่ยวกับสิทธิของตนเอง วันนี้คุณ Jeff Bezos ซึ่งเป็น CEO ของอเมซอน ได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้วครับ
"ขอโทษสำหรับวิธีที่เราจัดการเรื่องอีบุ๊กผิดลิขสิทธิ์ที่ผ่านมา ผมยอมรับว่า "การแก้ปัญหา" แบบนั้นมันโง่เง่า, ไร้ความคิด และล้ำเส้นไปจากหลักปฏิบัติของเรามาก และที่โดนตำหนิติเตียนนั้นก็สมควรแล้ว เราสัญญาว่าความเจ็บปวดจากการผิดพลาดครั้งนี้ จะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในอนาคต"
Barnes & Noble เครือร้านหนังสือใหญ่ของสหรัฐและคู่แข่งสำคัญของ Amazon เตรียมออกเครื่องอ่าน e-Book มาแข่งกับ Kindle ในปีหน้า
Barnes & Noble จะจับมือกับบริษัท Plastic Logic ซึ่งเป็นบริษัทผลิตจอภาพที่ทำด้วยพลาสติกและเครื่องอ่าน e-Book ที่จะเปิดตัวปลายปี เครื่องอ่านหนังสือของ Plastic Logic จะเทียบเท่ากับเครื่อง Kindle ส่วน Barnes & Noble จะเปิดร้านขาย e-Book ออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้ iPhone, iPod touch, Windows Mobile, BlackBerry รวมถึงพีซีธรรมดาสามารถซื้อได้ แน่นอนว่าร้านออนไลน์ของ Barnes & Noble จะเป็นร้าน exclusive ร้านเดียวสำหรับเครื่องของ Plastic Logic
ขณะนี้เราสามารถใช้กูเกิลเพื่อที่จะอ่านส่วนบางส่วนจากหนังสือต่าง ๆ ได้แล้วผ่าน Google Book Search ที่เป็นบริการที่เป็นปัญหาให้กับกูเกิลมากพอสมควรในช่วงแรก ๆ แต่ดูเหมือนว่าแผนธุรกิจ eBook ของอเมซอนที่กำลังตักตวงรายได้อยู่ช่วงนี้เข้าตากรรมการในกูเกิลแล้วจนได้
โดย eBook จากกูเกิลนั้น ผู้ซื้อสามารถที่จะอ่าน eBook บนคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือเครื่องอ่าน eBook ได้หมด ในขณะเดียวกันผู้ผลิตหนังสือก็สามารถที่จะตั้งราคาของตัวเองได้ โดย New York Times เองก็ได้บอกไว้ว่าอเมซอนได้ทำให้ผู้ผลิตหนังสือหลาย ๆ รายโมโหด้วยการที่ขายหนังสือทั้งหมดไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ที่ราคา 9.99 ดอลลาร์ในขณะที่หนังสือเล่มจริง ๆ วางขายในแผงหนังสือทั่วไปที่ราคา 26 ดอลลาร์
หลังจากที่มีข่าวลือหลุดออกมาได้ไม่นาน ล่าสุดอเมซอนก็ได้เปิดตัว Kindle DX ซึ่งเป็นเครื่องอ่าน eBook ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกาใหม่แล้ว โดยตอนนี้คนที่สนใจสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วในราคา 489 ดอลลาร์สหรัฐ โดยจะทำการจัดส่งช่วงหน้าร้อนในสหรัฐนี้
โดย Kindle DX มาพร้อมกับจอภาพ 9.7 นิ้ว ใหญ่กว่า Kindle รุ่นเก่า ๆ ที่มีขนาดจอภาพเพียง 6 นิ้ว โดยจอภาพที่ใหญ่ขึ้นนั้น ทำให้การอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือเรียนหรือรายงานการค้นคว้าและวิจัยง่ายกว่าเดิมมาก
ด้วยความที่เป็นหุ้นส่วนกันกับไมโครซอฟท์และ Bondi Digital Publishing (บริษัทด้านซอฟต์แวร์) ทาง Playboy Enterprises ซึ่งเป็นเจ้าของนิตยสารเพลย์บอย จึงได้นำนิตยสารฉบับย้อนหลังจำนวน 53 ฉบับ (เป็นฉบับตั้งแต่ปี 1954 จนถึง 2007) มาขึ้นเว็บ โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปคลิกชมฟรีแบบไม่มีการตรวจอายุที่เว็บ PlayboyArchive.com มีข้อแม้อยู่นิดเดียวว่าต้องใช้โปรแกรม Silverlight ของไมโครซอฟท์สำหรับการชม
หลังจากเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่ได้อาทิตย์หนึ่ง (ข่าวเก่า โดยคุณ mk) วันนี้ Amazon ก็เปิดตัวบริการสำหรับอ่านหนังสือที่ซื้อใน Kindle Store บนไอโฟนและไอพอดทัชครับ
บริการนี้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดตัวอ่านมาติดตั้งได้ฟรีผ่านทาง iTunes Store หลังจากดาวน์โหลดมาแล้วก็สามารถที่จะดาวน์โหลดหนังสือที่ซื้อไว้ใน Kindle Store มาอ่านบนไอโฟนได้ นอกจากนี้ถ้าหากผู้ใช้มี Kindle อยู่แล้วก็สามารถที่จะสลับกันอ่านระหว่างทั้งบนไอโฟนและ Kindle ได้โดยเทคโนโลยี Whispersync ที่จะคงสภาพหน้าที่อ่านค้างไว้ และที่คั่นหน้าต่างๆ ที่ใส่ไว้ได้ด้วย
ฟีเจอร์อ่านหนังสือออกเสียงใน Kindle 2 นั้นโดนสมาคมนักเขียนออกมาเตือนว่าผิดลิขสิทธิ์ เพราะถือว่ามันเป็นหนังสือเสียง (audiobook) ซึ่งขายลิขสิทธิ์แยกกับหนังสือปกติ (ข่าวเก่า)
ทาง Amazon ออกมาตอบกลับแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด เพราะเป็นการอ่านออกเสียงสด ไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลไว้ และไม่ถือเป็นการแสดง ไม่ได้ดัดแปลงเนื้อหาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Amazon ได้ยอมถอยหนึ่งก้าว โดยให้สำนักพิมพ์ (ที่ขาย e-Book ผ่าน Kindle) สามารถเลือกปิดฟีเจอร์นี้ในตัวหนังสือ e-Book ที่ขายได้
เปิดตัวตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้า และหน้าตาเหมือนภาพที่เคยหลุดออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนทุกประการ
ความเปลี่ยนแปลงของ Kindle 2.0
Amazon จะเปิดตัวเครื่องอ่าน e-Book รุ่นสองของแบรนด์ Kindle ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ โดย Jeffrey P. Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon จะมาเป็นคนนำเสนอด้วยตัวเอง
หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2007 เครื่อง Kindle ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐ (เหตุผลหนึ่งก็เพราะได้โอปราห์ วินฟรีย์ มาช่วยโปรโมท) ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Kindle คือการบอกรับแมกกาซีนหรือหนังสือพิมพ์ในรูป e-Book ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะดาวน์โหลดไฟล์มาให้อัตโนมัติทุกเช้าพร้อมให้อ่านขณะนั่งกินกาแฟ
หลายๆ คนคงรู้จักโปรแกรมอ่าน PDF จิ๋วแต่แจ๋วจากบริษัท Foxit ตอนนี้ทาง Foxit ได้ขยายกิจการของตัวเองจากซอฟต์แวร์หันมาทำเครื่องอ่าน e-book เพิ่มเติมแล้ว
เครื่อง eSlick จาก Foxit เป็นเครื่องอ่าน e-book แบบเดียวกับ Kindle แต่ไม่มีระบบการสมัครสมาชิกเหมือนกับที่ Amazon มี จอภาพขาวดำไล่สีได้ 4 ระดับ ความละเอียด 600 x 800 พิกเซลที่ 166 dpi น้ำหนักเพียงแค่ 180 กรัม (รวมแบตเตอรี่แล้ว) มีหน่วยความจำภายใน 128MB และแถม SD ขนาด 2GB มาให้
ระบบปฏิบัติการของ eSlick นั้นใช้ลินุกซ์ ฟอร์แมตเอกสารที่รองรับคือ .txt และ .pdf (มีโปรแกรมแปลง PDF แถมมาให้) นอกจากนี้ถ้าเบื่อๆ สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเล่น MP3 ได้ด้วย
หลังจากที่กูเกิลลงทุนจ่ายเงินเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ต่างๆ เพื่อมาลงใน Book Search (ข่าวเก่า) วันนี้กูเกิลเปิดเผยว่าได้เอานิตยสารบางส่วนเข้ามาอยู่ใน Book Search แล้วครับ
ผู้ที่สนใจอ่านนิตยสาร สามารถค้นหาตามชื่อนิตยสารหรือข้อความภายในได้เสมือนเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง และยังสามารถย้อนดูฉบับเก่าๆ ทีละฉบับได้ด้วย อย่างไรก็ตาม บางนิตยสารอาจจำกัดการดูจำนวนหน้า หรือไม่มีฉบับล่าสุด
บริการ Google Book Search ที่กูเกิลทำการสแกนหนังสือในห้องสมุดเอามาเก็บไว้ในเว็บที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 4 ปีนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นบริการที่ดีสำหรับผู้ใช้ แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาคดีความกับสำนักพิมพ์ต่างๆ มานานแล้ว (ข่าวเก่า) ในวันนี้กูเกิลออกมาจำนนยอมจ่ายเงินค่าหนังสือทั้งหมดให้กับสำนักพิมพ์ทั้งหลาย
แม้กระดาษอิเลกทรอนิกส์ยังคงมีราคาแพงมากในวันนี้ แต่ทางนิตยสาร Esquire ก็เลือกที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ในฉบับฉลองครบรอบ 75 ปี ทำให้ปกนิตยสารฉบับนี้มีภาพเคลื่อนไหวในตัว
ตัววงจรใช้แบตเตอรี่แบบ CR2016 หรือแบตกระดุมที่เราใช้กันในรีโมตจำนวน 6 ก้อน ให้อายุการใช้งานประมาณ 6 ถึง 9 เดือน ควบคุมด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์ PIC 12f629
นิตยสารฉบับนี้จะวางตลาดประมาณ 230,000 ฉบับ หรือประมาณหนึ่งในสามของยอดขาย ส่วนที่เหลือนั้นจะเป็นกระดาษปกตามปรกติ
ดูเหมือนว่าทางนิตยสาร Esquire ตั้งใจจะออกนิตยสารเล่มนี้มาให้แฮกเกอร์โดยเฉพาะ โดยในหน้าบรรณาธิการมีการระบุว่าอยากได้ยินเรื่องราวจากผู้ที่ดัดแปลงแก้ไขหน้าปกเล่มนี้ว่าทำอะไรไปบ้าง และในตัววงจรเองนั้นมีกระทั่งช่องเชื่อมต่อเพื่อโปรแกรมชิปเข้าไปใหม่ได้
ทางทรู ดิจิตอลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ส่งจดหมายหาผู้ใช้บริการแล้วว่าจะทำการปิดการให้บริการ e-book เนื่องจากสัญญากับทาง Zinio หมดลง ส่วนลูกค้าที่ยังมีเงินอยู่ในระบบทางทรูจะจัดการโอนยอดเงินคงเหลือเข้าบัญชีธนาคารของลูกค้าให้ สำหรับผู้ที่สมัครหนังสือรายปี ก็จะได้รับหนังสือรูปเล่มแทนในเดือนถัดไป แต่กรณีนี้ไม่รวมผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ จะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่มีในประเทศไทยแทน
ที่มา - True E-book Forum
สมรภูมิของ DRM เริ่มลดลงอย่างมากหลังจากค่ายเพลงแทบทุกค่ายยอมขายเพลงของตัวเองโดยไม่มี DRM กันไปแล้ว ตอนนี้อีกตลาดที่ใหญ่มากๆ ในต่างประเทศคือตลาดหนังสือแบบเสียง (audiobook) นั้นก็ทำท่าว่าจะตามแนวทางของค่ายเพลงไปแล้ว เมื่อทาง Random House สำนักพิมพ์ผู้ถือสิทธิ์ในหนังสือแบบเสียงมากที่สุดในตลาดได้ส่งจดหมายไปยังพันธมิตรทางธุรกิจว่าบริษัทกำลังจะเริ่มขายไฟล์ MP3 ที่ไม่มีการป้องกัน นอกจากว่าจะมีคู่ค้ารายใดต้องการคัดค้าน ตามมาด้วยการตัดสินใจแบบเดียวกันจากสำนักพิมพ์อันดับสองคือ Penguin Group
แม้ว่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มามากเกี่ยวกับ Kindle อุปกรณ์อ่านหนังสือพกพาอิเล็กโทรนิกส์ก็ตาม ล่าสุดดูเหมือนว่าเจ้า Kindle จะมาแรงกว่าที่หลาย ๆ คนคิดไว้
Amazon เริ่มขาย Kindle ในราคา 399 ดอลลาร์หรือประมาณ 13,000 บาทตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ตอนนี้ขายหมดซะแล้ว กลายเป็นของขาดตลาดไปอย่างรวดเร็วราว ๆ กับสมัย Wii, เพลย์สเตชั่น 3 หรือไอโฟนเลยทีเดียว
Kindle จะออกวางขายอีกรอบวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ลูกค้าที่สนใจควรจะสั่งซื้อเพื่อที่จะ "จองคิว" ล่วงหน้า
ก่อนหน้านี้หลาย ๆ บริษัทที่พยายามจะทำอุปกรณ์ E-book ทั้งหลายรวมถึงโซนี่นั้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มาถึงตอนนี้ก็คงพูดไม่ได้แล้วว่า Kindle ไม่ประสบความสำเร็จ
จากข่าว Amazon เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์อ่าน eBook ทำให้วันนี้เว็บจำนวนมากพูดถึงกันแต่เรื่องนี้ครับ
รายละเอียดของ Kindle เพิ่มเติมจากข่าวต้นฉบับ
นิตยสาร Newsweek รายงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ตัวใหม่่ที่กำลังจะออกมาชื่อ "Kindle" ที่จะเปิดตัวที่ราคา 399 ดอลลาร์ (เทียบเท่า iPod touch หรือ iPhone)
อุปกรณ์ตัวนี้ได้ชื่อว่าจะเป็น "ไอพ็อดแห่งโลกของคนรักการอ่าน" โดย Kindle นี้จะไม่เหมือนกับสินค้าอื่น ๆ ที่มีในตลาดอยู่แล้ว ด้วยเทคโนโลยี EV-DO และ WiFi ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อและดาวน์โหลดหนังสือดิจิตอลกว่า 88,000 เล่มในช่วงเปิดตัว แน่นอนที่สุด อุปกรณ์ตัวนี้ยังสามารถทำให้ผู้ใช้เลือกบอกรับบล็อกและหนังสือพิมพ์หรือข่าวต่าง ๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้แล้วความสามารถอื่น ๆ ก็เป็นการรวมเว็บบราวเซอร์, อีเมล, ความสามารถในการอ่านไฟล์ Word และ PDF นอกจากนี้แล้วยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกได้แก่: