จากการระบาดของ COVID-19 ในอินเดียรอบที่สองนี้ ทำให้มีคนวิจารณ์รัฐบาลอินเดียในโซเชียลมีเดียว่าไม่เตรียมรับมือการระบาด และมีบางส่วนเรียกร้องให้ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดียลาออก
ล่าสุดมีข้อมูลจาก Lumen Database ซึ่งเผยแพร่คำขอให้ลบออกตามกฎหมายว่า รัฐบาลส่งคำขอไปยัง Twitter ให้ลบโพสต์วิจารณ์รัฐบาล จำนวน 52 โพสต์ รัฐบาลอินเดียออกมายืนยันแล้วด้วยว่าได้สั่งให้ Facebook และ Instagram และ Twitter ลบโพสต์ที่เห็นว่าอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน และขัดขวางกระบวนการรับมือโรคระบาด รวมๆ แล้วกว่าร้อยโพสต์
Facebook ประกาศทดสอบความเห็นผู้ใช้งานทั่วโลก เกี่ยวกับความรู้สึกเวลาเห็นโพสต์ใดๆ บนหน้าฟีด ซึ่ง Facebook จะนำผลสำรวจไปปรับอัลกอริทึมการแสดงเนื้อหาใหม่ โดย Facebook จะให้ตอบแบบสอบถามด้านล่างโพสต์ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับโพสต์นี้ โพสต์นี้สร้างแรงบันดาลใจหรือไม่ ในระดับใด
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้สัมภาษณ์นักข่าวในรายการข่าวระบุว่า Facebook กับ Spotify กำลังร่วมกันทำ Project Boombox ที่ผู้ใช้งาน Facebook สามารถฟังเพลงและพอดคาสต์จาก Spotify ได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอป เน้นปรับปรุงประสบการณ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะนักดนตรีที่จะแชร์ผลงานของตัวเองออกไป
TechCrunch ระบุโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ฟีเจอร์นี้เริ่มทดลองในตคลาดนอกสหรัฐฯแล้ว เช่นเม็กซิโก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะทดสอบเป็นวงกว้างมากขึ้นภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
เฟซบุ๊กเปิดตัวฟีเจอร์สำหรับการสื่อสารแบบสังคมออนไลน์ด้วยเสียง 3 ฟีเจอร์รวด ได้แก่
เฟซบุ๊กยังประกาศแนวทางสร้างรายได้สำหรับครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มเสียงใหม่นี้ ผู้ฟังสามารถให้ดาวเป็นรายได้ของครีเอเตอร์ ส่วน Live Audio Room สามารถเปิดรับสมาชิกเสียเงินเข้าร่วมห้องได้
ทุกฟีเจอร์ที่ประกาศออกมายังทดสอบวงจำกัด สำหรับ Soundbites จะทดสอบกับครีเอเตอร์ที่ได้รับเชิญก่อน, Podcast ไม่ระบุเวลาปล่อยชัดเจน, และ Live Audio Rooms น่าจะใช้งานได้ทุกคนภายในกลางปีนี้
เฟซบุ๊กประกาศเพิ่มฟีเจอร์สำหรับโยกข้อมูลออกจากเว็บ แทนที่จะให้ดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงมาในเครื่องเท่านั้น ตอนนี้ผู้ใช้สามารถโหลดโพสต่างๆ ย้ายไปยังบริการอื่น เช่น Blogger หรือ Wordpress.com ได้โดยตรง หรือจะเก็บเป็น Google Docs ก็ได้
ผู้ใช้ที่ได้รับฟีเจอร์นี้แล้วจะเห็นเมนู "Transfer Your Information." เพิ่มขึ้นมา ในหน้า Your Facebook Information ภายใต้ Settings
การย้ายข้อมูลออกเช่นนี้เป็นไปตามแนวทางก่อนหน้านี้ที่เฟซบุ๊กเคยเปิดฟีเจอร์ย้ายภาพและวิดีโอออกไปยัง Google Photos หรือบริการคลาวด์สตอเรจ เช่น Dropbox, Koofr หรือ Backblaze
จากประเด็นข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook 533 ล้านบัญชีถูกเผยบนเว็บบอร์ดแฮกเกอร์ มีทั้งข้อมูล ชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, เพศ, อาชีพ, เมืองและประเทศ, วันเกิด, และบางส่วนมีอีเมลนั้น Facebook ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าส่วนหนึ่งมาจากการ Scraping
โดย Facebook ตั้งทีม External Data Misuse (EDM) ดูแลเรื่องนี้ขึ้นมากว่า 100 คน ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, นักวิเคราะห์และวิศวกรที่มุ่งเน้นการตรวจจับ, บล็อกและยับยั้งการ Scraping
ทีม New Product Experimentation (NPE) หรือทีมบ่มเพาะนวัตกรรมใน Facebook เปิดตัวของใหม่ แอป Sparked เป็นแอปหาคู่ในรูปแบบวิดีโอในแบบสปีดเดท ยังอยู่ในขั้นทดลอง ตัวแอปมีแค่เวอร์ชั่นเว็บบนบราวเซอร์ และต้องใช้โปรไฟล์ Facebook ในการเช้าใช้งาน
วิธีเล่นคล้ายๆ เกมโชว์ คือ ได้คุยกับคนอื่นในแบบวิดีโอคอลแค่ 4 นาที ซึ่งตัวแอประบุว่าหากคุณทั้งสองมีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน ก็จะจัดให้มีการคอลอีกเป็นครั้งที่สองเพื่อแชร์ข้อมูลระหว่างกันเพิ่มเติมผ่าน Instagram, iMessage หรืออีเมล
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนเข้าถึงวัคซีน COVID-19 ได้ทั่วถึง และเริ่มเปิดให้ผู้ใหญ่เข้ามาฉีดวัคซีนได้ ล่าสุด Facebook เตรียมเพิ่มการแจ้งเตือนและระบุข้อมูลว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างไร แต่ละรัฐจะแสดงข้อมูลไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับหน่วยงานสุขภาพในแต่ละพื้นที่ เหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อตอนเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020
Facebook เริ่มแปะป้าย (label) บอกใต้ชื่อเพจว่าเป็นเพจชนิดใด เช่น เพจอย่างเป็นทางการ (official page), เพจที่แฟนๆ ทำกันเอง (fan page) หรือเพจล้อเลียน (satire page) เพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอม ผู้ที่เห็นโพสต์จะได้ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลที่อาจไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ
จากภาพตัวอย่างของ Facebook คือเพจ Future Mayor of the Year ที่เป็นเพจล้อเลียน มีคำว่า Satire Page อยู่ใต้ชื่อเพจในทุกโพสต์ที่เห็นบน News Feed และกดเข้าไปดูจะเห็นคำอธิบายเพิ่มเติม
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีผลเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น
เฟซบุ๊กเปิดชุดข้อมูล Casual Conversations เป็นวิดีโอของนักแสดง 3,011 คน รวมกว่า 45,186 วิดีโอ ที่มีข้อมูลเพศ, อายุ, สีผิว, และสภาพแสง เพื่อใช้ตรวจสอบโมเดลปัญญาประดิษฐ์ว่ามีการโน้มเอียง (bias) ผลการทำนายค่าต่างๆ กับคนกลุ่มใดเป็นพิเศษหรือไม่
แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากในช่วงหลัง แต่เนื่องจากชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกอาจจะไม่ได้ตรวจสอบว่ากระจายครบถ้วนทุกกลุ่มประชาชน หรือชุดข้อมูลเน้นกลุ่มประชากรบางกลุ่มเป็นพิเศษทำให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดเช่น ซอฟต์แวร์ตรวจโรคไม่ได้แนะนำให้คนบางเชื้อชาติไปรักษา แม้จะมีอาการครบก็ตาม
ทีม NPE หรือทีมวิจัยและพัฒนาของ Facebook เปิดทดสอบ Hotline แอปพลิเคชั่นในรูปแบบ web base ที่รวมเอาความสามารถของ Instagram Live และ Clubhouse เข้าด้วยกัน เป็นแพลตฟอร์มพูดคุยเสียง และเปิดให้คนที่เข้าฟังถามคำถามได้ทั้งถามผ่านเสียง หรือถามผ่านการพิมพ์ข้อความ ซึ่งจะต่างจาก Clubhouse ตรงที่ ครีเอเตอร์สามารถเปิดกล้องเพื่อพูดคุยได้ด้วย
ผลสำรวจจากสำนักวิจัย Pew Research Center ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ใหญ่ในสหรัฐ 1,502 คน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 8 กุมภาพันธ์ ถึงการใช้งานโซเชียลมีเดียในช่วงโรคระบาด พบว่าYouTube ครองอันดับ 1 การใช้งานในสหรัฐเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียเจ้าอื่น โดยมีการใช้งานโต 73% ในปี 2019 และโต 81% ในปี 2021
จากกรณีข้อมูล 533 ล้านบัญชี ทาง Facebook ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ถูกคัดลอกมาจากโปรไฟล์ Facebook โดยใช้ช่องโหว่การเข้าถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ผู้ใช้ ก่อนเดือนกันยายน 2019 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเพื่อนๆ และเชื่อมต่อบริการของ Facebook ได้ง่าย
เมื่อพบว่าฟีเจอร์ดังกล่าวมีช่องโหว่ ทาง Facebook จึงอัปเดตเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นใช้ซอฟต์แวร์เลียนแบบแอป Facebook และทำการอัปโหลดหมายเลขโทรศัพท์จำนวนมาก เพื่อดูว่าหมายเลขใดตรงกับผู้ใช้ ซึ่ง Facebook ยืนยันว่าข้อมูลที่เผยออกไปเป็นข้อมูลชุดโปรไฟล์ที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ไม่มีข้อมูลสุขภาพ หรือการเงิน
จากข่าว Facebook กำลังพัฒนา Instagram สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ทำให้กลุ่มผู้ร่างกฎหมายในสหรัฐ 4 คน ทำจดหมายถึง Facebook ขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้
ตัวอย่างเช่น Instagram ทั้งสองเวอร์ชันจะโต้ตอบกันอย่างไร แล้วผู้ใช้งาน Instagram หลัก ดูเนื้อหาที่เด็กๆ โพสต์ได้หรือไม่ และเมื่อผู้ใช้งานอายุครบ 13 ปี Facebook จะจัดการอย่างไรต่อ จะมีการลงทะเบียนให้ใช้งาน Instagram หลักทันทีเลยหรือไม่ มีวิธีจัดการและจัดเก็บข้อมูลอย่างไร เป็นต้น
จากกรณี ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กหลุด 533 ล้านรายการ มีนักวิจัยความปลอดภัยชื่อ Dave Walker จากบริษัท Synack ที่เข้าถึงข้อมูลชุดนี้ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า เขาพบข้อมูลส่วนตัวของ Mark Zuckerberg รวมถึงผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กอีกสองคนคือ Chris Hughes และ Dustin Moskovitz อยู่ในนี้ด้วย
ตัวอย่างข้อมูลที่ถูกนำมาโชว์เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่แล้ว เช่น วันเกิด สถานะการแต่งงาน แต่ Dave Walker ก็ระบุว่ามีข้อมูลส่วนตัวจริงๆ อย่างหมายเลขโทรศัพท์ด้วย ซึ่งเขาทดลองเพิ่มเพื่อนกับ Zuckerberg ในแอพแชท Signal ด้วยเบอร์โทรที่หลุดออกมา ก็พบว่าเป็น Zuckerberg จริงๆ เบอร์โทรถูกต้อง
Alon Gal ซีทีโอบริษัทข้อมูลความปลอดภัยไซเบอร์ Hudson Rock ทวีตว่าเขาไปพบโพสบนเว็บบอร์ดแฮกเกอร์แจกฐานข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 533 ล้านบัญชี มีข้อมูลทั้ง ชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, เพศ, อาชีพ, เมืองและประเทศ, วันเกิด, และบางส่วนมีอีเมล
เฟซบุ๊กยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่อาศัยช่องโหว่เมื่อปี 2019 และบริษัทได้เปลี่ยนนโยบายไม่ให้เข้าถึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ได้อีกแล้ว
ช่วงเวลาที่เฟซบุ๊กแก้ไขช่องโหว่ที่เปิดให้คนนอกเข้าดูหมายเลขโทรศัพท์ได้ก็มีการค้นพบฐานข้อมูลของกลุ่มต่างๆ ที่พยายามดึงข้อมูลจากเฟซบุ๊กไป แต่รอบนี้ข้อมูลกลับปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดฟรี ทำให้กลุ่มคนร้ายอาจจะใช้ข้อมูลกันมากขึ้น
Facebook อัพเดทฟีเจอร์บนหน้าฟีด เริ่มจากเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถระบุได้ว่า อยากให้ใครมาคอมเม้นท์ใต้โพสต์ของเรา มีสามตัวเลือกคือ ทุกคน, เฉพาะเพื่อน และเฉพาะคนหรือเพจที่เราแท็กชื่อในโพสต์
Facebook ยังเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมสิ่งที่มองเห็นบนหน้าฟีด สามารถเลือกได้ว่าให้หน้าฟีดแสดงโพสต์ของใครบ้าง โดยสามารถเลือกเพื่อนและเพจได้ 30 รายเข้ามาอยู่ในกลุ่ม Favorites โพสต์ของคนเหล่านั้นจะปรากฏในอันดับที่สูงขึ้นในฟีดข่าว ถือเป็นการคัดกรองเนื้อหาบนฟีดด้วยตัวเอง ตรงด้านบนของฟีดจะมองเห็นตัวเลือก Home, Favorites, Recents ผู้ใช้สามารถกด Recents เพื่อเปลี่ยนหน้าฟีดให้เป็นไปตามอัลกอริทึมของ Facebook ได้
Facebook ประกาศเตรียมดำเนินการโยงสายเคเบิ้ลใต้ทะเลจากสิงคโปร์ ไปยังอินโดนีเซีย เกาะกวม และสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการร่วมมือกับ Google และผู้ให้บริการโทรคมนาคมเจ้าอื่นในภูมิภาค เพื่อขยายความสามารถในการส่งข้อมูลระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับทวีปอเมริกาเหนือ เพิ่มจากเส้นทางเดิมในแถบฮ่องกงและญี่ปุ่น
Facebook ระบุว่าสายเคเบิ้ลสองเส้นชื่อ Bifrost กับ Echo จะเป็นสายเคเบิ้ลสองเส้นแรกที่ลากผ่านเส้นทางใหม่ในทะเลชวา และจะเพิ่มความจุในการส่งข้อมูลข้ามทะเลแปซิฟิก (trans-pacific) ได้ราว 70% ซึ่งบ้านเราก็น่าจะได้รับอานิสงค์จากการเชื่อมต่อนี้ด้วย เช่นแบนด์วิธอินเทอร์เน็ตที่ส่งข้อมูลข้ามทะเลได้มากขึ้น ดูสตรีมมิ่งจากฝั่งสหรัฐได้ไวขึ้น หรือเล่นเกมออนไลน์เซิฟเวอร์สหรัฐได้โดยมี Ping น้อยลง
GlobalData บริษัทวิเคราะห์ด้านการตลาด เผยตัวเลข Top 5 บริษัทที่เข้าซื้อหรือควบรวมบริษัท AI ในช่วงปี 2016-2020 ที่ผ่านมา พบว่า Apple เข้าซื้อบริษัท AI อื่นมากที่สุด 5 ปีติดต่อกัน ตามมาด้วย Accenture, Google, Microsoft และ Facebook
Facebook รายงานผลการค้นพบแฮกเกอร์ชาวจีนที่ใช้แพลตฟอร์มในการพยายามแฮกบัญชีและกระจายมัลแวร์ทางอินเทอร์เน็ต โดยกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มชาวอุยกูร์ในต่างแดน
กลุ่มแฮกเกอร์นี้ ในวงการความปลอดภัยจะรู้จักในชื่อว่า Earth Empusa, Evil Eye หรือ White PoisonCarp จะใช้แพลตฟอร์มของตัวเองกระจายมัลแวร์และแฮกบัญชีผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ต กลุ่มเป้าหมายคือชาวอุยกูร์ในต่างประเทศที่เป็นนักกิจกรรม นักข่าว ทั้งในสหรัฐฯ, ตุรกี, ซีเรีย, ออสเตรเลีย และแคนาดา
Facebook ประกาศจัดงาน F8 งานสัมมนานักพัฒนาของบริษัทอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 2 มิถุนายน โดยจัดในชื่อว่า F8 Refresh เป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19
จากการแถลงเปิดตัว Reels ในประเทศไทย ทั้ง Facebook และ Instagram ยังเพิ่มฟีเจอร์การใช้เพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ทั้งเพลงไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวในต่างประเทศมาสักพักแล้ว
ใช้สติกเกอร์เพลงใน Stories ทั้งบน Facebook และ Instagram, เพิ่มเนื้อเพลงในภาพและวิดีโอ Stories ทั้ง Facebook และ Instagram และ ใส่เพลงลงในโปรไฟล์ Facebook ได้ ความยาวสูงสุด 90 วินาที โดยในอนาคต นอกจากกดฟังได้แล้ว จะสามารถกดเพื่อให้ระบบนำไปฟังเพลงต่อบน Apple Music ได้ด้วย
Facebook เตรียมพัฒนากำไลข้อมือ (wristband) ที่จะอ่านคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ที่ถูกส่งจากสมองไปยังแขน เพื่อนำไปใช้ควบคุม UI หรือฟังก์ชั่นอื่นๆ ในระบบ Augmented Reality ของแว่น AR ที่ยังไม่วางจำหน่าย โดยใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแค่เพียงความคิดเท่านั้น ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการซื้อกิจการ CTRL-labs ในปี 2019 ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยี wristband อ่านคลื่นสมองมาก่อนหน้านี้
Andrew “Boz” Bosworth รองประธาน Facebook Reality Labs ยืนยันว่ากำไลนี้ไม่สามารถอ่านความคิดในสมองของผู้ใช้แบบละเอียดได้ แต่จะทำงานเหมือนเป็นคีย์บอร์ดที่สั่งการด้วย motor input หรือสัญญาณจากสมองที่สั่งให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว แล้วแปลงไปเป็นคำสั่ง และจะตัดปัญหาการพิมพ์ผิดออกไปอย่างสิ้นเชิง
BuzzFeed รายงาน Facebook กำลังพัฒนา Instagram สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี พ่อแม่ควบคุมการเล่นได้ Vishal Shah รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Instagram ระบุผ่านกระดานข้อความที่ส่งกันภายในว่า Instagram สำหรับเด็กจะโฟกัสที่ 2 สิ่ง คือ เร่งสร้างความเป็นส่วนตัวสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยเมื่อใช้งาน และ สร้าง Instagram ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่มาใช้งานครั้งแรก
เฟซบุ๊กประกาศรองรับการล็อกอินขั้นตอนที่สองด้วยกุญแจ FIDO บนโทรศัพท์มือถือ จากเดิมที่ใช้งานบนเว็บมาตั้งแต่ปี 2017
เฟซบุ๊กรองรับการล็อกอินขั้นตอนที่สองต่อจากรหัสผ่านทั้งหมด 4 วิธี ได้แก่ แอปล็อกอิน (เช่น Google Authenticator, Microsoft Authenticator), กุญแจ FIDO หรือ Security Key, ข้อความ SMS, รหัสผ่านกู้คืนบัญชี เป็นรหัสตายตัวจดใส่กระดาษไว้ใช้งานภายหลัง แต่ที่ผ่านมาการล็อกอินบนโทรศัพท์มือถือนั้นไม่รองรับกุญแจ FIDO
การใช้กุญแจ FIDO บนโทรศัพท์มือถือมีหลายรูปแบบทั้งการเสียบ USB เหมือนเดสก์ทอป, แตะ NFC, และเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth โดยแอปเฟซบุ๊กรองรับทั้งหมดทั้งบน iOS และแอนดรอยด์