ระบบค้นหาปัจจุบันของ Facebook ที่เรียกว่า Graph Search คือสามารถค้นหารูป สถานที่ เพจ โดยต้องใช้คำค้นหาเป็นประโยคหรือวลีที่ Facebook แนะนำมาเท่านั้น แต่หลังจากนี้ระบบค้นหาจะสามารถค้นหาสิ่งอื่นๆ ที่มากกว่าเดิมได้ก็คือสามารถค้นหาโพสต์โดยใช้คำค้นหา ซึ่งจะทำให้ได้ผลการค้นหาที่มากกว่าเดิม
เบื้องต้นระบบค้นหาโพสต์จะใช้ได้ในสัปดาห์นี้ เฉพาะผู้ใช้ US บน iPhone และ desktop รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ search.fb.com
งานนี้ก็อาจจะต้องปรับค่าความเป็นส่วนตัวกันเยอะหน่อย เพราะอะไรๆ ก็สามารถขุดเจอได้มากขึ้น
ที่มา - Facebook Newsroom
แอพ Slingshot มีอัพเดตความสามารถตามนี้
สนใจก็อัพเดตได้ ที่นี่
ที่มา - TalkAndroid
ระหว่างการสัมภาษณ์โดยนิตยสาร Time เรื่องโครงการ Internet.org เมื่อไม่นานมานี้ Mark Zuckerberg นายใหญ่แห่ง Facebook ได้กล่าวถึง Apple ว่าเป็นบริษัทที่ตั้งราคาสินค้าสูงกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า
Facebook ประกาศความร่วมมือกับบริษัทความปลอดภัย ESET (เจ้าของแอนตี้ไวรัส NOD32 ที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดี) เพื่อตรวจสอบมัลแวร์ในระบบของ Facebook
ถ้าหากผู้ใช้ติดมัลแวร์อยู่ก่อนและระบบของ Facebook ตรวจเจอ ก็จะแสดงข้อความเตือนให้สแกนมัลแวร์ ซึ่งกดแล้ว ESET จะทำงานเบื้องหลังเพื่อสแกนและตรวจจับมัลแวร์ในเครื่อง โดยไม่ต้องออกจาก Facebook เลย
Facebook เคยประกาศความร่วมมือแบบเดียวกันกับ F-Secure และ Trend Micro มาก่อนแล้ว โดยบริษัทบอกว่าระบบความปลอดภัยของทั้ง 3 ค่ายจะช่วยกันตรวจหามัลแวร์ทั้งใน News Feed และ Messages เพื่อป้องกันผู้ใช้งานให้มากที่สุด
แทบไม่ต้องสงสัยว่าตอนนี้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น Facebook แต่เมื่อมองถึงแฟลตฟอร์มโซเชียลที่เติบโตมากที่สุดในปีนี้คงไม่ใช่ Facebook แน่ๆ และจากรายงานของ Global Web Index กลายเป็น Tumblr ที่ขึ้นแท่นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เติบโตเร็วที่สุดในตอนนี้ แซงหน้าทั้ง Instagram แชมป์เก่า และ Pinterest ม้ามืดอีกรายไปอย่างฉิวเฉียด
จากรายงานที่ว่ามาตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Tumblr เพิ่มจำนวน active user ได้มากถึง 120% แม้ว่าจะมีผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นน้อยกว่า Pinterest ก็ตาม ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook นั้นมีจำนวน active user เพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น
ผู้ใช้คงคุ้นเคยกับสถานะที่ใช้แสดงความรู้สึกหรือกิริยาอาการต่างๆ (กำลังดู, กำลังกิน, กำลังจะไปเที่ยวที่.., ฯลฯ) กันแล้ว ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Facebook Profile แต่ตอนนี้ Page ก็สามารถแสดงความรู้สึกแบบนี้ได้เช่นกัน
ก็น่าจะเป็นลูกเล่นเล็กๆ ที่เพจสามารถนำมาใช้เพิ่มสีสันให้กับการโพสต์คอนเทนต์เพื่อเข้าถึงกลุ่มแฟนๆ ก็ไปลองเล่นกันดูได้
ที่มา - All Facebook
ระยะหลังมานี้ทาง Facebook ได้ปล่อยแอพใหม่ออกมากินพื้นที่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของเราอยู่เรื่อยๆ วันนี้ทาง Facebook ได้ปล่อยแอพใหม่มากินพื้นที่หน้าจอเราเพิ่มขึ้นอีกตัวแล้วครับ
คุณใช้ Facebook เพื่อติดตามข่าวสารและพูดคุยในกลุ่มเป็นประจำใช่หรือไม่? รู้สึกรำคาญที่ต้องแตะหน้าจอไม่รู้กี่ครั้งกว่าจะเข้าไปถึงหน้ากลุ่มได้หรือเปล่า วันนี้ Facebook เสนอทางเลือกที่ (คิดว่า) ดีกว่าด้วยแอพที่ชื่อว่า Groups
หลังจากปล่อยให้ใช้งาน Facebook ทำงานประจำกันตามมีตามเกิดมานาน วันนี้มีรายงานว่า Facebook กำลังจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับคนทำงานในชื่อ Facebook at Work เร็วๆ นี้แล้ว
ตามรายงานของ Financial Times บอกว่า Facebook at Work จะทำให้ผู้ใช้สามารถมีโปรไฟล์ได้ทั้งส่วนตัว และทำงาน แม้ว่าหน้าตาโดยรวมจะไม่ต่างกับ Facebook แบบปกติ แต่จะเพิ่มฟีเจอร์สำหรับทำงานมา เช่น ช่องทางสำหรับติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญต่างๆ และการทำงานเอกสารร่วมกัน เป็นต้น
แหล่งข่าวรายงานว่าฟีเจอร์ใหม่นี้เริ่มทดสอบกันในสำนักงานเมืองลอนดอนบ้างแล้ว ซึ่งถ้าหากเปิดตัวมาจริง Facebook ก็จะมีเครื่องมือสำหรับคนทำงานไปแข่งกับเจ้าใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ และกูเกิลเสียที
Facebook ออกมาประกาศนโยบายใหม่ของการแสดงเนื้อหาใน News Feed โดย "โพสต์เนื้อหาเชิงโฆษณา" (promotion post หมายถึงเนื้อหาแนวโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ซื้อโฆษณา) จะถูกแสดงผลน้อยลง
เหตุผลเกิดจาก Facebook สำรวจสถิติความพอใจของผู้ใช้ News Feed แล้วพบว่าผู้ใช้ไม่ชอบเนื้อหาเชิงโฆษณาเหล่านี้ ตามปกติแล้ว Facebook มีระบบการจำกัดจำนวนโฆษณา (ads) บน News Feed เพื่อรักษาประสบการณ์การใช้งาน แต่กลับกลายเป็นช่องว่างให้โพสต์แบบปกติ (organic) ที่มีเนื้อหาเชิงโฆษณาแทน
Facebook ระบุว่าโพสต์เชิงโฆษณาที่พบบ่อยคือ โพสต์ขายของแบบตรงๆ หรือชวนให้ติดตั้งแอพ, โพสต์ชวนผู้ใช้ร่วมสนุกหรือชิงรางวัล และโพสต์ที่นำเนื้อหาแบบเดียวกับโฆษณามาใช้งาน (ตัวอย่างตามภาพ)
นอกจาก Facebook จะทำหน้า Privacy Basics ให้ผู้ใช้ได้เข้าใจวิธีตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ง่ายขึ้น ก็ยังใช้โอกาสเดียวกัน อัพเดตหน้า terms, data policy และหน้า cookies policy เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ Facebook กำลังทำ และยังปรับปรุงประสิทธิภาพของการแสดงผลโฆษณาที่อิงจากแอพและเว็บไซต์ที่เราใช้ รวมทั้งเปิดให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสควบคุมประเภทของโฆษณาอีกด้วย
จุดอ่อนที่ทำให้ Facebook ถูกโจมตีและเป็นปัญหาเสมอมานั่นคือเรื่องของความเป็นส่วนตัว หลายๆ ประเด็นทำให้ผู้ใช้คลางแคลงใจว่าข้อมูลของตัวเองถูกนำไปใช้มากแค่ไหน ตลอดจนถึงวิธีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในหลายๆ จุดที่ทำให้รู้สึกไม่เป็นอิสระเอาเสียเลย ที่ผ่านมา Facebook ก็มีการปรับความยืดหยุ่นในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวโดยรับฟังผู้ใช้มาตลอด และครั้งนี้ก็ได้ทำหน้า Privacy Basics เพื่อให้ความรู้กับผู้ใช้ในสามส่วนต่อไปนี้
ฟีเจอร์นี้มาแนวๆ เดียวกัย A Look Back คือให้คนขอบคุณกันผ่านวิดีโอ โดยจะสามารถเลือกเพื่อนที่เราต้องการขอบคุณได้ และในวิดีโอก็จะแสดงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราและเพื่อนคนนั้นมีร่วมกัน (สามารถเลือกเปลี่ยนรูปได้)
ฟีเจอร์นี้สามารถสร้างได้ทั้งบนคอมและมือถือ โดยเข้าไปเล่นกันได้ที่ facebook.com/thanks
ที่มา - Facebook Newsroom
Facebook ออกมาประกาศสถิติผู้ใช้งานจริง (active user) ของแอพสนทนา Messenger ว่าทะลุหลัก 500 ล้านคนต่อเดือนไปเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะใช้นโยบายออกแอพรุ่นใหม่ทุก 2 สัปดาห์เพื่อปรับปรุงคุณภาพอยู่เสมอ
David Marcus หัวหน้าทีม Messenger (เขาเป็นอดีตซีอีโอของ PayPal ที่เพิ่งย้ายมาเมื่อเดือน มิ.ย.) บอกว่าเราจะได้เห็น Messenger มีผู้ใช้งานเกิน 1 พันล้านคนอย่างแน่นอน
Marcus เล่าว่าเขามาทำงานนี้เพราะ Mark Zuckerberg เชิญไปทานอาหารเย็นและชักชวนให้มาดูแลแอพ Messenger ที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่กว่ามากในอนาคต จนสุดท้ายเขาตัดสินใจออกจาก PayPal ที่มีพนักงาน 15,000 คน มาคุมฝ่าย Messenger ที่มีพนักงานไม่ถึง 100 คน
Facebook ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับคนที่รำคาญหรือไม่อยากเห็นโพสต์ของเพื่อนบางคน แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากเลิกติดตามไปเลย สามารถสั่งให้ "แสดงโพสต์ของคนนี้ให้น้อยลง" (See less from ...) ได้จากเมนู I don't want to see this บริเวณมุมขวาบนของโพสต์
นอกจากนี้ Facebook ยังเพิ่มตัวเลือกใหม่ใน News Feed settings ให้เราสามารถเลือกติดตาม/ไม่ติดตาม (follow/unfollow) ไม่ว่าจะเป็น "เพื่อน/เพจ/กลุ่ม" ได้ตามต้องการ สามารถหยุดติดตามไประยะหนึ่งแล้วกลับมาติดตามใหม่ได้ง่ายขึ้นด้วย ช่วยให้คนที่รำคาญโพสต์เหล่านี้สามารถหยุดพักการติดตามได้โดยไม่ต้อง unfriend/unlike หรือออกจากกลุ่ม
จากข่าว Mark Zuckerberg เตรียมจัดเวทีตอบคำถามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กสงสัย เมื่อวานนี้เขาก็ตอบคำถามรอบแรกไปแล้ว มีคำถามยากๆ ในหลายประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องบังคับให้ดาวน์โหลด Messenger
เขายอมรับว่าการขอให้ผู้ใช้ Facebook ลงแอพ Messenger แยกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุผลเป็นเพราะการทำงานของแอพ Facebook หลักคือ News Feed ต่างไปจากการส่งข้อความมาก และเขามองว่าในอนาคตผู้คนจะส่งข้อความมากขึ้นเรื่อยๆ (ปัจจุบัน Facebook มีข้อความวิ่งผ่านวันละ 1 หมื่นล้านข้อความ) การเปิดแอพ Facebook มา รอโหลดเสร็จ แล้วเปลี่ยนแท็บเป็น Message เพื่อคุย ทำแบบนี้วันละประมาณ 15-20 ครั้ง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่ากับการเปิดแอพ Messenger โดยตรง
หัวหน้าทีม Mark Zuckerberg บริจาคเงินส่วนตัวช่วยสนับสนุนการต่อสู้กับโรคอีโบลาไปแล้ว ถึงคราว Facebook จะเชื้อเชิญให้ผู้ใช้งานร่วมบริจาคเงินกันบ้าง
Facebook จะเพิ่มปุ่มเชื้อเชิญให้ผู้ใช้งานบริจาคเงินสนับสนุนองค์กรที่ทำงานต่อสู้โรคอีโบลาในแอฟริกา โดยสามารถเลือกได้ว่าจะบริจาคให้ International Medical Corps, American Red Cross, Save the Children (ดูรายละเอียดได้ที่เพจ Fight Ebola)
เฟซบุ๊กปล่อยไลบรารี Proxygen ที่เขียนด้วย C++ มีเป้าหมายว่าจะสร้างไลบรารีสำหรับเขียนเซิร์ฟเวอร์ HTTP, พรอกซี่, หรือไคลเอนต์ จุดเด่นของมันคือการรองรับมาตรฐานใหม่ๆ เช่น SPDY/3, SPDY/3.1 โดยโค้ดทั้งหมดมีสัญญาอนุญาตแบบ BSD ที่เปิดให้ใช้งานได้ง่าย (ใช้ในโครงการปิดซอร์สได้)
ในรุ่นแรกที่เฟซบุ๊กปล่อยออกมาจะมีตัวอย่างเฉพาะการทำเว็บเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก แต่รุ่นต่อๆ ไปจะมี API สำหรับการสร้างไคลเอนต์มาให้ ส่วน HTTP/2 นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา
เฟซบุ๊กเพิ่มโครงการ Proxygen นี้เข้าโครงการรับรางวัลจากการหาบั๊กความปลอดภัย พร้อมกับเตือนว่าหากพบบั๊กความปลอดภัยให้แจ้งผ่านโครงการอย่าโพสบั๊กปกติที่เปิดให้ทุกคนเห็น
ที่มา - GitHub
เฟซบุ๊กเปิดรายการคำขอจากรัฐบาลทั่วโลกครึ่งปีแรกของปี 2014 ทั่วโลกมีคำขอจากรัฐบาลทั้งหมด 34,946 คน เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ทั้งหมด 49,479 คน และมีรายการจำนวน "ชิ้นของเนื้อหา" ที่ปิดกั้นตามคำขอของรัฐบาล 8,774 รายการ
สำหรับการปิดกั้นเนื้อหาจะไม่รวมเนื้อหาที่ผิดต่อข้อกำหนดของเฟซบุ๊กอยู่แล้ว
เมื่อวานนี้เฟซบุ๊กเปิดตัวบริการ facebookcorewwwi.onion ให้ผู้ใช้ทั่วโลกเข้าถึงผ่าน Tor hidden service ได้ ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติม ที่ชัดเจนที่สุดคือโดเมน .onion ของเฟซบุ๊กเป็นโดเมนแรก ที่ได้ใบรับรองดิจิตอลของจริงจากทาง DigiCert โดยในใบรับรองใบเดียวกันยังรับรอง .onion ของเฟซบุ๊กอีกสองโดเมน ได้แก่ fbcdn23dssrjqnp.onion และ fbsbx2q4mvcl63pw.onion
การเข้าเว็บผ่าน Tor hidden service หรือ .onion นี้ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแบบ HTTP หรือ HTTPS ก็ล้วนเป็นการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสทั้งสิ้น แต่เฟซบุ๊กเลือกที่จะเชื่อมต่อแบบ HTTPS เพิ่มเติมขึ้นมาอีกชั้น ทำให้โดเมนของเฟซบุ๊กกลายเป็นโดเมน .onion ที่แสดงบนเบราว์เซอร์ชัดเจนว่าเป็น HTTPS
ทุกๆ วันศุกร์ เฟซบุ๊กจะมีกิจกรรมถามตอบที่พนักงานในบริษัทสามารถถามปัญหาต่างๆ กับ Mark Zuckerberg ในสิ่งที่อยากรู้ได้ ซึ่งการทำกิจกรรมนี้ Mark Zuckerberg ได้กล่าวว่ามันจะทำให้เห็นทิศทางการทำงานภายในองค์กร รวมถึงปรับปรุงบริการของเฟซบุ๊กให้ดีขึ้น ล่าสุด Mark Zuckerberg ได้เปิดกิจกรรมถามตอบนี้แก่บุคคลทั่วไป โดยจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. (เวลาไทยโดยประมาณ วันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 5.00 น.) ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมหรือสามารถชมย้อนหลังได้
หากมีคำถามอยากถาม Mark Zuckerberg สามารถฝากคำถามไว้ที่ได้เพจ Q&A with Mark ซึ่งคำถามไหนได้รับการกด Like มากที่สุด ก็จะได้รับการตอบคำถามจาก Mark Zuckerberg โดยตรง
โครงการเพิ่มความปลอดภัยให้เฟซบุ๊กหรือ Protect the Graph ประกาศช่องทางเข้าถึงเฟซบุ๊กผ่านเครือข่าย Tor ในโดเมน facebookcorewwwi.onion หรืออ่านว่า Facebook's Core WWW Infrastructure เป็นช่องทางมาตรฐานสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเข้าถึงเฟซบุ๊กผ่าน Tor
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2014 มีรายได้รวม 3,203 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 806 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 90%
โฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของ Facebook ทำเงินในไตรมาสนี้ 2,960 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน และ 66% ของรายได้โฆษณาเป็นโฆษณาจากแพลตฟอร์มบนมือถือ
จำนวนผู้ใช้งานล่าสุด แบ่งได้เป็นผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน 864 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน และเป็นผู้ใช้งานบนมือถือ 703 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำระดับทุกเดือนมีอยู่ 1,350 ล้านคน
เมื่อปีที่แล้ว Yahoo Mail นำชื่ออีเมลเก่ามารีไซเคิลใหม่ ซึ่งสร้างความกังวลในแง่ความปลอดภัยของเจ้าของอีเมลคนเก่า เพราะอีเมลอาจถูกนำไปใช้รีเซ็ตรหัสผ่านบริการอื่นๆ ได้
Yahoo กับ Facebook ร่วมกันแก้ปัญหานี้โดยพัฒนาเทคนิคที่เรียกว่า RRVS (Require-Recipient-Valid-Since) โดย Facebook จะใส่ timestamp ไปในอีเมลรีเซ็ตรหัสผ่าน เพื่อระบุว่า Facebook ยืนยันตัวเจ้าของอีเมลครั้งสุดท้ายเมื่อใด ถ้าฐานข้อมูลของ Yahoo เทียบแล้วพบว่ามีการเปลี่ยนเจ้าของอีเมลหลังจาก timestamp นั้น เซิร์ฟเวอร์เมลของ Yahoo จะปฏิเสธอีเมลรีเซ็ตฉบับนั้น ช่วยป้องกันบัญชี Facebook ของผู้ใช้งาน
ช่วงนี้มีข่าวคนดังเปิดบัญชีโซเชียลกันเยอะ รายล่าสุดคือ Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวอังกฤษ ที่เปิดเพจ Facebook ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ และเมื่อคืนนี้เขาก็โพสต์ข้อความเป็นครั้งแรก
ข้อความแรกของ Hawking บอกว่าเขาสงสัยเรื่องการกำเนิดของจักรวาลมาโดยตลอด แม้การมีอยู่ของเวลาและอวกาศยังเป็นปริศนา แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความอยากรู้ของเขาได้ ตอนนี้เขามีโอกาสอันดีในการร่วมเดินทางตามหาความจริงกับทุกๆ คนผ่าน Facebook ขอให้ทุกคนจงหมั่นสงสัยต่อไป ดังเช่นที่เขาจะทำต่อไป (Be curious, I know I will forever be.)
ก่อนหน้านี้ Facebook ได้เปิดตัวแอพ Rooms เป็นแอพสร้างห้องไว้คุยเรื่องต่างๆ และคนที่อยู่ในห้องต้องได้รับเชิญเท่านั้น ดูเหมือนจะงานเข้าเสียแล้ว เพราะ Room Inc. บริษัทผู้สร้างแอพ Room ได้ออกมาโวยว่าแอพ Rooms จาก Facebook ลอกไอเดียเขาไปทั้งหมด
Damien Rottemberg ผู้ร่วมก่อตั้งและดำรงตำแหน่ง CTO ของ Room Inc. ได้ให้ความเห็นกรณีนี้ โดยเขาไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และเขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม Facebook และทีมกฏหมายถึงปล่อยแอพนี้มาได้ เพราะมันเหมือนกันทั้งชื่อ (Room กับ Rooms) และความสามารถ