จากกรณี มร. Tor Odland ผู้ประสานงานสื่อมวลชนของ เทเลเนอร์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ให้สัมภาษณ์กับสื่อหนังสือพิมพ์ Aftenposten ของนอร์เวย์พาดพิงว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เป็นผู้สั่งให้ดีแทคระงับการใช้งานเฟซบุ๊ก กรณีปัญหาเฟซบุ๊กล่มในประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น
สำหรับมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกคราวนี้ ช่องทางในการติดตามข่าวของทีมโปรดของตัวเองนอกจากจะผ่านทางแอพ FIFA World Cup หรือสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter และ Facebook ยังสามารถอัพเดตข่าวฟุตบอลโลกจากช่องทางอื่นๆ ได้ด้วย เช่น Telegraph, Fourfourtwo, Goal, Skysport, ESPN
นับวันเราจะยิ่งเล่น Facebook ได้ทุกที่ทุกเวลาขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอัพเดตล่าสุดของแอพ Facebook บน Android เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ใช้งานได้ แม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็ตาม
โดยในอัพเดตเวอร์ชัน 10.0 ของ Facebook ผู้ใช้จะสามารถกดไลค์ภาพ โพสต์ หรือเพจได้ แม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ (เข้าใจว่าแอพจะส่งข้อมูลหลังจากต่ออินเทอร์เน็ตในภายหลัง)
นอกจากนี้แล้ว ในอัพเดตนี้ Facebook ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ลบแท็กของตัวเองทั้งจากรูปของเพื่อน หรือรูปของตัวเองก็ตาม และสามารถ mute เพื่อนเพื่อเลิกรับรูป และโพสต์จากเพื่อนรายนั้นได้ด้วย
อัพเดตได้จาก Play Store เช่นเคยครับ
เฟซบุ๊กประกาศอัพเดตใหม่ เป็นการปรับปรุงความสามารถของการฝังโพสต์ (embed post) โดยเฉพาะ เริ่มจากโพสต์ที่มีรูปภาพหรือวิดีโอ เมื่อถูกฝัง ภาพหรือวิดีโอนั้นจะแสดงอยู่เหนือข้อความของโพสต์นั้นๆ (เหมือนทวีตที่มีรูปภาพที่ถูกฝัง)
นอกจากนั้นยังปรับปรุงให้โพสต์ที่ถูกฝังโหลดเร็วขึ้น ทำให้สามารถฝังโพสต์ได้หลายโพสต์ในหนึ่งหน้าโดยมีดีเลย์ที่น้อยลง รวมไปถึงเวลาตั้งความกว้าง (width) ของโพสต์ที่จะถูกฝัง เฟซบุ๊กจะจำตัวเลขความกว้างไว้ให้ สำหรับการฝังโพสต์ในครั้งต่อๆ ไป
มหกรรมฟุตบอลโลก 2014 กำลังจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า ในยุคที่กระแสข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้ามามากมายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ก็เกาะกระแสนี้เช่นกัน
เริ่มจากเว็บสมาชิกเกินพันล้านของพี่มาก (ที่ไม่ได้อยู่พระโขนง) ได้เปิดหน้าพิเศษ Trending World Cup อัพเดตข่าวสารจากโพสต์ในเพจของทีมที่เข้ารอบสุดท้าย เพจของนักฟุตบอล รวมถึงโพสต์ของเพื่อนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลก และเมื่อการแข่งขันแต่ละนัดเริ่ม ก็สามารถโพสต์ว่ากำลังดู (Watching...) ฟุตบอลคู่นั้นๆ ผ่านสถานะของตนได้ เฟซบุ๊คยังมีฟีเจอร์แผนที่แสดงความนิยมของนักเตะชื่อดังในทีมที่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกจำแนกตามประเทศด้วย
หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเฟซบุ๊กกำลังพัฒนาแอพคู่แข่ง Snapchat โดยจะใช้ชื่อว่า Slingshot โดยล่าสุดเฟซบุ๊กได้เผลอปล่อย Slingshot ขึ้นบนแอพสโตร์ในบางประเทศ โดยไม่ได้ตั้งใจ และได้ทำการถอดลงจากสโตร์เรียบร้อยแล้ว
ทางโฆษกของเฟซบุ๊กได้ออกมายืนยันว่า เป็นความผิดพลาดของเฟซบุ๊กจริง ที่เผลอปล่อย Slingshot ขึ้นแอพสโตร์ อย่างไรก็ดีโฆษกไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะปล่อยแอพนี้ขึ้นสโตร์อย่างเป็นทางการเมื่อใด บอกเพียงแค่ว่า "เร็วๆ นี้" เท่านั้น
ที่มา - The Verge
Facebook ประกาศว่า David Marcus อดีตหัวหน้าทีม PayPal (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ eBay) จะเข้ามาร่วมงานกับ Facebook โดยดูแลส่วนผลิตภัณฑ์ Mobile Messenger
Marcus ทำงานให้กับ PayPal มานานสามปี หลังจากที่ eBay ซื้อกิจการสตาร์ทอัพระบบจ่ายเงิน Zong ที่เขาก่อตั้ง โดยเริ่มงานตำแหน่งแรกในฐานะรองประธานส่วนบริการ PayPal บนมือถือ และขึ้นเป็นประธาน PayPal ในเวลาต่อมา
Marcus ยังโพสต์ใน Facebook ระบุว่าหลังจากได้พูดคุยวิสัยทัศน์ของบริการ Messenger กับ Mark Zuckerberg เขาจึงตัดสินใจย้ายมารับโอกาสใหม่ที่ Facebook นี้
หนังสือพิมพ์ Aftenposten ของนอร์เวย์ อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ Tor Odland ผู้ประสานงานสื่อมวลชนของ Telenor Asia เกี่ยวกับปัญหาเฟซบุ๊กเข้าใช้งานไม่ได้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 โดยระบุว่าทาง DTAC ได้รับโทรศัพท์จาก กสทช. ของไทย ให้บล็อคการเข้าใช้เฟซบุ๊ก ทาง DTAC ตอบรับและปิดกั้นการใช้งานในเวลา 15:35 ในวันนั้น ส่งผลต่อผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เชื่อมต่อผ่าน DTAC จำนวน 10 ล้านคน
ช่วงขวบปีที่ผ่านมา ทางเฟซบุ๊กได้มีการปรับอัลกอริทึมให้การแสดงโพสต์ของเพจบนนิวส์ฟีดผู้ใช้ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นหน้าร้าน และเป็นการบีบให้เพจเหล่านั้นไปซื้อโฆษณาเพื่อเพิ่มผลการแสดงโพสต์
ล่าสุด Brian Bolan หัวหน้าทีมการตลาดผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ปรับการเข้าถึง (reach) ลง พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้เพจซื้อโฆษณาแต่อย่างใด
Brian Bolan หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์โฆษณาของ Facebook ได้เขียนบล็อกอธิบายเรื่องปัญหาโพสต์ของเพจมีคนเห็นลดลง (organic reach) ซึ่งเป็นข้อมูลเพิ่มเติมจากที่มีคนเคยอธิบายอัลกอริทึม News Feed ก่อนหน้านี้ สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ครับ
หลังจากที่มีข่าวเปลี่ยนดีไซน์เพจแบบใหม่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ Facebook ก็ประกาศว่าพร้อมให้เพจทุกเพจได้ใช้เลย์เอาต์แบบใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยแอดมินเพจสามารถเลือกอัพเดตเพจเป็นแบบใหม่ได้ทันที หรือยังอยากสั่งลาเลย์เอาต์แบบ 2 คอลัมน์ก็ยังทำได้จนถึงวันที่ 12 มิถุนายนนี้ โดยเมื่อถึงวันที่ 12 ทุกเพจจะถูกปฏิวัติให้ได้รับเพจเลย์เอาต์ใหม่โดยอัตโนมัติและหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา - Facebook for Business
Facebook ซื้อกิจการบริษัท Pryte ของฟินแลนด์โดยไม่เปิดเผยมูลค่า โดยทีมงาน Pryte จะเข้าร่วมทำงานกับ Facebook ทั้งหมด
Pryte เป็นบริษัทที่ยังไม่เปิดตัวบริการของตัวเอง (ก็โดนซื้อเสียแล้ว) แต่ไอเดียหลักของบริษัทคือโซลูชันด้านการบริหารจัดการข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมือถือ (mobile data) โดยเน้นประเทศกำลังพัฒนาที่ลูกค้าอาจไม่มีเงินซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดได้
เทคโนโลยีของ Pryte คือการขายแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแยกเป็นรายแอพ และจำกัดปริมาณข้อมูลที่แต่ละแอพจะใช้งานได้ โดยผู้ใช้งานสามารถกดซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากมือถือได้ง่ายๆ เสมือนว่าเป็นแอพตัวหนึ่ง
เมื่อสักครู่นี้ ผู้เขียนข่าวพบว่า เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าเว็บไซต์ Facebook โดยไม่ผ่าน HTTPS จะถูก redirect หน้าไปที่หน้าเพจ ซึ่งมีโลโก้กระทรวง ICT และข้อความว่า "เว็ปไซต์นี้มีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ถูกระงับโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร"
ผู้เขียนแนะนำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เตรียมช่องทางการสื่อสารสำรองอื่นๆ นอกจากบริการหลัก เช่น Facebook/Twitter/LINE และควรใช้บริการเว็บใดๆ โดยผ่าน HTTPS เป็นสำคัญ
ขณะที่เขียนข่าวและทดสอบเข้า Facebook ผู้เขียนใช้บริการอินเทอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (UNINET) อยู่ หากผู้อ่านพบการบล็อก Facebook ผ่าน ISP อื่น สามารถแจ้งเข้ามาได้ครับ
คงเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงบ่ายวานนี้ เกิดปรากฏการณ์เฟซบุ๊กไม่สามารถเข้าใช้งานได้ และเป็นกระแสขึ้นมาว่าเฟซบุ๊กโดนบล็อก จนกระทั่งมีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจาก คสช. ว่าไม่ได้มีคำสั่งบล็อก Facebook แต่เป็นปัญหาที่เกิดจาก gateway ซึ่งแน่นอนว่าเกิดคำถามและการตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานา ถึงปัญหาการล่มของ gateway ดังที่ คสช. ชี้แจงออกมา
ทั้ง Google และ Facebook ต่างมีโครงการที่ดำเนินตามอุดมการณ์ที่ต้องการให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากยิ่งขึ้น โครงการที่สำคัญของ Google คือ Project Loon ที่เริ่มจากการใช้บอลลูนกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตสู่พื้นที่ห่างไกลความเจริญ ส่วน Facebook ก็มีโครงการ Internet.org ร่วมกับบริษัทไอทีอีก 6 ราย ที่ใช้แนวทางการพัฒนาสมาร์ทโฟนให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น และพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้มีการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุด 2 ยักษ์ใหญ่ไอทีก็ใจตรงกันว่าควรจะใช้ดาวเทียมเพื่อเพิ่มบริการอินเทอร์เน็ตสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก ได้ออกมายืนยันว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่มีการออกคำสั่งให้บล็อกการใช้งาน Facebook แต่อย่างใด หลังผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากไม่สามารถใช้งานได้ และกล่าวว่าหากมีการบล็อกจริงก็จะออกคำสั่งออกมาก่อน
ด้านพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ก็ยืนยันเช่นกันว่าคสช. ไม่ได้สั่งระงับ Facebook เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้มีรายงานว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ Facebook ได้
ในขณะที่ยังไม่รู้สาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Facebook ตอนนี้ก็อยากให้ผู้อ่าน Blognone ช่วยกันมารายงานว่าเกิดอะไรขึ้นกับอินเทอร์เน็ตของตัวเองบ้าง มีใครเข้าใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ผ่านอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายอะไรครับ
อัพเดต ล่าสุดมีรายงานจากทวิตเตอร์ของจส.100 ระบุว่ากระทรวง ICT มีคำสั่งให้ระงับการใช้งาน Facebook ชั่วคราวครับ
Facebook เริ่มนำระบบความสัมพันธ์ของวัตถุหรือ Open Graph มาใช้งานตั้งแต่ปี 2011 (ข่าวเก่า) โดยแอพในระบบของ Facebook สามารถโพสต์ "กิจกรรม" ของผู้ใช้ลงหน้า Timeline ได้อัตโนมัติ (เช่น แอพอาหารสามารถโพสต์ว่าผู้ใช้คนนี้กำลังกินข้าวเมื่อเช็คอินที่ร้านอาหาร หรือ แอพดนตรีสามารถโพสต์ว่าผู้ใช้ฟังเพลงไหนทุกครั้งที่เปลี่ยนเพลง)
นโยบายข้างต้นของ Facebook ถูกวิจารณ์ว่ามันทำให้ข้อมูลใน News Feed รกเกินกว่าที่ควรจะเป็น และล่าสุด Facebook ก็ยอมปรับนโยบายนี้แล้ว โดยแอพที่โพสต์สถานะแบบอัตโนมัติ (แอพโพสต์ให้แทนผู้ใช้) จะถูกลดความสำคัญลงจากเดิม
Glassdoor เว็บไซต์ที่ให้ลูกจ้างในบริษัทต่างๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็น ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน ข้อดีข้อเสียของบริษัท (พูดง่ายๆ คือให้เข้ามารีวิวบริษัทตัวเอง) ได้รวบรวมบริษัทที่ติดอันดับ จ่ายค่าจ้างและสวัสดิการดีที่สุดจากการรีวิวของลูกจ้าง มาทั้งหมด 25 บริษัท โดยอันดับหนึ่งคือ Google ตามมาด้วย Facebook และ Adobe ที่อันดับสามและสี่ นอกจากนั้นยังมีบริษัทไอทีอย่าง Microsoft, Riverbed, Qualcomm และ VMware ติดอยู่ด้วยเช่นกัน
Facebook อัพเดตระบบเพจของตัวเอง เปิดให้ร้านอาหารสามารถใส่เมนูอาหาร และราคาเข้าไปในเพจได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ผู้ใช้ที่เข้าไปยังเพจร้านอาหารสามารถกดเพื่อดูเมนูอาหารได้ทันที ถ้าหากว่าเจ้าของร้านได้ทำการใส่ข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวิธีการใส่ข้อมูลจะต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค โดยในสหรัฐฯ และแคนาดาจะทำผ่าน SinglePlatform บริการจัดการรายชื่อออนไลน์สำหรับร้านค้าที่นอกจากจะแสดงเมนูได้แล้ว ยังสามารถปรับแต่งเมนู (เช่น เพิ่มชีส) ใส่รูปภาพ และอื่นๆ ได้อีกด้วย ในขณะที่ผู้ใช้ประเทศอื่นต้องอัพโหลดไฟล์ PDF ขึ้นไปเองผ่านเมนู Settings > Page Info > Menus
Facebook เคยมีการปรับค่าความเป็นส่วนตัวนี้มาก่อนแล้ว แต่เฉพาะสมาชิกใหม่ที่อยู่ในช่วงอายุ 13-17 ปี แต่หลังจากนี้จะใช้มาตรการนี้เหมือนกันกับสมาชิกใหม่ทุกช่วงอายุ คือค่าความเป็นส่วนตัวตั้งต้นจะเห็นได้เฉพาะเพื่อนเท่านั้น แต่หากผู้ใช้อยากโพสต์ให้เห็นแบบสาธารณะก็สามารถปรับเปลี่ยนเองได้
นอกจากนี้ในกรณีของผู้ใช้ที่มีบัญชี Facebook อยู่แล้ว ในอีกสองสามสัปดาห์ Facebook จะมีเครื่องมือให้เช็กความเป็นส่วนตัวของบัญชีเรา และมีเครื่องมือแจ้งเตือนก่อนโพสต์ หากโพสต์นั้นมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็นสาธารณะ
ที่มา - Facebook Newsroom
การทำงานของฟีเจอร์นี้คือ เมื่อเปิดให้ระบบสามารถจดจำด้วยเสียงได้ ระบบจะหาเพลงที่เราฟัง รายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่เราดู แล้วแท็กเพลงหรือรายการดังกล่าวขึ้นโพสต์ให้ จากปกติที่เมื่อเราจะโพสต์ว่าเราดูหรือฟังอะไร ก็ต้องเลือกรายการนั้นๆ ด้วยตัวเอง ลองดูคลิปท้ายข่าวจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้จะปรากฎในแอพทั้ง iOS และ Android ในเร็วๆ นี้ แต่เปิดให้ใช้ในอเมริกาก่อนในเบื้องต้น
ที่มา - Facebook Newsroom
ทีมความปลอดภัยของเฟซบุ๊ก ประกาศผ่านโน้ตของหน้าเพจว่า เฟซบุ๊กได้เริ่มแจ้งเตือนผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์สำหรับสแกนมัลแวร์ หากระบบพบว่าเครื่องที่ทำการล็อกอินติดมัลแวร์ โดยซอฟต์แวร์นี้ได้รับการพัฒนาโดย F-Secure และ Trend Micro ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดตัวใดตัวหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าติดมัลแวร์ชนิดใด
เมื่อผู้ใช้กดดาวน์โหลด ระบบจะทำงานอยู่เบื้องหลังและผู้ใช้สามารถใช้งานเฟซบุ๊กต่อได้ตามปกติ เมื่อซอฟต์แวร์ถูกดาวน์โหลดและสแกนเสร็จเรียบร้อย ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้อีกครั้ง และทำการถอนการติดตั้งตัวเองออกโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถปฏิเสธที่จะดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ได้ แต่ก็จะได้รับการแจ้งเตือนอีกครั้งเมื่อล็อกอิน
Publicis Groupe บริษัทเอเจนซี่โฆษณาอันดับ 3 ของโลก ได้ตกลงเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเฟซบุ๊ก โดยสัญญานี้มีมูลค่าถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยข้อตกลงในสัญญาออกมา โดยดีลนี้จะมีผลต่อบริษัทลูกของทั้งสองบริษัทด้วย
กลุ่มลูกค้าของบริษัทเอเจนซี่เหล่านี้จะได้เรทโฆษณาในราคาพิเศษ ขณะที่บริษัทเอเจนซี่สามารถเข้าถึงข้อมูล insight และบุคลากรของเฟซบุ๊ก เพื่อผลิตสื่อโฆษณาพิเศษเฉพาะบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
งบประมาณจำนวนมากขึ้นกำลังถูกใช้ในการโฆษณาบนสื่ออินเทอร์เน็ตและโมบาย ถึงแม้จะยังไม่เท่าสื่อโฆษณาบนโทรทัศน์ก็ตาม แต่ก็เริ่มเห็นทิศทางของความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างก่อนหน้านี้ อินสตาแกรมและทวิตเตอร์ก็มีการเซ็นสัญญาในลักษณะเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน
หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานว่า Facebook กำลังพัฒนาแอพพลิเคชันในแนวเดียวกับ Snapchat ที่เป็นแอพที่ใช้ส่งวิดีโอหรือภาพนิ่งหากันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหายไป โดยแอพมีชื่อเรียกเป็นการภายในว่า Slingshot และ Mark Zuckerberg เป็นผู้ดูแลโปรเจคนี้ด้วยตนเอง
โปรเจคนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ Mark Zuckerberg ล้มเหลวที่จะซื้อกิจการของ Snapchat ด้วยดีลมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์
คาดว่า Slingshot จะเป็นแอพแบบ standalone เช่นเดียวกับแอพ Messenger และ Paper ซึ่งเป็นไปตามแแนวทางของ Zuckerberg ที่จะแยกแต่ละบริการออกจากกัน ไม่รวมกันเป็นก้อนเดียว