หลังเป็นประเด็นและสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่จากคำสั่งประธานาธิบดี ที่ห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับบริษัทที่อาจเป็นภัยกับความมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าหวยลงที่ Huawei
ล่าสุดจากการเจรจาทวิภาคีระหว่างสหรัฐและจีนในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นไปในทางบวก ซึ่งไม่เพียงลดความตึงเครียดของสงครามการค้าเท่านั้น Trump ยังตอบคำถามสื่อหลังการเจรจาด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐจะกลับมาอนุญาตให้บริษัทอเมริกันส่งสินค้าให้กับ Huawei อีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังคงกังวลเรื่องประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงอยู่ (Huawei ยังคงอยู่ใน Entity List) ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะพูดคุยหาทางออกประเด็นนี้ต่อไป Trump ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะนำ Huawei ออกจาก Entity List นอกจากเพียงว่าจะกลับไปพูดคุยหาทางออกต่อไป
Huawei จัดแคมเปญ Grand Sale 2019 คาดว่าน่าจะเพื่อกระตุ้นยอดขายที่อาจะหดหายไป หลังข่าวการถูกรัฐบาลสหรัฐแบน
โปรโมชันที่ Huawei ขนมากินระยะเวลา 2 เดือนตั้งแต่ 28 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคมนี้ด้วยโปรโมชัน 3 ต่อ ต่อแรกสินค้าราคาพิเศษ พร้อมของสมนาคุณทุกสัปดาห์ ต่อที่ 2 รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือนกับบัตรที่ร่วมรายการ และต่อที่ 3 ลุ้นรถยนต์ BMW 520d M sport มูลค่า 3.5 ล้านบาท
สินค้าราคาพิเศษและของสมนาคุณในสัปดาห์แรก ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน – 4 กรกฏาคมนี้คือ
อุตสาหกรรมชิปเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและตื่นตัว หลังมีคำสั่งประธานาธิบดีห้ามทำธุรกิจกับบริษัทจีน ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ผลิตชิปสหรัฐหลายเจ้ากำลังหาทางส่งของให้ Huawei อีกครั้งตามสัญญา โดยที่ไม่ละเมิดกฎหมายที่ออกมา
บริษัทที่เริ่มกลับมาส่งมอบแล้วมี Micron ผู้ผลิตชิปแฟลชเมมโมรี, Qualcomm และ Intel โดยแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลตรงนี้ระบุว่าบริษัทอย่าง Intel และ Micron ส่งมอบโดยไม่ระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของอเมริกามาได้ราว 3 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากตัวโรงงานที่ผลิตชิปตั้งอยู่นอกสหรัฐอยู่แล้ว ขณะที่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามส่งมอบสินค้าที่ผลิตจากนอกสหรัฐ
Wall Street Journal ระบุว่าได้รับรายงานของบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Finite State ที่ชี้ว่าอุปกรณ์เครือข่ายของ Huawei มีแนวโน้มจะถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ได้มากกว่าแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ ซึ่งรายงานชิ้นนี้ถูกส่งมอบให้รัฐบาลสหรัฐและสหราชอาณาจักรแล้วด้วย
นักวิจัยได้นำเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับองค์กรของ Huawei กว่า 10,000 ตัว มาทดสอบผ่านอุปกรณ์กว่า 500 ชิ้น ก่อนจะพบว่าเฟิร์มแวร์กว่า 55% มีช่องโหว่อย่างน้อยๆ 1 ช่องโหว่ ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่เจอในอุปกรณ์ของคู่แข่งค่อนข้างมาก โดยช่องโหว่เหล่านั้นรายงานระบุว่ามีสิทธิจะเป็น backdoor ก็ได้ด้วยซ้ำไป (potential backdoor)
Huawei ประเทศไทยเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Y ตัวใหม่คือ Y9 Prime 2019 ใช้ดีไซน์จอ FullView ไร้ติ่ง ใช้กล้องหน้าแบบป๊อปอัพตามเทรนด์มือถือปีนี้
สเปกของ Y9 Prime 2019 คือหน้าจอขนาด 6.59" สัดส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2340 x 1080 (Full HD+), หน่วยประมวลผล Kirin 710F, แรม 4GB, สตอเรจ 128GB พร้อมรองรับ microSD, แบตเตอรี่ 4,000 mAh, พอร์ต USB Type-C พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
กล้องหลังของ Y9 เป็นเลนส์ 3 ตัว แบ่งเป็นเลนส์ปกติ 16MP, เลนส์มุมกว้าง 8MP, กล้องวัดระยะลึก 2MP, ระบบปฏิบัติการเป็น EMUI 9, ตัวสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
สัปดาห์ที่แล้ว Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายสมาร์ทโฟนนอกจีนปีนี้น่าจะตกราว 40% ล่าสุดเจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับ CNBC กลับลำบอกว่ายอดขายน่าจะตกไม่เกิน 20% เท่านั้น
Ren ให้เหตุผลว่าธุรกิจฝั่งผู้บริโภค (มือถือ) ของ Huawei นอกจีนฟื้นกลับมาเร็วกว่าที่คาด ทำให้รายได้น่าจะตกลงไม่เกิน 20% เท่านั้น ขณะที่ธุรกิจในจีน Ren บอกว่าแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย ดังนั้นเขาคาดว่าธุรกิจมือถือในปีนี้ของ Huawei ไม่น่าจะตกลงในระดับร้ายแรงขนาดนั้น
ของใหม่อีกอย่างที่ Huawei เปิดตัวมาพร้อมมือถือ Nova 5 คือแท็บเล็ต MediaPad M6 ภาคต่อของ MediaPad M5 ที่เปิดตัวในปี 2018
Huawei MediaPad M6 ยังคงแนวทางเดิมคือมี 2 ขนาดหน้าจอ 8.4" และ 10.8" ที่ความละเอียด 2560x1600 เท่ากัน และสเปกอย่างอื่นเหมือนกันทุกประการ (แตกต่างกันแค่ขนาดหน้าจอและแบตเตอรี่)
จุดที่น่าสนใจคือมันใช้หน่วยประมวลผล Kirin 980 ตัวแรงที่สุดของ Huawei ในตอนนี้ (ตัวเดียวกับในเรือธง P30) สเปกอื่นคือแรม 4GB, สตอเรจ 64GB/128GB รองรับ microSD, กล้องหน้า 8MP, กล้องหลัง 13MP, ระบบเสียง Harman Kardon, ใช้พอร์ต USB-C
ถึงแม้มรสุมรุมเร้า แต่ Huawei ก็ยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวมือถือตระกูล Nova 5 พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่นย่อยคือ Nova 5, Nova 5 Pro และ Nova 5i
Nova 5 และ Nova 5 Pro ใช้บอดี้ตัวเดียวกัน หน้าจอ OLED ขนาด 6.39" ใช้ดีไซน์กล้องหน้าติ่งรูปหยดน้ำ ความละเอียด 32MP และมีตัวสแกนลายนิ้วมือใต้จอ, กล้องหลังอัดมา 4 ตัวคือกล้องหลัก 48MP, กล้องมุมกว้าง 16MP, กล้องวัดระยะลึก 2MP, กล้องมาโคร 2MP, แบตเตอรี่ 3,500mAh พร้อม fast charge 40 วัตต์, ระบบปฏิบัติการ EMUI 9 (Android Pie)
จุดต่างของ Nova 5 Pro กับ Nova 5 รุ่นธรรมดา คือตัวหน่วยประมวลผล แรม สตอเรจ
แม้ Google จะออกมาประกาศตัดสัมพันธ์กับ Huawei ตามคำสั่งประธานาธิบดีจนทำให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์หายไป ถึงกระนั้นสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นก็ยังดูมีอนาคตอย่างน้อยก็ใน Android Q รุ่นหน้า เมื่อ Huawei ออกมาประกาศรายชื่อที่ได้รับอัพเดตทั้งหมด 17 รุ่น
รายชื่อทั้งหมดมีตั้งแต่รุ่นล่าสุดไปจนถึงรุ่นที่ออกมา 2 ปีแล้วได้แก่
หนึ่งในปัญหาที่เกิดกับ Huawei หลังถูกแบนจากสหรัฐคือเรื่องของความเชื่อมั่น แน่นอนว่า Huawei ก็ต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าสมาร์ทโฟนและแอปต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
หนึ่งในแคมเปญของ Huawei ที่ฟิลิปปินส์คือโปรโมทว่า หากสมาร์ทโฟนของตัวเอง ไม่สามารถใช้งานแอปฮิตๆ จากสหรัฐได้อย่าง YouTube, Gmail, Facebook, WhatsApp, Instagram ภายใน 2 ปีนับจากวันที่ซื้อ Huawei ยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวน โดยมีดีลเลอร์และร้านค้าปลีกกว่า 30 รายเข้าร่วมแคมเปญนี้ โดยทาง Huawei ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงว่าประเทศอื่นจะใช้แคมเปญนี้ด้วยหรือไม่
หลังจากโน้ตบุ๊กของ Huawei ถูกถอดออกจาก Microsoft Store ให้หลังการประกาศคำสั่งประธานาธิบดี ล่าสุดทั้ง Matebook 13, Matebook และ Matebook X Pro กลับมาวางขายบน Microsoft Store แล้ว
ด้านไมโครซอฟท์ชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้ประเมินและได้ปฏิบัติตามข้อฎหมายและพูดคุยกับธุรกิจภาคส่วนต่างๆ มาโดยตลอด จึงตัดสินใจจะวางขายโน้ตบุ๊ก Huawei "ที่เหลืออยู่" (existing inventory) บน Microsoft Store อีกครั้ง ซึ่งเมื่อถูกถามในรายละเอียด โฆษกไมโครซอฟท์ระบุว่าการขายอุปกรณ์ที่เหลืออยู่นั้น ยังคงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งผู้เขียนคาดว่าน่าจะหมายถึงว่าขายเท่าที่สต๊อคเหลืออยู่เท่านั้น (ตอนนี้มี Matebook X Pro ขึ้นว่า 'Out of Stock')
หลังประกาศคำสั่งประธานาธิบดีของสหรัฐที่ส่งผลให้บริษัทสัญชาติอเมริกันไม่สามารถทำธุรกิจกับ Huawei ได้ จนอาจส่งผลกระทบในหลายๆ ด้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกระทบในระยะกลางและระยะยาวมากกว่า อย่างไรก็ตามผลกระทบในระยะสั้นที่สุดของ Huawei คือเรื่องของความเชื่อมั่นในแบรนด์ และดูเหมือนว่าจะกระทบไม่น้อยเสียด้วย
Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ที่ระยะหลังปรากฎตัวต่อสื่อมากขึ้นได้ให้สัมภาษณ์กับ China Global Television Network ยอมรับว่าบริษัทคาดว่าน่าจะสูญเสียรายได้ราวๆ 3 หมื่นล้านเหรียญภายใน 2 ปีข้างหน้า จากมาตรการครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะเดียวกันยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกก็น่าจะหายไปไม่เกิน 40% ด้วย เรียกได้ว่าเป้าหมายของการแซงซัมซุงเป็นเบอร์ 1 ถูกดับไปดื้อๆ
Reuters รายงานอ้างอิงคนที่เกี่ยวข้องว่าผู้ผลิตชิปในสหรัฐที่เคยเป็นซัพพลายเออร์ให้ Huawei ซึ่งรวมถึง Qualcomm และ Intel ได้เจรจาพูดคุยและล็อบบี้กระทรวงพาณิชย์ให้ผ่อนปรนมาตรการแบน Huawei
บริษัทอ้างว่าผลิตภัณฑ์อย่างสมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊คหรือเซิร์ฟเวอร์โดยปกติใช้ชิ้นส่วนที่มีการใช้งานกันทั่วไปอยู่แล้ว และไม่น่าจะสร้างปัญหาด้านความมั่นคงเหมือนกรณีอุปกรณ์ 5G โดยการโต้แย้งครั้งนี้จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อช่วย Huawei แต่เพื่่อช่วยบริษัทและคนอเมริกัน
สมาร์ทโฟนพับจอได้ Huawei Mate X มีอันต้องเลื่อนวันวางขายซะแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ Huawei ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะวางขายในเดือนกรกฎาคมตามแผนเดิม แต่ล่าสุดต้องเลื่อนออกไปอีกเล็กน้อยเป็นเดือนกันยายนแทน
โฆษกของ Huawei ให้เหตุผลว่าต้องการเวลาเพื่อทดสอบเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจอพังแบบเดียวกับ Samsung Galaxy Fold และจะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสื่อมเสีย
หลังจากที่ Huawei จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า HongMeng OS ในจีนไปแล้ว ล่าสุด Reuters รายงานอ้างอิงข้อมูลจาก U.N. World Intellectual Property Organization (WIPO) ว่า Huawei ได้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า HongMeng ในอีกหลายประเทศอย่างน้อย 9 ประเทศรวมถึงในยุโรปแล้ว
เอกสารจดเครื่องหมายการค้าชี้ว่า Huawei ต้องการใช้ HongMeng OS ในหลายอุปกรณ์ตั้งแต่สมาร์ทโฟน ไปจนถึงหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์ในรถ ส่วนประเทศที่ Huawei จดเครื่องหมายการค้าก็มีอาทิกัมพูชา, แคนาดา, เกาหลีใต้, นิวซีแลนด์, เปรู และไทยด้วย ขณะที่ Andrew Williamson รองประธานด้านสาธารณะและการสื่อสารยืนยันว่า Huawei กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการหาทางเลือก
ความวัวยังไม่ทันหาย Huawei กลับมาเป็นประเด็นข่าวอีกแล้ว หลังมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนซีรีส์ P20, P30, Honor 10 รายงานว่าพบการแสดงโฆษณาในหน้าล็อคสกรีน
มือถือของ Huawei มีฟีเจอร์แสดงภาพพื้นหลังของหน้าจอล็อคสกรีนที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ (เรียกว่า magazine) ซึ่งผู้ใช้ที่ตั้งค่าแสดงภาพหมวด landscape จะเห็นโฆษณาของเว็บจองโรงแรม Booking.com และไม่สามารถปิดได้ ทางออกเดียวคือต้องเปลี่ยนภาพพื้นหลังไม่ใช้แบบ magazine เท่านั้น
ผู้ใช้ที่พบโฆษณามาจากหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ เยอรมนี นอร์เวย์
ที่มา - Android Police
ดูเหมือนว่า Huawei จะมองหาทางออกหลายแบบในการแก้ปัญหาไม่สามารถใช้งาน Android ได้ นอกจาก Hongmeng หรือ Ark OS ยังมีข่าวว่าบริษัทสนใจทดสอบระบบปฏิบัติการจากรัสเซียด้วย
ข้อมูลนี้มาจากเว็บไซต์ข่าว The Bell ของรัสเซีย ที่ระบุว่า Huawei กำลังเจรจากับบริษัท Open Mobile Platform (OMP) ของรัสเซีย ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการ Aurora OS เพื่อนำไปใช้งาน ตอนนี้ Huawei กำลังทดสอบ Aurora OS กับฮาร์ดแวร์บางรุ่นแล้ว
เมื่อวานมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า Huawei สั่งระงับการผลิตโน้ตบุ๊คและชะลอโคตรงการพัฒนา ล่าสุด The Information รายงานในทิศทางเดียวกัน โดยอ้างอิงพนักงาน Huawei ที่เกี่ยวข้องว่า Huawei เลื่อนการเปิดตัวโน้ตบุ๊คใหม่ออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
การยกเลิกแผนเปิดตัวโน้ตบุ๊คครั้งนี้นับเป็นผลกระทบแรกๆ ของ Huawei หลังคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ฝั่งสมาร์ทโฟน Huawei ยังพอมีแผนและช่องทางในการเอาตัวรอดอยู่บ้าง
DigiTimes สื่อของไต้หวันรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากซัพพลายเชนที่ผลิตโน้ตบุ๊คให้ Huawei ว่าบริษัทจากจีนสั่งหยุดการผลิตและระงับการส่งมอบโน้ตบุ๊ค ทั้ง MateBook และ MagicBook ของ Honor รวมถึงสั่งระงับโครงการพัฒนาทุกอย่างออกไปก่อน
ถึงแม้ Huawei จะถูกตัดการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ในการพัฒนาสมาร์ทโฟน แต่ Huawei ก็ยังคงมีช่องทางและความสามารถพอที่จะทำเองได้อยู่ ตรงกันข้ามกับโน้ตบุ๊คที่ Huawei แทบไม่มี know-how เลยไม่ว่าจะเรื่องชิปหรือระบบปฏิบัติการ หลัง Intel ประกาศหยุดทำธุรกิจด้วยและไมโครซอฟท์ก็มีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางนั้น เหลือแค่ AMD ที่แม้จะยังไม่มีท่าที่ แต่ด้วยความที่เป็นบริษัทอเมริกันก็คงจะหนีไม่พ้นเช่นกัน
บริษัทต่างชาติเริ่มมีความเคลื่อนไหวแบนอุปกรณ์หัวเว่ยจากคำสั่งแบนของสหรัฐฯด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ลังเล โดยฟิลิปปินส์ หนึ่งในพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ลงนามในข้อห้ามของสหรัฐ และกำลังดำเนินการตามแผนการที่จะใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการทดลองใช้ระบบไร้สาย 5G ต่อไป
ถึงแม้จะมีข่าวยืดเวลาการแบน Huawei ออกไปก่อน แต่อนาคตของ Huawei หลายๆ อย่างก็ยังไม่แน่นอนและ Huawei เองก็ยังคงต้องพยายามสร้าง ecosystem ของตัวเองต่อไปเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวด้วย
ล่าสุดมีนักพัฒนาแอปแอนดรอยด์ได้เปิดเผยกับ XDA ว่า Huawei ได้ส่งอีเมลเชิญชวนให้เขียนแอปลงบน AppGallery แอปสโตร์ของ Huawei โดยพยยามชูจุดขายว่า 2 ปีที่ผ่านมา Huawei ส่งมอบมือถือไปกว่า 350 ล้านเครื่องและเกินครึ่งก็อยู่ในตลาดฝั่งตะวันตก ทุกเครื่องมาพร้อม AppGallery โดยมีผู้ใช้แอคทีฟรายเดือน (MAUs) กว่า 270 ล้านราย และนักพัฒนาในชุมชนแล้วกว่า 5.6 แสนคน
ที่มา - XDA
กรณีการแบน Huawei ของรัฐบาลสหรัฐ อาจมีข้อยกเว้นให้บริษัทกลุ่มที่รับงานจากรัฐบาลสหรัฐ (contractor) มีเวลาปรับตัว ยังสามารถค้าขายกับ Huawei ได้อีก 2 ปี
สำนักงานการจัดการและงบประมาณของทำเนียบขาว (Office of Management and Budget หรือ OMB) ยื่นจดหมายขอให้สภาคองเกรส ยืดเวลาการแบนห้ามไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
คำสั่งแบนอันนี้เป็นคนละส่วนกับ คำสั่งทางปกครองของ Trump ที่ห้ามบริษัทเอกชนสหรัฐทำธุรกิจกับ Huawei ที่อยู่ในรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ แต่เป็นคำสั่งอีกชุดตามกฎหมายความมั่นคง (กฎหมาย National Defense Authorization Act ของปีงบประมาณ 2019) ที่ห้าม "หน่วยงานของรัฐ" ใช้อุปกรณ์ของ Huawei
Facebook ยืนยันข่าวการตัดสัมพันธ์กับ Huawei โดยสมาร์ทโฟนของ Huawei ที่จะวางขายในอนาคต จะไม่สามารถพรีโหลดแอพของ Facebook (รวมถึง WhatsApp และ Instagram) ได้อีกต่อไป แต่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Huawei ยังสามารถดาวน์โหลดและใช้งานแอพเหล่านี้ได้ตามปกติ
สมาร์ทโฟนของ Huawei ในบางประเทศยังพรีโหลดแอพ Twitter และ Booking.com แต่ทั้งสองบริษัทยังไม่ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้พรีโหลดเหมือนกรณีของ Facebook หรือไม่
บริษัทวิจัย Harris Interactive ของฝรั่งเศส ได้เก็บรวบรวมข้อมูลบริการหลังการขาย จากเชนเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ Darty โดยเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการขอรับการซ่อมแซมสินค้าที่มีปัญหา ซึ่งยังอยู่ในช่วงรับประกัน โดยเป็นข้อมูลเครื่องใช้ไฟฟ้าหมวดต่าง ๆ รวมทั้งสมาร์ทโฟนด้วย
ข้อมูลพบว่าในช่วงระยะรับประกันสินค้า แบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเคลมแจ้งปัญหาต่ำที่สุด อันดับ 1 คือ Honor แบรนด์ลูกของ Huawei ส่วนอันดับ 2 ก็คือ Huawei เอง ตามด้วยอันดับที่ 3 คือ Apple
รายงานยังบอกว่าค่าเฉลี่ยที่คนเปลี่ยนสมาร์ทโฟนไปเป็นเครื่องใหม่อยู่ที่ราว 3 ปี
ที่มา: Phone Arena
Financial Times รายงานว่า Google ได้ยื่นเรื่องไปยังรัฐบาลสหรัฐจากกรณีที่ต้องหยุดทำธุรกิจกับ Huawei โดยอ้างว่าการทำเช่นนี้อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศมากกว่าที่คิด
Google อ้างว่าการไม่อนุญาตให้ Huawei ใช้แบรนด์แอนดรอยด์รวมถึงบริการของ Google เป็นการบังคับให้ Huawei ต้อง fork ตัวแอนดรอยด์ออกไปทำเอง ซึ่งจะมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกมากกว่า