หลายคนที่ติดตามข่าว Windows Phone 7 อย่างต่อเนื่องก็พอจะทราบว่าจะมีการเปิดตัวในสหรัฐฯ และวางขายในยุโรปในเดือนตุลาคมนี้ แต่ก็ยังไม่มีการพูดถึงตลาดเอเชียแต่อย่างไร
แต่ล่าสุดประธานไมโครซอฟท์ที่อินโดนีเซียเปิดเผยว่าน่าจะมีการวางขายสมาร์ทโฟน Windows Phone 7 ได้ภายในปีนี้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นวันไหนกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามในส่วน Marketplace นั้นเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเปิดสำหรับประเทศอินโดนีเซียได้เมื่อใด
แม้ BlackBerry จะเป็นโทรศัพท์ที่ได้รับความเชื่อถือในแง่ของความปลอดภัยสูงมาก แต่ปัญหาที่รุมเร้ามาในช่วงหลังก็อาจจะทำให้ความวางใจใน BlackBerry ตกต่ำลงได้ เมื่อบริษัท ElcomSoft ได้ออกซอฟต์แวร์เพื่อถอดรหัสไฟล์แบ็กอัพของ BlackBerry ที่เก็บบนพีซีได้ โดยทาง ElcomSoft ได้ชี้จุดอ่อนสองประการของ BlackBerry คือ
หลังจากอินเดียประสบความสำเร็จกับ RIM ผู้ผลิต BlackBerry ที่จะยอมให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกเข้ารหัสไว้ได้ตามกฎหมาย อินเดียก็มีเป้าหมายต่อไปที่จะเข้าไปบังคับให้ตนสามารถเข้าไปติดตามคอนเทนต์ได้ คือ กูเกิล และ Skype
ที่อินเดียสนใจทั้งสองบริษัทก็ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับ BlackBerry คือ หน่วยงานด้านความปลอดภัยประสบปัญหาในการติดตามคอนเทนต์ที่วิ่งผ่านบริการดังกล่าว อันเนื่องมาจากการเข้ารหัสที่บริการเหล่านั้นใช้
ข้าราชการคนหนึ่งได้กล่าวกับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า รัฐบาลส่งหนังสือแจ้งให้สองบริษัททราบในวันอังคาร [ที่ผ่านมา] และทั้งสองบริษัทจะต้องดำเนินการตามคำสั่ง มิเช่นนั้นบริษัทนั้นจะต้องปิดเครือข่ายของตนลง
ทางการอินเดียยืดเวลาให้บริการ BBM แก่ RIM ไปอีก 60 วันระหว่างที่รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาข้อเสนอของ RIM นอกจากนี้ทางการอินเดียระบุว่าแผนการของ RIM ที่เสนอมานั้นกำลังถูกวางระบบเพื่อใช้งานในทันที
อย่างไรก็ตามอินเดียไม่ได้ยอมรับว่าข้อเสนอของ RIM เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ โดยระบุว่ารัฐบาลอินเดียจะประเมินอีกครั้งหลังจากระบบทั้งหมดวางเสร็จแล้ว
รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอินเดียระบุว่าเจ้าหน้าที่ควรสามารถเข้าถึงข้อมูลของเครือข่ายโทรคมนาคมใดๆ ก็ได้รวมไปถึงผู้ให้บริการที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายโทรคมอื่นๆ (เช่น RIM)
ที่มา - Reuters
นี่ไม่ได้เขียนผิดนะครับ ABCDE จริงๆ ไม่ใช่ QWERTY
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ Lava ผู้ผลิตมือถือในอินเดีย ออกมือถือรุ่น B5 (ไม่ใช่น้ำมันดีเซลนะครับ) ที่มีดีไซน์คล้าย BlackBerry Bold ตัวนี้ มาพร้อมกับ Windows Mobile (เอาภาพเขามาใช้ต่างหาก), CDMA EV-DO (GSM ต่างหาก) แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มันมีคีย์บอร์ด ABCDE (ตัวแรกของโลกด้วย) และโปรแกรมแชต Nimbuzz กล้อง 2 ล้านพิกเซล แถม microSD 2GB ด้วย
มันมีสองซิมด้วยนะครับ สนนราคาที่ 4,399 รูปี (ประมาณ 3,020 บาท) ชมภาพได้ท้ายข่าว
Wall Street Journal (WSJ) ได้รายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า บริษัท RIM ได้ยอมให้ข้อมูลและเครื่องมือเพื่อให้หน่วยงานรัฐเข้าไปติดตามการสื่อสารในบริการอีเมลและแชตของ BlackBerry ได้
WSJ ยังอ้างสรุปผลการเจรจาครั้งหนึ่งด้วยว่า RIM ตกลงที่จะเปิดเผยข้อมูลจากอีเมลองค์กรที่ถูกเข้ารหัสไว้ (อาทิ ใครเป็นผู้ส่ง ส่งเมื่อไร ส่งไปถึงใคร) และ RIM ยังยอมที่จะพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้หน่วยงานรัฐตรวจดูข้อมูลบนบริการแชตของ third-party อย่าง Gmail อีกด้วย
WSJ กล่าวทิ้งท้ายว่าความพยายามของ RIM นั้นมากเพียงพอที่จะไม่ให้บริการบน BlackBerry ถูกแบนหรือไม่ยังคงไม่มีความแน่นอน
RIM ผูัผลิต BlackBerry แถลงการในประเด็นที่บริษัทกำลังโอนอ่อนตามข้อเรียกร้องของอินเดียให้เปิดเผยข้อความบนเครือข่ายของ RIM สี่ประเด็นดังนี้
อินเดียได้ขีดเส้นตายให้กับ Research In Motion (RIM) ผู้ผลิตโทรศัพท์ BlackBerry แล้ว โดยจะต้องมีทางออก ให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลในบริการที่ถูกเข้ารหัสของ BlackBerry ได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกปิดบริการได้
บริการที่รัฐบาลมองว่าเป็นปัญหาคือ บริการอีเมล BlackBerry Enterprise และบริการส่งข้อความ BlackBerry Messenger ซึ่งส่งข้อมูลเข้ารหัส ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองในประเทศแคนาดา หากสองบริการนี้ถูกปิดลง ผู้ใช้ BlackBerry ในอินเดียซึ่งมีอยู่ราวหนึ่งล้านคน จะสามารถใช้ได้เพียงโทรศัพท์ และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยเบราว์เซอร์ตามปรกติเท่านั้น
ข้อเรียกร้องของอินเดียต่อบริการข้อความที่เข้ารหัสเช่น Blackberry และ Nokia Messaging เริ่มเป็นผล โดยโนเกียออกมาให้ข่าวว่าบริษัทตกลงที่จะติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับรัฐบาลอินเดียเพื่อจะเข้าตรวจสอบข้อความในระบบ Nokia Push Mail ทั้งหมด
ส่วนทาง RIM นั้นระบุว่าการตกลงเบื้องต้นที่จะเปิดให้รัฐบาลอินเดียเข้าตรวจสอบข้อความในระบบนั้นผ่านไปแล้ว ส่วนขั้นตอนอยู่ในขั้นตอนใดนั้นยังไม่แน่ชัด อย่างไรก็ตามในฝั่ง RIM นั้นยังมีบริการแบบองค์กร ที่หน่วยงานสามารถซือเซิร์ฟเวอร์ไปติดตั้งและใช้คีย์ของหน่วยงานเอง เครื่องเหล่านี้ก็จะยังไม่ถูกตรวจสอบข้อความอยู่ดี และ RIM ไม่สามารถทำอะไรได้ ในส่วนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าอินเดียจะยอมให้บริการเช่นนี้ดำเนินต่อไปได้หรือไม่
บริษัท Foxconn ซึ่งผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด ได้ประกาศปิดโรงงานแห่งหนึ่งในอินเดียเป็นการชั่วคราว หลังจากพนักงานราว 250 คนป่วย
โรงงานผลิตชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ถูกปิดชั่วคราวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบเหตุที่พนักงานประสบภาวะวิงเวียนและคลื่นไส้เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยคาดว่าโรงงานจะกลับมาทำการในเวลาหนึ่งสัปดาห์ บริษัทคาดว่าปัญหาอาจจะเกิดจากยาฆ่าแมลง ในขณะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังสืบส่วนอยู่
ก่อนหน้านี้ บริษัท Foxconn ก็เคยประสบปัญหาพนักงานในประเทศจีนฆ่าตัวตายไปถึง 10 คน
ที่มา – Reuters
งานนี้พญามังกรอย่างจีนเสียหน้าไม่น้อย เมื่อกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (The Ministry of Human Resource Development) ของอินเดีย เปิดตัว Tablet ที่มีราคาน่าออกรายการริบลีย์มากๆ เพียง 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นน่าเสียดายมีเพียงการแถลงเปิดตัว และนำตัวต้นแบบมาโชว์ออกสื่อ แต่ไม่บอกสเปคเครื่องโดยละเอียด ทราบเบื้องต้นเพียงว่า
Sanjay Kapoor ซีอีโอของ Bharti Airtel ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เชื่อว่าการลงทุนโครงข่าย 3G ราคาแพงจะทำให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด และตลาดในระยะยาวจะเหลือผู้ให้บริการที่มีกำไรเพียง 3 ราย Kapoor ยังบอกอีกว่าการตั้งราคาในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจ (แข่งกันลดราคามากเกินไป) ตอนนี้ผู้ให้บริการทุกรายต้องเริ่มมุ่งทำกำไรจากเงินที่ลงทุนไป (จ่ายค่าคลื่น 3G ไปเกือบห้าแสนล้านบาท) กดดันผู้ให้บริการราคาประหยัด (เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น) และผลักดันให้เกิดการควบรวมกิจการระหว่างผู้ให้บริการในตลาดทั้ง 14 ราย
รัฐบาลอินเดียประกาศให้เวลา 15 วันแก่ Research in Motion (RIM) ผู้ผลิต Blackberry และ Skype ผู้ให้บริการ VoIP เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลอินเดียสามารถดักฟังข้อมูลที่สื่อสารบนเครือข่ายของทั้งสองบริษัทได้ ส่วน Gmail นั้นมีการสั่งคำสั่งเดียวกันแต่ยังไม่มีกำหนดเวลา
รัฐบาลอินเดียเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่วิตกต่อความมั่นคงทางอิเลกทรอนิกส์มากที่สุดในโลก โดยมีการสั่งห้ามนำเข้าเครื่องมือสื่อสารจากจีน
ยังไม่มีข่าวจากทั้ง RIM และ Skype ว่าจะทำตามข้อเรียกร้องนี้หรือไม่ แต่แม้จะยอมทำตามแต่เงื่อนไข 15 วันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ที่มา - PhysOrg
ในขณะที่วันนี้ (11 มิ.ย. 2553) กทช. เปิดรับฟังความเห็นเพื่อกำหนดทิศทางการออกใบอนุญาต Broadband Wireless Access (BWA) หรือที่เรามักจะรู้จักกันในนาม WiMAX การประมูลคลื่นความถี่ในย่าน 2.3 GHz สำหรับ BWA ในอินเดียก็เพิ่งจบลงเช่นกันหลังจากผ่านมา 16 วัน 117 รอบ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.84 แสนล้านบาท ทะลุทุกการคาดการณ์อีกแล้ว
19 พ.ค. 2553 - อินเดียปิดฉากการประมูลใบอนุญาต 3G แล้วหลังจากผ่านมา 34 วัน 183 รอบ มูลค่ารวมกว่าห้าแสนล้านบาท!
Bharti ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในอินเดียต้องจ่ายเงินสูงสุดราว 9.4 หมื่นล้านบาทเพื่อให้บริการใน 13 พื้นที่ ตามมาด้วย Vodafone 8.9 หมื่นล้านบาทสำหรับใบอนุญาตใน 9 พื้นที่ และ Reliance 6.5 หมื่นล้านบาทสำหรับใบอนุญาตใน 11 พื้นที่ มูลค่ารวมของการประมูลนั้นอยู่ที่ 5.2 แสนล้านบาท (เกือบสองเท่าจากที่ทางการอินเดียเคยคาดการณ์ไว้)
DOT รายงานการประมูล 3G ในอินเดียที่ผ่านมาแล้ว 33 วัน 180 รอบ ใบอนุญาต 3G ที่แพงที่สุดอยู่ที่เมืองเดลีและมุมใบซึ่งสูงถึงใบละกว่า 25,000 ล้านบาท ราคาใบอนุญาตรวมสำหรับให้บริการทั่วประเทศตอนนี้สูงกว่า 120,000 ล้านบาทแล้ว!
ราคาดังกล่าวสำหรับความถี่ FDD เพียง 2x5 MHz และระยะเวลาใบอนุญาต 20 ปี
รายละเอียดและเงื่อนไขการประมูลดูได้จาก Jows
อินเดียเพิ่งเปิดให้ประมูลใบอนุญาต 3G ไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา อินเดียถือเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้บริการรวดเร็วที่สุดโลก โดยแต่ละเดือนจะมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นราว 20 ล้านราย จึงไม่แปลกที่ราคาของใบอนุญาตที่ครอบคลุมทั่วประเทศจะไต่ระดับขึ้นไปสูงถึงใบละ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว (ณ วันที่ 19 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการประมูล ผ่านมาแล้ว 40 รอบ) ไม่รู้จะไปจบกันที่เท่าไหร่
อ้างอิง Mobile Business Briefing
(มีต่อ)
ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านนะครับ
ถ้ายังจำตอนที่ไมโครซอฟท์บรรลุข้อตกลงด้าน search engine กับยาฮูได้ เงื่อนไขหนึ่งในนั้นคือโอนพนักงานบางส่วนของยาฮู ที่ทำงานด้าน search engine ให้กับไมโครซอฟท์ ตอนนี้ยาฮูได้เริ่มดำเนินการแล้ว
ยาฮูจะโอนวิศวกรจำนวน 200 คนที่อยู่ในอินเดีย ให้ไปทำงานกับศูนย์วิจัยแห่งใหม่ของไมโครซอฟท์ในบังกะลอร์ ซึ่งศูนย์วิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่าย Online Services Division ของไมโครซอฟท์ การย้ายพนักงานจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ พนักงานมีสิทธิ์เลือกที่จะย้ายไปทำงานฝ่ายอื่นของยาฮู แทนการย้ายไปไมโครซอฟท์
ตามข้อตกลง ยาฮูจะโอนพนักงานทั้งหมด 400 คนทั่วโลกให้ไมโครซอฟท์ และยาฮูมีวิศวกรที่ทำงานในบังกะลอร์ทั้งหมด 2,000 คน แต่ก็ทำงานด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่ search ด้วย
หลังจากเมื่อวานที่มีข่าวว่า Dell กำลังจะย้ายฐานจากจีนไปอินเดีย? Minari Shah โฆษกหญิงของ Dell ได้ออกแถลงการณ์ผ่านอีเมล์เพื่อปฏิเสธข่าวลือนี้ว่า Dell ไม่เคยมีการพูดคุยถึงความกังวลของ Dell ที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงฐานการผลิตในเอเชียแต่อย่างใด และเวบไซต์ที่เป็นผู้เผยแพร่ข่าวนี้ก็ได้ทำการเอาข้อความที่อ้างถึงเรื่องนี้ออกจากเวบไปแล้วครับ หลังจากที่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของ Dell
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า Dell น่าจะไม่อยากให้ความสัมพันธ์กับจีนมีปัญหา เพราะในไตรมาสที่ผ่านมาตลาดจีนมียอดถึง 60% ของคอมพิวเตอร์ที่ส่งไปขายในเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด แม้ว่าปัญหาระหว่าง Google และจีนจะกระทบกับถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ตาม
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกรณีของกูเกิลกับจีนหรือเปล่า แต่หนังสือพิมพ์ Hindustan Times ของอินเดียได้อ้างคำสัมภาษณ์ของ Manmohan Singh นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งได้พบกับ Michael Dell ซีอีโอและประธานของ Dell ว่าบริษัทกำลังซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ มูลค่ารวม 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8 แสนล้านบาท) และต้องการย้ายออกจากจีนไปยังประเทศที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมในการทำธุรกิจมากกว่า มีระบบกฎหมายที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
นี่อาจเป็นการบลัฟกันของจีนกับอินเดีย อาจเป็นคำขู่ของ Dell เพื่อกดดันรัฐบาลจีน หรืออาจเป็นคำโฆษณาของ Dell เพื่อให้รัฐบาลอินเดียปลื้มใจก็เป็นไปได้ทั้งหมดครับ
คาดการณ์ค่าจ้างในอินเดียจะพุ่งทยานเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการสำรวจล่าสุดในปี 2010 การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสามของเอเชีย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการมุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอุปสงค์ของผู้บริโภค เทียบกับปีที่แล้ว ที่หลายกิจการลดหรือไม่ขึ้นเงินเดือนเนืองด้วยอุปสงค์ลดลงและเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเฉลี่ยแล้วเงินเดือนขึ้น 6.6 % จากผลการสำรวจของ Hewitt Associates
กับ 465 บริษัท ใน 20 อุตสาหกรรม ระบุว่า ที่จะขึ้นสูงที่สุดน่าจะเป็นกิจการทางด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง ซึ่งได้อานิสงค์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 38 พันล้านดอลลาร์ของอินเดีย
ว่าแต่ท่านที่รับเงินเดือน ได้เพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า
บริษัท Notion Ink ซึ่งเป็นบริษัทไอทีหน้าใหม่จากอินเดีย ได้ประกาศชื่อและข้อมูลของแท็บเล็ตพีซี "Adam" อย่างเป็นทางการแล้ว
Adam มีจอภาพขนาด 10.1" ทนต่อรอยขีดข่วน ความหนาของตัวเครื่อง 0.6 นิ้ว หนัก 770 กรัม ความน่าสนใจอยู่ที่จอภาพใช้เทคโนโลยีของ Pixel Qi บริษัทของอดีต CTO โครงการ OLPC ที่หันมาเอาทางผลิตจอภาพที่กินไฟต่ำมาก (ข่าวเก่า Pixel Qi เตรียมวางขายหน้าจอแบบพิเศษปลายปีนี้)
เทคโนโลยีจอภาพจาก Pixel Qi ทำให้ Adam มีสองโหมดคือโหมดจอสีปกติ และโหมด e-paper ที่กินไฟต่ำมาก ตอนนี้ Notion Ink ยังเป็นบริษัทเดียวที่ใช้จอภาพจาก Pixel Qi ซึ่งทางบริษัทบอกว่ามันกินไฟน้อยกว่าจอ LCD ปกติถึง 10 เท่า
ทางการอินเดียสั่งให้โอเปอเรเตอร์บล็อคโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีเลข IMEI ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง เพราะไม่สามารถติดตามรอยของผู้ใช้มือถือได้ และมือถือเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้โดยผู้ก่อการร้าย
คาดว่าอินเดียมีมือถือที่ไม่มี IMEI ถึง 25 ล้านเครื่อง หรือ 30% ของผู้ใช้ทั้งหมด โดยส่วนมากเป็นมือถือราคาถูกที่ผลิตในอินเดียหรือนำเข้ามาจากจีน
การสั่งบล็อคครั้งนี้สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ใช้มือถือมาก เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามือถือของตัวเองไม่มี IMEI ส่วนทางโอเปอเรเตอร์กำลังต่อรองกับรัฐบาลให้เลื่อนกำหนดบล็อคออกไปก่อน เพื่อให้มีเวลาเพิ่มเลข IMEI เข้าไปในมือถือเหล่านี้
Tata Motors สร้างความฮือฮาไปทั่ววงการยานยนต์เมื่อเตรียมเปิดตัว Tata Nano รถยนต์ราคาถูกที่สุดในโลกอยู่ที่ 100,000 รูปี หรือประมาณ 70,000 บาท โดยรุ่นที่เปิดตัวใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 623 ซีซี ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังที่ 33 แรงม้า จะเริ่มเปิดขายจริงในเดือนกรกฏาคม 100,000 คัน
ประเทศอินเดียจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมนี้ มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมดประมาณ 700 ล้านคน และในจำนวนนี้มีอยู่ 100 ล้านคนที่เป็นผู้มีสิทธิ์โหวตครั้งแรก (เพิ่งอายุถึง) อายุอยู่ระหว่าง 18-24 ปี