ข่าวอาจไม่ค่อยใหม่นักนะครับ
โดยมีรายงานจาก Marketshare โดยในการเก็บข้อมูลล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าส่วนแบ่งของ IE นั้นลดลงมาอยู่ที่ 68.15% โดยส่วนแบ่งของผู้ใช้ IE ลดลงมาเรื่อยๆ จนมาตำ่กว่า 70% ในพฤศจิกายนและเห็นได้ชัดในเดือนธันวาคม
ข่าวแรกคือ Firefox มีส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยทั่วโลกเกิน 20% ในเดือนพฤศจิกายนนี้ (ถือเป็นครั้งแรก) โดยการสำรวจของ Net Applications - ที่มา
ข่าวที่สองคือ ถ้าคิดแยกเป็นประเทศ มี 3 ประเทศที่ Firefox มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่เกือบแตะหลัก 50% ได้แล้ว เช่น โปแลนด์ที่ไปจ่ออยู่ตรง 49.93% หรือเพื่อนบ้านเรา ฟิลิปปินส์ 47.08%
เหมือนว่าช่วงเวลาฮันนีมูนของ Chrome จบลงแล้ว (ประมาณ 20 วันเท่านั้น!) เพราะจากสถิติส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ วัดโดย Net Applications พบว่าส่วนแบ่งตลาดของ Chrome ลดลงจาก 0.85% ในสัปดาห์ก่อน ลงมาเหลือ 0.77% ในสัปดาห์นี้ และต้องไม่ลืมว่าวันแรกที่ Chrome เปิดให้ดาวน์โหลด มีส่วนแบ่งตลาดพุ่งสูงไปเกิน 1% เลยทีเดียว
ส่วนแบ่งตลาดของ IE โตขึ้นมา 0.24% ส่วน Firefox ขึ้นมา 0.06% แต่ยังน้อยกว่าช่วงก่อนที่ Chrome เปิดตัวอยู่ (เช่นเดียวกับ Opera และ Netscape ที่ตกลงเหมือนกัน) เบราว์เซอร์ตัวเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบคือ Safari ซึ่งมีเหตุผลในเรื่องระบบปฏิบัติการนั่นเอง
สำหรับสถิติของ Blognone นั้น ตัวเลขของ Chrome สวนทางกับตัวเลขข้างต้น ดูภาพประกอบด้านใน
ผมคิดหัวข่าวนานมาก หาคำอธิบายสั้นๆ ที่ไม่เสียใจความลำบาก สุดท้ายเลยเอาสั้นแค่นี้แล้วอธิบายต่อในเนื้อข่าวแทน
บริษัท Net Applications ซึ่งสำรวจเรื่องส่วนแบ่งตลาดด้านต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตมานาน รายงานว่าส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แชมป์ตลอดกาลอย่างวินโดวส์มีส่วนแบ่งตลาดลดลงมาเกือบแตะหลัก 90%
ต้องเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่ส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการบนพีซี แต่เป็นอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ นั่นแปลว่านับรวมมือถือ พีดีเอ iPhone Netbook MID และอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตามผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนมากยังใช้งานจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือโน้ตบุ๊กอยู่ แต่นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าการออนไลน์จากอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ กำลังเริ่มมาแรง
eWeek ได้รายงานเกี่ยวกับส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลล่าสุด โดยจากตัวเลขของ NPD Group ในไตรมาสแรกของปีนี้ จากการขายปลีกแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาด 14% โดยตัวเลขนี้ไม่รวมการขายออนไลน์ หรือการขายเป็นชุดให้แก่สถาบันหรือบริษัทต่าง ๆ
ที่น่าตกใจก็คือเมื่อมาดูในกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 32,000 บาท) แล้วละก็คอมพิวเตอร์จากแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 66% โดยส่วนแบ่งตลาดสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสูงถึง 70% ในขณะที่โน้ตบุคอยู่ที่ 64%
จากรายงานในปี 2006 นั้นตัวเลขเดียวกันนี้ของแอปเปิลตามรายงานโดย Fortune นั้นแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาด 18% และพุ่งขึ้นมาเป็น 57% เดือนกันยายนปีที่แล้ว จากนั้น 66% ในไตรมาสแรกที่ผ่านมานี้
Canalys ออกมาเผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาด Smartphone ของแอปเปิลทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
เมื่อมาดูตัวเลขทั่วโลกแล้วไอโฟนในช่วงไตรมาสที่ 4 เมื่อปี 2007 นั้นมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่อันดับที่สามของโลกที่ 6.5% โดยที่หนึ่งคือโนเกีย (52.9%) และที่สองคือ RIM ที่ผลิตมือถือ Blackberry (11.4%)
เมื่อมาดูแค่ตลาด Smartphone ของสหรัฐแอปเปิลกลายเป็นอันดับสองด้วยส่วนแบ่งตลาด 28% ตามหลัง RIM ที่ 41%
ในขณะเดียวกันนั้น Palm มีแค่ 9% และโทรศัพท์ Smartphone ที่ใช้ Windows Mobile ทั้งหมดรวมแล้วได้ 21%
ไม่เลวเลยนะครับ สำหรับมือใหม่อย่างแอปเปิล
บริษัท อินเทล ผู้นำด้านการผลิตชิป ได้วางแผนที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 12.2% โดยปัจจุบันมูลค่าของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดมีการโตขึ้น 2.9 % จากปีที่แล้ว โดยคิดเป็นมูลค่า 270.3 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ
โดยยอดขายของอินเทล ณ ปัจจุบันโตเป็น 2 เท่าของการเติบโตของตลาด ซึ่งเกิดจากการที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดชิปอินเทลถูกขายมากขึ้น และปีที่แล้ว อินเทลครองส่วนแบ่งตลาดไปทั้งหมด 11.6 %
ในกลุ่มผู้นำด้านการผลิตชิปเจ้าอื่น เช่นโตชิบาคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 28% (ดอลลาห์สหรัฐ)
ที่มา - Reuter.com
Net Applications ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดของการใช้ระบบปฏิบัติการ ทั้งบนคอมพิวเตอร์และบนโทรศัพท์มือถือ
เมื่อเดือนที่พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น Mac OS มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6.8% เทียบกับ 5.39% เมื่อเวลาเดียวกันปีที่แล้ว สรุปส่วนต่างอยู่ที่ +1.41%
ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งวินโดวส์ก็ลดลงจาก 94.16% มาอยู่ที่ 92.42% มีส่วนต่างคือ -1.74%
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกอันที่น่าสนใจก็คือไอโฟน ซึ่งกลายเป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือที่ถูกนำมาใช้ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตมากที่สุดแทนที่ Windows Mobile จากไมโครซอฟท์ไปแล้ว
ผลสำรวจจาก John Peddie Research พบว่า Nvidia กินส่วนแบ่งตลาดกราฟฟิกการ์ดเพิ่มขึ้น โดยอินเทลและ AMD/ATI มีส่วนแบ่งตลาดลดลง
ปัจจุบันอินเทลยังเป็นผู้นำในตลาดกราฟฟิกการ์ดรวมอยู่ โดยมีส่วนแบ่ง 37.6% ตามมาด้วย Nvidia 32.6% และ AMD/ATI 19.5% แต่ถ้าดูจากกราฟตามลิงก์ จะเห็นการแซงของ Nvidia ขึ้นมาเป็นที่สองในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมานี้เอง (ATI ถูก AMD ซื้อไปในช่วงปลายปี 2006 ซึ่งจะเห็นว่าส่วนแบ่งตลาดลดลงมาก่อนหน้านั้น แต่หลังควบกิจการกันแล้วก็ไม่กระเตื้อง)
หลังจากครองตลาดส่วนใหญ่มาได้เป็นเวลานาน เดือนที่ผ่านมาส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชของกูเกิลก็ต่ำกว่า ร้อยละ 50 เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยตกจากร้อยละ 50.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 49.5 สวนทางกับไมโครซอฟท์ โดยไมโครซอฟท์โตขึ้นถึงร้อยละ 36 ไปอยู่ที่ร้อยละ 13.2
น่าสนใจว่าหลายสำนักวิเคราะห์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของไมโครซอฟท์ไว้ว่ามาจากการเปิดตัว Live Search Club ที่มีการเล่นเกมเพื่อชิงรางวัล โดยเกมเหล่านั้นต้องใช้บริการ Live Search ร่วมด้วยเสมอๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการสร้างบอทเพื่อเล่นเกมเหล่านี้เป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้บอทเข้าใช้บริการ Live Search อย่างหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ยังไม่มีการวิเคราะห์ว่าการเติบโตของ Live Search นี้มาจากบอทเป็นจำนวนเท่าใด
Gartner ได้รายงานว่าส่วนแบ่งตลาดของช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ Apple ได้ถึง 1.5% ในตลาด โดยตอนนี้ในสหรัฐ 6.1% ของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเป็น Mac แล้ว เป็นอันดับที่สี่รองจาก Gateway ที่ 6.4%, HP ที่ 23% และ Dell ที่ 32.1% แต่สำหรับทั่วโลกนั้น Apple ไม่ติดอันดับ Top 5
สาเหตุที่การเติบโตสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมากก็เพราะว่าตลอดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นมีขนาดลดลง 2% ต่อปี แต่ในขณะเดียวกันนั้น Apple มียอดซื้อเพิ่มมากขึ้นถึง 30% เมื่อไตรมาสที่แล้ว
ส่วน Dell ตอนนี้มีทีท่าว่าเสียตลาดบางส่วนให้แก่ HP ทั้งในสหรัฐเองและที่อื่น ๆ ของโลกด้วย โดย HP ตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในโลกที่ 16.3% ในขณะที่ Dell มี 16.1%