ถึงแม้เครือข่าย AT&T ของสหรัฐฯ ประกาศวางขายซัมซุง Focus S (สมาร์ทโฟนตัวต่อของรุ่น Focus) แต่ก็ยังไม่ได้เผยหน้าตาของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว แต่ล่าสุดมีภาพซัมซุง Focus S หลุดออกมาแล้ว
ซัมซุงเปิดตัว Omnia W มือถือสาย Windows Phone "Mango" ของฝั่งยุโรปและเอเชีย มันคือตัวเดียวกับ Samsung Focus Flash ที่ขายกับเครือข่าย AT&T ในสหรัฐ
จากชื่อ Omnia W น่าจะเดากันได้ว่ามันเป็นมือถือรุ่นตรงกลาง (เดี๋ยวคงได้เห็น Omnia S ในไม่ช้า) ใช้หน้าจอ Super AMOLED (ไม่ Plus) ขนาด 3.7 นิ้ว 800x480, ซีพียู 1.4GHz คอร์เดี่ยว, แรม 512MB, กล้องหลัง 5MP พร้อมแฟลช, กล้องหน้า VGA, Bluetooth 2.1, Wi-Fi N, พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB, แบตเตอรี่ 1,500 mAh, รองรับ HSPA14.4 คลื่น 900/2100
การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงคงอีกยาว โดยในวันนี้คดีจะเริ่มมีการพิจารณาในประเทศออสเตรเลียแล้ว ในขณะที่คดีอีกคดีที่เปิดขึ้นในกรุงเฮ็กที่ซัมซุงต้องการที่จะแบนไอแพ็ดและไอโฟนจากยุโรปก็กำลังเริ่มมีการฟังความเช่นกัน
วันนี้ซัมซุงได้ประกาศเปิดตัวมือถือตระกูล Galaxy สองรุ่นใหม่สำหรับใช้กับเครือข่าย LTE ได้ในประเทศเกาหลีใต้ โดยทั้งสองรุ่นนี้คือ Galaxy S II LTE และ Galaxy S II HD LTE
ตัวที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือรุ่น Galaxy S II HD LTE ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นมือถือรุ่นท็อปตัวใหม่สำหรับซัมซุง โดยมือถือตัวดังกล่าวมาพร้อมกับจอภาพ Super AMOLED ขนาด 4.65" ที่ความละเอียด 720p ในส่วนฮาร์ดแวร์อื่น ๆ มือถือตัวนี้มาพร้อมกับซีพียู 1.5GHz แรม 1GB กล้อง 8 เมกะพิกเซลและแบตเตอรี่ 1850mAh
อีกซักพักคงจะมีวีดีโอ hands-on ออกมาให้ชมกันมากมายแน่นอนครับ สำหรับมือถือรุ่นท็อปตัวใหม่ ส่วนเรื่องวันวางขายนอกประเทศเกาหลีใต้ ยังคงไม่มีรายละเอียดอะไรออกมาให้ทราบในตอนนี้
ซัมซุงได้ออกมาประกาศว่าสามารถขายมือถือ Galaxy S II แล้วถึง 10 ล้านเครื่อง โดยตัวเลขนี้ไม่เลวเลยทีเดียว หากมาดูที่การเติบโตของยอดขาย ที่มากกว่าเดิมถึงสองเท่าภายในเวลาแปดสัปดาห์เท่านั้น ที่สำคัญ มือถือรุ่นนี้ยังไม่ได้วางจำหน่ายอย่างเต็มที่ในสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำ (ค่ายอันดับหนึ่งอย่าง Verizon ยังไม่ขาย)
แม้ว่าตัวเลขนี้จะไม่ได้มากมายอะไรเท่ากับ iPhone 4 (ที่สามารถขายได้ 20 ล้านเครื่องภายในไตรมาสเดียว) ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่คู่แข่งอย่างแอปเปิลและผู้ผลิตมือถือ Android อื่น ๆ มองข้ามไม่ได้
ที่มา - Engadget
หลังจากซัมซุงประกาศวิธีตั้งชื่อรุ่นแบบใหม่ เราก็ทราบกันแล้วว่า Galaxy R หมายถึงมือถือตระกูล Galaxy (Android) รุ่นรองท็อป (รองจาก Galaxy S) อธิบายง่ายๆ มันคือ Galaxy S II รุ่นลดสเปกลงมาบางส่วนนั่นเอง
ถึงแม้ Verizon จะมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแอปเปิลในการขาย iPhone แต่ในคดีที่แอปเปิลฟ้องศาลในสหรัฐ ขอให้ห้ามนำเข้าสินค้าของซัมซุงไปขายสหรัฐ ทาง Verizon ได้ขอให้ศาลปฏิเสธคำขอนี้
เหตุผลสำคัญก็เพราะผลิตภัณฑ์ของซัมซุงที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ของ Verizon ได้นั่นเอง เช่น Infuse 4G, Galaxy S 4G, Droid Charge, Galaxy Tab 10.1
Verizon นั้นลงทุนในเครือข่าย 4G LTE ไปมาก แต่ยังประสบปัญหาว่าไม่ค่อยมีอุปกรณ์ที่รองรับ 4G LTE ในตลาดมากเท่าไรนัก ถ้าสินค้า 4G ของซัมซุงโดนสั่งแบนก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก
ทั้งหมดคือเหตุผลของ Verizon ส่วนแอปเปิลหรือใครจะมองว่า Verizon นั้น "รับงาน" มาก็แล้วแต่มุมมองครับ
เว็บ C|net รายงานว่าพวกเขาได้พบร้านขายของซัมซุงในประเทศอิตาลีแห่งหนึ่ง แล้วพบว่าฉากหลังของมุมที่ขายสินค้าประเภทมือถือภายในจะพบกับโลโก้ต่าง ๆ ของแอปเปิล เช่น โลโก้ App Store และโลโก้ Safari (โปรดคลิกเข้ามาดูภาพได้)
ไม่ว่าซัมซุงจะมีเจตนาที่จะทำแบบนี้ (ลอกเลียน) จริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในขั้นตอนการจัดร้านก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ นี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีกับซัมซุงแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซัมซุงกับแอปเปิลกำลังโทษกันว่าใครก็อบสินค้าใครกันแน่
ที่มา - C|net
Lee Younghee ผู้บริหารฝ่ายการตลาดมือถือของซัมซุง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว AP ว่าจะ "ใช้สิทธิตามกฎหมาย" มากขึ้น จากเดิมที่ใช้ยุทธศาสตร์แบบ passive ต่อการฟ้องร้องของแอปเปิล
Lee บอกว่าเดิมทีซัมซุงเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแอปเปิล เลยไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่ "เราไม่ควรจะทำแบบนั้นอีกต่อไป" และเชื่อว่าแอปเปิลกำลังหาผลประโยชน์จากสิทธิบัตรหลายๆ ชิ้นของซัมซุงอยู่
ซัมซุงยังเชื่อว่าจะใช้ระบบปฏิบัติการสามตัวคือ Android, Windows Phone, bada ผนึกกำลังกันแซงหน้าแอปเปิลเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกได้
ข่าวการฟ้องร้องล่าสุดตอนนี้ ซัมซุงยื่นฟ้องกลับแอปเปิลในเนเธอร์แลนด์แล้วอีกหนึ่งคดี โดยขอให้แบน iPhone/iPad ในเนเธอร์แลนด์เพราะละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุง
จากผลการสำรวจล่าสุดของ UBS Investment Research ที่สอบถามผู้ใช้โทรศัพท์ระดับไฮเอนด์ (ย้ำว่าเฉพาะไฮเอนด์นะครับ ไม่ใช่ตลาดโดยรวม) เป็นจำนวน 515 คนเกี่ยวกับแผนการในการซื้อโทรศัพท์เครื่องต่อไป พบว่าผู้ใช้ iPhone ที่ตั้งใจว่าจะยังคงใช้โทรศัพท์แบรนด์เดิมเป็นโทรศัพท์เครื่องต่อไป (retention rate) นั้นสูงถึง 89% โดยมีอันดับที่สองตามมาคือ HTC ที่ 39%
ผู้ที่กำลังเสียหายหนักจากผลการสำรวจนี้คือ RIM ที่ตัวเลขนี้ลดลงจาก 62% เหลือเพียง 33% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา และตามมาด้วย Samsung ที่ 28% และ Motorola ที่ 25%
จากรายงานของ Digitimes แอปเปิลกำลังพยายามกระจายแหล่งผลิตหน่วยความจำเพื่อสินค้าของตัวเอง เพื่อที่จะลดการพึ่งพาซัมซุงเป็นซัพพลายเออร์หลัก
โดยหน่วยความจำที่ว่านี้รวมไปถึง DRAM และ NAND flash แอปเปิลได้เลือกซื้อหน่วยความจำเหล่านี้จากประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น โดยมีโตชิบา และ Elpida Memory เป็นผู้รับคำสั่งซื้อ
แอปเปิลได้ลดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ที่สุดของตัวเอง ซึ่งก็คือซัมซุงนั่นเอง ทั้งหมดนี้น่าจะเกิดจากปัญหาการฟ้องร้องกันระหว่างสองบริษัท ก่อนหน้านี้ไม่นาน แอปเปิลก็ได้เปลี่ยนมาให้บริษัทคู่แข่งของซัมซุง TSMC เป็นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลรุ่นต่อไป Apple A6 แทนที่ซัมซุงแล้ว
ก่อนหน้านี้ The Korea Times รายงานว่าซัมซุงต้องการที่จะแบน iPhone 5 ทันทีหลังจากที่เริ่มวางขายในเกาหลีใต้ แต่ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าซัมซุงยังเตรียมการที่จะแบน iPhone 5 ในยุโรปเช่นกัน
ดูเหมือนว่าระยะหลัง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงได้ตกต่ำถึงจุดที่กลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว โดยแอปเปิลได้กล่าวหาว่าซัมซุงมีความพยายามที่จะก็อบปี้อุปกรณ์ iOS ของแอปเปิลในสินค้าตระกูล Galaxy และแอปเปิลเองก็ได้หันไปเลือกใช้บริการผลิตชิ้นส่วนของบริษัทคู่แข่งของซัมซุงอย่าง TSMC แทน
จนถึงตอนนี้ แอปเปิลมีคดีความกับซัมซุงรอบโลก 23 คดี ในหลายประเทศ เช่น ในฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุชื่อให้ข่าวว่าซัมซุงจะเปิดซอร์ส Bada ให้กับนักพัฒนาภายนอกในปี 2012 เพื่อให้มีการใช้งานแพร่หลายขึ้น รวมถึงเตรียมจะนำ Bada บุกตลาดโทรทัศน์อีกด้วย
เหตุผลสนับสนุนแนวทางนี้คือการที่กูเกิลซื้อโมโตโรล่าทำให้กูเกิลเองกลายเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่ไปในตัว บริษัทผู้นำตลาดอย่างซัมซุงนั้นคงไม่อยากพึ่งพิง Android ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางเลือกที่สอง การสร้างตลาดให้กับ Bada แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ซัมซุงผลิตเองทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังทำให้ซัมซุงมีตลาดอีกตลาดเป็นทางเลือก และซัมซุงยังเป็นคนควบคุมการพัฒนา Bada เองอีกด้วย
ข่าวนี้เป็นข่าวลือที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ The Korea Times ของเกาหลีใต้ โดยอ้าง "แหล่งข่าว" นะครับ
ตามข่าวบอกว่าซัมซุงกำลังรอการเปิดตัวและวางขาย iPhone 5 ในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ iPhone 5 วางขายแล้ว ซัมซุงจะฟ้องละเมิดสิทธิบัตรในประเทศเกาหลีใต้ทันที และร้องขอไม่ให้แอปเปิลสามารถวางขาย iPhone 5 ในเกาหลีใต้ได้
แหล่งข่าวมั่นใจว่าถ้าแอปเปิลยังยืนยันจะขายผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถด้านโทรศัพท์ต่อไป ยังไงก็หนีคดีละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงไม่พ้น และจะทำให้แอปเปิลไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ตระกูล i ในเกาหลีใต้ได้สักอย่างเลยทีเดียว
ขอรวมข่าวลือมือถือสองข่าวของซัมซุงเป็นข่าวเดียวกันนะครับ
ข่าวแรกคือมือถือ Nexus รุ่นที่สามซึ่งเราเรียกมันว่า "Nexus Prime" อาจเปลี่ยนชื่อเป็น "Galaxy Nexus" โดยจะขายกับเครือข่าย Verizon เพียงรายเดียวในสหรัฐ ข้อมูลของมันยังสับสน แต่เท่าที่มีออกมาคือหน้าจอ 4.65" 1280x720, Ram 1GB, เนื้อที่เก็บข้อมูล 16GB, รองรับทั้ง GSM/CDMA และมีรายงานว่าคนเห็นเครื่องรุ่นทดสอบที่ใช้ Android Gingerbread บ้างแล้ว - Pocketnow
ซัมซุงเริ่มปฏิบัติการฟ้องกลับแอปเปิลในหลายประเทศ จากคราวก่อนที่ฟ้องในฝรั่งเศส คราวนี้มาเป็นออสเตรเลีย
เนื้อหาในคำฟ้องคือแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงจำนวน 7 รายการ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องคือ iPhone และ iPad
ถึงแม้ซัมซุงจะสร้างจุดขายหนึ่งให้ Galaxy S II ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้บางที่สุดแค่เพียง 8.49 มิลลิเมตร แต่หน่วยงานด้านโฆษณาของประเทศอังกฤษไม่คิดเช่นนั้น
สงครามสิทธิบัตรระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงขยายแนวรบไปทีละประเทศ คราวนี้การศึกเกิดที่ฝรั่งเศส โดยซัมซุงเป็นฝ่ายยื่นฟ้องบ้าง
ซัมซุงยื่นฟ้องต่อศาลเขตปารีสตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (แต่เพิ่งเป็นข่าว) โดยฟ้องว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยี (ไม่ใช่ด้านดีไซน์) จำนวน 3 ชิ้น การไต่สวนจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม
ซัมซุงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของสิทธิบัตรที่ฟ้อง แต่แหล่งข่าวของ AFP บอกว่าเกี่ยวกับเทคโนโลยี UMTS ซึ่งถือเป็น 3G แขนงหนึ่ง ส่วนผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่โดนฟ้องคือ iPhone 3G, iPhone 3GS, iPhone 4, iPad, iPad 2
ผู้ใช้ Samsung Wave คงใจชื้นกันไม่น้อย เมื่อซัมซุงออกมาประกาศผ่าน @samsungbada ว่า Wave ทุกรุ่นจะได้อัพเป็น bada 2.0 ในไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ซัมซุงบอกว่าลำดับการอัพเกรดอาจต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยจะเริ่มจากยุโรปก่อน และมือถือแต่ละรุ่นอาจได้ฟีเจอร์ของ bada 2.0 ไม่เท่ากัน ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ของแต่ละรุ่นด้วย
ที่มา - @samsungbada, Sammy Hub
เครือข่าย AT&T ของสหรัฐประกาศขายมือถือ Windows Phone Mango ใหม่อีก 3 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ HTC Titan ที่เปิดตัวไปแล้ว ส่วนอีกสองรุ่นเพิ่งเปิดตัวครั้งแรก ได้แก่
ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ Mango Update ของ Windows Phone 7 ใกล้จะถูกส่งออกมาให้ผู้ใช้ครับ จึงมีข่าวลือออกมาเรื่อยๆ ซึ่งผมขอรวบ 2 ข่าวมารายงานพร้อมกันเลย
ข่าวแรกคือข่าวลือเรื่องการปล่อย Mango Update ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไปที่มีข้อมูลหลุดมาจาก Windows Phone Developer Podcast ตอนที่ 33 ที่นาย Ryan และ Travis Lowdermilk บอกว่าได้มีข้อมูลจากหลายแหล่งตรงกันว่าจะมีการปล่อย Mango Update ออกมาภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งก็ค่อนข้างจะสอดคล้องกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่าผู้ให้บริการเครือข่ายจะปล่อยตัวอัพเดตออกมาในวันที่ 15 กันยายนนี้
ช่วงหลังซัมซุงเป็นข่าวซื้อกิจการบริษัท-ระบบปฏิบัติการต่างๆ ไม่น้อย (อาจเป็นเพราะบริษัทมีขนาดใหญ่มาก และหาบริษัทขนาดนี้ได้ยาก) เช่น ซื้อ webOS (
วันนี้ ศาลสูงภูมิภาคดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนี ยังคงตัดสินเข้าข้างคำตัดสินเดิมของศาลชั้นต้น ที่ได้ตัดสินไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่าให้มีการแบน Galaxy Tab 10.1 ของซัมซุงทั้งประเทศ โดยผู้พิพากษาได้กล่าวว่าสินค้าตระกูลแท็บเล็ตของซัมซุง มีความใกล้เคียงกับไอแพ็ดอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ศาลยังบอกว่าดีไซน์ลักษณะ "minimalist" และ "modern form" แบบไอแพ็ดไม่ใช่วิธีเดียวในการดีไซน์แท็บเล็ต การดีไซน์แท็บเล็ตออกมาในแบบอื่น ๆ ซัมซุงก็สามารถทำได้
เว็บไซต์ AFP อ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ Korea Economic Daily ของเกาหลีใต้ ระบุว่าไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Windows 8 บนแท็บเล็ตของซัมซุง ที่งานสัมมนา BUILD สัปดาห์หน้า (13 ก.ย.)
แหล่งข่าวของ Korea Economic Daily ระบุว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จะเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างซัมซุงกับไมโครซอฟท์ ในการผลิตฮาร์ดแวร์ร่วมกัน
ส่วนรอยเตอร์รายงานข่าวว่า Steven Sinofsky หัวหน้าทีมวินโดวส์จะโชว์แท็บเล็ตที่รัน Windows 8 ด้วยตัวเอง และคาดว่าแท็บเล็ตจะวางขายจริงได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า เท่ากับว่าไมโครซอฟท์จะออกผลิตภัณฑ์ช้ากว่าแอปเปิลไป 2 ปีครึ่ง
สงครามฟ้องร้องของแอปเปิลต่อซัมซุง ยังขยายแนวรบต่อไปเรื่อยๆ จากที่มีข่าวมาแล้วทั้งในสหรัฐ ยุโรป เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย