อินเดียได้ออกข้อกำหนดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาอื่นที่จะทำตลาดในอินเดียให้รองรับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของอินเดียที่ชื่อ NavIC (Navigation with Indian Constellation) (หรือก็คือระบบ GPS ที่เป็นของอินเดียเอง) เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2023 เป็นต้นไป
มาตรการผลักดันการใช้งานระบบ NavIC ล่าสุดที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปและผู้ผลิตอุปกรณ์พกพาสำหรับขายในอินเดียให้ผนวกชิปรองรับการใช้งานกับดาวเทียม NavIC นั้นย่อมเพิ่มโจทย์ในการทำงานให้บริษัทไอที ทั้งเรื่องต้นทุนชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะต้องทำงานแข่งกับเวลาให้ทันเดือนมกราคมปีหน้า
FCC (กสทช. ของสหรัฐอเมริกา) ร่างกฎใหม่ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการต่างๆ ที่เป็นเจ้าของดาวเทียมวงโคจรต่ำต้องรับผิดชอบดำเนินการกำจัดดาวเทียมเหล่านั้นภายในระยะ 5 ปีหลังดาวเทียมหมดอายุการใช้งาน กฎใหม่นี้ถูกร่างขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาวเรื่องขยะล้นอวกาศ
ข้อบังคับที่ FCC ร่างขึ้นใหม่นี้จะมีสถานะการบังคับใช้เป็นกฎหมาย จากที่ในปัจจุบันนี้มีแต่เพียงแนวปฏิบัติมาตรฐานตามคำแนะนำของ NASA ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ 1990 ที่ระบุให้กำจัดดาวเทียมภายในกรอบเวลา 25 ปีหลังเสร็จสิ้นการใช้งาน ซึ่งไม่มีผลผูกพันบังคับใช้ในทางกฎหมายจริงจัง
ในการประกาศสินค้าชุดใหม่ของแอปเปิลเมื่อวานนี้ ฟีเจอร์สำคัญตัวหนึ่งคือ Emergency SOS ที่ iPhone 14 จะสามารถเชื่อมต่อดาวเทียมเพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ เนื่องจากเป็นการส่งข้อความผ่านดาวเทียมทำให้ไม่มีข้อจำกัดว่าพื้นที่ที่อยู่จะมีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหรือไม่ ขอเพียงแค่มองเห็นท้องฟ้า แล้วเล็งโทรศัพท์ให้ตรงดาวเทียมก็สามารถเชื่อมต่อและส่งข้อความขอความช่วยเหลือได้
ในงานเปิดตัวแอปเปิลบอกรายละเอียดของบริการนี้น้อยมาก เรารู้เพียงว่า ผู้ซื้อ iPhone 14 จะใช้งานบริการนี้ได้ฟรีสองปี และเริ่มใช้งานได้จริงเดือนพฤศจิกายนนี้แม้ว่า iPhone 14 จะเริ่มขายก่อนหน้านั้นก็ตาม ในงานไม่ระบุชื่อเครือข่ายดาวเทียมที่ใช้งานด้วยซ้ำ
แอปเปิลเปิดตัว iPhone 14 ไปเมื่อคืนที่ผ่านมาโดยฟีเจอร์สำคัญอันหนึ่งคือการส่งข้อความขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียมที่ให้บริการฟรีสองปีเมื่อซื้อ iPhone 14 ทางบริษัท Globalstar ผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมก็ออกมารายงานสัญญาการให้บริการกับแอปเปิลต่อตลาดหลักทรัพย์
Globalstar ระบุว่าสัญญาให้บริการกับแอปเปิลจะเป็นการให้บริการคลื่นในช่องสัญญาณ n53 โดยสัญญานี้จะทำให้แอปเปิลได้สิทธิ์ใช้ช่องสัญญาณไปถึง 85% ส่วนที่เหลือทาง Globalstar จะทำตลาดขายส่งช่องสัญญาณและให้บริการ IoT ต่อไป
Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 50 Series ที่มีจุดเด่น คือ รองรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อมูลขนาดสั้นหรือเปิดระบบ GPS ได้โดยใช้ระบบดาวเทียมนำทางของ BeiDou (BeiDou Navigation Stellite System - BDS) ซึ่งเป็นระบบ GPS เวอร์ชันจีน
Huawei ใช้ชิปที่พัฒนาโดยบริษัท CETC Acoustic-Optic-Electronic Technology ทำให้สามารถเชื่อมกับระบบดาวเทียม BeiDou ได้ และในปัจจุบันมีเพียงผู้ผลิตชิปของจีนเท่านั้นที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิตชิปที่เชื่อมต่อกับ BeiDou
Huawei Mate 50 series ประกอบด้วย Huawei Mate 50, Mate 50 Pro และ Porsche Design Mate 50 RS
Hiroshi Lockheimer หัวหน้าทีม Android โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ยืนยันว่า Android 14 เวอร์ชันหน้าจะรองรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมด้วย ซึ่งตรงกับทิศทางของตลาดมือถือช่วงนี้ ที่ T-Mobile เพิ่งประกาศความร่วมมือกับ SpaceX ให้ดาวเทียม Starlink รุ่นหน้ากระจายคลื่นย่านของโทรศัพท์ได้ด้วย และ ข่าวลือว่า iPhone 14 ก็รองรับการส่งข้อความผ่านดาวเทียม
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ Apple เผยว่าขณะนี้ Apple ได้ทดสอบฮาร์ดแวร์เพื่อเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านดาวเทียมใน iPhone 14 เรียบร้อยแล้ว หากมีการเชื่อมต่อดาวเทียมจริง Apple จะนำมาใช้กับบริการส่งข้อความหรือข้อความเสียงฉุกเฉินโดยไม่ต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข่าวลือก่อนหน้านี้ระบุว่า Apple กำลังทำงานร่วมกับบริษัทสื่อสารดาวเทียมสัญชาติอเมริกัน Globalstar ซึ่ง Kuo มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับ Apple เพื่อปล่อยฟีเจอร์นี้สำหรับ iPhone
T-Mobile ประกาศความร่วมมือกับ SpaceX ในโครงการ Coverage Above and Beyond ที่ช่วยให้ลูกค้าของ T-Mobile ที่เดินทางไปยังพื้นที่สัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง (เช่น เดินป่า ขึ้นเขา ล่องเรือในทะเล) สามารถสื่อสารได้ผ่านดาวเทียม Starlink แทนเสาสัญญาณภาคพื้นตามปกติ
วิธีการคือ T-Mobile จะกระจายสัญญาณคลื่น 5G ย่าน mid-band ของตัวเองซึ่งผู้ใช้ไม่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ แต่ผ่านดาวเทียม Starlink เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความครอบคลุมของสัญญาณในพื้นที่ห่างไกล ผู้ใช้จะสามารถสื่อสารผ่าน SMS, MMS และแอพแชทบางตัว (ยังไม่ระบุชื่อ) ส่วนในอนาคต T-Mobile ก็จะพยายามให้สื่อสารด้วยเสียงผ่านดาวเทียมได้ด้วย
Geespace บริษัทดาวเทียมในเครือ Geely ผู้ผลิตรถรายใหญ่ในจีนยิงดาวเทียมสื่อสารประกาศความสำเร็จในการยิงดาวเทียม GeeSAT-1 ชุดแรก 9 ดวง โดยคาดว่าจะยิงครบเฟสแรก 72 ดวงภายในปี 2025 เปิดทางทำระบบนำร่องความแม่นยำสูงระดับเซนติเมตร และยังให้บริการการสื่อสารกับรถของ Geely เอง เปิดทางให้บริการรถไร้คนขับในอนาคต
GeeSAT-1เป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำขนาดเล็ก มีอายุการใช้งานเพียง 5 ปี เมื่อหมดอายุแล้วก็จะขับดันให้ตกสู่ชั้นบรรยากาศ โดยตัวโครงการ Geely Future Mobility Constellation ออกแบบไว้ให้มีดาวเทียมในระบบทั้งหมด 250 ดวง (72 ดวงในเฟแรก 168 ดวงในเฟส 2) พื้นที่ให้บริการจะครอบคลุมจีนและเอเชียแปซิฟิก
หลายคนอาจรู้จักโครงการดาวเทียม Starlink ของบริษัท SpaceX แต่ในอีกทางเรายังมีโครงการคล้ายๆ กันคือ Project Kuiper ของ Amazon ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 และเริ่มโชว์จานดาวเทียมในปี 2020
ล่าสุด Amazon ประกาศว่าเซ็นสัญญากับบริษัทจรวด 3 ราย เพื่อการันตีสล็อตการยิงจรวดรวมสูงสุด 83 ภารกิจ ส่งดาวเทียม 3,236 ดวงขึ้นวงโคจรระดับต่ำ (low earth orbit) ในอีก 5 ปีข้างหน้า
OneWeb ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำรูปแบบเดียวกับ Starlink ของ SpaceX ประกาศเตรียมใช้จรวดของ Starlink นำส่งดาวเทียมชุดต่อไป จากเดิมที่ใช้จรวด Soyuz ของรัสเซียนำส่งดาวเทียมมาแล้วกว่า 400 ดวง และปีนี้มีกำหนดการณ์จะใช้จรวด Soyuz นำส่งดาวเทียมอีกกว่า 200 ดวงจาก 6 เที่ยวบิน
ทาง OneWeb ยังไม่ระบุว่าจะใช้จรวดของ SpaceX นำส่งดาวเทียมครั้งแรกเมื่อใด หรือจะใช้ทั้งหมดกี่เที่ยวบิน บอกเพียงว่าน่าจะเริ่มนำส่งครั้งแรกภายในปีนี้
Exoanalytic Solutions บริษัทเอกชนภายใต้สัญญาด้านข้อมูลกับหน่วยงาน Space Force ของสหรัฐฯ ระหว่างติดตามวงโคจรดาวเทียมนอกโลกในวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา พบว่าดาวเทียม SJ-21 ของจีน ที่มีจุดประสงค์เพื่อ “ทดสอบและยืนยันเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายเศษชิ้นส่วนในอวกาศ” หายไปจากวงโคจรปกติในช่วงกลางวัน ที่การใช้กล้องส่องดาวเทียมทำได้ยาก
หลังจากค้นหาและติดตาม Exoanalytic Solutions พบว่า SJ-21 กำลังเคลื่อนตัวไปประกบกับดาวเทียม ระบุตำแหน่งของ BeiDou ที่พังแล้ว จากนั้นก็ทำการเคลื่อนย้ายดาวเทียม BeiDou ไปไว้ในวงโคจรสำหรับดาวเทียมที่ปลดประจำการ หรือ “graveyard orbit” เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการชนกับดาวเทียมอื่น
Starlink กำลังขยายบริการไปทั่วโลก ล่าสุด Nikkei Asia ก็รายงานว่า KDDI ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะเป็นพันธมิตรให้บริการ Starlink ในญี่ปุ่น โดยเตรียมทดสอบการใช้งานภายในเดือนนี้ และขอใบอนุญาตจากรัฐบาลภายในปีนี้ ก่อนจะเปิดให้บริการทั่วไปในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ Elon Musk เคยเปิดเผยว่ามีผู้จ่ายเงินจองคิวใช้งาน Starlink แล้ว 500,000 คนโดยไม่ได้เปิดเผยว่ามาจากชาติใดบ้าง อย่างไรก็ดีช่วงแรกนี้ Starlink ยังจำกัดพื้นที่ให้บริการเฉพาะซีกโลกด้านเหนือช่วงเส้นรุ้ง (latitude) สูงๆ เป็นหลัก ซึ่งญี่ปุ่น หรืออังกฤษเข้าเงื่อนไขนี้
หลังมีข่าวจาก Ming-Chi Kuo ลือว่า iPhone 13 อาจรองรับการใช้งานผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญและสื่อในวงการสื่อสารหลายคน ออกมาให้ข้อมูลเห็นแย้ง ว่าการปรับแต่งโมเด็ม Qualcomm X60 ที่ Apple ใช้ใน iPhone 13 เป็นไปเพื่อการรองรับช่วงคลื่น 5G เพิ่มเติมมากกว่า
ในข่าวMacrumors อ้างว่ารายงานของ Kuo พูดถึงการที่ Apple จะทำงานร่วมกันกับบริษัทสื่อสารผ่านดาวเทียม Globalstar เพื่อให้บริการโทรหรือส่งข้อความผ่านดาวเทียม ในช่วงคลื่น n53
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลได้แม่นยำที่สุด คราวนี้เขามาพร้อมข้อมูลว่า iPhone 13 ที่กำลังจะเปิดตัว จะมีคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญ คือรองรับการเชื่อมต่อกับดาวเทียมวงโคจรต่ำ (low-earth-orbit, LEO) ทำให้ยังสามารถใช้งานการโทรหรือส่งข้อความต่อได้ แม้พื้นที่นั้นไม่มีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 4G หรือ 5G โดย iPhone 13 จะใช้ชิป Qualcomm X60 แบบปรับแต่งที่รองรับการเชื่อมต่อประเภทนี้
ประเด็น iPhone รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมไม่ใช่ของใหม่ เคยมีรายงานข่าวว่าแอปเปิลอยู่ในขั้นตอนการศึกษาตั้งแต่ปี 2019
SpaceX ได้เข้าซื้อกิจการ Swarm Technologies สตาร์ทอัพผู้ให้บริการระบบดาวเทียมขนาดเล็กแบบกลุ่ม (constellation) สำหรับอุปกรณ์ IoT โดยข้อมูลนี้มีการเปิดเผยจากเอกสารที่ทาง Swarm ยื่นขอคำอนุมัติต่อ FCC หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ เนื่องจากต้องโอนย้ายดาวเทียมและสถานีฐานให้กับ SpaceX
ดีลนี้มีความน่าสนใจเพราะปกติ SpaceX มักไม่ซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจ แต่เลือกพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเอง ทั้งนี้เอกสารระบุว่าดีลนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีล
ปัจจุบัน Swarm มีดาวเทียมขนาดเล็กทั้งหมด 120 ดวง ให้บริการรับส่งข้อมูลขนาดเล็ก เน้นกลุ่มลูกค้าทั้งภาคการเกษตร พลังงาน และขนส่ง ผ่าน IoT ซึ่งบริษัทมองว่าจะสามารถแย่งส่วนแบ่งจากบริการดาวเทียมแบบเดิมได้
Geometric Energy Corporation (GEC) บริษัทวิจัยและพัฒนาสัญชาติแคนาดา เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของดาวเทียม CubeSat หลังจ่ายเงินเช่าพื้นที่ Falcon 9 ในภารกิจ Doge-1 ของ SpaceX เป็นเหรียญ Dogecoin ล้วนๆ โดย CubeSat จะมีด้านหนึ่งเป็นจอภาพ พร้อมกล้องถ่ายหน้าจอสไตล์ไม้เซลฟี่ที่จะถ่ายทอดสดหน้าจอลง Youtube และ Twitch ด้วย
Doge-1 เป็นภารกิจส่งจรวด Falcon 9 ของ SpaceX ไปยังดวงจันทร์ ซึ่ง GEC เช่าพื้นที่สำหรับดาวเทียมน้ำหนัก 40 กิโลกรัมนี้ไว้ ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะเป็นดาวเทียมเก็บข้อมูลอวกาศและดวงจันทร์ แต่ข้อมูลตอนนี้ระบุว่าดาวเทียมจะมีจอโฆษณาอยู่ด้วย โดย Doge-1 จะปล่อยดาวเทียมนี้โคจรในวงโคจรรอบโลก ก่อนจรวดจะบินต่อไปยังดวงจันทร์ต่อไป
จากกรณี Starlink เปิดจองคิวทั่วโลก (รายละเอียดเรื่องค่าบริการ) ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า Starlink สามารถให้บริการโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต
วันนี้ Blognone ได้รับหนังสือจากสำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียม ยืนยันว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (กรณีนี้คือ Starlink แต่ก็รวมถึงกรณีอื่นๆ ด้วย) จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมก่อน
SpaceX เตรียมยิงจรวด Falcon 9 ตามภารกิจ Transporter-1 นำส่งดาวเทียมจำนวน 143 ดวงตามโครงการ Rideshare ที่เปิดให้จองเที่ยวบินไปเมื่อต้นปี 2020 นับเป็นการส่งดาวเทียมจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ราคาตามหน้าเว็บโครงการ Rideshare ของ SpaceX คิดค่านำส่งดาวเทียมกิโลกรัมละ 5,000 ดอลลาร์ ขั้นต่ำ 200 กิโลกรัม ลูกค้าที่เปิดเผยตอนนี้มีบริษัท Planet ที่ซื้อสล็อตนำส่งดาวเทียม SuperDove รวดเดียว 48 ดวง ส่วน SpaceX เองก็นำส่งดาวเทียม Starlink ขึ้นไปด้วย 10 ดวง ประธานบริษัท Planet เองเคยระบุว่า SpaceX ลดค่านำส่งดาวเทียมจนเขาแทบไม่เชื่อ
Canon เปิดตัวเว็บไซต์แบบอินเตอร์แอคทีฟจำลองการถ่ายภาพจากอวกาศ โดยใช้ดาวเทียม CE-SAT-1 พร้อมกล้อง EOS 5D Mark III โดยมีจุดถ่ายภาพที่กำหนดให้ถ่ายได้หลายเมือง
สำหรับดาวเทียมดวงนี้ Canon ปล่อยขึ้นไปตั้งแต่กลางปี 2017 แล้ว โดยตัวกล้องที่ติดขึ้นไปด้วยคือ EOS 5D Mark III พร้อมเลนส์กล้องโทรทรรศน์ 40cm Cassegrain-type 3720mm โดยมีวิถีวงโคจรอยู่ที่ 600 กิโลเมตร โดยให้ภาพความละเอียด 36 นิ้วในเฟรม 3x2 ไมล์ และมีกล้อง PowerShot S110 สำหรับการถ่ายภาพโหมดกว้าง
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาผู้ใช้นาฬิกาออกกำลังกายจำนวนมากรายงานความผิดปกติเหมือนๆ กัน คืออยู่ๆ นาฬิกาก็จับพิกัดผ่านดาวเทียมเช่น GPS ผิดพลาด ทำให้เส้นทางการออกกำลังกายดูแปลกประหลาด และหลายครั้งนาฬิกาก็ปรับพิกัดกลับไปถูกต้องได้เองเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง
จุดร่วมของนาฬิกาหลากยี่ห้อเหล่านี้คือชิป GPS ของโซนี่ที่แบรนด์ดังแทบทั้งหมดใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Garmin, Polar, หรือ Suunto แต่ยังไม่แน่ชัดนักว่าทำไมนาฬิกาเหล่านี้จึงผิดพลาดเหมือนๆ กันไปทั้งหมด เว็บ DC Rainmaker ระบุว่าความเป็นไปได้หนึ่งคือไฟล์ทำนายตำแหน่งดาวเทียมผิดพลาด หรืออาจจะเป็นเพราะปี 2020 มี 53 สัปดาห์ทำให้ซอฟต์แวร์ภายในคำนวณวันผิดไป
Amazon รายงานถึงความก้าวหน้าของโครงการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Kuiper ที่เตรียมจะให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกด้วยดาวเทียม 3,236 ดวงที่โคจรในวงโคจรระดับต่ำ โดยตอนนี้จานดาวเทียมทดสอบกับดาวเทียมจริงสำเร็จแล้ว และทำแบนวิดท์ได้ถึง 400Mbps พร้อมกับระบุว่าในเวอร์ชั่นต่อๆ ไปจะทำแบนวิดท์ได้สูงกว่านี้
จานดาวเทียมของ Kuiper เป็นจานในคลื่นวิทยุย่าน Ka แบบ single aperture phased array ตัวจานมีขนาด 30 เซนติเมตรใช้ทั้งรับและส่งข้อมูล
ผลทดสอบจานนี้ทดสอบกับดาวเทียมไม่เปิดเผยชื่อดวงหนึ่งที่โคจรในวงโคจรค้างฟ้า (GEO) แม้ว่าดาวเทียม Kuiper ของจริงจะโคจรระดับต่ำกว่านี้ 50 เท่า
Rocket Lab บริษัทจรวดนำส่งดาวเทียมสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการนำจรวด Electron ลงจอดในทะเลเปิดทางสู่การกู้จรวดด้วยเฮลิคอปเตอร์ในภารกิจต่อๆ ไป โดยภารกิจหลักของจรวด Electron ในครั้งนี้คือการนำส่งดาวเทียมขนาดเล็กจำนวน 30 ดวง ซึ่งก็สามารถส่งให้ครบถ้วนเช่นเดียวกัน
แผนการกู้คืนจรวดของ Rocket Lab ไม่ได้อาศัยการลงจอดด้วยตัวเองเหมือนจรวด Falcon 9 ของ SpaceX แต่อาศัยการกางร่มชูชีพเพื่อลดความเร็วแล้วนำเฮลิคอปเตอร์มาเก็บจรวดกลางอากาศก่อนตกถึงทะเล การปล่อยให้จรวดลงจอดในทะเลครั้งนี้เองก็มีแผนจะนำจรวดกลับมาใช้ซ้ำ แต่หากเก็บจรวดกลางอากาศได้กระบวนการปรับสภาพจรวดให้พร้อมกลับมาใช้งานจะง่ายกว่ามาก
กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีเกาหลีใต้แสดงภาพถ่ายจากดาวเทียม Chollian-2B แสดงเส้นทางของฝุ่น PM2.5 ที่เดินทางอยู่ในภูมิภาคต่างๆ โดยภาพเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มฝุ่น PM2.5 ของเกาหลีใต้นั้นเดินทางมาจากประเทศจีน
ดาวเทียม Chollian-2B เพิ่งยิงขึ้นวงโคจรเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มันเป็นดาวเทียมค้างฟ้าสำรวจสิ่งแวดล้อมที่ติดตั้ง spectrometer สำรวจมลพิษแบบต่างๆ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์, ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, โอโซน, ฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5
ดาวเทียมมีอายุการใช้งาน 10 ปี พื้นที่เซ็นเซอร์ครอบคลุมทั้งจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, และชาติอาเซียนเกือบทั้งภูมิภาค โดยทางกระทรวงไอซีทีเกาหลีใต้เตรียมแบ่งปันภาพที่ได้ให้กับชาติต่างๆ รวมทั้งไทยและอินโดนีเซีย
Starlink เริ่มส่งอีเมลเชิญผู้ใช้ทดสอบใช้อินเทอร์เน็ตดาวเทียมในชื่อโครงการ "ยอมลองยา ดีกว่าไม่มีเน็ต" (Better Than Nothing Beta) โดยมีค่าใช้จ่ายแยกเป็นค่าอุปกรณ์ 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15,600 บาท และค่าบริการรายเดือน 99 ดอลลาร์หรือ 3,100 บาท โดยอีเมลเชิญชวนระบุว่าความเร็วโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 50-150Mbps ขณะที่ความหน่วงอยู่ที่ 20-40ms โดยคาดว่าปีหน้าจะลดลงจนถึง 16-19ms ได้